ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=59642 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 05:39 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ | ||
คำถามเรื่องรูป
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 05:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม |
#คำถามปริจเฉทที่ ๖_๑ ๑. รูปเป็นอเหตุกะหรือสเหตุกะ เป็นโสภณะ หรืออโสภณะ? ตอบ: รูปเป็นอเหตุกะ(ไม่ประกอบด้วยเหตุ6 และวิปปยุตกับเหตุ6ที่เป็นนาม) รูปไม่จัดเป็นโสภณะหรืออโสภณะ(โสภณะ/อโสภณะใช้กับจิตเท่านั้น) ๒. รูปรู้อารมณ์ได้หรือไม่ เพราะเหตุไร รูปเป็นอารมณ์ได้หรือไม่? ตอบ: - รูปรู้อารมณ์ไม่ได้ เพราะรูปเป็นอนารัมมณะไม่สามารถรู้อารมณ์ได้ ที่รู้อารมณ์ได้คือจิตและเจตสิก ที่เป็นนามธรรมเท่านั้น รูปที่รู้อารมณ์ได้ไม่มี -รูปเป็นอารมณ์ได้ ๖ ทวาร รูปที่เกิดทางปัญจทวาร เป็นอารมณ์ทางปัญจทวาร มี ๗ รูป (วิสยรูป ๗ ) อารมณ์ที่รู้ได้เฉพาะทางใจ (ธรรมมารมณ์) แบ่งเป็น ๖ อย่าง คือ นาม๒ (จิต๘๙,เจตสิก๕๒) , รูป ๒ (ปสาทรูป๕,สุขุมรูป๑๖) นิพพาน บัญญัติ - รูปที่รู้ได้เฉพาะทางใจ (ธรรมมารมณ์) มี ๒๑ รูป คือ (ปสาทรูป๕,สุขุมรูป๑๖) ๓. รูปเป็นสังขารธรรมหรือสังขตธรรม เป็นโลกียะ หรือโลกุตตระ? ตอบ: รูปเป็นทั้งสังขารธรรมและสังขตธรรม รูปเป็นโลกียะ (โลกุตตรธรรม9 = มรรค4, ผล4, นิพพาน) - รูปเป็นสังขตธรรม รูปธรรมทั้งหมดเป็นสังขตธรรม คือธรรมที่ปรุงแต่งด้วยเหตุปัจจัย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป รูปธรรมทั้งหมดอยู่ใต้กฏแห่งการปรุงแต่งเหล่านั้น อันมี กรรม, จิต, อุตุและอาหาร เป็นตัวการปรุงแต่งนั่นเอง ส่วนรูปที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใดๆนั้นไม่มี - รูปเป็นโลกียะ เพราะรูปธรรมทั้งหมด เป็นธรรมที่สงเคราะห์เข้าในสังขารโลก มีสภาพธรรมที่ต้องแตกดับอยู่เสมอ ส่วนรูปธรรมที่พ้นจากความแตกดับนั้นไม่มี ๔. สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม และเป็นโลกุตรธรรมด้วยมีหรือไม่? ตอบ: - มี คือ โลกุตตรจิต ๘ (มัคคจิต4และผลจิต4) จิตเป็นสังขตธรรมหรือสังขารธรรม เพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จึงเป็นสังขารธรรม ส่วนโลกุตตรจิต ๘ เป็นโลกุตตรธรรม (รับนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนนิพพานเป็นอสังขารธรรมและโลกุตรธรรม) ๕. รูปเป็นภูมิอะไร ภูมิอะไรมีแต่รูป ภูมิอะไรไม่มีรูป? ตอบ: ภูมิมี ๒ ความหมาย ๑. ฐานภูมิ คือ (ภูมิเป็นที่อาศัยเกิดของสัตว์) มี ๓๑ ภูมิ - รูป เป็นกามภูมิก็ได้ ,รูปภูมิก็ได้ - ภูมิที่มีแต่รูป คือ อสัญญสัตตาภูมิ ๑ - ภูมิที่ไม่มีรูป คือ อรูปภูมิ ๔ ๒. อวัฏฐาภูมิ คือ (ภูมิของจิต) คือ กามภูมิ (กามาวจรจิต ๕๔ ) รูปภูมิ (รูปาวจรจิต ๑๕) อรูปภูมิ (อรูปาวจรจิต ๑๒) โลกุตตรภูมิ (โลกุตตรจิต๘ หรือ ๔๐) (รูปไม่ได้เป็นภูมิอะไรเลย) ๖. รูปของรูปพระพรหม เป็นภูมิอะไร เพราะเหตุใร? ตอบ: รูปของรูปพระพรหม เป็นกามภูมิ เพราะรูปเป็นกามธรรม เป็นอารมณ์ของกามาวจรจิต ๗. รูปเป็นชาติอะไร กุศลหรืออกุศล วิบากหรือกริยา? ตอบ: รูปไม่เป็นทั้ง 4 ชาติ (รูปเป็นผลของกรรม แต่ไม่ใช่วิบาก, ซึ่งใช้กับจิต) - รูปไม่เป็นชาติอะไรเลย เพราะการจำแนกชาติ จำแนกโดยจิตเท่านั้น - รูปไม่เป็นกุศลและอกุศล เพราะรูปเป็น อัพยากตธรรม อัพยากตธรรม คือ ( วิบากจิต ๓๖, กิริยาจิต ๒๐, รูป ๒๘, และนิพพาน) ๘. รูปธรรมเป็นธรรมที่ควรละ หรือควรกำหนดรู้ หรือควรทำให้แจ้ง หรือควรเจริญ? ตอบ: รูปธรรมเป็นทุกขสัจจะ จึงควรกำหนดรู้ (รูปเป็น อัปปหาตัพพะ คือ รูปธรรมทั้งปวงมิใช่ธรรมที่พึงประหาร กิเลสตัณหาต่างหากที่ควรละ ควรประหาร ฉะนั้น รูปที่พึงประหาร คือปหาตัพพธรรม จึงไม่มี) ๙. โคจรรูปต่างกับวิสยรูปอย่างไร ต่างกับอวินิพโภครูปอย่างไร? ตอบ: -โคจรรูปนับ ๔ คือ ๑.รูปารมณ์ ๒.สัททารมณ์ ๓.คันธารมณ์ ๔.รสารมณ์ นับ ๔ รูป -วิสยรูป นับ ๗ คือ ๑.รูปารมณ์ ๒.สัททารมณ์ ๓.คันธารมณ์ ๔.รสารมณ์ ๕.โผฏฐัพพารมณ์ (ทั้ง ๓ คือ ปถวี,เตโช,วาโย) นับ ๗ รูป ต่างจาก อวินิพโภครูป คือ อวินิพโภครูป เป็นรูปที่แยกจากกันไม่ได้. โคจรรูปมี๔ รูป แต่วิสยรูปมี ๗ รูป มี ๓ รูปเพิ่มขึ้นมาคือ ปถวี เตโช วาโย ต่างจากอวินิพโภครูป โดยความหมาย และ วิสยรูป ๗ มี สัททรูป แต่อวินิพโภครูปไม่มี ส่วน อวินิพโภครูปมีอาโปกับอาหารรูป แต่วิสยรูป ๗ ไม่มี ๑๐. ก้อนหิน ท่อนไม้ มีรูปปรมัตถ์กี่รูป เกิดจากสมุฏฐานใด? ตอบ: ก้อนหิน ท่อนไม้ มีรูปปรมัตถ์ ๑๓ หรือ ๑๔ รูปคือ อวินิพโภครูป๘, ปริจเฉทรูป๑, ลักขณรูป๔ (สัททรูป๑ ถ้ากระทบกันเกิดเสียง) เกิดจากอุตุสมุฏฐาน ๑๑. ต้นไม้ที่เติบโตได้ มีรูปปรมัตถ์กี่รูป เกิดจากสมุฏฐานใด? ตอบ: ต้นไม้ที่เติบโตได้ มีรูปปรมัตถ์ ๑๓ หรือ ๑๔ รูป คือ อวินิพโภครูป๘, ปริจเฉทรูป๑, ลักขณรูป๔ (สัททรูป๑ ถ้ากระทบกันเกิดเสียง) เกิดจากอุตุ เป็นสมุฏฐาน ๑๒. รูปของอสัญญสัตตาพรหม มีรูปปรมัตถ์กี่รูป เกิดจากสมุฏฐานใด? ตอบ: รูปของอสัญญสัตตาพรหม มีรูปปรมัตถ์ ๑๗ รูป คืออวินิพโภครูป๘, ชีวิตรูป๑, ปริจเฉทรูป๑, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔ เกิดจากกรรมและอุตุเป็นสมุฏฐาน เพราะอสัญญสัตตพรหม เป็นพรหมที่ไม่มีจิตเจตสิก ฉะนั้น รูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐานจึงไม่มี และรูปที่เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐานนั้นก็ไม่มี ๑๓. รูปของรูปพรหมบุคคล มีรูปปรมัตถ์กี่รูป เกิดจากสมุฏฐานใด? ตอบ: รูปของรูปพรหมบุคคล มีรูปปรมัตถ์ ๒๓ รูป (เว้น ฆาน, ชิวหา, กาย, อิตถี, ปุริส) เกิดจากกรรม, จิต, อุตุ เป็นสมุฏฐาน (ยกเว้น อาหารสมุฏฐาน) - รูปภูมิ ๑๕ (เว้น อสัญญสัตตภูมิ) มีรูปเกิดได้เพียง ๒๓ รูป ในรูป ๒๘ นั้น รูปที่เกิดไม่ได้ในรูปภูมิ มี๕ รูป คือ ๑. ฆานปสาทรูป ๒.ชิวหาปสาทรูป ๓.กายปสาทรูป ๔.อิตถีภาวรูป ๕.ปุริสภาวรูป รวม ๕ รูป เพราะเหตุที่รูปทั้ง ๕ นี้ เป็นรูปที่สนับสนุนกามคุณอารมณ์โดยส่วนเดียว - เกิดได้ ๓ สมุฏฐาน (เว้นอาหารสมุฏฐาน) ๑๔. รูปปรมัตถ์เท่าไหร่ ที่เป็นวินิพโภครูป? ตอบ: รูปปรมัตถ์ที่เป็นวินิพโภครูป มี ๒๐ รูป (แยกจากกันได้ คือ เกิดร่วมกับอวินิพโภครูปก็ได้ หรือ ไม่มีปัจจัยก็ไม่เกิดร่วมได้) ๑๕. สัตว์ที่มีชีวิต มีอวินิพโภครูปเท่าไหร่ สัตว์ที่ตายแล้วมีอวินิพโภครูปเท่าไหร่? ตอบ: มีอวินิพโภครูป ๘ เท่ากันทั้งสัตว์ที่มีชีวิตและที่ตายแล้ว ๑๖. สภาวรูปต่างจากสลักขณรูปอย่างไร รูปที่เป็นสภาวรูปมีกี่รูป? ตอบ: สภาวรูปมีลักษณะเฉพาะตนก็คือรูปปรมัตถ์แท้(นิปผันนรูป๑๘) ส่วนสลักขณรูปเป็นรูปที่มีสามัญลักษณะเป็นไปตามไตรลักษณ์ รูปที่เป็นสภาวรูปมีก ๑๘ รูป ๑๗. อสภาวรูปคืออลักขณรูปใช่หรือไม่ รูปที่เป็นอสลักขณรูปมีกี่รูป? ตอบ: - ว่าโดยความหมายต่างกัน อสภาวรูป คือ รูปที่ไม่มีสภาวลักษณะประจำตัวของตนโดยเฉพาะ อสลักขณรูป คือ รูปที่ไม่มีสามาญลักษณะทั้ง ๓ (อนิจจะ,ทุกขะ,อนัตตะ)รับรอง - ว่าโดยรูป อสภาวรูป และ อสลักขณรูป เป็นรูปปรมัตไม่แท้เหมือนกัน - อสลักขณรูป มี ๑๐ รูป คือ (อนิปผันนรูป๑๐) ๑๘. อสภาวรูปหรืออสลักขณรูปเป็นปรมัตถ์หรือบัญญัติ เพราะเหตุใร? ตอบ: อสภาวรูปหรืออสลักขณรูปเป็นปรมัตถ์(ไม่แท้) เพราะรวมอยู่ในรูป๒๘ที่เป็นปรมัตถ์ ๑๙. รูปรูปหมายถึงรูปอะไร มีกี่รูป ต่างจากอรูปรูปอย่างไร? ตอบ: รูปรูป หมายถึง รูปที่มีความแตกดับเสื่อมสลายด้วยวิโรธิปัจจัย เช่น ความร้อนและเย็น เป็นต้น มี ๑๘ รูป(นิปผันนรูป) ส่วนอรูปรูปคือ รูปที่ไม่มีการแตกดับ แต่ดับไปตามนิปผันนรูป จึงไม่ใช่รูปปรมัตถ์แท้ ๒๐. นิพผันนรูปคืออะไร ต่างจากสัมมสนรูปอย่างไร? ตอบ: - นิปผันนรูป เป็น รูปปรมัตถ์แท้ที่มีสภาวลักษณะของตนโดยเฉพาะ โดยเกิดขึ้นจากสมุฏฐานทั้ง ๔ คือ กรรม, จิต, อุตุ, อาหาร - สัมมสนรูป เป็นรูปที่ยกขึ้นสู่อารมณ์วิปัสสนา ใช้พิจารณาโดยความเป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่เป็นรูปปรมัตถ์แท้เหมือนกัน ๒๑. วิการรูป ๓ และวิญญัติรูป ๒ ทำไมบางครั้งเรียกว่าวิการรูป ๕? ตอบ: เพราะเป็นอาการพิเศษของนิปผันนรูป จึงรวมเรียกว่า วิการรูป๕ - ทั้ง ๕ รูป ล้วนเป็นอาการพิเศษของนิปผันรูป แต่พิเศษคนละรูปแบบ คือ วิญญัติพิเศษ ทำให้นิปผันรูปเคลื่อนไหวได้ ส่วนวิการรูป เป็นอาการ เบา อ่อน ควร ของนิปผันนรูป จึงจัดรวมเป็นวิการรูป ๕ ๒๒. สมุฏฐานที่เป็นเหตุเกิดของรูปมีเท่าไหร่ รูปอะไรบ้างที่ไม่เกิดจากสมุฏฐานใดๆ? ตอบ: - สมุฏฐานที่เป็นเหตุเกิดของรูปมี ๔ คือ กรรม, จิต, อุตุ, อาหาร - รูปที่ไม่เกิดจากสมุฏฐานใดเลย คือ ลักขณรูป ๔ เรียกว่า นกุโตจิสมุฏฐานิกรูป (นกุโตจิสมุฏฐานิกรูป) หมายถึง รูปที่มิได้เกิดจากสมุฏฐานอย่างใดอย่างหนึ่งเลย มี ๔ รูป ได้แก่ ลักขณรูป ๔ เพราะลักขณรูป ๔ นี้ เป็นอาการของรูปกลาปที่กำลังเกิดขึ้นเป็นต้น เท่านั้น จึงไม่มีสมุฏฐานโดยเฉพาะ ๒๓. รูปอะไรบ้างที่เกิดจากกรรมอย่างเดียว รูปอะไรบ้างที่เกิดจากจิตอย่างเดียว? ตอบ: รูปที่เกิดจากกรรมอย่างเดียว คือ ปสาทรูป๕, ภาวรูป๒, หทยรูป๑, ชีวิตรูป๑ รูปที่เกิดจากจิตอย่างเดียว คือ วิญญัติรูป๒ ๒๔. รูปอะไรบ้างที่เกิดจากอุตุอย่างเดียว รูปอะไรบ้างที่เกิดจากอาหารอย่างเดียว? ตอบ: - รูปที่เกิดจากอุตุอย่างเดียว ไม่มี - รูปที่เกิดจากอาหารอย่างเดียว ไม่มี ๒๕. รูปใดบ้างที่เกิดได้จากสมุฏฐาน๒ รูปอะไรบ้างที่เกิดได้จากสมุฏฐาน ๓? ตอบ: - รูปที่เกิดได้จากสมุฏฐาน ๒ คือ สัททรูป มีจิตและอุตุ เป็นสมุฏฐาน - รูปที่เกิดได้จากสมุฏฐาน ๓ คือ วการรูป ๓ มีจิต, อุตุ, อาหาร เป็นสมุฏฐาน *************************************** |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 06:12 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ | ||
.......
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 06:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ |
#คำถามปริจเฉทที่ ๖_๒ #รูปปรมัตถ์ ๒๖. รูปอะไรบ้าง ที่เกิดได้จากสมุฏฐานทั้ง ๔? ตอบ: อวินิพโภครูป ๘ กับ ปริจเฉทรูป ๑ ๒๗. อัชฌัตติกรูปคือรูปภายในตน พาหิรรูปคือรูปภายนอกร่างกายตนใช่หรือไม่? ตอบ: อัชฌัตติกรูป คือรูปภายใน ที่เรียกใช้บ่อย ได้แก่ ปสาทรูป๕ พาหิรรูป คือรูปภายนอก หมายถึงรูปที่นอกจากปสาทรูป๕ ได้แก่ รูปที่เหลือ ๒๓ รูป - อัชฌัตติกรูปมิได้มุ่งหมายเอารูปที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของสัตว์ทั้งหลาย แต่หมายถึงรูปที่มีประโยชน์ช่วยเหลือให้จิตรับอารมณ์และทำกิจการงานของสัตว์ ทั้งหลายได้มาก เหมือนคนในบ้าน ย่อมใช้สอยให้ช่วยทำกิจการต่างๆ ได้มากกว่าคนภายนอกที่ไม่คุ้นเคยกัน ฉะนั้น ปสาทรูป ๕ จึงชื่อว่า เป็นรูปภายใน คืออัชฌัตติกรูป - พาหิรรูปมิได้มุ่งหมายเอารูปภายนอกร่างกายของสัตว์ทั้งหลาย แต่มุ่งหมายเอารูป ๒๓ ที่เหลือ เป็นรูปภายนอก ชื่อว่า พาหิรรูป เพราะไม่ได้ช่วยในกิจการงานของร่างกายมากมายเท่าปสาทรูป ซึ่งเปรียบเหมือนคนนอกบ้าน พอช่วยเหลือกิจการงานบางอย่างได้บ้างเท่านั้น จึงมีความสำคัญแก่ร่างกายไม่ได้มากเหมือนปสาทรูป ซึ่งเป็นคนภายในบ้านนั่นเอง. ๒๘. รูปอะไรบ้างที่เป็นวัตถุรูป เพราะเหตุใดจึงชื่อว่าวัตถุรูป? ตอบ: - วัตถุรูป คือรูปเป็นที่อาศัยเกิดของจิต และเจตสิก มี๖ รูป ได้แก่ ปสาทรูป ๕ , หทยรูป ๑ -ปสาทรูป ๕ เป็นที่อาศัยเกิดของทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ กับเจตสิกที่ประกอบ ๗ -หทัยรูป ๑ เป็นที่อาศัยเกิดของจิต ๗๕ ดวง (เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ,อรูปวิบากจิต๔) กับเจตสิก ๕๒ รูปทั้ง ๖ นี้ จึงชื่อว่า วัตถุรูป ๒๙. รูปอะไรบ้างที่เป็นทวารรูป เพราะเหตุใดจึงชื่อว่าทวารรูป? ตอบ: - รูปที่เป็นทวารรูป มี ๗ รูป คือ ปสาทรูป ๕ , วิญญัติรูป ๒ - ที่ชื่อว่าทวารรูป เพราะเป็นช่องทางการเกิดขึ้นของปัญจทวารวิถี การเกิดขึ้นของปัญจทวารวิถีนั้น ต้องมีปสาทรูป๕ เป็นที่เกิด ปสาทรูป ๕ นี้ จึงได้ชื่อว่า อุปัตติทวาร - การกระทำทางกาย วาจา ไม่ว่าสุจริตกรรม หรือทุจริตกรรม ก็ตาม ถ้าไม่มีกายวิญญัติรูป และวจีวิญญัติรูป เสียแล้ว ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้น วิญญัติรูป ๒ จึงได้ชื่อว่า กัมมทวาร หมายถึง รูปที่เป็นเหตุให้เกิดกายกรรม และวจีกรรม นั่นเอง. ๓๐. เมื่อวัตถุรูปและทวารรูปไม่ทำหน้าที่ของตน ขณะได้ชื่อว่า อวัตถุรูป อทวารรูป? ตอบ: - เมื่อวัตถุรูปไม่ทําหน้าที่ของตน ไม่ชื่อว่า อวัตถุรูป เพราะ ว่าเขาก็สามารถเป็นวัตถุได้ แต่ยังไม่มีปัจจัย ไม่มีจิตมาเกิด ยังไม่เรียกอวัตถุรูป ก็เรียกชื่อตามองค์ธรรมปกติ เรียกว่า ปสาทรูป หทยรูป ไม่ชื่อว่าอวัตถุ เพราะว่า อวัตถุรูป แปลว่า เป็นรูปที่จิตและเจตสิกอาศัยเกิดไม่ได้ - เมื่อทวารรูปไม่ทําหน้าที่ของตน ไม่ชื่อว่า อทวารรูป เพราะว่า ตอนที่รูปไม่ได้ทำหน้าที่ทวาร เขาก็ไม่ได้เป็น อทวาร เพราะ อทวารแปลว่ารูปที่ไม่ใช่ทวาร ตอนเขายังไม่ได้ทำหน้าที่เขาก็ยังเป็นทวาร ได้อยู่ ก็เรียกชื่อตามองค์ธรรมปกติว่า วิญญัตติรูป ๓๑. รูปที่เป็นอินทรีย์ต่างกับนามที่เป็นอินทรีย์อย่างไร อินทรียรูปได้แก่รูปอะไรบ้าง? ตอบ: รูปชีวิตินทรีย์เป็นใหญ่เป็นผู้ปกครองในหน้าที่ของรูปธรรมนั้นๆ นามชีวิตินทรีย์เป็นใหญ่เป็นผู้ปกครองในหน้าที่ของนามธรรมนั้นๆ รูปที่เป็นอินทรีย์ เป็นรูปธรรม มี ๘ รูปได้แก่ ปสาทรูป๕, ภาวรูป๒, ชีวิตรูป๑ นามที่เป็นอินทรีย์ เป็นนามธรรม มี ๘ รูปได้แก่ ชีวิตินทรีย์เจตสิก, มนินทรีย์(จิต๘๙), เวทนาเจตสิก, วิริยเจตสิก, เอกัคคตาเจตสิก, สัทธาเจตสิก, สติเจตสิก, ปัญญาเจตสิก ๓๒. รูปอะไรที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ รูปอะไรที่เห็นได้และกระทบได้? ตอบ: รูปที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ คือ ปสาทรูป๕, สัททรูป, คันธรูป, รสรูป, ปถวี, เตโช, วาโย, รูปที่เห็นได้และกระทบได้ คือ วัณณรูป ๓๓. รูปอะไรที่เห็นได้แต่กระทบไม่ได้ รูปอะไรที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้? ตอบ: รูปที่เห็นได้แต่กระทบไม่ได้ -ไม่มี รูปที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ ได้แก่ อัปปฏิฆรูป ๑๖, ทูเรรูป หรือ สุขุมรูป๑๖ ได้แก่ อาโป๑, ภาวรูป๒, หทยรูป๑, ชีวิตรูป๑, อาหารรูป๑, ปริจเฉทรูป๑, วิญญัติรูป๒, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔ ๓๔. ทูเรรูป (รูปที่ไกล) คือรูปที่อยู่ในที่ไกล สันติเกรูป(รูปใกล้) คือรูปที่อยู่ในที่ใกล้? ตอบ: ทูเรรูป (รูปที่ไกล) คือรูปที่รู้ได้ยาก สันติเกรูป(รูปใกล้) คือรูปที่รู้ได้ง่าย ๓๕. โอฬาริกรูป(รูปหยาบ) มีกี่รูป ปรากฏทางทวารใดได้บ้าง? ตอบ: โอฬาริกรูป(รูปหยาบ) มี ๑๒ รูป ปรากฏได้ ๖ ทวาร คือ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ(ปสาทรูป๕ เป็นธัมมารมณ์) ๓๖. สุขุมรูป(รูปละเอียด) มีกี่รูป ปรากฏทางทวารใดได้บ้าง? ตอบ: สุขุมรูป(รูปละเอียด) มี ๑๖ รูป (อาโป, ภาวรูป๒, หทยรูป, ชีวิตรูป, อาหารรูป, ปริจเฉทรูป, วิญญัติรูป๒, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔ ปรากฏทางมโนทวารอย่างเดียว ๓๗. อุปาทินนรูปหมายถึงรูปอะไร เป็นรูปปรมัตถ์กี่รูป? ตอบ: อุปาทินนรูปหมายถึงรูปที่เกิดจากกรรม ๒๕ หรือเรียกว่า เจตนากรรม ๒๕ - เจตนากรรม ๒๕ อกุศลจิต ๑๒ มหากุศลจิต ๘ รูปากุศลจิต ๕ เป็นรูปปรมัตถ์ ๑๘ รูป(กัมมชรูป ๑๘ ได้แก่ อวินิพโภครูป๘, ปริจเฉทรูป, ปสาทรูป๕, ภาวรูป๒, หทยรูป๑, ชีวิตรูป๑) ๓๘. อนุปาทินนรูปหมายถึงรูปอะไร เป็นรูปปรมัตถ์กี่รูป? ตอบ: อนุปาทินนรูปหมายถึงรูปที่ไม่เกิดจากกรรม ๒๕ ได้แก่ รูปที่เกิดจากจิต, อุตุ, อาหาร เป็นรูปปรมัตถ์ ๑๐ รูป(สัททรูป๑, วิญญัติรูป๒, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔) ๓๙. อสัญญสัตตาพรหมมีอุปาทินนรูปหรือไม่ มีอนุปาทินนรูปหรือไม่ กี่รูป? ตอบ: อสัญญสัตตาพรหมมีอุปาทินนรูป มีอนุปาทินนรูป ๑๐ รูป (อวินิพโภครูป๘, ปริจเฉทรูป๑, ชีวิตรูป๑) อสัญญสัตตาพรหมมีอนุปาทินนรูป ๗ รูป (วิการรูป๓, ลักขณรูป๔) ๔๐. โคจรัคคาหกรูปคืออะไร มีกี่รูป? อโคจรัคคาหกรูปคืออะไร มีกี่รูป? ตอบ: โคจรัคคาหกรูปคือ รูปที่รับปัญจารมย์ได้ มี ๕ รูป(ปสาทรูป๕) อโคจรัคคาหกรูปคือ รูปที่รับปัญจารมย์ไม่ได้ มี ๒๓ รูปที่เหลือ ๔๑. สัมปัตตโคจรัคคาหกรูปได้แก่รูปอะไร อสัมปัตตโคจรัคคาหกรูปได้แก่รูปอะไร? ตอบ: สัมปัตตโคจรัคคาหกรูป (รูปที่สามารถรับอารมณ์ที่มาถึงตน)ได้แก่ ฆานปสาทรูป, ชิวปสาทรูป, กายปสาทรูป อสัมปัตตโคจรัคคาหกรูป (รูปที่สามารถรับอารมณ์ที่ยังมาไม่ถึงตน)ได้แก่ จักขุปสาทรูป, โสตปสาทรูป ๔๒. อุปาทินนรูปใช่อุปาทายรูปหรือไม่ ต่างกันอย่างไร ตอบ: อุปาทินนรูปไม่ใช่อุปาทายรูป ทั้งหมด คือบางส่วนใช่ บางส่วนไม่ใช่.. มหาภูตรูปในอุปาทินนรูปไม่ใช่อุปาทายรูป ส่วนอุปาทายรูปที่ไม่เป็นอุปาทินนรูป คือ สัททรูป, วิญญัติรูป๒, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔ ต่างกันคือ อุปาทินนรูปเป็นรูปที่เกิดกรรมมี ๑๘ รูป ส่วนอุปาทายรูปเป็นรูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด มี ๒๔ รูป(เว้น มหาภูตรูป๔) ๔๓. อุปาทินนรูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูปมีหรือไม่ อะไรบ้าง? ตอบ: อุปาทินนรูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูปมี ๔ รูป คือ มหาภูตรูป๔ ๔๔. อุปาทายรูปที่ไม่เป็นอุปาทินนรูปมีหรือไม่ อะไรบ้าง? ตอบ: อุปาทายรูปที่ไม่เป็นอุปาทินนรูป มี ได้แก่ สัททรูป๑, วิญญัติรูป๒, วิการรูป๓, ลักขณรูป๔ ๔๕. กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เกิดกับจิตกี่ดวง เป็นปัจจัยให้เกิดกัมมชรูป? ตอบ: กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เกิดกับจิต ๒๕ ดวง เป็นปัจจัยให้เกิดกัมมชรูป ๔๖. กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เกิดกับจิตกี่ดวง เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตรูป? ตอบ: กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เกิดกับจิต (อกุศลจิต๑๒+กุศลจิต๒๑=เจตนากรรม ๓๓) ๓๓ ดวง เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตรูป ๔๗. จิตกี่ดวงที่เกิดพร้อมกับกัมมชรูปในปฏิสนธิกาล กี่ดวงที่เกิดพร้อมในปวัตติกาล? ตอบ: ปฏิสนธิจิต ๑๕ ดวง(เว้นอรูปวิบากจิต ๔) ที่เกิดพร้อมกับกัมมชรูปในปฏิสนธิกาล จิต ๘๕ ดวง (เว้นอรูปวิบากจิต ๔)ที่เกิดพร้อมในปวัตติกาล ๔๘. จิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มีกี่ดวง ที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มีกี่ดวง? ตอบ: จิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มี ๗๕ ดวง ที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มี ๑๔ ดวง (ทวิ๑๐, อรูปวิบาก๔) ๔๙. จิตเกิดขึ้นโดยปราศจากกัมมชรูปได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: อรูปวิบากจิต ๔, มรรคเบื้องบน๓ ในอรูปภูมิ , ผลจิต ๔ในอรูปภูมิ ๕๐. ในภูมิที่มีขันธ์๕ จิตเกิดโดยไม่มีจิตตช... อุตุช... อาหารชรูปได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: ปฏิสนธิจิต ๑๕ ดวง(เว้นอรูปวิบาก ๔)ไม่มีจิตตชรูป เพราะจิตตชรูปจะเกิดครั้งแรกที่อุปาทะขณะของปฐมภวังค์หลังปฏิสนธิจิต อุตุชรูปเกิดครั้งแรกที่ฐีติขณะของปฏิสนธิจิต จึงไม่มีอุตุชรูปขณะอุปาทขณะของปฏิสนธิจิต อาหารชรูปในปัญจโวการภูมิ ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตจนสิ้นสุดภวังค์ดวงที่๑๖ ไม่มีอาหารชรูป อาหารชรูปจะเกิดครั้งแรกที่อุปาทขณะของมโนทวาราวัชชนจิตในมโนทวารวิถีแรกหลังปฏิสนธิ *************************************** |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 06:46 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ | ||
........
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2020, 06:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามเรื่องรูปทบทวนปริเฉทที่ ๖/๑ |
#คำถามปริจเฉทที่ ๖_๓ #รูปปรมัตถ์ ๕๑. กัมมชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: กัมมชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้ คือ เกิดกับอสัญญสัตตาพรหม ที่มีแต่รูปไม่มีจิต หรือขณะที่ผู้นั้นเข้านิโรธสมาบัติ ๕๒. จิตตชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตใจได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: จิตตชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตใจไม่ได้ เพราะจิตตชรูปเกิดจากจิต ๕๓. อุตุชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: อุตุชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้ 4 ประการนี้ ๑) อุตุชรูปที่เกิดกับอสัญญสัตตาพรหม เพราะท่านไม่มีจิต ๒) อุตุชรูปขณะที่ผู้นั้นเข้านิโรธสมาบัติ เพราะขณะนั้นจิตท่านดับ ๓) อุตุชรูปในสัตว์ที่ตายแล้ว ในซากศพ เพราะอุตุชรูปยังคงอยู่ตลอดไปจนกว่าโลกจะแตกสลาย ๔) อุตุชรูปของสิ่งต่างๆภายนอก ได้แก่ ต้นไม้ หิน อุตุชรูปเกิดได้ตลอดไม่ต้องอาศัยจิต ๕๔. อาหารชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้หรือไม่ ในขณะใด? ตอบ: อาหารชรูปเกิดขึ้นโดยปราศจากจิตได้ ในขณะที่ พระอนาคามี/พระอรหันต์เข้านิโรธสมาบัติ จิตจะดับแต่ อาหารชรูปเกิดได้ตลอด ๕๕. กัมมชรูปเกิดขึ้นครั้งแรกในขณะใด เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในขณะใด ตอบ: กัมมชรูปเกิดครั้งแรกที่ อุปาทขณะของปฏิสนธิจิต และ เกิดครั้งสุดท้าย ที่อุปาทักขณะของจิตดวงที่ ๑๗ ที่นับถอยหลังจากจุติจิตขึ้นไปและจะดับพร้อมกับจุติจิตพอดี ๕๖. จิตตชรูปเกิดครั้งแรกในขณะใด เกิดเป็นครั้งสุดท้ายในขณะใด? ตอบ: จิตตชรูปเกิดครั้งแรกที่ อุปาทขณะของปฐมภวังค์ และเกิดครั้งสุดท้าย ที่อุปาทักขณะของจุติจิตยกเว้นของพระอรหันต์จะเกิดครั้งสุดท้ายที่อุปาทขณะก่อนจุติจิต ๑ ดวง ๕๗. อุตุรูป เกิดขึ้นครั้งแรกในขณะใด เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในขณะใด? ตอบ: อุตุชรูปเกิดครั้งแรกที่ ฐีติขณะของปฏิสนธิจิต และ เกิดครั้งสุดท้าย ไม่มี เพราะแม้อุตุที่เกิดจาก กรรม จิต และอาหาร จะดับหมดแล้ว ก็ยังมี อุตุของซากศพติดตามไปจนโลกแตกสลาย(พหิธอุตุชรูป) ๕๘. อาหารชรูป เกิดครั้งแรกในขณะใด เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในขณะใด? ตอบ: อาหารชรูป: รูปที่เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐาน - เกิดครั้งแรก @ คัพภเสยยกกำเนิด เกิดครั้งแรกที่ สัปดาห์ที่ ๒-๓ นับแต่ปฏิสนธิกาล กล่่าวคือ หลังจากมารดากินอาหารแล้วส่งต่อมาให้ทารกในครรภ์ โอชาก็จะซึมซาบเข้า ร่างกายของทารก ทำให้อาหารโชรูปเกิดขึ้นแก่ทารกนั้นได้ @ สังเสทชะ/โอปปาติกกำเนิดในกามภูมิ เกิดครั้งแรกเมื่อสัตว์เกิดขึ้นแล้วกลืนน้ำลายลงลำคอ อาหารชรูปก็จะเกิดขึ้น ซึมซาบเลี้ยงร่างกายทันที หรือ เกิดครั้งแรกที่มโนทวาราวัชชนจิตของมโนทวารวิถีแรกของภพใหม่ - เกิดครั้งสุดท้าย ที่ภังคขณะของจุติจิต ๕๙. วิการรูป ๓ เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานได้หรือไม่ เพราะเหตุใด? ตอบ: วิการรูป ๓ เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานไม่ได้ เพราะวิการรูปเป็นรูปที่แสดงอาการเบา, อ่อน, ควรแก่งาน เกิดจากกัมมชรูปไม่ได้ ๖๐. เสียงในกระเพาะอาหารที่ดังขึ้น เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐานใช่หรือไม่? ตอบ: เสียงในกระเพาะอาหารที่ดังขึ้น ไม่ได้เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐาน แต่เกิดจากอุตุชรูป ๖๑. ชลาพุชะ และอัณฑะกำเนิด เพราะเหตุใดจึงเรียกว่าคัพภเสยยกสัตว์? ตอบ: เพราะเกิดในครรภ์ ๖๒. ชลาพุชะ และอัณฑะกำเนิด ในปฏิสนธิกาลมีกลุ่มของรูปเกิดได้มากที่สุดกี่กลาป? ตอบ: กลุ่มของรูปเกิดได้มากที่สุด 3 กลาป (กายทสก, ภาวทสก, วัตถุทสก) ๖๓. สังเสทชะและโอปปาติกะกําเนิด ในปฏิสนธิกาลมีกลุ่มของรูปเกิดได้มากที่สุดกี่กลาป? ตอบ: กลุ่มของรูปเกิดได้มากที่สุด 7 กลาป (จักขุทสก, โสตทสก, ฆานทสก, ชิวหาทสก, กายทสก, ภาวทสก, วัตถุทสก) ๖๔. พรหมบุคคล เทวดา สัตว์นรก มีอาหารชรูปหรือไม่ เพราะเหตุใร? ตอบ: พรหมบุคคลไม่มีอาหารชรูป(อิ่มด้วยปิติ), เทวดามีอาหารชรูป(อาหารทิพย์), สัตว์นรกไม่มีอาหารชรูป(อำนาจกรรมหล่อเลี้ยง) ๖๕. อาหารมื้อหนึ่งของมนุษย์สามารถใช้ดำรงชีวิตอยู่ได้กี่วัน สันนิษฐานได้จากอะไร? ตอบ: อาหารมื้อหนึ่งของมนุษย์สามารถใช้ดำรงชีวิตอยู่ได้ 7 วัน สันนิษฐานได้จากขณะที่ผู้นั้นเข้านิโรธสมาบัติ สามารถเข้าได้ 7 วันโดยไม่ต้องทานอาหาร ๖๖. รูปของผู้ที่เข้าฌานสมาบัติ กับรูปของผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติต่างกันอย่างไร ? ตอบ: ผู้ที่เข้าฌานสมาบัติยังมีจิตตชรูป แต่ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จิตและเจตสิกดับจึงไม่มีจิตตชรูป ๖๗. บุคคลใดที่มีรูป แต่ไม่มีกัมมชรูป ไม่มีจิตตชรูป ไม่มีอุตุชรูป ไม่มีอาหารรูป? ตอบ: ไม่มีบุคคลใดเลยที่มีรูปแล้ว ไม่มีกัมมชรูป ไม่มีจิตตชรูป ไม่มีอุตุชรูป ไม่มีอาหารรูป ๖๘. บุคคลใดบ้างที่มีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากรูปทั้ง 4 สมุฏฐาน? ตอบ: อรูปพรหมบุคคลมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากรูปทั้ง 4 สมุฏฐาน เพราะไม่มีรูป ๖๙. พรหมบุคคล ปฏิสนธิด้วยกัมมชกลาปกี่กลุ่ม อะไรบ้าง? ตอบ: พรหมบุคคลในรูปภูมิ 15 ปฏิสนธิด้วยกัมมชกลาป 4 กลาป (จักขุทสก, โสตทสก, วัตถุทสก, ชีวิตนวกกลาป) ๗๐. อสัญญสัตตาพรหมบุคคลปฏิสนธิด้วยกัมมชกลาปกี่กลุ่ม อะไรบ้าง? ตอบ: 1 กลุ่ม คือ ชีวิตนวกกลาป ๗๑. ในปวัตติกาล อสัญญสัตตาพรหมมีวิการรูป 3 หรือไม่ เกิดจากสมุฏฐานใด? ตอบ: ได้ คือ เกิดจากอุตุสมุฏฐาน มีวิการรูปที่ทำให้กายละเอียดเบา, อ่อนนิ่ม ตั้งอยู่ได้ 500 กัปป์ ๗๒. รูปารมณ์ กับ สี (วัณโณ) มีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร? ตอบ: ต่างกัน คือ วัณรูป คือ สีต่างๆ แต่เมื่อเป็นอารมณ์ของจิตจะเรียกว่ารูปารมณ์ ๗๓. วิญญาณธาตุเท่าไหร่ ที่สามารถรู้รูปารมณ์ได้ เท่าไหร่ที่ไม่สามารถรู้รูปารมณ์ได้? ตอบ: วิญญาณธาตุ 3 (จักขุวิญญาณธาตุ, มโนธาตุ, มโนวิญญาณธาตุ)ที่สามารถรู้รูปารมณ์ได้ 4 ธาตุที่เหลือ ไม่สามารถรู้รูปารมณ์ได้ อันได้แก่ โสตวิญญาณธาตุ, ฆานวิญญาณธาตุ, ชิวหาวิญญาณธาตุ, กายวิญญาณธาตุ ๗๔. วิญญาณธาตุเท่าไหร่ ที่สามารถรู้ธัมมารมณ์ได้ เท่าไหร่ที่ไม่สามารถรู้ธัมมารมณ์ได้? ตอบ: มีวิญญาณธาตุ 1 ได้แก่ มโนวิญญาณธาตุ ที่สามารถรู้ธัมมารมณ์ได้ อีก 6 ธาตุที่เหลือ สามารถรู้ปัญจารมย์ได้ ได้แก่ จักขุวิญญาณธาตุ, โสตวิญญาณธาตุ, ฆานวิญญาณธาตุ, ชิวหาวิญญาณธาตุ, กายวิญญาณธาตุ, มโนธาตุ, ๗๕. ในบรรดารูป ๒๘ รูปเท่าไหร่ที่เป็นโคจรรูป เพราะเหตุใดจึงชื่อว่าโคจรรูป? ตอบ: โคจรรูป 4 เพราะเป็นที่โคจรไปหาอารมณ์ของจิตและเจตสิกทาง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย *************************************** |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |