วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2023, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




18_01_2018-sadhguru18jan18p-removebg-preview.png
18_01_2018-sadhguru18jan18p-removebg-preview.png [ 249.72 KiB | เปิดดู 786 ครั้ง ]
หยุดการกระทำกรรม

ถ้าหากต้องการหยุดการทำกรรมใหม่ไม่ให้เกิดต่อเนื่องอยู่
ทุกขณะ จะต้องเจริญวิปัสสนาด้วยเจตนาที่จะบรรลุมรรคผลตามวิธี
ต่อไปนี้

ในเบื้องแรก ต้องชำระศีลให้บริสุทธิ์ เมื่อมีศีลบริสุทธิ์เป็น
พื้นฐานอันมีกำลังแล้ว จะต้องเรียนรู้การเจริญสมาธิเพื่อช่วยให้การ
ภาวนาเจริญก้าวหน้า ถ้าสามารถเจริญสมาธิถึงระดับฌานได้ก็ยิ่งดี
เพราะฌานเป็นเหมือนบันไดให้ก้าวไปสู่การเจริญวิปัสสนาภาวนาได้
อย่างสะดวกสบาย แต่ถึงแม้จะไม่สามารถปฏิบัติจนได้ฌาน ก็อาจ
ปฏิบัติด้วยการกำหนดรู้อารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้เห็น
ความเกิดดับของรูปนาม ตามหลักคำสอนในมหาสติปัฏฐานสูตร

การกำหนดรู้ดวามเกิดขึ้นและดับไปของรูปนาม ก็คือการ
ปฏิบัติวิปัสสนานั่นเอง ก่อนที่จะสามารถกำหนดรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น
ทางหวารทั้ง ๖ นั้น จะต้องเริ่มจากการกำหนดรู้สภาวะเคลื่อนไหว
ของร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเห็นได้ง่าย ตัวอย่างเช่น เมื่อกำลัง
เดินอยู่ พึ่งเจริญวิปัสสนาด้วยการกำหนดรู้สภาวะเดิน หรือถ้ากำลัง
นั่งอยู่ ก็พึ่งกำหนดรู้อิริยาบถนั่ง ให้พยายามเริ่มด้วยการกำหนดรู้
การเคลื่อนไหวทางกายซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย วิธีการนี้จะ
สอนให้กำหนดรู้การพองขึ้นและยุบลงของหน้าท้องในขณะหายใจ
ข้าแะหายใจออก หากกำลังกำหนดความเคลื่อนไหวของท้องอยู่
แล้วใจลอยคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือจินตนาการไปต่างๆ นานาให้
กำหนดรู้การคิดนึกนั้น ถ้าหากรู้สึกง่วง พึงกำหนดรู้ว่ากำลังง่วงและ
กำหนดรู้การเกิดขึ้นและดับไปของความรู้สึกง่วงนั้นด้วย เมื่อเห็น
หรือได้ยิน เป็นต้น ก็ให้กำหนดรู้สภาวะเห็นหรือสภาวะได้ยินใน
ขณะเห็นหรือได้ยินนั้น และเมื่อเกิดความรู้สึกเป็นสุขก็ให้กำหนดรู้
ความรู้สึกเป็นสุขนั้นด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 75 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร