วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 19:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2020, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




budda.png
budda.png [ 205.53 KiB | เปิดดู 951 ครั้ง ]
ปิยรูป สาตรูป เป็นปทัฏฐานแก่ตัณหา
ปิยรูป หมายถึง รูปที่น่าใคร่น่ายินดี
องค์ธรรม ของปิยรูปนี้ รวมถึงนามธรรมด้วย

สาตรูป หมายถึง น่ายินดี ความหมายไม่ต่างกับปิยรูปเท่าไหร่
จริง ๆ แล้วองค์ธรรมของปิยรูป สาตรูป ได้แก่
โลกียจิต ๘๑ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘
ฉะนั้น ก็ ปิยรูป สาตรูป นี้แล เป็นเหตุให้ตัณหาเกิด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2020, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


โลภะ คือ ความโลภ มีความปรารถนาเป็นลักษณะ
มีความอยากได้หรือความต้องการเป็นลักษณะ
ตสฺส อทินฺนาทานํ ปทฏฺฐานํ. ในที่นี้หมายถึง
เจตนาที่จะลักทรัพย์ ปทฎฺฐานํ เป็น ปทฏฺฐาน(เป็นเหตุ)
ตสฺส โลภสฺส ของความโลภนั้น

อทินนาทานเจตนาเป็นเหตุให้เกิดความโลภ
ถ้าไม่ได้พิจารณาจริงๆ จะไม่เข้าใจ อาจเข้าใจผิดคิดว่า
ความโลภทำให้เกิดอทินนาทาน สำหรับในที่นี้
ท่านมุ่งถึงอกุศลธรรม มีอะไรเป็นเหตุเกิด
ความจริงแล้วท่านบอกว่า

อทินนาทานเจตนาที่จะลักทรัพย์ผู้อื่น ถ้ามีขึ้นครังเดียว
ท่านก็บอกว่ามันเป็นปัจจัย หรือเหตุให้โลภะชวนะเกิดได้เป็นจำนวนมากมาย

เพราะฉะนั้นอทินนาทานเจตนานี้ เจตนาที่จะลักทรัพย์
ของผู้อื่นจึงเป็นปทัฏฐาน ให้เกิดความโลภ
แสดงว่าความโลภมีอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ในรูปของอนุสัย
ที่นอนเนื่องอยู่ เมื่อมีเจตนาที่จะลักทรัพย์
ก็ทำให้ความโลภปรากฏขึ้นหรือฟุ้งขึ้น ทะลักเข้าสู่จิตใจ

เพราะฉะนั้น ท่านจึงบอกว่า อทินนาทานเจตนาเป็นเหตุให้เกิดโลภะได้
แต่มิใช่เป็นการเกิดแบบวัฏฏะ อันนี้ท่านต้องการมุ่งถึงโลภะมีอะไรเป็นเหตุ
เท่านั้นเอง เราอาจจะเอาโลภะเป็นเจตนาก่อให้เกิด
อทินนาทาน(การลักทรัพย์) ถ้าสมมุติเราจะมุ่งถึงเหตุของ
อทินนาทาน แต่ที่นี้ ท่านกำลังจะมุ่งถึงเหตุของความโลภ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร