ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

..ความเสื่อมไปแห่งสังขาร..พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=19503
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 12 ธ.ค. 2008, 12:02 ]
หัวข้อกระทู้:  ..ความเสื่อมไปแห่งสังขาร..พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

รูปภาพ

เสื่อมไปอย่างไร เปรียบเหมือนก้อนน้ำแข็ง
แต่ก่อนมันเป็นน้ำเขาเอามาทำให้เป็นก้อน
แต่มันก็อยู่ไม่นานหรอกมันก็เสื่อมไป
เอาก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆ เท่าเทปนี้ไปวางไว้กลางแจ้ง
จะดูความเสื่อมของก้อนน้ำแข็งก็เหมือนสังขารนี้
มันจะเสื่อมทีละน้อยทีละน้อย ไม่กี่นาทีไม่กี่ชั่วโมงก้อนน้ำแข็งก็จะหมด
ละลายเป็นน้ำไป นี่เรียกว่า เป็นขะยะวัยยัง
ความสิ้นไป ความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย
เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่มีโลกขึ้นมา
เราเกิดมา เราเก็บเอาสิ่งเหล่านี้มาด้วยไม่ใช่ว่าเราทิ้งไปไหน
พอเกิดเราเก็บเอาความเจ็บ ความแก่ ความตายมาพร้อมกัน

ดังนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจึงตรัสไว้ว่า ขะยะ-วัยยัง
ความสิ้นไปเสื่อมไปของสังขารทั้งหลาย
เรานั่งอยู่บนศาลานี้ทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งพระ ทั้งเณร ทั้งหมดนี้
มีแต่ก้อนเสื่อมทั้งนั้นนี่ที่ก้อนมันแข็ง เปรียบเช่นก้อนน้ำแข็ง
แต่ก่อนเป็นน้ำ มันเป็นก้อนน้ำแข็งแล้วก็เสื่อมไป
เห็นความเสื่อมมันไหม ดูอาการที่มันเสื่อมซี
ร่างกายของเรานี่ทุกส่วนมันเสื่อม ผมมันก็เสื่อมไป
ขนมันก็เสื่อมไปเล็บมันก็เสื่อมไป หน้ามันก็เสื่อมไป
อะไรทุกอย่างมันเสื่อมไปทั้งนั้น

...ไม่อยากทุกข์ต้องรู้จักทางแก้ไข

ถ้ามันทุกข์แล้วไม่รู้จะไปฟ้องใคร ถ้าทุกข์เกิดขึ้นจะไปแก้ตรงไหน
คือ อยากแต่ว่าไม่ให้มันทุกข์เฉยๆ เท่านั้น
อยากไม่ให้มันทุกข์แต่ไม่รู้จักทางแก้ไขมัน
แล้วก็อยู่ไป อยู่ไปจนถึงวันแก่ วันเจ็บ แล้วก็วันตาย
คนโบราณบางคนเขาว่า เมื่อมันเจ็บมันไข้จวบลมหายใจจะขาด
ให้ค่อยๆเข้าไปกระซิบใกล้หูคนไข้ว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ
มันจะเอาอะไร พุทโธนั่นนะ คนที่ใกล้จะนอนในกองไฟจะรู้จักพุทโธอะไร
ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอายุรุ่นๆ ทำไมไม่เรียนพุทโธให้มันรู้
หายใจติดบ้างไม่ติดบ้าง "แม่ๆ พุทโธ พุทโธ" ว่าให้มันเหนื่อยทำไม
อย่าไปว่าเลย มันหลายเรื่อง เอาได้แค่นั้นก็สบายแล้ว

โยมชอบเอาแต่ต้นกับปลายมัน ตรงกลางไม่เอาหรอก ชอบอย่างนั้น
บริวารพวกเราทั้งหลายก็ชอบอย่างนั้น
ทั้งญาติโยมทั้งพระ ทั้งเณร ชอบแต่ทำอย่างนั้น
ไม่รู้จักแก้ไขภายในจิตของเจ้าของ ไม่รู้จักที่พึ่ง
แล้วก็โกรธง่าย และก็อยากหลายด้วย
ทำไม คือคนที่ไม่มีที่พึ่งทางใจ
อยู่เป็นฆราวาส มีอายุ ๒๐-๓๐-๔๐ ปี กำลังแรงดีอยู่
พ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายก็พอพูดกันรู้เรื่องกันหน่อย
นี่ ๕๐ ปีขึ้นไปแล้ว พูดกันไม่รู้เรื่องกันแล้ว
เดี๋ยวก็นั่งหันหลังให้กันหรอก แม่บ้านพูดไปพ่อบ้านทนไม่ได้
พ่อบ้านพูดไปแม่บ้านฟังไม่ได้
เลยแยกกันหันหลังให้กัน เลยแตกกันเลย

...คิดและพิจารณาบ่อยๆ พลอยให้เกิดปัญญา

วันนี้ขอฝากให้เป็นการบ้าน เอาไปทำการบ้าน จะทำไร่ทำนาทำสวน
ให้เอาคำหลวงพ่อมาพิจารณาว่า เราเกิดมาทำไม
เอาย่อๆ ว่าเกิดมาทำไม มีอะไรเอาไปได้ไหม ถามเรื่อยๆ นะ
ถ้าใครถามอย่างนี้บ่อยๆ มีปัญญานะ
ถ้าใครไม่ถามเจ้าของอย่างนี้ โง่ทั้งนั้นแหละ เข้าใจไหม
บางทีฟังธรรมวันนี้แล้วกลับไปถึงบ้านจะพบเย็นนี้ก็ได้
ไม่นานนะมันเกิดขึ้นทุกวัน เราฟังธรรมอยู่มันเงียบ
บางทีมันรออยู่ที่รถ เมื่อเราขึ้นรถมันก็ขึ้นรถไปด้วย
ถึงบ้านมันก็แสดงอาการออกมา
อ้อ หลวงพ่อท่านสอนไว้จริงของท่านละมังนี่ ตาไม่ดี ไม่เห็นนะ

เอาละ วันนี้เทศน์มากก็เหนื่อย นั่งมามากก็เหนื่อยสังขารร่างกายนี้


คัดลอกจาก...บางส่วนของหนังสือ อยู่เพื่ออะไร
http://www.watnongpahpong.org/ebooks/ch ... e_Here.php

:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/