วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2023, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-781.jpg
Image-781.jpg [ 119.24 KiB | เปิดดู 737 ครั้ง ]
ไม่ควรหวนกลับสู่ของเก่าที่เป็นอดีต

สภาวธรรมที่เป็นขันธ์ ๕ เช่น ปสาทรูปที่เป็นรูปใส ใบหน้า มือเท้า เป็นต้น
ซึ่งเป็นวรรณรูปที่เห็นได้และสภาวธรรมที่เห็นได้อื่นๆซึ่งได้ผ่านพันไปแล้วก็ได้ดับ
ไปแล้ว ปัจจุบันเป็นธรรมที่ไม่ได้มีปรากฎฏอยู่ เพราะฉะนั้น โยคีจึงไม่ควรที่จะหวน
ระลึกคิดยึดมั่นถือมั่นสภาวธรรมที่หายไปแล้วด้วยตัณหาและทิฏฐิ ซึ่งลักษณะการ
ถือมั่นยืดมั่นด้วยตัณหาและทิฏฐินั้น พึงทราบดังนี้ โยคีผู้ยึดมั่นถือมั่นสิ่งที่ตนเคย
เห็นมาก่อนด้วยความยินดี เช่น นัยตาของเรานั้นมีความสว่างไสวมองเห็นได้ดี
สามารถเห็นได้แม้ซึ่งสิ่งที่ละเอียดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ แม้ใบหน้าของเราก็เป็นใบหน้า
ที่สวยงาม ดวงตา คิ้ว มือเท้าของเราก็งดงาม ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าอาภรณ์
เครื่องประดับต่างๆก็งดงาม ถ้าหากเราได้เห็นรูปในยุคนั้น ก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อยทีเดียว
ดังนี้เป็นต้น

ส่วนลักษณะการยึดมั่นถือมั่นด้วยทิฏฐิพึงทราบดังนี้ โยคีนั้นอาจระลึกนึกถึง
สิ่งที่เป็นอดีตในลักษณะต่างๆ เช่น ระลึกนึกถึงในลักษณะที่เป็นสิ่งที่ยั่งยืนนับตั้งแต่
เวลาที่เห็น จนกระทั่งถึงเวลาปัจจุบันว่า นี่คือตัวเรา นี่คือบุคคลที่เป็นตัวเรา เราเป็น
ผู้เห็น เราเห็นสิ่งที่เป็นตัวเราเป็นตัวบุคคล และในลักษณะที่เป็นสัตว์บุคคลซึ่งละ
จาก ภพนี้หรือตายจากภพนี้แล้วย้ายไปสู่ภพอื่น และในลักษณะที่ว่า เมื่อตายไปแล้ว
จากภพนี้ ก็จะสูญหายไป โยดีไม่ควรที่จะจินตนาการคิดด้วยตัณหาทิฏฐิ ยึดมั่น
ถืมั่นในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตโดยทำนองนี้แล แม้ในเรื่องของการได้ยิน ได้กลิ่น
ได้บริโภค ใช้สอย ลิ้มรส ได้กระทบสัมผัส และได้รู้ธรรมารมณ์ซึ่งเป็นอดีต
ก็ไม่ควรที่จะกระทำเช่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คือว่าไม่ควรที่จะหวนระลึกนึกถึง
หรือหมกมุ่นอยู่แต่ในความคิดที่ว่าในการก่อนเราได่ทำการกำหนดได้อย่างดีชัดเจน
ในกาลก่อนเรากำหนดได้ไม่ดีไม่ชัดเจนโดยเด็ดขาด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2023, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




burnout-therapie-e1658777523289.jpg
burnout-therapie-e1658777523289.jpg [ 68.94 KiB | เปิดดู 557 ครั้ง ]
ไม่ควรหวังสิ่งใหม่ซึ่งเป็นอนาคต

การหวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ปรารถนาว่า
เราทำอย่างไรหนอเราจึงจะถูกลอตเตอรี่ และเมื่อถูกลอตเตอรี่แล้วเราจะใช้สอย
เป็นอยู่อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นความคิดที่เสียเวลา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น
การปรารถนาเกี่ยวกับรูปสรีระร่างกาย เช่น อยากให้ดวงตาที่สดใส โดยตั้งใจ
ปรารถนาว่า ขอให้เรามีดวงตาที่สดใส ขอดวงตาของเราอย่าได้มีดมน ขอให้
ผิวพรรณ วรรณะของเราจงดูอ่อนเยาว์สวยงาม ขอให้เจอแต่สิ่งที่สวยงาม ขอให้
ได้ใช้สอยแต่สิ่งที่ดีๆ ขอให้ได้พบแต่เพื่อนที่ดี ขอสิ่งตีๆจงอย่าได้หายไปจากเรา ดังนี้
เป็นตัน แม้ในเรื่องของโสตปสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินก็โดยทำนองเดียวกันนี้แล
ที่สำคัญก็คือว่า เกี่ยวกับเรื่องนึกคิดแล้วโยดีไม่ควรที่จะคาดหวังเพื่อให้เกิดการ
กำหนด ที่ดีหรือเพื่อให้เกิดอารมณ์ที่ดีมาปรากฏ หรือเพื่อให้เกิดญาณพิเศษใดๆ
ทั้งสิ้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร