วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2023, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Colosseum-1024x697-1.jpg
Colosseum-1024x697-1.jpg [ 122.16 KiB | เปิดดู 952 ครั้ง ]
ไม่อยากทำบุญเพื่อนิพพาน

การสั่งสมบุญด้วยการปฏิบัติวิปัสสนาช่วยให้เราได้เข้าใกล้
นิพพานมากขึ้น แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่จะหันมาปฏิบัติกันอย่าง
จริงจัง ต้องใช้ความพยายามมากในการซักชวนคนให้มาเข้าปฏิบัติ
แม้ในสมัยพุทธกาลก็เช่นเดียวกัน ดังมีสาธกในเรื่องพระนางเขมา
พะมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร แม้ว่าพระเจ้าพิมพิสารจะเป็นสาวก
ที่เลื่อมใสในพระพุทธองค์เป็นอย่างมาก แต่พระนางเขมากลับไม่เคย
เข้าเฝ้าพระศาสดาเลย พระเจ้าพิมพิสารต้องพยายามใช้อุบาย เพื่อ
จะชักนำให้พระนางไปวัดพระเวฬุวันให้ได้ จนเมื่อพระนางได้เข้าเฝ้า
พระพุทธ์องค์และฟังธรรมแล้ว ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะ
ที่ฟังอยู่นั้นเอง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของนายกาละ บุตรของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐีที่จะนำมาเล่าเป็นสาธกต่อไปนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2023, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




13_11.png
13_11.png [ 720.7 KiB | เปิดดู 947 ครั้ง ]
เรื่องนายกาละ
ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี ได้รับฟังข่าวการอุบัติขึ้นของ
พระพุทธเจ้าในขณะที่ไปค้าขายที่กรุงราชคฤห์ เขาไปเข้าเฝ้าและ
เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน หลังจาก
นั้นได้ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้ไปประทับในกรุงสาวัตถี

เขาซื้อสวนจากเจ้าชายเชตด้วยทรัพย์ ๑๘ โกฏิแล้วสร้าง
วัดด้วยทรัพย์ ๑๘ โกฏิ จากนั้นยังได้จัดให้มีการฉลองด้วยทรัพย์
อีก ๑๘ โกฏิ รวมทั้งสิ้น ๕๔ โกฏิ แล้วถวายแต่พระพุทธเจ้าและ
เหล่าพระสาวก ทุกวันเขาถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและภิกษุ
๕๐๐ รูป ถือศีลและชักชวนให้คนในครอบครัวปฏิบัติเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถวายทานคนสำคัญที่สร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า
แต่นายกาละบุตรขายของเขานั้น ไม่มีความสนใจในพระธรรมของ
พระพุทธเจ้าเลยแม้แต่น้อย

เหตุที่นายกาละไม่มีศรัทธาในพระพุทธองค์และพระธรรม
อาจเป็นเพราะในสมัยนั้นคนส่วนใหญ่เป็นสาวกของเจ้าลัทธิเคียรถีย์
๖ คนมีบูรณกังสปะเป็นตัน บางพวกก็เชื่อถือภูตผีเทวดา หรือบาง
พวกก็บูชาพระพรหม ถ้าหากท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีไม่ได้พบพระ
พุทธเจ้า เขาก็คงจะยังเชื่อถือลัทธิอื่นๆ ที่นิยมกันมาก่อนที่พระองค์
จะทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นายกาละจึงอาจเป็นสาวกของลัทธิใด
ลัทธิหนึ่ง และยังไม่คิดเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น

ท่านเศรษฐีเป็นห่วงอนาคตของบุตรชาย คิดว่า
ลูกเราไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ไม่รู้จักคุณค่าของพระสัทธรรม
ไม่รู้จัญบูชาพระอริยสงฆ์ ไม่ต้องการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เสด็จมา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2023, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




_MG_1328edit-removebg-preview.png
_MG_1328edit-removebg-preview.png [ 332.37 KiB | เปิดดู 910 ครั้ง ]
ฉันภัตตาหารที่บ้าน ไม่อยากฟังพระธรรมเทศนา และหลบเลี่ยงไม่
ทำวัตรอุปัฏฐากพระสงฆ์ ถ้าต้องตายไปอย่างเดียรถีย์ก็คงตกนรก
อเวจีซึ่งเป็นอบายภูมิชั้นต่ำที่สุด ไม่สมควรเลยที่บุตรของเราผู้เป็น
พุทธสาวกกลับไม่นับถือพระพุทธเจ้า มิหนำซ้ำถ้าเขาตกนรกอเวจี
ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็จะยิ่งร้ายขึ้น ปกติทรัพย์มักจะเปลี่ยนใจ
มนุษย์เราได้ เราจะต้องพยายามให้เขาไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่วัด
พระเชตวันให้ได้แม้ว่าจะต้องติดสินบนก็ตามที

เมื่อคิดได้ดังนั้น ท่านเศรษฐีจึงบอกกับบุตรชายว่าหากเขา
เพียงแต่ไปที่วัดก็จะให้เงิน ๑๐๐ กหาปณะ ซึ่งบุตรชายก็รับคำ

เมื่อนายกาละไปถึงวัดก็มองหามุมสงบแล้วจึงนอนหลับอยู่
ณ ที่นั้นเพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะฟังธรรม ครั้นกลับถึงบ้านในตอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ท่านเศรษฐีเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพราะเข้าใจว่าเขาไป
ถือศีลที่วัด นายกาละกลัวว่าจะไม่ได้เงินจึงไม่ยอมกินอาหารจนกว่า
จะใด้รับเงิน ในเวลาต่อมาท่านเศรษฐีบอกเขาว่า หากเขาฟังธรรม
และจำคาถาได้หนึ่งบทก็จะให้รางวัล ๑,๐๐๐ กหาปณะ

นายกาละก็ไปที่วัดอีก และครั้งนี้เขาพยายามฟังพระธรรม-
เทศนาอย่างตั้งใจ พระบรมศาสดาทรงทราบจึงตรัสข้อความที่นาย
กาละนั้นม่สามารถจำได้ เนื่องจากท่านเศรษฐีได้กำหนดเงื่อนไขว่า
เขาจะต้องจำคาถาให้ได้อย่างน้อยหนึ่งบท เขาจึงพยายามตั้งใจฟัง
เข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจศรัทธาก็เกิดขึ้นและในขณะที่จิตของเขา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2023, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




E2DDnuAVgAAXhmf.jpeg
E2DDnuAVgAAXhmf.jpeg [ 95.46 KiB | เปิดดู 908 ครั้ง ]
ประกอบด้วยศรัทธานั้น พระองค์ก็ตรัสพระธรรมเทศนาที่ตรงตาม
อัธยาศัยของเขา โดยที่เขาได้บำเพ็ญสังสมบารมีมาแล้วในอดีตชาติ
นายกาละจึงได้บรรลุเป็นพระสดาบันเข้าถึงกระแสพระนิพพาน

เมื่อเขาได้บรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว ครัทธาในพุทธธรรม
ก็มันคงไม่คลอนแคลน ความสงสัยและความเห็นผิดก็อันตรธานไป
หมดสิ้น เข้าวันนั้นเขาไม่ได้รีบกลับบ้านตามลำพัง แต่ได้รออยู่จน
พระพุทธองค์เสด็จออกบิณฑบาตพร้อมด้วยเหล่าพระสาวก และได้
ตามเสด็จพระพุทธองค์มาถึงบ้านของเศรษฐี เขาเกรงว่าบิดาจะให้
เงินต่อพระพักตร์ของพระพุทธองค์ จึงเกิดความละอายขึ้นไม่อยาก
ให้พระองค์ทรงเห็นว่าที่เขาไปวัดเพียงเพราะปรารถนาเงิน ในครั้งนี้
เขาจึงพยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่าน
เศรษฐีก็นำเงินมาให้ตามสัญญาพร้อมกับกล่าวว่า เงินนี้เป็นรางวัล
สำหรับการไปวัดฟังธรรม นายกาละนั้นรู้สึกอับอายมากแยอมรับเงิน
ท่านเศรษฐีก็นำเงินมาให้ตามสัญญาพร้อมกล่าวว่า เงินนี้เป็นเงินรางวัล
สำหรับการไปวัดฟังธรรม นายกาละนั้นมีความรู้สึกอับอายมากและไม่
ยอมรับเงิน ท่านเศรษฐีกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดแด่พระพุทธองค์
และทูลว่าวันนี้บุตรของเขาดูผ่องใสผิดกับวันก่อนที่ถูกความโลภ
ครอบงำ

พระพุทธองค์ตรัสว่า
ทานเศรษฐี บุตรของท่านนั้นได้บรรลุเป็นพระโสดาบันที
ประเสริฐกว่าการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เทวดา หรือพรหม

ปฐพฺยา เอกรชฺเชน. สคฺคสฺส คมเนน วา
สพฺพโลกาธิปจฺเจน โสตาปตฺติผลํ วรํ

"ยิ่งกว่าเอกราชย์ทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าขึ้น
สวรรคาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกทั้งปวง
คือ โสดาปัตติผล"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร