วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2023, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1685157773701-removebg-preview.png
1685157773701-removebg-preview.png [ 149.6 KiB | เปิดดู 839 ครั้ง ]
สังขารและนิพพาน

ในพระธรรมเทศนาเรื่องนิพพานที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าได้ให้
จำกัดความนิพพานว่าเป็นความดับของวัฏฏะทั้ง ๓ บัดนี้จะ
อธิบายความแตกต่างระหว่างสังขารกับนิพพาน ตามที่ปรากฎใน
คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคต่อไป

(๑) อุปปาทะและอนุปปาทะ

ในพระบาลีมีข้อความว่า
อุปฺปาโท สงฺขารา, อนุปฺปาโท นิพฺพานํ.'
"การเกิดขึ้นเป็นสังขาร การไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน"

ผู้ปฏิบัติธรรมที่เจริญวิปัสสนาภาวนา ย่อมทราบด้วยใจว่า
รูปนามหรือขันธ์ ๕ ที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งมีการเกิดขึ้นใหม่ทุกครั้ง
หลังจากมีการดับไป และเมื่อสังขารุเปกขาญาณ (ปัญญาที่เป็นกลาง
ในสังขารทั้งปวง) ได้รับการพัฒนาจนแก่กล้าขึ้น เขาย่อมรู้ว่ามี
สภาพอีกอย่างหนึ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติทั้งเกิดดับอยู่เป็นนิตย์นั้น
หมายความว่า สภาพที่อยู่เหนือสังขาร เป็นสภาพเข้าไกล้นิพพาน
สังขารเป็นสิ่งอยู่ที่ตรงข้ามกับนิพพานโดยสิ้นเชิง และทั้งสองสิ่งนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2023, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




_vyr_45077_kung-removebg-preview.png
_vyr_45077_kung-removebg-preview.png [ 64.5 KiB | เปิดดู 838 ครั้ง ]
ไม่สามารถเกิดร่วมกันได้ คือถ้ามีสิ่งหนึ่งอีกสิ่งหนึ่งจะอันตรธานไป
ถ้าหากที่ใดมีการไม่เกิด ที่นั่นย่อมมีนิพพาน และในทางตรงกันข้าม
ถ้าที่ใดมีการเกิดขึ้น ที่นั่นย่อมไม่มีนิพพาน เช่นเดียวกันกับความ
มืดและความสว่างไม่มีอยู่ในที่เดียวกัน

สัตว์โลกเมื่อปฏิสนธิย่อมมีรูปและมีนามเกิดขึ้นสืบต่อกัน
ตั้งแต่ปฏิสนธิขณะเป็นต้นไป และหลังจากที่ปฏิสนธิวิญญาณดับลง
ภวังคจิต (จิตที่ทำหน้าที่รักษากพ) ก็เกิดขึ้นพร้อมกับรูปที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน (จิตตชรูป) กระบวนการนี้เองทำให้เกิดมีกระแสรูปนาม
เกิดขึ้นต่อเนื่องกันตามชนิดของจิตและอารมณ์ ยกตัวอย่างเช่น

มโนวิญญาณเกิดขึ้นได้เมื่อมีการคิดอารมณ์ กายวิญญาณ
เกิดขึ้นได้เมื่อมีการกระทบสัมผัส และวิญญาณเหล่านี้ก็ปรุงแต่งรูป
นาม ชีวิตจึงเป็นไปอย่างนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อชีวิตหนึ่งจบลงก็มี
ชีวิตใหม่เกิดขึ้นในภพใหม่อีกวนเวียนไปเช่นนี้ไม่รู้จักจบสิ้น

กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ สภาพที่ถูกปรุงแต่งโดยกรรมทั้งที่ดี
และไม่ดี จิต อุตุ และอาหาร เรียกตามศัพท์ว่า สังขาร คือ รูปนาม
หรือขันธ์ ๕ ซึ่งอาจเห็นประจักษ์ได้ด้วยวิปัสสนาปัญญา หลังจากที่
ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมจะเห็น
ประจักษ์ว่ากระแสจิตของเขาไหลไปเหมือนกระแสน้ำสู่ความดับของ
รูปนาม และในขณะที่เห็นความดับนั้น เป็นระยะเวลาที่ได้พบเห็น
นิพพานสุขซึ่งเกิดขึ้นด้วยมรรคญาณและผลญาณ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร