ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทำอย่างไรจึงจะล้างสิ่งสกปรกออกจากใจให้หมด (ดังตฤณ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=18546 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ทัพหลวง [ 19 ต.ค. 2008, 13:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำอย่างไรจึงจะล้างสิ่งสกปรกออกจากใจให้หมด (ดังตฤณ) |
ถาม – มีความรู้สึกนึกคิดหลายอย่างที่ตกค้างอยู่ในใจ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นความนึกคิดผิดๆ แต่ก็ตัดไม่ได้ เหมือนทำยังไงก็ล้างสิ่งสกปรกออกจากใจไม่หมด อย่างนี้ควรทำอย่างไรดีครับ ? ตอนที่พยายามจะเปลี่ยนความคิดแล้วมันไม่ยอมเปลี่ยนตามที่เราต้องการนี่แหละครับ เป็นโอกาสทองที่เราจะเห็นความจริงอันเป็นหนึ่งในแก่นความรู้ทางพุทธศาสนา นั่นคือ ความคิดไม่ใช่ของเรา ความคิดไม่ใช่สิ่งที่บังคับบัญชาได้ตามปรารถนา ความคิดเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอมจรมารบกวนจิตใจชั่วคราว หรือสรุปย่นย่อคือ ความคิดเป็นอนัตตา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีเราในความคิด เพราะฉะนั้น แทนการบังคับควบคุมหรือตั้งใจให้มันหายไปตามปรารถนา เราต้องเข้าใจกฎอนัตตา คือสร้างเหตุปัจจัยเพื่อให้ความคิดแปรไปในทางที่ดี และสำคัญคือคุณต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งให้เวลาอนัตตาเขาปรับเปลี่ยนสภาพกันบ้าง อย่าคาดหวังว่าทุกสิ่งจะรวบรัดรวดเร็วแบบเสกปุ๊บได้ปั๊บ เพราะถ้าเสกได้ดังใจ ก็แปลว่าความคิดเป็นสมบัติของคุณ ความคิดเป็นอัตตาของคุณจริงดังอุปาทาน เหตุปัจจัยที่จะเปลี่ยนความคิดด้านร้ายให้กลายเป็นด้านดี มีดังต่อไปนี้ ๑) เมื่อความคิดผิดๆ เกิดขึ้น ก็ให้ตระหนัก ให้ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น อย่าปฏิเสธ อย่าหลอกตัวเองว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น การยอมรับตามจริงจะทำให้สติเกิดเต็มตัว และมีกำลังมากพอจะเห็นตามจริงในขั้นต่อๆ ไป ๒) เมื่อยอมรับได้ เห็นตามจริงได้ ก็อย่าไปฝืน อย่าไปโทษตัวเอง อย่าด่าตัวเองให้เกิดความทรมานใจ เพราะการจมปลักอยู่กับความทรมานใจและความรู้สึกผิดไม่เลิกรานั้น แทนที่จะเป็นผลดี กลับตอกย้ำให้อกุศลจิตเติบโตขึ้น เอาแค่ยอมรับตามจริง ไม่ต้องด่าตัวเอง ไม่ต้องหาทางกำจัดหรือขับไล่ความคิดแย่ๆ คุณจะเห็นว่ามันเกิดเองก็ดับเองได้ ถึงแม้เกิดบ่อยดับบ่อยให้เห็นอย่างน่ารำคาญ ในที่สุดคุณจะรู้สึกว่ามันเป็นเมฆหมอกและเงาดำแปลกปลอมที่จรมาแล้วจรไป ไม่ใช่หน้าที่ที่คุณจะต้องเสนอหน้าไปรับผิดชอบแต่อย่างใด ๓) ให้เฝ้าสังเกตว่าคุณมีใจยินดีไปกับความคิดร้ายๆ บ้างหรือไม่ ตอนยินดีกับความคิดร้ายๆ คนเรามักยิ้มอยู่ในหน้า หรืออย่างน้อยก็เกิดความมันเขี้ยวอยู่ข้างใน อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องสำรวจตรวจตรา หากพบว่าครั้งใดที่คิดร้ายๆ แล้วเกิดความยินดี ก็ต้องเตือนตัวเองให้ทัน ว่านั่นเป็นอกุศล นั่นเป็นโทษ นั่นจะเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนในภายหลัง แค่คิดเหมือนเล่นๆ ก็ได้ แล้วจิตจะค่อยๆ ฉลาดขึ้นเองวันต่อวัน ๔) สืบเข้าไปถึงต้นเหตุ คิดว่าจะทำอย่างไรให้เปลี่ยนความคิดจากอกุศลเป็นกุศลได้โดยไม่ต้องฝืนใจ ยกตัวอย่างเช่นที่เป็นกันมากในสังคมเมือง คือการเกลียดชัง หรือความรู้สึกริษยากันในที่ทำงาน ขอให้ลองตั้งมุมมองใหม่ มองแง่ดีที่คู่อริเราเขาเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ถ้าไม่มีแง่ดีให้มองเลย ก็อาจต้องทำใจไปอีกแบบหนึ่ง คือเห็นเขาเป็นแบบฝึกหัด หรือเห็นเขาเป็น ‘ตัวแกล้ง’ ให้จิตใจคุณตกต่ำ คุณกำลังเล่นเกมโหดๆ เกมหนึ่งที่มีตัวแกล้งอยู่กลาดเกลื่อน พอพิจารณาได้อย่างนี้ ก็สุดแท้แต่ใจคุณเองล่ะ ว่าจะยอมติดลบหรือเอาคะแนนเพิ่ม โดยมากเกมชีวิตจะไม่มีเสมอตัว มีแต่ลบกับบวก ถ้าลบก็ลบมาก ถ้าบวกก็บวกมาก หากวันหนึ่งคุณสะสมแต้มได้มากถึงขีดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดความอบอุ่นใจ มีความสุขอย่างใหญ่กับการมองแต่แง่ดี คุณจะรู้สึกเหมือนเล่นเกมมาจนได้โบนัส และโบนัสนั้นก็คือความสุขที่ซื้อหาจากไหนไม่ได้ จะดีแค่ไหนถ้าคนเราไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดมาก และไม่ต้องทรมานใจกับศัตรูในหัวคือความคิดร้ายของตนเอง ? http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare023.htm |
เจ้าของ: | Supatorn [ 22 ส.ค. 2011, 04:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรจึงจะล้างสิ่งสกปรกออกจากใจให้หมด (ดังตฤณ) |
อนุโมทนาสาธุๆค่ะ ขอบพระคุณค่ะ อุปสนฺโต สุขํ เสติ ผู้สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |