ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ธรรมะต่ออายุ (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20244
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 25 ม.ค. 2009, 19:37 ]
หัวข้อกระทู้:  ธรรมะต่ออายุ (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

รูปภาพ

ธรรมะต่ออายุ
โดย อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก

“ดูก่อนอานนท์ ครั้งหนึ่งเมื่อเราตถาคตอยู่ที่อุเทนเจดีย์ เมืองไพศาลี เราได้พูดกับเธอว่า อานนท์ เมืองไพศาลีนี้น่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ก็น่ารื่นรมย์ ใครก็ตามถ้าเจริญอิทธิบาท 4 ประการ ทำให้มาก ทำให้คล่องตัวดุจยาน ทำให้เป็นดุจพื้นที่มั่นคง อบรมฝึกปรือ เริ่มอย่างดีอย่างถูกต้อง เขาผู้นั้นถ้าปรารถนา จะพึงอยู่ได้ตลอดกัปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัปหนึ่ง อานนท์ อิทธิบาท 4 นี้ เราตถาคตเจริญ ทำให้มากแล้ว....ถ้าเราตถาคตปรารถนา จะพึงอยู่ได้ตลอดกัปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัปหนึ่ง”

พุทธดำรัสนี้ตรัสกับพระอานนท์ สาเหตุที่ตรัสเรื่องนี้ เนื่องมาจากเกิดแผ่นดินไหว พระอานนท์ตกใจ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ รายงานว่าแผ่นดินไหวพระเจ้าข้า

พระพุทธองค์ตรัสว่า แผ่นดินไหวด้วยสาเหตุ 8 ประการ คือ

(1) พระโพธิสัตว์ก้าวลงสู่ครรภ์พระมารดา
(2) พระโพธิสัตว์ประสูติ
(3) พระโพธิสัตว์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
(4) ไหวเพราะพระพุทธเจ้าทรงหมุนกงล้อคือพระธรรม
(หมายถึงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
(5) ไหวด้วยลม
(6) ไหวด้วยผู้มีฤทธิ์บันดาล
(7) ไหวเพราะพระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
(8) ไหวด้วยการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

พอฟังดังนี้ พระอานนท์ซึ่งเป็นผู้ฉลาดอยู่แล้ว ก็ “เก๊ต” ทันทีว่า ชะรอยพระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขารแล้ว (ปลงอายุสังขารคือตัดสินพระทัยปรินิพพาน) จึงกราบทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ทรงยืดพระชนมมายุต่อไปอีกหน่อยหนึ่งเถิด พระเจ้าข้า”

พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า “สายเสียแล้วอานนท์ ก่อนนี้เราได้ให้ “นิมิตโอภาส” (บอกใบ้) แก่เธอหลายครั้ง หลายสถานที่ แต่เธอก็ไม่รับรู้ ไม่เชิญให้เราตถาคตอยู่ต่อ บัดนี้เรารับคำเชิญของมารให้ปรินิพพานแล้ว”

พระอานนท์เสียใจมาก ว่ากันว่าปลีกตัวไปเหนี่ยวสายยูประตูกระท่อม ร้องไห้คร่ำครวญพักใหญ่ ด้วยความเสียดายอาลัยอาวรณ์ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพานแล้ว ตัวท่านเองก็ยังเป็น “เสขะ” (ยังต้องฝึกฝนอยู่ ยังไม่บรรลุพระอรหันต์) แล้วจะทำอย่างใด จนพระพุทธองค์เสด็จมาปลอบโยนว่า ให้พยายามต่อไป ในไม่ช้าเธอจะทำที่สิ้นสุดทุกข์แน่นอน

ผมโคว้ตข้อความจากพระไตรปิฎก แบบฟรีโคว้ต คือไม่นำมาทุกตัวอักษร แต่ก็ยังมีภาษาชาววัดอยู่มาก บางครั้งก็วงเล็บไว้ บางครั้งก็ไม่ได้วงเล็บ หวังว่าท่านผู้อ่านคงพอเข้าใจ

ประเด็นที่จะนำเสนอวันนี้ คนเราต่ออายุได้จริงหรือ ? ก่อนเขียนอะไรต่อไป ขอเล่าเรื่องที่ได้ยินมาก่อนนะครับ ท่านเจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เล่าให้ผมฟังว่า วันหนึ่งท่านไปเทศน์ถวายในหลวง ในงานพระราชพิธีสวดพระบรมศพสมเด็จย่า (ขอพูดด้วยคำศัพท์สามัญนะครับ)

ท่านได้แสดงเรื่องอิทธิบาทว่าสามารถยืดอายุได้ แต่คงไม่ได้ขยายรายละเอียด พอเทศน์จบ ในหลวงขณะถวายเครื่องไทยธรรมแก่พระผู้เทศน์ พระองค์รับสั่งถามว่า อิทธิบาททำให้อายุยืนอย่างไร ท่านเจ้าคุณไม่นึกว่าจะถูกถามอย่างนี้ จึงพยายามอธิบายถวายว่า อิทธิบาท เริ่มด้วยฉันทะ ความจงใจ ความตั้งใจ

ถ้าคนเรามีความตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ และมีความรักงานที่ทำอยู่ ตั้งใจยังไม่อยากตายจนกว่างานจะสำเร็จ ก็สามารถยืดอายุไปได้ อะไรทำนองนั้น ในหลวงฟังแล้ว ตรัสว่า “เข้าใจแล้ว อิทธิบทสี่ ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว”

เรื่องนี้รับฟังมาเอง อีกเรื่องหนึ่งไม่ได้ฟังมาแต่ทราบต่อจากคนอื่น ดูเหมือนท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ กราบถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระชนม์ร้อยปี ในหลวงรับสั่งว่า พระองค์ท่านจะทรงมีพระชนม์อยู่ร้อยยี่สิบปี

การต่ออายุนั้นโบราณทำกันมาหลายแบบหลายพิธี เช่น

(1) “พิธีบังสุกุลเป็น” เมื่อมีคนป่วยหนัก ท่าทางจะไม่รอด ญาติพี่น้องจะนิมนต์พระมาทำพิธีบังสุกุลเป็น ตามปกติพระจะบังสุกุลคนตายเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ท่านจะบังสุกุลคนเป็น จึงเรียกพิธีนี้ว่า “บังสุกุลเป็น” บทสวดก็มีต่างหาก ไม่เหมือนบังสุกุลทั่วไป และก็ปรากฏว่าได้ผล ผู้ป่วยมักจะหายวันหายคืน

(2) นิมนต์พระมาสวดมนต์ให้ผู้ป่วยฟัง ส่วนมากจะสวด “โพชฌงคปริตร” เนื่องจากมีเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาล พระสาวกผู้ใหญ่คือ พระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ ป่วยหนัก พระพุทธองค์ทรงมีบัญชาในพระสาวกสวดโพชฌงคปริตรให้ท่านทั้งสองฟังแล้วหายป่วย คราวหนึ่งพระพุทธองค์ทรงพระประชวร จึงรับสั่งให้พระสาวกสวดโพชฌงคปริตรถวาย พระองค์ทรงสดับแล้ว ก็หายพระประชวร

(3) การทำบุญทั่วไป ทำบุญ เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นการสร้างบุญกุศล หรือสร้าง “เงื่อนไข” ที่ดีๆ ขึ้นในตัวเรา อานุภาพบุญกุศลก็อาจช่วยยืดอายุได้สักระยะหนึ่ง สัปดาห์ก่อนโน้นในคอลัมนี้นี่แหละ ผมได้เล่าถึงเหลี่ยวฝานได้รับพยากรณ์จากหมอดูว่าจะเกิดเหตุอย่างนั้นๆ ในชีวิต อายุเท่านั้นจะแต่งงาน ได้เลื่อนขั้น แต่ไม่มีบุตร อายุเท่านั้นจะตาย ปรากฏว่าเป็นจริงทุกอย่างจนตกใจ ต่อมาได้พบพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านแนะนำให้เจริญภาวนา แผ่เมตตาให้มาก ทำบุญให้ทานให้มาก ต่อมาท่านก็ได้บุตรชาย และเมื่อครบอายุที่หมอบอกว่าจะตาย ท่านก็ไม่ตาย อยู่มาได้ถึง 120 ปีจึงสิ้นชีวิต ทั้งหมดนี้แสดงถึงบุญกุศลสามารถต่ออายุได้จริง เรื่องทำนองนี้เหนือสามัญวิสัยจะรู้ได้โดยปุถุชนเช่นเราๆ ท่านๆ แต่ไม่เชื่ออย่าดูหมิ่น

พูดถึงเรื่อง การต่ออายุด้วยอำนาจพระปริตร มีเล่าไว้ในอรรถกถาธรรมบท (ธัมมปทัฏฐกถา) น่าสนใจ สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นอดีตฤๅษีชีไพร มีบุตรชายเล็กๆ รูปร่างน่าเกลียดน่าชัง สามีพาภรรยาและบุตรไปเยี่ยมหลวงพ่อ เพื่อนเก่า เวลาตนหรือภรรยาไหว้ ท่านฤๅษีก็อวยพรให้มีอายุมั่นขวัญยืน แต่พอให้เด็กไหว้ท่านบ้าง ท่านกลับนั่งเฉย ไม่อวยพรอะไร ทั้งสองจึงถามว่า ทำไมเวลาให้เด็กไหว้ ท่านไม่อวยพรอะไรเลย

“เด็กคนนี้จะอายุไม่ยืน” หลวงพ่อฤๅษีกล่าว ทำให้ทั้งสองตกใจมาก

“จะอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน หลวงพ่อ” ผู้สามีถาม

“ไม่เกินเจ็ดวัน เด็กนี้จะต้องตาย” ฤๅษีผู้เคร่งฌานฟันธง

“จะให้ทำอย่างไรครับ ลูกชายผมถึงจะมีชีวิตยืนยาว” เขาถามท่าทางกังวลมาก

“อาตมาไม่ทราบ รู้แต่ว่าอายุจะไม่ยืน แต่จะทำอย่างไรจึงจะต่ออายุได้ ข้อนี้ไม่ทราบ แต่มีท่านผู้หนึ่งอาจช่วยได้” ฤๅษีบอก ความหวังที่ริบหรี่ค่อยเรืองรองขึ้นมาบ้าง

“ท่านผู้นี้คือ พระสมณโคดมพุทธเจ้า” หลวงพ่อฤๅษีบอก

ทั้งสองสามีภรรยาจึงพาบุตรชายไปไหว้พระสมณโคดมพุทธเจ้า ขณะทั้งสองไหว้ พระพุทธองค์ก็ตรัสอวยพรให้มีอายุมั่นขวัญยืนแบบเดียวกับฤๅษี พอให้เด็กไหว้ พระองค์กลับประทับนิ่งไม่ตรัสอะไร เมื่อกราบทูลถามก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกับที่ฤๅษีบอก ทั้งสองจึงกราบทูลขอให้ทรงต่ออายุให้บุตรชายของตน

พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระสงฆ์เตรียมปะรำพิธีสวดพระปริตร เอาด้ายสายสิญจน์ขึงเป็นวงกลม 7 ชั้น ให้เอาเด็กนอนภายในวงสายสิญจน์ พระสงฆ์เปลี่ยนกันสวดพระปริตรเป็นชุดๆ ไม่ขาดตอน ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ว่ากันว่ายักษ์ที่จะมาเอาชีวิตเด็กไม่มีโอกาสคร่าชีวิตเด็กได้ เพราะขณะพระสงฆ์สวดพระปริตร บรรดาเทพน้อยใหญ่พากันมาฟังการสาธยายพระปริตร เทพที่มีศักดิ์น้อย เมื่อเทพผู้มเหสักข์ (มีศักดิ์มาก) พากันมา ก็ถอยออกไปยืนอยู่รอบนอก แล้วที่นี้ยักษ์ซึ่งไม่มีซีอะไรสักขั้นไม่ว่ามากหรือน้อย ยิ่งต้องถอยออกมาห่างๆ หาโอกาสไปจับเด็กกินไม่ได้ ก็เลยอดว่าอย่างนั้นเถอะ

พระคัมภีร์กล่าวว่า พอพ้นเจ็ดวัน เคราะห์กรรมของเด็กว่าจะสิ้นอายุก็หมดสิ้นไป เด็กน้อยจึงรอดชีวิต ไม่รอดเปล่าๆ กลับอยู่มาได้จนอายุ 120 ปี อดีตเด็กน้อยคนนี้จึงมีชื่อภายหลังว่า

“อายุวัฒนกุมาร” (กุมารผู้มีอายุยืน)

เนื่องจากเป็นคัมภีร์รุ่นหลัง จึงต้องฟังด้วยโยนิโสมนสิการ คัมภีร์อรรถกถานี้แต่งสมัยพุทธศตวรรษที่ 10 ที่ศรีลังกา แต่พยายามโยงให้ถึงสมัยพุทธกาล คือให้เข้าใจว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพระพุทธเจ้า มีอะไรบางอย่างค้างใจผม เช่น ธรรมเนียมขึงด้ายสายสิญจน์รอบปะรำพิธี ไม่ปรากฏว่าในสมัยพุทธกาลมีการใช้ด้ายสายสิญจน์ ยิ่งสวดพระปริตรเพื่อป้องกันภัยต่างๆ กระเดียดไปทางไสยศาสตร์ มากกว่าเพื่อเจริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ดังที่ปรากฏแพร่หลายในศรีลังกาจนไทยรับเอาแบบอย่างมา

เรื่องนี้มีแง่ถกเถียงกันได้มาก แต่จะไม่ถกเถียงละครับ เพราะบทความนี้เขียนไปเรื่อยๆ ตามสไตล์ มิใช่บทความทางวิชาการ

การต่ออายุในกรณี “อายุวัฒนกุมาร” เป็นการอาศัยเงื่อนไขภายนอกเป็นหลัก คืออาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระปริตร มิได้เกิดจากเงื่อนไขภายในคือกรรม (การกระทำ) ของผู้นั้นเอง ถ้ามันจะศักดิ์สิทธิ์ หรือมีผลสำเร็จจริง ก็อาจเป็นเพราะเงื่อนไขอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ควรฟังๆ ไว้ “ไม่เชื่อก็อย่าดูหมิ่น”

แต่ในตัวอย่างที่จะเล่าต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม เป็นผลของเงื่อนไขภายในตัวคนคนนั้นเอง พูดให้ชัดก็คือเป็นผลแห่งกรรมดีที่เขาทำขึ้นเอง

เล่ากันว่า เณรน้อยถูกอาจารย์พยากรณ์ตามตำราที่เรียนมาว่า จะสิ้นอายุภายในเจ็ดวัน เณรน้อยเสียใจมาก จึงหนีออกจากวัด หวังไปตายเอาดาบหน้า ระหว่างทางผ่านทุ่งนาแห่งหนึ่ง เห็นปลาหลายตัว กำลังดิ้นกระแด่วๆ ในน้ำซึ่งกำลังแห้งขอด เกิดความสงสาร จึงนำเอาปลานั้นไปปล่อยที่หนองน้ำ ด้วยอานิสงส์ปล่อยปลาที่กำลังจะตายลงหนองน้ำ เท่ากับให้ชีวิตแก่สัตว์ที่กำลังจะตาย เณรน้อยนั้นเลยไม่สิ้นชีวิต เมื่อเลยเจ็ดวันที่อาจารย์ขีดเส้นไว้แล้ว จึงกลับมาวัด อาจารย์เห็นเณรไม่ตายดังคำทำนาย จึงเอาตำรามาเผาทิ้งเสียเลย

ความจริงถ้าเณรไม่สร้างเงื่อนไขใหม่แก่ชีวิต เณรก็อาจจะตายตามวันเวลาที่หมอดูว่า

แต่บังเอิญเณรได้สร้างบุญกุศลขึ้นมาใหม่ ชีวิตของเณรจึงต่อไปได้

ที่นี้มาพิจารณาดู อิทธิบาทสี่ ที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ใครเจริญจนสมบูรณ์เต็มที่แล้ว สามารถต่ออายุได้ ต่อได้อย่างไร ? อิทธิบาทสี่ คือ ฉันทะ ความปรารถนาในแง่ดีแง่กุศล ความคิดที่สร้างสรรค์, วิริยะ ความเพียรต่อเนื่อง ความสู้งาน, จิตตะ ความเอาใจจดจ่อ และ วิมังสา กระทำการด้วยปัญญาด้วยความเข้าใจ

ถ้าใช้กับงานก็คือ รักงาน สู้งาน ตั้งใจทำงานให้สำเร็จ คือเอาใจจดจ่อในงานที่ยังทำค้างอยู่แบบกัดไม่ปล่อย และคิดหาวิธีแก้ไขข้อบกพร่อง เติมเสริมต่อให้สมบูรณ์

เขาว่าความรัก ความพยายามเป็นต้นนี้ เป็นพลังขับเคลื่อนให้ยืดอายุได้ เช่นอายุทำท่าจะสิ้นในปีนี้ แต่ไม่ยักตายแฮะ เพราะอะไรหรือครับ คนที่รักงานและใฝ่งานอย่างมาก กระแสความรักความปรารถนาจะแรงมาก มากขนาดว่า "ฉันยังตายไม่ได้ถ้างานไม่สำเร็จ” จิตใจก็จะสั่งไปทางร่างกาย (ซึ่งกำลังเปลี้ยเต็มที) ว่า “เอ็งตายไม่ได้นะเว้ย งานยังไม่เสร็จ เอ็งต้องอยู่ไปก่อน” อะไรประเภทนั้น แล้วมันก็อยู่ได้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับ

ไม่ต้องดูอื่นไกล เอาเพื่อนผู้อาวุโสของผมคนหนึ่ง เป็นมะเร็งทำครีโม (คำเต็มว่าอะไรไม่ทราบ) ตามปกติคนจะทำครีโมร่างกายต้องแข็งแรง ไม่งั้นแพ้ยา ไปไม่รอด เพื่อนผมคนนี้ก็คิดอยู่ตลอดเวลาวา “กูยังไม่ตาย กูจะต้องอยู่” แล้วก็กิน กินมันเข้าไป ทั้งๆ ที่ไม่อยากกิน แต่ต้องฝืนกินอาหารให้มากที่สุด เพื่อให้มีกำลังต่อสู้กับยาที่จะให้ด้วย

เจตจำนงที่จะอยู่ ความพากเพียรที่จะช่วยให้มีชีวิตอยู่ ใจที่จดจ่ออยู่กับความมีชีวิตอยู่ และกระทำการที่เกี่ยวข้องด้วยปัญญา ทั้งหมดนี้เป็นอิทธิบาทสี่ แล้วแกก็สู้กับการให้ยาของหมอได้ เหนือสิ่งอื่นใด จิตใจแกแข็งแกร่ง ไม่ตก ไม่หดหู่ มีความรื่นเริงภายในตลอดเวลา ไม่นานแกก็หายจากโรคมะเร็งเป็นที่มหัศจรรย์

อีกเรื่องหนึ่ง นักมวยคนหนึ่งดูเหมือนชื่อ ปาเทียนซ่า ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำคอหัก หมอต่อให้ไม่ตาย แต่หมอบอกว่าชกมวยอีกไม่ได้ แต่นายคนนี้บอกตัวเองว่า “ข้าต้องชกได้” ความรัก ความเพียรบากบั่นเพื่อคืนสู่สังเวียนให้ได้ ความเอาใจจดใจจ่อต่อการชกมวย สั่งตัวเองว่า “เอ็งต้องหาย เอ็งต้องชกมวยได้” พยายามฝึกฝนตัวเองด้วยความเพียรและปัญญา ในที่สุดแกก็สามารถหายขาด และคืนสู่สังเวียนได้

ครับ อิทธิบาทสี่ ถ้าบำเพ็ญจนถึงที่สุดแล้วอย่าว่าแต่สามารถช่วยให้ทำงานสำเร็จได้เลย แม้ชีวิตที่จะดับมิดับแหล่ ก็สามารถยืดต่อไปได้ แต่ต้องใช้กับเรื่องที่สร้างสรรค์ เป็นบุญเป็นกุศล เอื้อต่อคุณธรรมนะครับ ถ้าเป็นเรื่องทุจริต หนีภาษี คอร์รัปชั่น ถูกถอดจากตำแหน่ง ถึงจะมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ที่แฝงพยาบาทว่า ข้าจะต้องเอาคืนกับคนที่ทำข้าให้ได้ อย่างนี้ต่ออายุไม่ได้ครับ มีแต่จะทำให้อายุสั้นลงอย่างเดียว


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

เจ้าของ:  ชาญวิทย์ [ 26 ม.ค. 2009, 13:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต่ออายุ (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆคับ

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 28 ม.ค. 2009, 14:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต่ออายุ (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณสาวิกาน้อย

ขออนุญาตแบ่งปันค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

:b1: :b15: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/