วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 15:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2021, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1561028734099.jpg
FB_IMG_1561028734099.jpg [ 24.71 KiB | เปิดดู 1927 ครั้ง ]
อนิจจานุปัสสนานี้ เนื่องจากเป็นตอนที่ว่าด้วยการกำหนดอนิจจลักษณะจึงเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ถ้านักปฏิบัติสามารถกำหนดจนเห็นอนิจจสัญญาแล้วความสำคัญผิดว่าเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ก็จะไม่ปรากฏ
แต่ในกรณีของความสำคัญผิดว่า"เป็นสุขหรือตัวตนของเรา"นั้นล่ะ จะอธิบายอย่างไร กิเลสที่ยังยึดมั่น
ถือมั่นว่าสุขหรือตัวตนของเรายังมีอยู่หรือไม่อย่างไร? วิสัชนาว่า กิเลสที่ยึดมั่นถือมั่นดังกล่าว ไม่สามารถ
เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากว่านักปฏิบัติผู้ที่เห็นอนิจจลักษณะอย่างแท้จริงแล้วย่อมไม่เกิดความสำคัญ
ผิดในสิ่งที่ตนเห็นว่าเที่ยงนั้นว่าเป็นสิ่งที่มีความสุขหรือตัวตนของเราไปอย่างแน่นอน แต่ที่จริงแล้ว
เมิ่อท่านเหล่านั้นนำเอาธรรมที่ตนเห็นแจ้งในความไม่เที่ยงมาพิจารณาดูก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่าง
เด็ดขาดว่า เมื่อธรรมที่ไม่เที่ยงก็ย่อมทุกข์ทรมาน ไม่ใช่เป็นสิ่งที่พอใจแต่เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถ
บังคับควบคุมให้อยู่ในอำนาจได้ ดังนี้เป็นต้น การเห็นทุกข์และอนัตตาด้วยการพิจารณาอย่างนี้
ก็ถือได้ว่ารู้โดยประจักษ์แจ้งเช่นเดียวกัน ดังพระพุทธดำรัสในพระบาลีอังคคุตตรนิกายว่า
โค้ด:
อนิจฺจสญฺญา ภาเวตพฺพา อสฺสมิมานสมุคฺฆาตาย อยิจฺจสญฺญิโน ภิกฺขเว อนตฺตสญฺญา สญฺฐาติ
อนตฺตสญฺญี  อสฺมิมานสมุตฺฆาตํ ปาปุณาติ ทิฏฺเฐวธมฺเม นิพฺพานํ

(องฺ.นวก. ๒๗/๑/๒๙๒)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2021, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พึงเจริญอนิจจสัญญาเพื่อถอนอัสมิมานะความถือตน ภิกษุทั้งหลาย อนัตตสัญญาย่อมตั้งขึ้น
(ปรากฏโดยธรรมชาตื) แก่ผู้ที่เห็นอนิจจลักษณะ อนึ่ง ผู้ที่เห็นอนัตตลักษณะนั้นย่อมเข้าถึง
การกำจัดถอนอัสมิมานะ และเข้ถึงพระนิพพานในทิฏฐธรรม(ภพปัจจุบัน)ได้แน่นอน

ในข้อความแห่งพระบาลีที่ยกมานี้ พึงทราบว่าข้อความที่เป็นประเด็นสำคัญในเรื่องอนิจจานุปัสสนา
ได้แก่"อนัตตสัญญาย่อมตั้งขึ้น(ปรากฏโดยอัตโนมัติ)แก่ผู้ที่เห็นอนิจจลักษณะ" ส่วนคำว่าอัสมิมานะ
ถ้าเป็นชนิดที่เกิดขึ้นในสันดานของพระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี ท่านเรียกว่า ยาถามานะ
ซึ่งเป็นมานัที้เกิดขึ้นด้วยอำนาจของความยึดมั่นในการงาน หรือการกระทำบางอย่างที่เป็นสิ่งดีและมีเกียรติ
แต่มิได้มีความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน หรืออัตตา ด้วยอำนาจของทิฏฐิ เหมือนอย่างปุถุชน
คนสามัญทั่วไป ด้วยว่าพระอริยะทั้วหลาย ท่านละทิฏฐิได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ได้รู้สภาพความจริงของ
นามรูปหมดทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ยังมีอัสมิมานะหลงเหลืออยู่จึงทำให้ท่านเหล่านั้นเกิดวิจารณญาณ
ตลอดถึงอาการทางกายและวาจาโดยทำนองว่า เราก็รู้ได้ เราก็พูดเป็น ทำดป็น ดังนี้เป็นต้น

มานะที่เกิดในสันดานของพระอริยบุคคลนี้ มีลักษณะคล้ายกับสักกายทิฏฐิบ้างเป็นบางส่วน ด้วยเหตุนี้
ท่านจึงเรียกว่าอัสมิมานะ ดังกล่าว ทิฏฐิมานะ แม้ในกรณีที่ว่า สัมมาทิฏฐิแห่งอริยมรรคเบื้องบนเป็นผู้
ละมิจฉาทิฏฐินั้น หมายถึงการละอัสมิมานัดังกล่าวนั้นเอง(ท่านเรียกอัสมิมานะว่ามิจฉาทิฏฐิในกรณีนี้)
การที่จะละอัสมิมานันี้ได้โดยเด็ดขาดนั้นจะต้องลัด้วยอรหัตตมรรคเท่านั้นจึงจะละได้

อนึ่ง ถ้านักปฏิบัติรู้แจ้งนามรูปว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยงก็เท่ากับได้รู้แจ้งความเป็นอนัตตาไปด้วย
และเมื่อรู้แจ้งความเป็นอนัตตาแล้วย่อมสามารถละความถือตัวที่เรียกกันว่าอัสมิมานะ
ด้ววอรหัตตมรรคโดยเด็ดขาดได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ในการที่จะละอัสมิมานะได้นั้นพระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงได้ทรงชี้แนะให้พากันเจริญอนิจจสัญญาดังที่อรรถกถาจารย์ได้อธิบายไว้ว่า
โค้ด:
อนตฺตสญฺญา สณฺจาตีติ อนิจฺจลกฺขเณ ทิฏฺเฐ อนตฺตบกฺขณํ ทิฏฺฐเมวโหติ เอเตสุ หิ ตีสุ ลกฺขเณสุ
เอเกกสฺมึ ทิฏฺเฐ อิตรทฺวยํ สณฺฐาตีติ, เตน วะตฺตํ อนิจฺจสญฺญิโน ภิกฺขเว อนตฺตสญฺญา สณฺฐาตีติ.
(องฺ.อฏฺ.๓/๒๘๖)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2021, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อที่ว่า"อนัตตสัญญาย่อมตั้งขึ้น" นั้น หมายความว่า เมื่อได้เห็นอนิจจลักษณะแล้ว ก็ถือว่าได้เห็น
อนัตตลักษณะด้วย จริงอยู่ ในบรรดาไตรลักษณ์ทั้ง ๓ นั้น ถ้าเห็นลักษณะใดลักษณะหนึ่งแล้ว
ก็ชื่อว่าย่อมเห็นไตรลักษณ์ที่เหลือด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย อนัตตสัญญา
ย่อมตั้งขึน(ปรากฏโดยธรรมชาติ) แก่ผู้ที่เห็นอนิจจลักษณะ

ตามข้อความแห่งพระบาลีและอรรถกถาที่ยกมานี้ ชี้ให้เห็นว่า เมื่อนักปฏิบัติพิจารณาเห็นอารมณ์
โดยอนิจจลักษณะแล้ว เมื่อนำอารมณ์ดังกล่าวมาพิจารณาอีกก็จะเห็นทุกขลักษณะ และ
อนัตตลักษณะด้วย ดังนั้น ในการดับกิเลสที่จะเกิดขึ้นเพราะความยึดมั่นว่า สุข มีตัวตนจึงถือได้ว่า
ดับเหมือากับกิเลสที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเที่ยงทุกประการ จะแตกต่างก็เฉพาะที่นิจจลักษณะนั้น
นักปฏิบัติสามารถเห็นได้ในอารมณ์ที่ประจักษ์โดยตรง ส่วนทุกขลักษณะและอนัตตลักษณะ
เป็นลักษณะที่เห็นโดยอนุโลม เทียบเคียงกับอนิจจลักษณะที่ตนได้เห็นอย่างประจักษ์แล้วนั่นเอง

ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อความเปรียบเทียบซึ่งได้ยกมาจากคัมภีร์สัมโมหวิโนทนีอรรถกถา
แห่งวิภังคปกรณ์ หน้า ๕๕ มีใจความดังนี้

โดยปกติแล้ว ชนทั้งหลายเมื่อเห็นภาชนะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ถ้วย แก้วหรืออื่นๆ หลุดตกแตก
จากมือก็จะพากันกล่าวว่า"มันเป็นความไม่เที่ยง"นี้ถือว่าอนิจจลักษณะปรากฏชัดจึงได้พากันกล่าว
ออกมาเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นแผลพุพองตามร่างกายหรือบาดแผลอื่นๆ ก็มักจะพากันกล่าวว่าฎเป็นทุกขฺ"
นี้ถือว่าเป็นทุกขลักษณะปรากฏชัดเหมือนกัน ส่วนอนัตตลักษณะนั้นเป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏชัด
ประดุจความมืดยากที่ยากที่จะรู้หรือสังเกตได้ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เท่านั้นที่ทรงสามารถอธิบายอนัตตลักษณะให้กระจ่างแจ้งได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2021, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อนึ่ง ลักษณะทั้งอนิจจังและทุกขังจะปรากฏชัดอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติขึ้น
หรือไม่ก็ตาม ส่วนอนัตตลักษณะนั้นจะปรากฏเป็นที่รู้จักก็เฉพาะในกาลที่อุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เท่านั้น แม้กระทั่งผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ นอกศาสนา เช่น พระโพธิสัตว์นามว่าสรภังคะหรือคณาจารย์อื่นๆ
ก็สามารถสอนได้เฉพาะอนิจจลักษณะแบะทุกขลักษณะเท่านั้นไม่สามารถสอนอนัตตลักษณะ
ได้เลย ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ระบุไว้โดยตรงแต่ก็พึงทราบได้โดยการสันนิษฐานว่า ถ้าท่านเหล่านั้น
มีความสามารถที่จะแสดงอนัตตาได้ก็ควรที่จะแสดงแก่บริษัทของตนให้บรรลุมรรคผลได้

นอกจากนี้ พระอรรถกถาจารย์ยังได้อธิบายไว้ว่า

โค้ด:
อนตฺตลกฺขณปญฺญาปนญฺหิ อญฺญสฺส กสฺสจิ อวิสโย. สพฺพญฺญุพุทฺธานเมววิสฺโย.
เอวเมเมตํ อนตฺตลกฺขณํ อปากฏํ ตสฺมา สตฺถา อนตฺตลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต อนิจฺเจน วา
ทสฺเสติ ทุกฺเขน วา อนิจฺจทุกฺเขหิ วา.

แท้จริงแล้ว การบัญญัติ(หรือการแสดง)อนัตตลักษณะไม่ใข่วิสัยของคนทั่วๆไป แต่เป็นวิสัย
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้(จึงรู้ว่า) อนัตตลักษณะที่ว่านี้เป็นลักษณะที้ไม่
ปรากฏชัด ดังนั้น พระบรมศาสดาเมื่อทรงประสงค์จะแาดงอนัตตลักษณะมห้ปรากฏ พระองค์
จึงต้องแสดงโดยลักษณะของ อนิจจัง ลักษณะของทุกขัง หรือทั้งลักษณะของอนิจจังและทุกขัง

(แต่มิได้ทรงแสดงอนัตตลักษณะโดยตรง นี้เป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่ให้รู้ว่า
อนัตตลักษณะนั้นรู้ได้ยากยิ่ง)

เกียวกับบุคคลนอกพระพัทธศาสนานั้น แม้ว่าจะรู้อนิจจลักษณะและทุกขลักษณะได้ก็ตาม
แต่ลักษณะที่รู้ดังกล่าวนั้นยังมิใช่ไตรลักษณ์ซึ่งเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาอย่างแท้จริง เป็นเพียง
ลักษณะที่เนื่องด้วยสมมติบัญญัติเท่านั้น หมายความว่า อนิจจลักษณะกล่าวคือการแตกของถ้วย
แก้วเป็นต้นนั้นไม่เกี่ยวกับนามรูปได้ด้วยวิปัสสนาญาณ แต่มีความเกี่ยวเนื่องเฉพาะกับถ้วยแก้ว
เป็นต้นอันเป็นบัญญัติ ดังนั้น อนิจจลักษณะดังกล่าวจึงเป็นของปลอม มิใช่บักษณะอย่างแท้จริง
แม้ในเวลาที่มีคนตาย ต่างก็รู้กันว่าเป็นเรื่องอนิจจัง อนิจจังที่ว่านี้ไม่ใช่อนิจจาลักษณะที่แท้จริง
เพราะยังไม่ใช่ขั้นรูปรมัตถ์ และลักษณะความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลสามัญทั่วไป เพราะการถูก
หนามทิ่มแทงหรือถูกของมีคมอย่างมดอย่างหนึ่งเข้า ความทุกข์ดังกล่าวนั้น ก็ยังไม่ปรากฏโดยปรมัตถ์
เพราะมัวแต่ไปหลงยึดติดกับตัวบุคคลซึ่งเป็นบัญญัติอยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวกับนามรูปปรมัตถ์
แต่อย่างใดด้วยเหตุที่รู้เพียงแค่อนิจจลักษณะ และทุกขลักษณะที่ยังอยู่ในขั้นบัญญัติเท่านั้น
จึงทำให้คณาจารย์นอกศาสนาทั้งหลายไม่สามารุที่จะล่วงรู้อนัตตบักษณะอันแท้จริงได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2021, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ในข้อความที่ได้ยกมาจากพระบาลีอังคุตตรนิกายและอรรถกถาก่อนหน้านี้นั้นพึงทราบว่าเป็นข้อความ
ที่แสดงไตรลักษณ์อย่างแท้จริง ซึ่งมีลักษณะอาการคือ เกิดขึ้นแล้วดับ ถูกทารุณด้วยความเกิดดับ
และไม่เป็นไปตามอำนาจความปรารถนา ถ้าผู้ใดสามารถเห็น ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว
ชื่อว่าย่อมสามารถเห็นลักษณะที่เหลือได้ทั้งหมด

ในคัมภีร์สัมโมหวิโนทนีอรรถกถา ท่านก็กล่าวยืนยันว่า การที่พระพุทธองค์ทรงแสดงอนิจจลักษณะ
นั้นเพราะทรงประสงค์ที่จะให้รู้อนัตตลักษณะด้วย แต่ลักษณะทั้งสองข้างต้นนั้นจะต้องเป็นลักษณะ
ของไตรลักษณ์อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นวิสัยที่จะรู้ได้ด้วยวิปัสสนาญาณ โดยถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว
ลักษณะทั้งสองก็เป็นสิ่งที่รู้ได้ยากพอๆกับอนัตตลักษณะทีเดียว มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะ
สามารถสั่งสอนเรื่องนี้ได้

ดังนั้น พระอาจารย์ผู้รจนามูลฎีกาแห่งสัมโมหวิโนทนีอรรถกถาจึงได้อธิบายไว้ว่า
โค้ด:
อนตฺตลกฺขณปญฺญาปนสฺส อญฺเญสํ อวิสยตฺตา อนตฺตลกฺขณทีปกานํ
อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานญฺจ ปญฺญาปนสฺส อวิสยตา ทสฺสิตา โหติ. เอวํ ปน
ทึปฺปญฺญาปนตา เตสํ ทุรุปฏฺฐานตาว โหติ.

(มูลฎี.๒/๔๓)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2021, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องจาก(ท่านได้แสดงว่า)การตรัสรู้แล้วสามารถสอนอนัตตลักษณะนั้นไม่ใช่วิสัยของบุคคลอื่น
ยกเว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น การตรัสรู้แล้วสามารถสอนอนิจจลักษณะและทุกขลักษณะ
ที่แท้จริง ซึ่งส่องให้เห็นอนัตตลักษณะดังกล่าวก็เป็นที่ท่านแสดงไว้ว่า ไม่ใช่วิสัยของบุคคลอื่นเช่นกัน
ก็สาเหตุที่ยากต่อการแสดงให้เห็นปานนี้นั้นเป็นเพราะว่า อนิจจลักษณะและทุกขลักษณะเหล่านั้น
เป็นสิ่งที่ปรากฏยาก

อธิบายว่าการที่บุคคลไม่สามารถเห็นอนัตตลักษณะนั้น เนื่องจากไม่สามารถเห็นอนิจจลักษณะ
ตัวจริง เพราะถ้ารู้ลักษณะทั้งสองอย่างตามตามความเป็นจริงแล้วย่อมสามารถรู้อนัตตลักษณะได้เช่นกัน
สำหรับการตรัสรู้แล้วสามารถสอนลักษณะของไตรลักษณ์ อันแท้จริงได้นั้น เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ไม่มีใครสามารถทำได้ แบะการที่ไตรลักษณ์ตัวจริงเป็นสิ่งที่ยากต่อการแสดงให้บุคคลอื่นเข้าใจตามได้นั้น
เป็นเพราว่าลักษณะอันแท้จริงเหล่านั้นเป็นปรากฏการที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถที่ไม่จะเห็นได้โดยง่ายนั่นเอง

อนิจจลักษณะและทุกขลักษณะที่เป็นตัวส่องให้เห็นอนัตตลักษณะตามที่ท่านแสดงไว้ในคัมภีร์ฎีกานั้น
หมายถึงลักษณะที่เป็นปรมัตถ์อย่างแท้จริงซึ่งเป็นวิสัยของญาณเหล่านั้นที่จะกำหนดได้ ไม่ใช่เป็นลักษณะ
เหมือนกับอนิจจังในเรื่องของถ้วยลามแตก(ในที่นั้นเป็นเพียงบัญญัติ ไม่ใช่ปรทัตถ์) ซึ่งไม่สามารถที่จะ
เป็นเหตุให้เห็นอนัตตลักษณะเกิดได้เลย ดังนั้น ในอนุฎีกาท่านจึงได้อธิบายไว้ว่า
โค้ด:
น หิ ฆฏเภทกณฺฎกเวธาทิวเสน ลพฺภมานา อนิจฺจทุกฺขตา สตฺตานํ เอกนฺตโตอนตฺตตาธิคมเหตู โหนฺติ,
ปจฺจยปฺปฏิพทฺธตาอภณฺหสมุปฏิปีฬนาทิวเสน ปน สพฺภมานา โหนฺติ, ตถา หิ จกฺขาทีนิ กมฺมาทิมหาภูตา
ทิปจฺจยปฺปฏิพทฺธวุตฺตีนิ, ตโต เอวมฺภูตานิ จ อวสวตฺตนโต อนตฺตกานีติ ปริคฺคเห ฐิเตหิ สมุปจิตญาณสมฺ
ภาเรหิ ปสฺสิตุํ สกฺกา.

(อนุฎี.๒/๔๖)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2021, 11:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


จริงอย่างนั้น อนิจจลักษณะและทุกขลักษณะที่ได้อำนาจแห่งการเห็นหม้อแตกและถูกหนามทิ่มแทง
เป็นต้น ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เหล่าสัตว์บรรลุถึงความเป็นอนัตตาได้โดยตรง ส่วนที่จะเป็นได้โดย
ตรงนั้นจะต้องเป็นอนิจจลักษณะและทุกขลักษณะที่ได้มาด้วยอำนาจแห่งความเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัย
และการทรมานเบียดเบียนอยู่เนืองนิตย์เป็นต้น อย่างเช่นนักปฏิบัติผู้ตั้งอยู่ในการกำหนดนามรูป
ซึ่งเป็นผู้ที่เคยสั่งสมบารมีอันเป็นพื้นฐานของวิปัสสนาญาณมาแล้วย่อมสามารถที่จะเห็นนามรูป
อายตนะทั้งหลายมีจักขุประสาทเป็นต้นที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับเหตุปัจจัยในอดีต
เช่น กรรมเป็นต้นและเหตุปัจจัยในปัจจุบัน เช่นมหาภูตรูปเป็นต้นว่า เป็นอนิจจัง คือสิ่งที่ไม่เที่ยง
เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ก่อนแต่เกิดขึ้นมาใหม่ และพอเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับหายไป(นอกจากนี้)
ยังสามารถเห็นว่าเป็นทุกขัง คือเป็นทุกข์ เพราะเหตุว่า เป็นสิ่งที่ถูกเบียดเบียนทรมานอยู่ทุกขณะ
และยังสามารถเห็นต่อไปอีกว่า อายตนะที้ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ดังกล่าวล้วนเป็นสิ่งที่หาอัตตามิได้
หรือเป็นสิ่งที้ไม่ใช่อัตตา เพราะไม่เป็นไปตามอำนาจที่ขอ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2021, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อควรจำ
ในขณะที่นามรูปอันเป็นอารมณ๋กำลังปรากฏทางทวาร ๖ อยู่นั้นญาณอันรู้แจ้งอารมณ์เหล่านั้นว่าเป็น
สิ่งไม่เที่ยงโดยอาจจะเนื่องมาจากการได้พิจารณาเห็นความเกิดดับของนามรูปตามความเป็นจริง
หรืการได้พิจารณาเห็นเฉพาะความดับของร฿ปนามอย่างเดียวท่านเรียกว่า อนิจจานุปัสสนา และ
เนื่องจากเป็นญาณที่สามารถรู้ได้โดยตรงจึงเรียกว่า ปัจจักขอนิจจานุปัสสนา และเมื่อนักปฏิบัติ
ได้รู้นามรูปอันเป็นอารมณ์ปัจจุบันโดยประจักษ์แจ้งด้วยอนิจจานุปัสสนาแล้วก็จะสามารถทราบนามรูป
อันเป็นอารมณ์ในอดีตและอนาคตได้ว่าเป็นสิ่งที่มีสภาพอย่างเดียวกันกับอารมณ์ปัจจุบันที่เรากำลัง
รู้เห็นอยู่นี้ ก็ญาณที่สามารถทราบในลักษณะทำนองนี้ ท่านเรียกว่า อนุมานอนิจจานุปัสสนา หรือ
อันวยญาณ(ญาณที่คล้อยตาม)

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัจจักขอนิจจานุปัสสนาหรืออนุมานอนิจจานุปัสสนาก็ล้วนแต่เริ่มต้นมาจาก
สัมมสนญาณทั้งสิ้น พอมาถึงภังคญาณก็เริ่มทำการละกิเลสได้ ดังนั้น ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค
ตอนว่าด้วยเรื่องภังคญาณ ท่านจึงได้แสดงไว้อย่างบริบูรณ์อย่างนี้ว่า อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสญฺญํ ปชหติ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron