วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 10:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง





กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 14

หากคนอื่นจะทำร้ายเรา แล้วเราทำร้ายเขาก่อนเป็นการป้องกันตัว บาปหรือไม่


ตอบ

ถ้าเป็นเรื่องกฎหมาย อาจจะไม่ได้รับโทษหรือมีโทษเบาในการทำร้ายหรือการฆ่า ในทางธรรมก็ถือว่าบาปแต่บาปไม่มาก ขึ้นกับเหตุปัจจัยอื่นอีก ยกตัวอย่างว่าเรารักษาศีล 5 อยู่ แต่มีวันหนึ่งมีคนเข้ามาจะทำร้ายคนในครอบครัว เราจำเป็นต้องป้องกันรักษาความปลอดภัยของสมาชิกครอบครัวหรือตัวเอง มีกตัญญูกตเวที ดูแลรักษาญาติพี่น้อง คงจะดีกว่าไม่ทำอะไรจะเป็นบาปหนักกว่าอีก

ตำรวจทหารปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยประชาชน บางครั้งก็จำเป็นต้องฆ่าศัตรู โจร ผิดศีลเหมือนกันเพราะฆ่าคน ถูกธรรม มีคุณธรรม ความดีก็มีอยู่ ทางโลกอาจจะยกย่องสรรเสริญมากๆ ก็เป็นได้ แต่บาปมันก็มีอยู่อย่างนั้น

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 15

ต้นไม้ที่ชื่อว่า ลั่นทม ปลูกไว้ในบ้านจะทำให้มีชีวิตที่ไม่สดชื่นหรือไม่


ตอบ

อันนี้เป็นความเชื่อที่ผิดๆ ของคนโบราณที่พูดกันสอนกัน เพราะคำว่าลั่นทมไปคล้ายกับคำว่าระทมซึ่งมีความหมายไม่ดี แต่เดี๋ยวนี้นิยมปลูกกัน เพราะสวยด้วย หอมด้วย ปลูกง่าย ปลูกก็ได้ ปลูกเยอะๆ ก็ดี

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 16

คำว่าเนื้อนาบุญหมายความว่าอย่างไร


ตอบ

หมายความว่า เมื่อปลูกต้นไม้สักต้นหนึ่ง ถ้าที่ดินไม่สมบูรณ์ ถึงปลูกก็ไม่โต เมื่อปลูกในที่สมบูรณ์ ดินดี ปุ๋ยดี อากาศเหมาะสม ต้นไม้นั้นจะโตเร็ว เมื่อทำบุญทำความดีก็เหมือนกัน

อริยบุคคล เรียกว่า สมณะ ในมงคลสูตรกล่าวว่า การพบเห็นสมณะเป็นมงคลอันยิ่งใหญ่ ถ้าเรามีโอกาสได้พบเห็น ได้ฟังเทศน์ ฟังธรรม ได้ทำบุญกับท่าน ท่านจะอธิษฐานจิต เมตตาจิตของท่านก็มีผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจและชีวิตของเรา

อริยบุคคล - โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นผู้บริสุทธิ์เป็นเสมือนดินที่สมบูรณ์ ปลูกอะไรก็เจริญเติบโตงอกงาม พระส่วนใหญ่ไม่ใช่อริยบุคคล ส่วนใหญ่เป็นสมมุติสงฆ์ อาจจะมากกว่า 99 % สึกเมื่อไรก็ไม่แปลก และเมื่อสึกส่วนใหญ่ยากที่จะรักษาศีล จิตใจเป็นปุถุชนเหมือนฆราวาส แต่ขณะที่เป็นสมมุติสงฆ์ ก็รับใช้พระศาสนาก็น่าชมเหมือนกัน

เมื่อเราพูดถึงการบริจาคเงินให้กับแม่ชีก็ดี หรือให้กับองค์กรการกุศลที่บริหารดีและสุจริตก็ดี อานิสงส์ของการทำบุญบริจาคพอๆ กัน สำคัญตรงที่ว่า เงินที่เราบริจาคจะเกิดประโยชน์จริงไหม จุดนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราทำบุญกับพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็จะได้บุญดี เพราะท่านไม่โกง หรือนำไปใช้ส่วนตัว แต่ใช้ในทางที่เกิดประโยชน์

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 17

ลูกมีสิทธิด่าว่า ติเตียนบิดามารดาหรือไม่ในกรณีที่พ่อแม่ไม่รักษาคำพูดที่เคยพูดไว้กับลูก


ตอบ

เราไม่ควรทำ เพราะพ่อแม่มีบุญคุณต่อลูกมาก เราเกิดมาในโลกนี้ได้ก็อาศัยท่าน อย่างองคุลีมาลฆ่าคน 999 คน ก็ยังบาปน้อยกว่าฆ่าพ่อหรือแม่คนเดียว

ปกติแล้วพ่อแม่ก็ไม่มีเจตนาที่จะทำให้ลูกมีความทุกข์ แต่อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกใจเรา ตัวอย่างเช่น ลูกอยากได้ของบางอย่างที่มีราคาแพงเกินฐานะของพ่อแม่ โดยพ่อแม่คิดว่าไม่จำเป็น แต่ลูกก็อยากได้มาก บางครั้งพ่อแม่อาจจะบอกว่าปีหน้าจะซื้อให้ เรามักจะพูดกันทำนองนี้เพื่อแก้สถานการณ์ในปัจจุบัน

เนื้อความในคำพูดบางทีก็ไม่สำคัญก็มี หรือเมื่อพูด คิดว่าอย่างนั้น แล้วลูกก็ยึดถือเอาคำพูดอันนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เหตุปัจจัยมันเปลี่ยน เลยคล้ายผู้พูดโกหก จริงๆ แล้วไม่มีเจตนาโกหก และลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่โกหกเพราะไม่มีเจตนาโกหก ถือหลักอนิจจังไม่เที่ยงดีกว่า ดูในปัจจุบันดีที่สุด พ่อแม่จะให้เรา เราก็เอาได้ ไม่ให้ก็ไม่เอาเท่านั้นเอง อย่ายึดมั่นถือมั่นในอดีต

จริงๆ แล้วเรื่องทำนองเดียวกันนี้ก็มีมากในชีวิตของเรา คนที่โกรธ ไม่พอใจเรา เพราะคิดว่าเราพูดโกหกก็คงจะมีบ่อยๆ แต่เราอาจจะไม่ค่อยรู้สึก เราก็เป็นกันอย่างนี้ทุกคน เห็นโทษคนอื่นยิ่งใหญ่ โทษของตัวเองเท่ารูเข็ม

บางทีเราก็ทำผิดต่อพ่อแม่ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เราเห็นก็ได้ เราจึงต้องมีสติ ต้องเอาธรรมมากั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา คำพูดคนอื่นต่อเราก็ดี สิ่งที่เราพูดกับคนอื่นก็ดี ความรู้สึกก็ดี ความเข้าใจก็ดี มันไม่เที่ยง ไม่แน่ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ลึกๆ ในใจให้ทำความเข้าใจอันนี้เป็นพื้นฐานของจิตใจ พยายามระวังความรู้สึก ไม่ยินดียินร้าย รักษาสุขภาพใจดี และสำรวมระวังการกระทำ คำพูดของตนเองให้มากๆ

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 18

ทำไมบางคนทำผิดมาก คนอื่นเตือนให้ประพฤติตัวให้ดีขึ้น ทำไมเขาจึงโกรธเพื่อนคะ


ตอบ

เป็นธรรมดาของจิตที่ถูกครอบงำด้วย กิเลส ตัณหา มีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่มีสติ ไม่มีความยั้งคิดพิจารณาตามความเป็นจริง จึงเป็นอย่างนั้น ความรู้สึกอัตตา ตัวตน มันเจ็บ เจ็บใจ แม้เราจะติด้วยความหวังดีก็ตาม เขาเจ็บใจ ทนทุกข์เจ็บใจไม่ได้ จึงโกรธเรา เราก็เช่นเดียวกันนั้นแหละ เป็นอย่างนั้นบ้างไม่มากก็น้อย เราจึงต้องฉลาด

หลวงพ่อชา สอนอยู่ประจำว่า สมมุติเราเป็นพ่อแม่ มีลูก ลูกทำผิดจริงๆ ถ้าเราโกรธ ใจร้อน อย่าพึ่งสอนลูก สอนใจตัวเองให้ระงับอารมณ์ร้อน ให้ใจเย็น ใจดี ใจเมตตา แล้วสอนด้วยใจพ่อแม่จริงๆ ด้วยการใช้สติ ปัญญา เหตุผล พยายามให้ลูกเข้าใจด้วยความสบายใจ

เราพร้อม แต่ถ้าลูกยังไม่พร้อม ยังไม่ต้องพูด เพราะไม่เกิดประโยชน์ เราพร้อม เขาพร้อม จึงจะเกิดผลเป็นการสอน ถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน คำพูดเดียวกัน แต่เรียกว่าโกรธ ใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ จึงเรียกว่า สอน

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 19

พระอาจารย์คิดว่าหลักธรรมใดของพระพุทธเจ้า ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด


ตอบ

ธรรมที่มีอุปการะมากในทุกเวลา ทุกสถานการณ์ คือ
สติ ระลึกได้
สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว


ระลึกได้ถึงความเป็นมนุษย์ (ใจสูง) เป็นหญิงชาย เป็นพ่อแม่ลูก สถานะในสังคม ตลอดถึงกาย เวทนา จิต ธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ยึดมั่นถือมั่น ลดมานะทิฏฐิ ไม่เห็นแก่ตัว คือ กำลังของสติสัมปชัญญะ มีสุขภาพใจดี มีกำลังใจ เกิดประสิทธิภาพในการงานหน้าที่ของเรา

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 20

ลองปฏิบัติด้วยการนอนสมาธิ แต่มักจะเผลอหลับไป อยากให้พระอาจารย์บอกวิธีฝึกในการนอนสมาธิด้วย


ตอบ

การนอนสมาธิเป็นการปฏิบัติที่ละเอียด ผู้ที่ปฏิบัติก้าวหน้าไปไกลเท่านั้นที่จะทำได้ สำหรับพวกเราผู้ปฏิบัติธรรมควรอาศัยอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง แต่บางคนยังไม่พร้อมที่จะปฏิบัตินั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม อาจารย์ก็ให้เริ่มต้นนอนสมาธิ เพราะหลับก็ไม่เป็นไร หลับแล้วก็สบาย อาจจะบรรเทาความฟุ้งซ่านได้บ้าง หลับก็หลับให้สบายเลย ถ้ายังไม่หลับก็เป็นการช่วยฝึกสมาธิเหมือนกัน

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 21

คนที่เรารักมากๆ แต่ก่อนเคยเป็นของเรา ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่เป็นของเราแล้ว อาจเป็นของคนอื่น ทำให้เราทุกข์ใจ ตัดใจไม่ได้ เรายังอยากได้เป็นของเราอยู่ ควรใช้ธรรมข้อใดพิจารณาดีคะ


ตอบ

ใจเย็นๆ ไว้ก่อน เรากับเขาคงจะไม่มีบุพเพสันนิวาส เขาคงไม่ใช่ของเราจริงๆ คู่บารมีที่แท้จริงควรวางใจได้ เชื่อถือได้ ไม่ระแวง ไม่มีใครสามารถรบกวนได้ นี้เป็นของแท้ ถ้าคนเก่ายังอยู่ คู่แท้ก็จะมาไม่ได้ อาจจะมีคนดีกว่าเข้ามา หรือไม่เข้ามาก็ไม่เป็นอะไร อย่างน้อยรักษาสุขภาพใจดีไว้ ถ้าเจริญเมตตาภาวนาแล้ว ก็สุขใจมากขึ้นๆ เพราะอยู่คนเดียว พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ไม่มีภรรยา (หรือไม่มีสามี) เป็นลาภอันประเสริฐ ถ้าคิดได้อย่างนี้ ก็จะดับทุกข์ได้ ไม่ต้องกังวลใจอะไรมาก

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 22

คนทำบุญร่วมกันเพื่อว่าในชาติหน้าจะได้เกิดมาอยู่ร่วมกันอีก หากคู่สามีภรรยาที่ไม่ค่อยรักกันทำบุญร่วมกัน กรณีเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรในชาติหน้า


ตอบ

ชาติหน้าก็จะมีความสุขมากขึ้นกว่าชาตินี้

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 23

พระอาจารย์สอนว่าพูดน้อย เรื่องน้อย แต่ในที่ทำงานมีผู้หญิงมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะพูดกันทั้งวัน คนพูดน้อยก็จะถูกมองว่าแยกตัว ไม่เข้าสังคม ขอให้พระอาจารย์แนะนำว่าต้องคิดอย่างไร จึงไม่ยินดียินร้าย


ตอบ

เราควรจะสร้างความมั่นใจในตัวเอง ใช้ปัญญาพิจารณาในการกระทำของตัวเอง ให้มีเหตุผล เอาความพอดี เราไม่ต้องเห็นแก่การนินทาสรรเสริญ เพราะเป็นสิ่งไม่แน่นอน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลา

การพูดน้อยของเรา ถึงจะไม่ถูกใจเขา แต่ถึงเราพยายามจะเข้าไปพูดคุยก็ใช่ว่าเขาจะถูกใจ พูดน้อย พูดมาก ไม่พูด ก็อาจถูกว่าได้เหมือนกันหมด

ในสมัยพุทธกาล มีอุบาสกชื่ออาดูล ชักชวนเพื่อนหลายคนเพื่อไปฟังเทศน์ ก็เข้าไปหาพระเถระองค์หนึ่ง เพื่อนิมนต์ให้แสดงธรรม ท่านไม่พูดอะไร อาดูลไม่พอใจ จึงไปหาพระองค์อื่น ก็ไปเจอพระสารีบุตร ก็เล่าให้ท่านฟังว่าพระเถระองค์ก่อนไม่ยอมพูดอะไร พระสารีบุตรจึงแสดงธรรมโดยพิสดาร อาดูลก็ยังไม่พอใจบอกว่าพระสารีบุตรเทศน์ยาว

พอไปพบพระอานนท์ นิมนต์พระอานนท์เทศน์ พระอานนท์ก็เทศน์สรุปย่อๆ ให้ฟัง อาดูลก็ยังไม่พอใจ เมื่อไปพบพระพุทธเจ้าก็เล่าให้พระองค์ท่านฟัง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อาดูลคนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก”

เราก็เหมือนกัน ทำอย่างไรก็ต้องถูกนินทาอย่างแน่นอน ต้องเข้าใจว่า มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นของมันอย่างนั้น ก็ให้คิดว่าเรากำลังอยู่ในสวนนก พูดน้อยๆ ถูกนินทา ดีกว่า พูดมาก มีเรื่องให้ทะเลาะกัน

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 24

จะทำอย่างไรเมื่อเราชอบคิดถึงอดีตอยู่บ่อยๆ และเมื่อคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นจะทำให้เกิดความรู้สึกผิด เกิดความเศร้าเสียใจ จะต้องแก้ไขอย่างไร


ตอบ

อดีตก็ผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าผิด ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ผิดพลาดในอดีตถือว่าเป็นบทเรียน ให้ตั้งสติ ระลึกถึงอันนั้น ตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดซ้ำๆ ซากๆ

อดีตผ่านไปแล้วไม่ควรนึกถึงโดยอุปาทานยึดมั่นถือมั่น เพราะจะเป็นความชั่วในปัจจุบัน คือเป็นมโนกรรม เช่น เคยฆ่ากบตัวหนึ่งแล้วเรานึกถึง เกิดสงสารเสียใจ กลัวตกนรก แล้วนึกถึงทุกวันๆ จะเป็นการสร้างมโนกรรมทุกวันๆ เป็นกรรมหนัก ให้เห็นโทษของมโนกรรมในจุดนี้ แล้วก็ให้อยู่กับปัจจุบัน พยายามปฏิบัติตนเอาใจใส่หน้าที่ในปัจจุบัน ด้วยใจหนักแน่น

ให้พิจารณากฎแห่งกรรมทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็จะเห็นว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ 50 - 50 ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ เราก็ผิด 50 เขาก็ผิด 50 เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะคิดเสียใจ น้อยใจ โกรธในอดีต

จริงๆ แล้ว ปัจจุบันก็ดี อนาคตก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ก็สมบูรณ์ด้วยเหตุผลตามกฎแห่งกรรม
เมื่อเริ่มจะคิด หรือกำลังคิดอยู่ ได้สติเมื่อไร หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สักพักหนึ่ง จนกว่าสัญญาเก่านั้นจะหายไป เหตุการณ์ในอดีตก็ให้มันจบไป เราก็มีหน้าที่ ทำดี คิดดี พูดดี ทำถูก ในปัจจุบันเท่านั้น

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 25

เมื่อกระทบสิ่งที่ไม่อยากฟัง เพราะเป็นปมด้อย เช่น เรื่องตกงาน จะมีวิธีคิดอย่างไรจึงจะไม่เกิดยินร้าย


ตอบ

อย่าคิดว่าเป็นปมด้อย เรารู้สึกเป็นปมด้อยเพราะเกิดอุปาทานยึดมั่นถือมั่น เกิดความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน เห็นแก่ตัวนั่นแหละ เราพยายามมองให้เป็นธรรม

คนที่เหมือนเราก็มีมากมาย ทุกวันนี้ ตกงานก็เป็น fashion ไปแล้ว คิดว่าเป็นปมด้อยและปกปิด มันทำให้ทุกข์มาก ไม่มีใครคิดว่าเรา อย่างที่เราคิด เขาไม่แคร์เท่าไรหรอก เปิดเผยแล้ว ก็ไม่มีอะไร..... สบายใจ

เรื่องหย่ากัน สามีมีเมียน้อยต่างๆ ไม่ต้องคิดว่าเป็นปมด้อย เปิดเผยเลย สบายใจ เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาไปแล้ว คนมีชื่อเสียงก็เป็นกันทั้งนั้น

แต่ให้เราคิดค้นดูว่า ปัจจุบัน ทุกวันนี้ ทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ได้ เช่น อ่านหนังสือธรรม ปฏิบัติธรรม ทำงานอดิเรกที่เราชอบ หรือ อะไรก็ตาม แล้วแต่จริตนิสัย ความสามารถของตนเอง และอย่างน้อยก็มีความรู้สึกว่า วันหนึ่งๆ มีความสุขและพอใจ ถ้าตกงานก็ค่อยๆ หางานไปพร้อมๆ กัน

ปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้โชคร้ายเป็นโชคดีได้

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 26

การโกหกที่ก่อให้ผู้รับฟังมีความสุขใจ เป็นบาปเพียงใด ส่งผลอย่างไร


ตอบ

หัวใจของศีลอยู่ที่การไม่เบียดเบียน บางครั้งบางกรณีเพื่อไม่ให้เขาทุกข์ใจ ลักษณะที่พูดไปไม่เป็นความจริง แต่เจตนาอกุศลไม่มี เช่น เราไม่สบาย คิดว่าน่าจะไม่รุนแรงมาก แล้วแม่ห่วง ถามเรา เราก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร เพื่อไม่ให้แม่ห่วงมากเกินไป อันนี้ถือว่าเป็นเจตนาดีและไม่ถือว่าโกหก

อีกตัวอย่างหนึ่ง เช่น สมมุติว่าเราเดินในป่า เห็นกวางเดินผ่านหน้าไป ครู่เดียวนายพรานก็ผ่านมา ถามว่า เห็นกวางไหม ถ้าเราถือศีลห้า ก็จะต้องพูดความจริง แต่ถ้าเราพูดความจริง นายพรานก็ทำบาป กวางก็เป็นทุกข์ เป็นการพูดความจริงที่เบียดเบียนผู้อื่น แต่เมื่อถือศีล หัวใจของศีลอยู่ที่การไม่เบียดเบียน ทำอย่างไรจะไม่เบียดเบียน ก็ต้องพูดทำนองว่า ไม่เห็น คือรักษาหัวใจของศีลไว้

หรือเมื่อเรารับราชการ หรือ ทำงานบริษัท ความลับของทางราชการ หรือของบริษัท ก็มีอยู่ เมื่อมีผู้ถาม และเขาก็อยากรู้จากเราจริงๆ เราก็ต้องหลีกเลี่ยง ใช้อุบายต่างๆ

หัวใจของศีล คือ ไม่เบียดเบียนเรา ไม่เบียดเบียนเขา

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 27

การเป็นโรคภัยไข้เจ็บ มีโรคประจำตัว ถือว่าเป็นกรรมแต่ปางก่อนหรือไม่ และชาตินี้จะมีวิธีพิชิตโรคได้อย่างไร


ตอบ

โรคนี้เกิดขึ้นได้จากวิบากกรรม กรรมเก่าก็มีอยู่ เกิดจากจิตอุปาทานก็มีอยู่ หรือจากเชื้อโรค ขาดสารอาหาร จากสารพิษ หรือมีอะไรเกินไปหรือขาดไป ไม่พอดี ทำให้เกิดโรคต่างๆ ก็มีอยู่

แพทย์รายงานว่า โรคเจ็บไข้ป่วยของเรานั้น แต่ละโรคมีจิตเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อย ถ้ารวมแล้วก็ประมาณ 80 % หรือ 1 ใน 3 ส่วนของโรคเกิดจากจิตอุปาทานยึดมั่นถือมั่น เครียด โกรธ เศร้าเป็นต้น

การปฏิบัติธรรมทุกประการมีผลดีต่อการรักษาโรค สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เจริญอานาปานสติ พิจารณากายเป็นอสุภะ เจริญเมตตาภาวนา ล้วนแต่มีผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ 1 ใน 3 ส่วนของโรคจะหายได้ ถ้าเจริญกรรมฐานสมบูรณ์ พูดง่ายๆ ลืมโรค คิดดี คิดบวก กำลังใจดี แล้วสุขภาพจะดีขึ้น

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 28

การกินปลา กินเนื้อสัตว์เป็นบาปหรือไม่


ตอบ

สัตว์ก็ดี พืชก็ดีมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ถ้าเราคิดว่าจะไม่ทำลายชีวิตก็อยู่ไม่ได้ ไม่มีใครอยู่ได้ในโลก บางคนก็ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ แต่คิดดูหมิ่นคนอื่น ตำหนิติเตียน โกรธมีโทสะ จะมีโทษมากกว่า เราต้องระวังใจไม่ให้ทำด้วยโทสะ

ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระเทวทัตเสนอพระพุทธเจ้าว่า ไม่ควรให้พระภิกษุในพุทธศาสนากินเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าไม่รับ ไม่จำเป็น การบริโภคอาหารที่ถูกต้องที่สุดนั้น ให้พิจารณาเป็นยา เป็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ถ้าคิดตั้งใจว่า ข้าพเจ้าจะไม่กินเนื้อหรือใช้ของที่ได้มาจากการฆ่าสัตว์ เพราะว่าเป็นการเบียดเบียน ไม่นานคงต้องเข้าโรงพยาบาลประสาท เพราะสิ่งของต่างๆ ที่ทำมาจากสัตว์โดยที่เราไม่ได้สังเกตก็มีมาก หนังสัตว์ น้ำมัน เครื่องดนตรี แปรงสีฟัน สิ่งที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันต่างๆ ถ้าตั้งใจคิด ก็คิดฟุ้งซ่าน ลังเลสงสัย ทำให้ไม่สบายใจได้มาก ไม่เป็นไปเพื่อความสงบและละกิเลส

โอปนยิโก น้อมเข้ามาดูจิต ไม่ให้คิดอาฆาต พยาบาท ไม่เบียดเบียน ทำได้ทุกคนและเป็นไปเพื่อความสงบสุข และละกิเลสได้ดี

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร