วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2022, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1006010597-fototapet-368-x-254sm-palms_552x552_pad_478b24840a.jpg
1006010597-fototapet-368-x-254sm-palms_552x552_pad_478b24840a.jpg [ 66.98 KiB | เปิดดู 332 ครั้ง ]
๓๕๙
ข้อว่า สัตว์ทั้งปวงจักตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายผู้ได้รับผลของบุญและบาป
จักไปตามกรรม ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก นี้เป็นปฏิปทาหยาบช้าและถูกเผาผลาญ

ข้อว่า บางคนเจริญมรรคแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน เป็นมัชฌิมาปฏปทา

ข้อว่า สัตว์ทั้งปวง จักตาย เพราะมีชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายผู้ได้รับผลของบุญและบาป
จักไปตามกรรม ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก นี้เป็นสังกิเลสย่อมก่อให้เกิดสงสารอย่างนี้

ข้อว่า สัตว์ทั้งหลายจักตาย...ผู้มีบาปจักไปสู่นรก เป็นวัฏฏะ ๓ เหล่านี้ คือ ทุกขวัฏ (วนเวียนทุกข์)
กรรมวัฏ (วนเวียนกรรม) และกิเลสวัฏ (วนเวียนกิเลส)

ข้อว่า บางคนเจริญมรรคแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมนิพพาน เป็นการหมุนกลับ แห่งวัฏฏะ ๓
ข้อว่า สัตว์ทั้งปวงจักตาย...ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก เป็นโทษ
ข้อว่า ผู้มีบุญกรรมจักไปสู่สุคติ เป็นอัสสาทะ
ข้อว่า บางคนเจริญมรรคแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน เป็นนิสสรณะ
ข้อว่า สัตว์ทั้งปวงจักตาย...ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก เป็นทั้งเหตุและผล เหตุคือตัณหา ผลคือขันธ์ ๕
ข้อว่า บางคนเจริญมรรคเเล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน เป็นมรรคและผล
ข้อว่า สัตว์ทั้งปวงจักตาย เพราะมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายผู้ได้รับผลของบุญและบาป
จักไปตามกรรม ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก นี้ เป็นสังกิเลส อันมี ๓ ประการ คือ ตัณหาสังกิเลส (ความ
เศร้าหมองของตัณหา) ทิฏฐิสังกิเลส(ความเศร้าหมองคือทิฏฐิ)และทุจริตสังกิเลส(ความเศร้า
หมองคือทุจรติ)

(คำว่า อยํ สํเลโส (นี้เป็นสังกิเลส)เป็นต้น แสดงเนื้อความ ๓ ประเภทในคาถา ในความเป็นวัฏฏะ
และวิวัฏฏะ, ความเป็นโทษ อัสสาทะ และนิสสรณะ พร้อมด้วยความเป็นเหตุและผล

คำว่า นิรยํ ปาปกมฺมนฺตา"ติ อยํ สํกิเลโส(ผู้มีบาปกรรมจัดไปสู่นรกนี้เป็นสังกิเลส) เป็นต้น
แสดงเนื้อความของคาถาโดยความหมดจด)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2022, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ในเรื่องนั้น สังกิเลสคือ พึงแสดงด้วยตัณหา ๓ อันได้แก่ กามตัณหา(ความพอใจในกามคุณ)
ภวตัณหา(ความพอใจที่ประกอบด้วยสัสสตทิฏฐิ) และวิภวตัณหา(ความพอใจที่ประกอบด้วยอุจเฉททิฏฐิ)
อีกอย่างหนึ่ง สังกิเลสคือตัณหาผูกพันอารมณ์ใดๆ พึงแสดงด้วยอาการนั้นๆ(มีรูปภพและอรูปภพ)
ความพิสดารแห่งตัณหานั้นเป็นอารมณ์ ท่องเที่ยวไปของข่ายตัณหา ๓๖

ในเรื่องนั้น สังกิเลสคือทิฏฐิพึงแสดงด้วยสัสสตทิฏฐิ และอุทเฉททิฏฐิ อืกอย่างหนึ่ง
บุคคลย่อมยึดมั่นในอารมณ์ใดๆ ด้วยอำนาจแห่งทิฏฐิว่า ความเห็นนี้จริงแท้ ความเห็นอื่นผิด
พึงแสดงด้วยอารมณ์นั้นๆ ความพิสดารแห่งทิฏฐินั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ ๖๒

ในเรื่องนั้น สังกิเลสคือทุจริต เป็นเจตนา พึงแสดงด้วยอาการแห่งเจตสิก คือ พึงแสดงด้วยทุจริต ๓
อันได้แก่ กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ตวามพิสดารแห่งทุจริต นั้นเป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐

ข้อว่า อนึ่ง บางคนเจริญมรรคแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมนิพพาน เป็นความหมดจด

(ข่ายตัณหา ๓๖ คือ ตัณหา ๖ ในอารมณ์ ๖ มีรูปตัณหาเป็นต้น ตัณหา ๓ คือ กามตัณหา
ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นตัณหาที่เกิดขึ้นโดยอาศัยอารมณ์ภายใน มี ๑๘ และตัณหาที่เกิด
ขึ้นโดย อารมณ์ภายนอก มี ๑๘ รวมตัณหา ๓๖)

ความหมดจดนั้นมี ๓ ประการ
สังกิเลสคือตัณหา ย่อมหมดจดด้วยสมถะ สมถะนั้นเป็นสมาธิขันธ์
สังกิเลสคือทิฏฐิ ย่อมหมดจดด้วยวิปัสสนา วิปัสสนานั้นเป็นปัญญาขันธ์
สังกิเลสคือทุจริต ย่อมหมดจดด้ววสุจริต สุจริตนั้นเป็นศีลขันธ์

ข้อว่า สัตว์ทั้งปวงจักตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ได้รับ
ผลของบุญและบาปจักไปตามกรรม ผู้มีบาปกรรมจักไปสู่นรก เป็นปฏิปทาแห่งบาป
ข้อว่า ผู้มีบุญกรรมจักไปสู่สุคติ เป็นปฏิปทาแห่งบุญ
ข้อว่า อนึ่ง บางคนเจริญมรรคแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน เป็นปฏิปทาที่พ้นไปจากบุญและบาป


ปฏิปทาแห่งบุญและบาปทั้งสองนี้เป็นหนทางอันให้บรรลุฐานะทั้งปวง อย่างหนึ่ง ให้ไปเกิดในอบาย
และอย่างหนึ่งให้ไปเกิดในทวยเทพ ส่วนปฏิปทาที่พ้นไปจากบุญและบาป เป็นทางบรรลุพระนิพพานนั้นๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2022, 05:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กลุ่มสภาวธรรมที่ ๓ คือ มิจฉัตตนิยตะ(กลุ่มสภาวธรรมที่มีสภาพเป็นความชั่วและให้ผลแน่นอน
ต่อจากจุติ ได้แก่ ชวนะดวงที่ ๗ ของทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔ ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งนิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม
เจตสิกที่ประกอบ ๒๑ และชวนะดวงที่ ๗ ของโทสมูลจิต ๒ ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งอนันตริยกรรม ๕
เจตสิกที่ประกอบ ๒๒) สัมมัตตนิยตะ(กลุ่มสภาวะธรรมที่มีสภาพเป็นความดี และให้ผลแน่นอนต่อจุติ
ได้แก่ มรรคจิต ๔ เจตสิก ๓๖) และอนิยตะ(สภาวะธรรมที่มีสภาพไม่แน่นอนโดยอาการทั้ง ๒ ได้แก่
อกุศลจิต ๑๒ เว้นชวนะดวงที่ ๗ ของทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔ ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งนิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม
และชวนะดวงที่ ๗ ของโทสมูลจิต ๒ ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งอนันตริยกรรม ๔ โลกียกุศลจิต ๑๗
วิปากจิต ๓๖ กิริยาจิต ๒๐ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ นิพพาน

ในเรื่องนั้น กลุ่มสภาวธรรมที่เป็นมิจฉัตตนิยตะ และสัมมัตตนิยตะ เป็นปฏิปทาที่ให้ไปเกิดในภพนั้นๆ
(ตามสมควร)

กลุ่มสภาวธรรมที่เป็นอนิยตะ เป็นปฏิปทาอันให้บรรลุฐานะทั้งปวง เมื่อได้ปัจจัยพึงให้เกิดในนรก
กำเนิดสัตว์เดรัจฉาน ที่อยู่ของเปรต อสูร เทวดา มนุษย์ หรือเมื่อได้ปัจจัยพึงให้นิพพาน ดังนั้น ปฏิปทานี้
จึงเป็นหนทางอันให้บรรลึฐานะทั้งปวง

(คัมภีร์เนตติอรรถกถา(หน้า๑๗๖)กล่าวว่า สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณที่ดำเนินไปโดยบุญและบาป
และกรรมที่กระทำให้สิ้นกรรมได้ ดังนั้น บุคคลผู้หยั่งเห็นบุญบาปของบุคคลอื่นจึงเป็นพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเท่านั้น พระสาวกที่แม้จะบรรลุอภิญญาก็ไม่อาจรู้เห็นบาปบุญของบุคคลอื่นได้)

ญาณรู้เห็นโดยสิ้นเชิงด้วยเหตุอันสมควรโดยพลันในเรื่องนี้ ลื่อว่า สัพพัตถคามินีปฏิปทา(ญาณรู้เห็น
ปฏิปทาอันให้บรรลุฐานะทั้งปวง) เป็นกำลังของพระตถาคต ข้อที่ ๒(๒)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร