วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2009, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สาธุขอนอบน้อมปฏิบัติธรรมและเผยแพร่ธรรมเป็นพุทธบูชาด้วยเศียรเกล้า

pic11.jpg
pic11.jpg [ 38.62 KiB | เปิดดู 1714 ครั้ง ]
pic03.jpg
pic03.jpg [ 48.21 KiB | เปิดดู 1711 ครั้ง ]
pic01.jpg
pic01.jpg [ 45.55 KiB | เปิดดู 1708 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

เรื่องนี้ ตรัสสนทนากับหมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำพระองค์พระเจ้าพิมพิสาร ราชาแห่งแคว้นมคธ ซึ่งได้ปวารณาตัวเป็นแพทย์สำหรับพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ด้วย
วันหนึ่ง พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่สวนมะม่วงของหมอชีวก เจ้าของสวนเข้าไปเฝ้าทูลว่า คนทั้งหลายพูดกันว่า พระพุทธองค์เสวยเนื้อสัตว์ที่คนฆ่าเจาะจงมาถวาย ทรงรู้อยู่ก็เสวย ข้อนี้จริงหรือไม่

ตรัสตอบว่า ไม่จริง และทรงอธิบายว่าทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อสัตว์ที่ประกอบด้วยองค์ 3 คือ เนื้อที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังมา หรือรังเกียจสงสัยว่า เขาฆ่ามาเพื่อตน ถ้าไม่ประกอบด้วยองค์ 3 นี้ก็ฉันได้ พระองค์เองก็ทรงถือเงื่อนไข 3 ประการนี้ด้วยเหมือนกัน

ทรงแสดงเพิ่มเติมว่า ภิกษุสาวกของพระองค์อาศัยอยู่ในบ้านหรือนิคมใด มีจิตประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา แผ่ไปทุกทิศ ไม่คิดเบียดเบียนใคร หรือสัตว์ใดๆเลย เมื่อมีผู้มานิมนต์ไปฉันก็ไม่ได้คิดว่าขอให้เขาถวายบิณฑบาตอันประณีตแก่ตน หรือถวายอีกในวันต่อไป เธอไม่กำหนัดในอาหาร ไม่ติดพัน พิจารณาเห็นโทษอยู่เสมอ มีปัญญาในการถอนตนออก เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะคิดเบียดเบียนตนหรือผู้อื่นได้อย่างไร เธอชื่อว่าฉันอาหารอันไม่มีโทษมิใช่หรือ

หมอชีวกทูลรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง และทูลว่าเคยได้ยินได้ฟังมาว่า พรหมอยู่ด้วยอุเบกขา เขาไม่เคยเห็นพรหม แต่เห็นพระผู้มีพระภาคทรงอยู่ด้วยอุเบกขา เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงเป็นพรหมที่เห็นได้

พระศาสดาตรัสว่า ราคะ โทสะ โมหะ อันเป็นเหตุให้เบียดเบียนกัน พระองค์ทรงละได้ขาดแล้ว ถ้าหมายเอาอย่างนี้ (ว่าเป็นพรหม) ก็ทรงอนุญาตให้กล่าวเช่นนั้นได้ ทรงอยู่ด้วยอุเบกขาได้ด้วยเหตุนี้

ทรงแสดงน้ำพระทัยอันชื่อตรงของพระองค์ให้หมอชีวกทราบว่า ทรงเห็นว่าผู้ใดฆ่าสัตว์เจาะจงมาถวายพระองค์ ผู้นั้นย่อมได้รับบาปเป็นอันมาก 5 ประการด้วยกัน คือ

ตอนที่พูดว่าให้นำสัตว์นั้นๆมาฆ่า
เมื่อสัตว์นั้นๆถูกเขาผูกคอลากมา มันต้องประสบทุกขเวทนา
เมื่อใช้ให้เขาฆ่า
เมื่อสัตว์นั้นกำลังถูกฆ่า ย่อมได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส
เมื่อผู้นั้นให้ตถาคตหรือสาวกของตถาคต บริโภคเนื้ออันไม่สมควร
หมอชีวกทูลสรรเสริญข้อชี้แจงของพระพุทธองค์ หายข้องใจสงสัยในเรื่องการเสวยเนื้อสัตว์ของพระพุทธองค์

ขอท่านกัลยาณมิตรจงเจริญสุขเจริญธรรมเถิด

เทพบุตร :b42: :b42:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ.........

ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักผลไม้
ให้เราสำรวมอินทรีย์ กินเพื่อบำรุงธาตุขันธ์
ไม่ติดที่รสชาติ กินโดยมีสติสัมปชัญญะ
ไม่เน้นว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือผักหญ้า
และเราไม่ได้ฆ่ามากิน และไม่ได้ใช้ใครฆ่ามาให้เรากิน

ดูช้าง ม้า วัว ควาย กินหญ้าอยู่เป็นนิจ
แต่สัตว์พวกนี้คงไม่มีโอกาสได้สร้างบารมีเหมือนมนุษย์เรา :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot], ธรรมโฆษ และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร