วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 15:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว




shinebuddha.gif
shinebuddha.gif [ 14 KiB | เปิดดู 2330 ครั้ง ]
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสถึง วิบากกรรมอันเป็นผลบุญของพระองค์
ให้แก่เหล่าภิกษุในที่นั้นได้ฟังว่า :


ไม่มีใครข่มได้
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เป็นผู้ปฏิบัติมั่นคงในกุศลธรรม
ไม่ถดถอยในการปฏิบัติทั้งกาย วาจา ใจอันสุจริต ไม่ถดถอยในการทำทาน รักษาศีล
ไม่ถดถอยในการปฏิบัติดี แก่บิดามารดา สมณะพราหมณ์ ไม่ถดถอยในการเคารพผู้ใหญ่
ในสุกลในธรรม อันเป็นกุศลชั้นสูงฯ
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
ย่อมไม่มีข้าศึกภายใน คือ ราคะ โมหะ โทสะ หรือศัตรูภายนอก คือ สมณะพราหมณ์ เทวดา
มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกนี้จะพึงข่มเราได้เลย"

เป็นที่รักยิ่ง
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ไม่เคยเลยที่จะถลึงตาดูใครๆ ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองดู
เป็นผู้ซื่อตรง มีใจตรงเป็นปรกติ แลดูใครก็ดูตรงๆ ดูด้วยดวงตาอันเป็นที่รักอยู่
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ เป็นผู้ที่มหาชนเห็นแล้วรัก เป็นที่รัก ที่เคารพ ที่พอใจของภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสุร นาค และคนธรรพ์"

อายุยืน
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เป็นผู้ละเว้นปาณาติบาต(ไม่เบียดเบียนชีวิตคนและสัตว์)
เว้นขาดจากปาณาติบาตแล้ว วางทัณฑะ(ไม่ลงโทษ) วางศาตราแล้ว มีความละอาย มีความกรุณา
หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีอายุยืนนาน ไม่มีข้าศึกศัตรูใด แม้สมณะพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกนี้จะสามารถ
ปลงชีวิตเราให้ตกร่วงไปได้เลย"

โรคน้อย
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ไม่เป็นผู้เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ ด้วยก้อนหิน ด้วยท่อนไม้
แม้ด้วยศัตรา(ของมีคม) ใดๆ เลย
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีโรคน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยธาตุไฟย่อยอาหารได้ดี ทั้งไม่เย็นนัก ไม่ร้อนรัก ปานกลางพอดี
เหมาะสมควรแกความเพียร"

บริวารสะอาด
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เป็นผู้ละมิจฉาอาชีพ(อาชีพที่ชั่วปาบ) กระทำการเลี้ยงชีวิตอยู่ด้วย
สัมมาอาชีพ(อาชีพที่ดีเป็นบุญ) เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง โกงด้วยของปลอม โกงด้วยเครื่องตวงวัด
โกงด้วยการรับสินบน เว้นขาดจากการหลอกลวงและการตลบตะแลง เว้นขาดจากการตัด ฆ่า จองจำ ตี ชิง
ปล้น และกรรโชกผู้อื่น
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีบริวารผู้สะอาดจากกิเลสจำนวนมาก ทั้งที่เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์"

ผู้นำของมหาชน
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เคยเป็นหัวหน้าของมหาชนผู้ใฝ่ธรรมในกุศลทั้งหลาย เป็นประธาน
ด้วยกายสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริต เป็นผู้นำในการถือศีลบำเพ็ญทาน ในการปฏิบัติดีแก่มารดาบิดา สมณพราหมณ์
ในความเคารพต่อผู้ใหญ่ในสกุลและเป็นผู้นำให้เคารพในธรรมที่เป็นกุศลชั้นสูงยิ่งๆขึ้นไป
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
ได้เป็นผู้นำของมหาชนโดยธรรม ได้เป็นผู้ที่มหาชนคล้อยตาม ไม่ว่าจะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา
มนุษย์ อสูร นาค และ คนธรรพ์"
มหาชนทำตาม

"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้ประพฤติละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง
ดำรงความสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐานอันควรเชื่อถือ ไม่กล่าวคำลวงโลกใดๆ
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
ตถาคตเป็นที่ประพฤติตามของมหาชนทั้งหลาย ทั้งที่เป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร
นาค และ คนธรรพ์"

บริวารสามัคคี
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้เว้นขาดจากคำส่อเสียด คือฟังความจากข้างนี้แล้ว ไม่ไปบอกข้างโน้น
หรือฟังความจากข้างโน้นแล้ว ก็ไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อพวกเขาจะได้ไม่แตกร้าวกัน แต่จะพูดสมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง
จะส่งเสริมคนที่สามัคคีกันแล้วบ้าง ชอบหมู่คนผู้สามัคคีกัน ยินดีในหมู่คนผู้สามัคคีกัน เพลิดเพลินในหมู่คนที่สามัคคีกัน
กล่าวแต่คำที่ทำให้หมู่คนสามัคคีกันเท่านั้น
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีบริษัทไม่แตกแยกกัน สามัคคีกัน ไม่ว่าจะเป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค และ คนธรรพ์"

เชื่อถือในวาจา
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ในภพนั้นๆ เราได้ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ
ไพเราะหู ชวนให้รักจับใจ อันเป็นคำของชาวเมือง ซึ่งคนส่วนมากรักใคร่พอใจยิ่งนัก
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
วาจาของตถาคตเป็นที่รัก เป็นที่เชื่อถือของมหาชนทั้งหลาย ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค และ คนธรรพ์"

ศัตรูกำจัดไม่ได้
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้เคยประพฤติละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ มุ่งพูดให้ถูกเวลา
พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดมีเนื้อหาสาระ พูดอิงธรรมะ พูดอิงวินัย พูดแต่คำที่มีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนดอันประกอบด้วย
ประโยชน์ในเวลาที่เหมาะควร
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
ไม่มีข้าศึกศัตรูภายในทั้ง ราคะ โทสะ โมหะ ที่จะกำจัดเราได้ หรือแม้แต่ศัตรูภายนอกทั้งที่เป็น สมณะพราหมณ์
เทวดา มาร พรหม ใครๆในโลกนี้ ไม่อาจกำจัดเราได้เลย"

มั่งคั่งร่ำรวย
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้ใส่ใจมหาชนที่ควรสงเคราะห์ รู้จักผู้มีฐานะเท่าเทียมกันและฐานะที่ต่างกัน
รู้จักว่าผู้มีฐานะเยี่ยงนี้ควรช่วยเหลืออย่างนี้ รู้จักว่าผู้มีฐานะพิเศษเยี่ยงนั้น ควรสักการะอย่างนั้น แล้วก็ลงมือทำกิจ
ช่วยเหลือเป็นประโยชน์แก่บุคคลเหล่านั้น
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
เป็นผู้มั่งคั่งร่ำรวย มีทรัพย์มาก มีสมบัติมาก ทรัพย์ของเราก็คือศรัทธา ศีล ความละอายที่ทำปาบ ความเกรงกลัวที่ทำปาบ
สุตะ(ฟังธรรม) จาคะ (เสียสละแบ่งปัน) ปัญญา เหล่านี้เป็นอริยทรัพย์ของเรา"

ผิวทอง ผ้าเนื้อดี บริโภคของปราณีต
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เป็นผู้ไม่มีความโกรธ ไม่มีความแค้นใจ แม้จะถูกคนหมู่มากด่าว่าเอาก็ไม่ขัดใจ
ไม่โกรธ ไม่ปองร้าย ไม่จองเวร ไม่ทำโกรธ ไม่ทำแค้นเคือง และไม่ทำเสียใจให้ปรากฏ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้เครื่องลาดมีเนื้อ
ละเอียดอ่อน ให้ผ้านุ่งห่มเนื้อละเอียด ได้ทำตนเป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยว ของที่ควรบริโภคอันปราณีต มีรสอร่อย ให้น้ำดื่มแก่คนทั้งหลาย
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีผิวพรรณงดงามดั่งทองคำ ได้เครื่องลาดที่มีเนื้อละเอียดอ่อน ได้ผ้านุ่งห่มอย่างดีที่มีเนื้อละเอียด ได้ของที่ควรเคี้ยว
ได้ของที่ควรบริโภคอันปราณีตมีรสอร่อย ละได้น้ำที่ควรซดควรดื่ม"

บริวารมาก
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่ชนเป็นจำนวนมาก บรรเทาภัยคือความหวาดกลัวและ
หวาดเสียว จัดการรักษาปกครองป้องกันโดยธรรม ทั้งทำทานพร้อมด้วยวัตถุเป็นอันมากไว้
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีบริวารมาก ทั้งที่เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค และ คนธรรพ์"

บริวารช่วยเหลือ
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน เป็นผู้สงเคราะห์ประชาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ คือมีการให้ทาน กล่าวคำอันเป็นที่รัก
การประพฤติให้เป็นประโยชน์ และการทำตัวให้เข้าใจกัน
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
มีบริวารช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค และ คนธรรพ์"

ได้ปัจจัยเร็วพลัน
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ภพนั้นเราได้ตั้งใจสอนเรื่องศิลปะ วิชชา จรณะ (ข้อที่ควรประพฤติ)
และเรื่องของกรรม ด้วยการทำในใจว่าทำอย่างไรชนทั้งหลายจะพึงรู้เรื่องเหล่านี้ได้รวดเร็ว จะพึงสำเร็จผลได้เร็วไว
ไม่ต้องทุกข์ลำบากนาน
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
ได้รับจีวรหรือผ้าห่ม อันสมควรแก่พุทธบริษัท ๔ โดยพลัน ได้บริขาร(เครื่องใช้สอย) อันสมควรแก่สมณะเร็วไว"

สิ้นความเสื่อม
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ได้เป็นผู้หวังประโยชน์ให้เกิดแก่ประชาชนเป็นอันมาก ด้วยการทำในใจ
ว่าทำอย่างไรหนอ ผู้คนทั้งหลายจะพึงเจริญด้วยศรัทธา เจริญด้วยศีล เจริญด้วยการฟังธรรม เจริญด้วยการเรียนรู้
เจริญด้วยการเสียสละแบ่งปัน เจริญด้วยธรรม เจริญด้วยปัญญา แม้แต่เจริญด้วยทรัพย์ เจริญด้วยนาและสวน เจริญด้วย
บุตรและภรรยา เจริญด้วยทาสและกรรมกร เจริญด้วยญาติ เจริญด้วยมิตร เจริญด้วยพวกพ้องทั้งหลาย
ด้วยผลแห่งบุญที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญนั้นคือ
ไม่มีความดีใดๆ เสื่อมเป็นธรรมดา ไม่เสื่อมจากศรัทธา ไม่เสื่อมจากศีล ไม่เสื่อมจากการฟังธรรม ไม่เสื่อมจากการ
เสียสละแบ่งปัน ไม่เสื่อมจากปัญญา ไม่เสื่อมจากอริยทรัพย์ทั้งปวง"

เลิศด้วยปัญญา
"ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ที่เข้าหาสมณะหรือพราหมณ์ แล้วซักถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กรรมส่วนกุศลเป็นอย่างไร?
กรรมส่วนอกุศลเป็นอย่างไร? กรรมที่มีโทษเป็นอย่างไร? กรรมที่ไม่มีโทษเป็นอย่างไร? กรรมอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว
ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ แต่จะเป็นไปเพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน? กรรมอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์
เป็นไปเพื่อสุขตลอดกาลนาน?
ด้วยผลแห่งกรรมที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญอันนั้นคือ
เป็นผู้มีปัญญามาก มีปัญญากว้างขวาง มีปัญญาร่าเริง มีปัญญาว่องไว มีปัญญาเฉียบแหลม และมีปัญญาทำลายกิเลส
โดยไมีมีสรรพสัตว์ใดในโลกนี้จะมีปัญญาเสมอเรา หรือมีปัญญาประเสริฐไปกว่าเราได้เลย"

เลิศกว่าใครๆ ในโลก
"ตถาคตเคยเกิดเป็นมนุษย์ในชาติกาลก่อน ภพนั้นเราเป็นผู้กล่าวถ้อยคำวาจาประกอบด้วยอรรถ(มีสาระ) ประกอบด้วยธรรม
แนะนำประชาชนเป็นอันมาก เรายกย่องบูชาธรรมเป็นปรกติ เป็นผู้นำเอาประโยชน์และความสุขมาให้แก่สัตว์โลกทั้งหลาย
ด้วยผลแห่งกรรมที่เราได้กระทำสั่งสมไว้นั้น ต่อมาเมื่อเราได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราจึงได้รับผลบุญอันนั้นคือ
เป็นผู้ประเสริฐ เลิศ ยอด เป็นประธานสูงสุด ดีกว่าสรรพสัตว์ใดๆ ในโลก"

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2009, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุจร้า
:b8: cool :b8:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2009, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

:b48: :b16: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร