ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

แสงส่องใจ ส.ค.ส. ๒๕๕๒ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=28193
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  I am [ 05 ม.ค. 2010, 10:04 ]
หัวข้อกระทู้:  แสงส่องใจ ส.ค.ส. ๒๕๕๒ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

รูปภาพ

แสงส่องใจ
ส.ค.ส พระพุทธศักราช 2552

(สมเด็จพระญาณสังวร)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก


พระพุทธพรปีใหม่ พ.ศ. 2552
ที่ 1 มกราคมอุดมกาล
สิริมงคลเพิ่มผ่านแผ่นดินสยาม
เริ่มปีใหม่เริ่มใจสดใสงาม

ทุกข์ภัยใดก็ตามผ่านพ้นไป
มงคลเสียงพระพุทธมนต์ทุกหนแห่ง
มงคลแสงพระพุทธะสว่างไสว
พระพุทธองค์ทรงปกป้องคุ้มครองไทย

ทั้งปีเก่าปีใหม่ทรงเมตตาผูกใจมั่นใจพระพุทธบาท
ขอสิ้นภพสิ้นชาติสมปรารถนา
พ้นการเกิดก่อทุกข์ทุกเวลา
โปรดพระบรมศาสดาประทานพระพร.

พระพุทธานุภาพ
กราบอัญเชิญพระรัตนตรัย
สรณะยิ่งใหญ่ในโลกหล้า
ประโปรยปรายสายพระพุทธเมตตา

เร่งรักษาสมเด็จพระสังฆราช
รักษาสองพระปิ่นรักจอมจักรี
รักษาไทยสวัสดีให้ทั้งชาติ
ตั้งความหวังด้วยจิตใจใสสะอาด
ต้องสมปรารถนาได้ดั่งปาฎิหารย์.

ธรรมใน “แสงส่องใจ” ทุกเล่ม เป็นธรรมที่ทรงแสดงในพระธรรมเทศนาโอกาสต่าง ๆ
ในพระวรธรรมคติและในทรงสนทนากับบรรดาผู้ไปเฝ้าระหว่างยังทรงสบายดี
นำมาเป็น “แสงส่องใจ” ตามพระประสงค์ ตั้งแต่ทรงโปรดให้มี “แสงส่องใจ” เป็นต้นมา


แสงส่องใจ
(สมเด็จพระญาณสังวร)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


"โลโกปตฺถมฺภิตา เมตฺตา เมตตาเป็นเครื่องมือค้ำจุนโลก"

ปีใหม่มาถึงอีกครั้งหนึ่งแล้ว ขออัญเชิญพระพุทธศาสนสุภาษิตบทข้างต้นมาเป็ฯพระพรประดับใจของทุกท่านผู้มีพระพุทธศาสนาเทิดทูนอยู่ในชีวิต เพื่อชีวิตในวันปีใหม่ 2552 ได้เป็นปีแห่งความสุขสวัสดีที่สูงส่ง.

เพียงน้อมรับพระเมตตาจากพระพุทธพรในพระศาสนสุภาษิตเข้าสู่จิตใจ ให้จริงด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น สิริมงคลย่อมพรั่งพร้อมบังเกิดแก่ชีวิตได้ ความพิเศษสุดแห่งพระพุทธบารมีนั้นเป็นสิ่งเข้าใจได้ไม่ง่าย แตกต่างห่างไกลกับความพิเศษสุดของพรใดอื่นทั้งหลายทั้งนั้น.

จำไว้ให้มั่น เชื่อไว้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชีวิตจิตใจว่า พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านเลิศล้ำ หาที่เสมอเหมือนไม่มี แม้จะเสด็จดับขันธปรินิพานไปแล้วถึง 2500 กว่าปี แต่ยังทรงแผ่พระมหากรุณาช่วยดับทุกข์ดับร้อนของผู้มุ่งขอรับพระพุทธเมตตาได้ ดังท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่เมื่อท่านมีความรู้สึกว่าไม่อาจปฏิบัติให้บรรลุธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้ ท่านทุ่มเทจิตใจร่ำร้องกราบทูลขอให้สมเด็จพระพุทธพระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาโปรดให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรค ได้บรรลุถึงยอดแห่งความปรารถนา คือสำเร็จมรรคผลนิพพานได้ดังใจซึ่งปรารถนา คือสำเร็จมรรคผลนิพพานได้ดังใจซึ่งปรารถนา และท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านก็โปรดแสดงไว้ให้ปรากฏในความรู้ความเห็นของผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ว่าท่านได้ถึงจุดสูงสุดในธรรมสมดังปรารถนามุ่งมั่นปฏิบัติ ด้วยสมเด็จพระบรมศาสดาทรงมีพระมหากรุณาอย่างที่สุด คือท่านเป็นเหตุให้ตลอดมาจนทุกวันนี้พระพุทธศาสนามีท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริตโต เป็นพระอาจารย์ธัมมะที่ยิ่งใหญ่แทนพระพุทธองค์ ไม่มีท่านผู้ใดเสมอเหมือน.

เรื่องสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงทรงสอนท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ดังคำร่ำร้องกราบทูลขอให้ทรงช่วยให้ท่านพระอาจารย์ท่านปฏิบัติถึงจุดมั่งหมายปรารถนา สำเร็จธรรมสูงสุด สิ้นภพ สิ้นชาติ พ้นความเกิดอันเป็นความทุกข์ ดังทรงมีพระพุทธดำรัสไว้ว่า “การเกิดเป็นทุกข์” เรื่องมหัศจรรย์นี้เป็นที่ยอมรับเชื่อถือของบรรดาผู้มีศรัทธาตั้งมั่นในสมเด็จพระพุทธศาสนาไม่แจ้งใจ จะสงสัย และจะตอบโต้คำบอกเล่านี้ ว่าเป็นการเชื่อที่ขาดเหตุผล แต่สำหรับผู้รู้เรื่องราวของท่านพระอาจารย์มั่นความสงสัยในเรื่องนี้ไม่มีเลย สาเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบปัญหาของท่านพระอาจารย์ใหญ่ท่าน และเสด็จลงทรงช่วย จนท่านพระอาจารย์ท่านได้สิ้นภพสิ้นชาติ อันควรเป็นยอดปรารถนาของผู้ปฎิบัติพระพุทธศาสนาทั้งปวง.

ที่จริงเป็นเรื่องน่าเห็นใจอย่างยิ่ง ที่หลายท่านไม่อาจเชื่อได้ ว่าสมเด็จพระบรมศาสดาจะทรงสามารถเสด็จลงมาโลกมนุษย์ให้มนุษย์ได้เฝ้า ได้รับฟัง ได้รับฟังคำทรงสอน ดังเช่นทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่เมื่อกว่า 2500 ปีมาแล้วเป็นเรื่องความหัศจรรย์พ้นความเข้าใจของมนุษย์ปุถุชนเช่นเราท่านทั้งหลาย คำบอกเล่าเรื่องสมเด็จพระบรมครูเสด็จลงปรากฏ พระวรกายมีพระพุทธดำรัสเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น จึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเราท่านทั้งหลายจะเข้าใจได้ ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริง.

อย่างไรก็ตาม มีอยู่ไม่น้อยในบรรดาผู้เชื่อความมหัศจรรย์ของพระอาจารย์ใหญ่ท่าน ที่มีบุญได้เฝ้าพระพุทธบาท ได้รับฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ ดั่งทรงมีพระชนมายุอยู่ มิได้เสด็จดับขันปรินิพานไปแล้ว นับได้ว่าท่านทั้งหลายนี้เป็นผู้มีวาสนาบารมี ที่ควรมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาให้ยิ่งขึ้น เพื่อวันหนึ่งเมื่อวันสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์จะได้ความปีติโสมนัศพรรณนา ว่าในที่สุดก็ได้จบการเดินทางของชีวิต พ้นความเกิดแก่เจ็บตาย อันเป็นความทุกข์ที่ผู้เกิดทุกชีวิตจะต้องพบ.

เมื่อพูดถึงเรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตยิ่งใหญ่ของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นแล้ว ก็ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่ง ที่ได้ฟังมาจากคำบอกเล่าของสุภาพสตรีผู้เป็นญาติโยมวัดบวรนิเวศวิหาร ผู้หนึ่ง เพราะได้รู้จักเธอผู้นั้นมานาน มากพอจะทำให้เชื่อว่าเธอมิได้เสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องขึ้นให้เป็นที่แสดงความยิ่งใหญ่ด้วยบุญวาสนาของเธอ จึงจะขอนำเรื่องที่ได้รับฟังมาบอกเล่าไว้ใน “แสงส่องใจ” เล่มนี้ หวังว่าจะมีผู้รับเชื่อความหัศจรรย์ ของพระพุทธศาสนา ของ สมเด็จพระบรมศาสดา ว่าเป็นความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่นัก พระมหากรุณาเมื่อยังทรงดำรงพระชนมายุอยู่มากมายเพียงไร เมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วกว่า 2500 ปีก็ยังมากมายพ้นจะพรรณนาเพียงนั้น และทรงสามารถแสดงออกได้อย่างมหัศจรรย์ที่สุด.

เหตุมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่นี้เกิดแก่ชีวิตสุภาพสตรีญาติโยมวัดบวรนิเวศวิหารเมื่อกว่า 50 ปี มาแล้ว แต่ผู้ได้ประสบพบเรื่องมหัศจรรย์นี้มิได้บอกเล่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดทราบมาก่อน เพิ่งได้นำมาบอกเล่ากับเพื่อนฝูงคนใกล้ชิดเมื่อไม่กี่ปีมานี้ คือเมื่อเหตุการณ์เกิดแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ปี เธอผู้นั้นเล่า ว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อเธออายุ 32 ปี ยังไม่รู้จักธัมมะเท่าไร และแน่นอนยังไม่มีความซาบซึ้งในสมเด็จพระบรมศาสดาลึกซึ้งมากมายกว่าใครทั้งหลาย แต่เธอก็อยู่ในความแวดล้อมที่อบอุ่นที่สุดด้วยพระพุทธศาสนา เพราะท่านบิดาของเธอปฏิบัติให้เห็นตลอดมา จนลูกหลานของท่านประทับจับใจในภาพท่านบิดาผู้ปฏิบัติธรรมให้ลูกหลานได้รู้ได้เห็น แม้จะโดยที่ท่านมิได้ตั้งใจจะแสดงออกให้ปรากฏแก่ผู้ใดก็ตาม เป็นการปฏิบัติไปตามความเชื่อ ว่าเป็นการปฏิบัติพระพุทธศาสนาที่ถูกที่ควร.

สุภาพสตรีผู้นั้นเล่าว่าท่านบิดาของเธอซึ่งทำงานในตำแหน่งใหญ่อยู่ มีเหตุจำเป็นต้องออกจากราชการเมื่อมีอายุเพียง 50 เศษไม่เท่าไร ไม่มีลูกหลานคนไหนรู้ว่าท่านเสียใจมากมายเพียงใดหรือเปล่าในการต้องออกจากตำแหน่งใหญ่โต เป็นทียกย่องสรรเสริญ แต่เป็นที่ควรเชื่อได้ ว่าท่านกระเทือนใจไม่น้อยอยู่ในการต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น ท่านจึงหันเข้าหาพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ ด้วยการหันเข้าปฎิบัติธรรมอย่างจริงจัง เป็นภาพที่ประทับใจญาติโยมสุภาพสตรีผู้นั้นตั้งแต่อายุยังน้อย จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่านผู้เป็นบิดา เธอได้คุ้นเคยกับคำพุทโธจากปากคำของท่านผู้เป็นบิดา ท่านเตือนให้ลูกหลานสวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เด็ก พร้อมทั้งใส่คำพุทโธเข้าใจของบรรดาผู้อยู่ในวัยเด็ก ผู้เป็นลูกหลานแวดล้อมท่านอยู่ เป็นการให้เด็กคุ้นเคยกับพระพุทธศาสนา โดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่เด็กยังไม่รู้เดียงสา จนเจริญวัยรู้ความแล้ว พระพุทโธก็มีความสำคัญแก่ชีวิตอย่างเป็นไปโดยเจ้าของจิตใจมิได้มีเจตนาเป็นพิเศษ เป็นการเกิดขึ้นเองในชีวิตจิตใจ อิติปิโส ต้องสวดทุกเช้าค่ำ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน พุทโธต้องท่องไว้เป็นพระคาถา ท่านบิดาจะมีคำถามเมื่อพบหน้าลูกหลานรุ่นเด็ก ๆ ว่าวันนี้สวดอิติปิโส หรือยัง ท่องพุทโธบ้างหรือเปล่า อิติปิโสและพุทธดจึงเป็นคำที่คุ้นหูคุ้นใจเด็กบ้านนั้น โดยหาได้สนใจว่ามีความสำคัญอย่างไร.

สุภาพสตรีญาติโยมผู้นั้นเล่าว่าจนอายุมากรู้จักสวดมนต์ไหว้พระ โดยคิดว่าเป็นหน้าที่ของผู้นับถือพระพุทธศาสนา หาได้รับรู้ว่ามีความสำคัญเพียงไรใสคำสวดมนต์นั้น อิติปิโสก็ตามพุทโธก็ตาม สวดไปตามอัตโนมัติ ตามความเคยชิน หาได้ซาบซึ้งถึงความศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ของบทสวดว่าต้องสวด ไม่สวดไม่ได้ แม้จะไม่ว่าศักดิ์สิทธิ์เพียงไรแก่ชีวิตจนกระทั่งเวลาผ่านไปนานนัก จนเป็นผู้มีอายุมาก อะไร ๆ ที่เกิดในชีวิตให้รู้ให้เห็นมากมายจึงทำให้ประจักษ์จับใจว่าคำสวดมนต์โดยเฉพาะคำพุทโธ มีความสำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิตมีใจจริงในการสวดพุทโธ ด้วยความเทิดทูนเชื่อมั่นในความสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของคำพุทโธเพียงไร เพียงนั้นพุทโธจะมีพระคุณยิ่งใหญ่ที่สุดแก่ชีวิต ที่ยากจะเข้าใจได้ ว่าเป็นไปได้เช่นนั้นอย่างไร.

สุภาพสตรีญาติโยมผู้นั้นเล่าว่า เพิ่งจะได้ความมั่นใจ ว่าชีวิตได้รับพระมหากรุณาจากพระองค์อย่างเหลือเชื่อจริง ๆ และเพราะความเหลือเชื่อจริง ๆ นี้ ที่ทำให้เธอเพิ่งได้รับความมั่นใจเมื่อเวลาล่วงเลยมากกว่า 50 ปี เมื่อวัยของเธอสูงมาก เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถเข้าใจอะไร ๆ ได้ลึกซึ้งเกินกว่าเมื่อยังอยู่ในวัย 30 กว่าปี เธอได้ประสบเหตุการณ์มหัศจรรย์เหลือเชื่อในวัย 30 กว่าปี แต่เพิ่งมาได้ความมหัศจรรย์ใจในวัย 80 กว่าปีว่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดกับชีวิตเธอเมื่อ 50 กว่าปี มาแล้วนั้น เป็นความมหัศจรรย์และเป็นความจริงที่สุด ที่ไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นได้แล้วในชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีอายุเพียง 32 ปี.

แม้เวลาจะผ่านพ้นมาแล้วถึง 50 กว่าปีที่เรื่องราวเกิดแก่ชีวิต แต่เธอก็ยังจำได้ติดตาประทับใจ วันนั้นเวลา 6 โมงเย็นเศษไม่ถึงทุ่ม เธอปฏิบัติหน้าที่ที่ทำอยู่เป็นกิจวัตรคือสวดมนต์เย็นที่หน้าพระพุทธรูปบนโต๊ะในห้องพระ คือพอเธอเริ่มสวด นโม ตัสสะ เพียงเท่านั้น ก็เกิดความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเป็นความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ว่าเรานี้อาภัพเกิดมาไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า พร้อมกับความคิดที่เศร้าสลดใจอย่างลึกซึ้งนั้น น้ำตาก็ซึมออกมาเปียกตาทันที และก็พร้อมกันนั้นอีกเช่นกัน เธอได้เห็นภาพพระภิกษุองค์หนึ่งก็ลอยจากโต๊ะบูชาตรงหน้า ที่ค่อนข้างสูง และห่างจากที่เธอนั่งพนมมืออยู่ไม่น้อย พระองค์นั้นมีความเป็นพระที่มีชีวิตจิตใจของมนุษย์แท้จริงคือเห็นได้ชัดว่าเป็นพระจริง ๆ แต่องค์ใหญ่กว่าพระธรรมดาที่ปรากฏให้เห็นอยู่เท่านั้น แต่ก็มิได้ใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป จนเกินจริงมากมาย.

พระองค์นั้นมีผิวสีดำแบบคนไทยทั้งหลายแต่ดำกว่าผิวคนไทยทั่วไปค่อนข้างมาก และไม่เหมือนเช่นที่สุภาพสตรีผู้นั้นเคยนึกอยู่ ว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นพระแขก ที่มีผิวพระวรกายดำมันเช่นเดียวกับคนแขกที่เห็นอยู่ทั่วไป มีพระพักตร์เช่นเดียวกับคนแขกทั่วไปที่เห็นในภาพและในหนัง แต่พระองค์ที่ปรากฏในภาพที่ลอยมาจากโต๊ะบูชาต่อหน้าต่อตาเธอ ไม่เป็นเช่นนั้นสีผิวพระวรกายก็เป็นเช่นผิวคนไทยที่ค่อนข้างดำเท่านั้น พระพักตร์ค่อนข้างมีลักษณะกลมมาก ๆ ผิดหน้าทั่วไป และไม่เห็นชัดเจนว่าพระเนตร พระกรรณ พระนาสิก พระโอษฐ์ เป็นเช่นลักษณะของคนแขกที่เห็นกันอยู่ แต่เห็นเพียงรางเลือน ไม่ถนัดชัดเจนว่าเป็นอย่างไรเห็นชัดก็แต่ดังกล่าวแล้ว คือพระเกศา ที่มาก งดงามมาก เรียงรายอยู่แนบพระเศียรเป็นทักษิณาวัตร เห็นถนัดชัดเจนถึงความดำเป็นมัน และขนาดเส้นค่อนข้างใหญ่ งดงามกว่าเส้นผมทั่วไป และแตกต่างอย่างมากกับเกศาของพระภิกษุสามเณรทั้งปวงที่ปรากฏอยู่ทั่วไป.

ภาพพระภิกษุที่เห็นลอยเข้ามา และหายไปเมื่อใกล้หน้าเธอผู้นั้น มีความประทับจับตาสุภาพสตรีญาติโยมผู้นั้นอย่างแท้จริงเธอเล่าว่าเป็นภาพที่เด่นชัด ไม่เคยเลือนรางไปจากความจำของเธอเลย แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้ 50 ปีกว่าแล้ว และเพราะพระภิกษุองค์นั้นปรากฏขึ้นเมื่อเธอเกิดความเศร้าสะเทือนใจที่สุด ว่าเกิดมาอาภัพ จึงไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า แต่เธอก็พิศวงสงสัยอยู่เป็นอันมากเหมือนกัน ว่าที่จริงแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา เธอก็ไม่เคยคิดอยากจะเห็นพระพุทธองค์เลยอยู่ไม่อยู่ก็เกิดความรู้สึกรุนแรงนั้นขึ้นมาได้อย่างไร เพราะเหตุใด และแม้เมื่อได้เห็นภาพพระภิกษุรูปนั้นลอยมาแล้ว ใจของเธอ เธอก็ยอมรับว่าไม่ได้ตื่นเต้นว่าได้พระพุทธองค์แล้ว เธอเกิดความรู้สึกลึกซึ้งที่สุดเมื่อเวลาล่วงไปแล้วถึง 50 กว่าปี อะไร ๆ ที่เกิดขึ้นในใจเธอ ในชีวิตเธอ ทำให้เธอซาบซึ้งเป็นที่สุด พ้นจะพรรณนาในพระมหากรุณาของสมเด็จพระบรมศาสดา และยิ่งวันเธอก็ยิ่งได้ความประทับใจอย่างลึกซึ้งชัดเจนยิ่งขึ้นทุกทีว่าสมเด็จพระบรมศาสดาทรงมีพระมหากรุณาพ้นจะรำพัน และพระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นได้ด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ มิได้เกิดจากอะไรอื่นเลย พระมหากรุณาแท้ ๆ ที่เป็นเหตุให้เกิดพระพุทธศาสนา ค้ำจุนโลกอยู่ในทุกวันนี้ เป็นไปดังพระพุทธภาษิตว่า “เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก”

พระภิกษุองค์ที่ลอยจากโต๊ะบูชามาตรงหน้าสุภาพสตรีผู้นั้น คือพระพุทธเจ้าแน่นอนแล้ว ยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเพียงไร ความมั่นใจของเธอผู้นั้นก็ยิ่งหนักแน่นมั่นคงขึ้นเพียงนั้น พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาเสด็จมาโปรดเธอแน่นอน ความมั่นใจนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปถึง 50-60 ปี หลังจากที่เธอได้เห็นพระภิกษุนั้นลอยจากโต๊ะบูชามาตรงหน้าเธอ ก่อนจะหายวับไปเฉย ๆ ทรงมุ่งให้เธอ รู้ว่าพระภิกษุองค์นั้นคือสมเด็จพระบรมศาสดาด้วยทรงบันดาลให้เธอเกิดความคิดเสียใจจนถึงน้ำตาซึม ว่าเกิดมาไม่เคยเห็นพระพุทธองค์โดยที่เธอไม่เคยมีความรู้สึกมาก่อนเลย ว่าอยากเห็นพระพุทธองค์ ก็รู้สึกเหมือนทั่ว ๆ ไป เท่านั้น ว่ามีพระพุทธเจ้า แต่ไม่เคยปรารถนาจะได้เห็นพระองค์ ซึ่งก็คงต้องเช่นเดียวกับใคร ๆ ทั้งนั้นนั่นเอง เพราะก็คงเป็นดังเข้าใจกันจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ว่าไม่มีผู้ใดจะเห็นพระพุทธองค์ได้ เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็เป็นธรรมดา หาอาจมีผู้ใดเห็นพระองค์ได้อีก เหมือนผู้ที่ตายไปจากโลกนี้แล้ว เราทั้งหลายในโลกนี้ก็หาอาจพบเห็นได้อีกไม่ทั้งยังไม่อยากพบไม่อยากเห็นอีกด้วยซ้ำไป.

ต้องด้วยพระพุทธเมตตาอย่างยิ่งใหญ่แท้จริง ทรงแสดงพระองค์ให้ปรากฏแก่ตาแก่ใจญาติโยมสุภาพสตรีผู้นั้น เป็นเหตุให้เธอมั่นใจ ว่าเธอได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้วจริง ๆ หลังจากเกิดความเศร้าเสียใจหนักหนา จนถึงน้ำตาไหลเมื่อคิดไป ว่าอาภัพนักไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า เมื่อทรงมีพระพุทธประสงค์จะแสดงให้เธอรู้ว่าพระภิกษุองค์ที่ลอยมาหาเธอได้เห็น คือพระพุทธองค์ก็จำเป็นที่ต้องให้รู้ ว่าเธอได้เห็นพระพุทธองค์แล้ว ได้เห็นแล้วกับตาจริง ๆ พระภิกษุองค์นั้นคือสมเด็จพระบรมศาสดาจริง ๆ ไม่ใช่พระอะไรไหนอื่นแน่นอน.

สุภาพสตรีผู้นั้นเล่าว่า เธอเกิดความเชื่อมั่นในพระพุทธเมตตาที่ทรงแสดงต่อเธอด้วยเหตุผลที่เธอมั่นใจขึ้นทุกที ตามวันเวลาที่วัยแห่งความเป็นผู้ใหญ่เพิ่ม เพราะทรงมีพระประสงค์จะให้เธอรู้แน่แก่ใจ ว่าพระภิกษุที่ลอยจากแท่นบูชามาตรงหน้าเธอคือพระพุทธองค์ก็จำเป็นต้องมีเหตุให้เกิดขึ้นเสียก่อน ว่าเธอมีความปรารถนาจะเห็นพระพุทธองค์ ถ้าไม่มีเหตุ แม้จะเสด็จมาปรากฏพระองค์ให้เธอเห็นก็ย่อมไม่อาจทำให้เธอเกิดความเข้าใจ ว่านั่นคือพระพุทธองค์ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะทำให้อาจเชื่อไปเช่นนั้นได้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะทำให้อาจเชื่อไปเช่นนั้นได้ ต้องมีเหตุผลที่สมควรเช่นให้เกิดความเศร้าเสียใจที่ไม่ได้เห็นพระพุทธองค์ เมื่อมีพระสงฆ์ลอยมาทันที ก็เป็นไปได้อย่างยิ่ง ที่จะทำให้เกิดความคิด ว่านั่นคือพระพุทธองค์ ที่ทรงพระพุทธเมตตาเสด็จมาเป็นการทรงตอบความรู้สึกเศร้าใจของญาติโยมผู้นั้น ด้วยพระพุทธเมตตาอย่างยิ่ง ให้เธอได้เห็นพระพุทธองค์.

ญาติโยมสุภาพสตรีผู้นั้นเล่าด้วย ว่ายิ่งวันเวลาล่วงไป ความมั่นใจในพระพุทธเมตตาก็มากยิ่งขึ้น ทรงมีพระพุทธเมตตาที่สุดแล้วชีวิตที่ต้องพบเหตุร้ายมากมายหลายประการหลังจากได้รับประทานพุทธเมตตา ทำให้เธอมั่นใจยิ่งขึ้นตลอดมา ว่าพระพุทธองค์ทรงทราบ ว่าชีวิตเธอจะพบกับความแรงร้ายของกิเลสโลกมากมาย เสด็จมาเพื่อปลอบใจ ว่าทรงปกป้องคุ้มครองอยู่ ใครทั้งหลายจะรังเกียจเกลียดชังมากมายเพียงใดก็ตาม พระพุทธองค์ทรงปกปักรักษาเธออยู่ ทรงทราบดีว่าความรู้สึกเช่นนี้มีคุณสูงสุดแก่จิตใจ เหนือคุณอื่นใดทั้งสิ้น ใครทั้งโลกจะรุมรังเกลียดชังสักเพียงไหน แต่ไม่อาจมีอำนาจเหนือความอบอุ่นใจที่พระพุทธองค์ทรงอยู่กับเรา ทรงปกปักรักษาคุ้มครองเราอยู่ นี้เป็นเครื่องปลอบใจที่สำคัญที่สุด เหนืออำนาจอื่นใดในโลกนี้ทั้งสิ้น.

พระพุทธองค์เสด็จอยู่กับเธอแล้วจริงญาติโยมสุภาพสตรีผู้นั้นมีความมั่นในเช่นนี้แต่ไม่ใช่ตั้งแต่เมื่อเห็นพระพุทธองค์ทรงลอยมาจากแท่นบูชา ความมั่นใจของเธอเพิ่งเกิดเมื่ออายุเข้าสู่วัยสูงมากแล้วกว่า 80 ปี เป็นความมั่นใจที่เกิดจากวัย ที่รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ปล่อยปละละเลยให้อะไรทั้งหลายเกิดแก่ชีวิตอย่างไม่ใส่ใจคิดให้เห็นเหตุผล ปล่อยให้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นไปเป็นเรื่องธรรมดาหมด สำหรับความมั่นใจของสุภาพสตรีญาติโยมผู้นี้ในเรื่องที่ว่าพระองค์ทรงปกปักรักษาเธออยู่แล้ว เกิดจากเหตุการณ์รุนแรงร้อยแปดที่เกิดกับชีวิตเธอ โดยที่เธอมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเป็นหลายสิบปี เธอจึงย้อนคิด และได้ความรู้สึกว่าเธอรับทุกเรื่องได้เหมือนเป็นหัวหลักหัวตอไม่กระเทือนทั้งด้วยความดีใจ หรือด้วยความเสียใจก็ตาม เธอยืนยันความรู้สึกที่ผ่านมาทั้งชีวิตว่าเป็นหัวหลักหัวตอจริง ๆ ไม่กระดุกกระดิกรับรู้อะไรเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาย้อนนึก ก็เห็นความหนักหนาที่ผ่านมา ที่รับได้โดยไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่ยินดียินร้ายเปรียบใจตนเองว่าเหมือนหัวหลักหัวตอจริง ๆ.

เป็นไปไม่ได้ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังไม่รู้จักธัมมะมากมายเท่าไร จะสามารถรับความแรงร้ายร้อยแปดประการที่ถาโถมเข้าสู่ชีวิตได้อย่างสงบร่มเย็นเป็นอย่างยิ่ง พระพุทธเมตตาเท่านั้น ที่ปกปักรักษาคุ้มครองเธอไว้ เธอมั่นใจในความเป็นผู้ได้รับพระพุทธเมตตาด้วยใจจริง ทรงแผ่คุ้มครองป้องกันเธอให้พ้นแรงร้ายของเหตุนานาประการ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธออย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าก็ คือเธอได้รับพระพุทธเมตตาปกป้องคุ้มครองแน่นอน การทรงปรากฏพระองค์เหมือนอย่างทรงมีพระชนมายุสังขารอยู่ ให้เธอได้เห็นหรือไดเฝ้าพระพุทธบาทนั่นเอง อย่างใกล้ชิดและชัดเจน เกิดขึ้นได้อย่างไร น่าจะมีความจริงน้อยมาก แต่อยากจะเห็นด้วยกับผู้เล่าว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เป็นจริงได้.

ความพิเศษสุดของสมเด็จพระบรมศาสดานั้น เป็นอานุภาพมหัศจรรย์ใหญ่ยิ่งพ้นความเข้าใจของเราท่านทั้งหลาย ก็ดังเช่นไม่มีผู้ยอมเชื่อ ว่าท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านได้เฝ้าพระพุทธบาท เช่นเหมือนทรงมีพระชนมายุสังขารเป็นมนุษย์ ทั้งที่ก็เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แม้ไม่เสด็จให้ท่านพระอาจารย์ท่านได้เฝ้ารับคำทรงแสดงธรรม เราจะท่านพระอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงความรู้ความสามารถในธรรม จนสิ้นภพสิ้นชาติได้ และสามารถนำเราทั้งหลายให้ไกลกิเลสได้หรือ.

ความไม่เชื่อมั่นในความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระบรมศาสดาเป็นความเสียหายแก่ชีวิตมากนัก เพราะทำให้โอกาสที่จะได้เฝ้าพระพุทธบาทเมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ทั้งที่อย่างน้อยก็มีท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านได้มีบุญยิ่งใหญ่ ได้เฝ้า ได้รับฟังพระธรรมคำสอน ดังเช่นทรงมีพระชนมายุสังขารอยู่ และจะด่วนปฏิเสธคำบอกเล่าของญาติโยมสุภาพสตรีผู้นั้น โดยไม่มีเหตุผลก็ ไม่ควรฟังแล้ว ให้เหตุผลเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง จะถูกต้องกว่า และอาจจะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ชีวิตไม่น้อย ถ้าเป็นความจริง ที่เราเชื่อถือ และปฏิบัติเพื่อให้ความจริงนั้นได้เกิดแก่ชีวิตตนบ้าง สิริมงคงที่จะเกิดแก่ชีวิตจะยิ่งใหญ่นักแน่นอน.

คำบอกเล่าของญาติโยมผู้นั้น ที่ว่าผู้คนเด็กเล็กในบ้านของเธอมีเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในทุกจิตใจ ตามคำสั่งของท่านผู้เป็นใหญ่ในบ้าน บางคนอาจจะมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งในคำสวด จนเป็นความผูกพันอย่างลึกซึ้งในคำสวด จนเป็นความผูกพันอันหนึ่งอันเดียวกับชีวิต เสียงพุทโธกึกก้องอยู่ในใจเช่นญาติโยมนั้นเป็นต้น เธอรับว่าเสียงพุทโธไม่ขาดไปจากใจเธอ เหมือนดังอยู่เรื่อย ๆ เมื่อเริ่มเรียนปฏิบัติธรรม มีการเดินจงกรม แรก ๆ ครูบาอาจารย์ ท่านก็สอนวิธีภาวนาต่าง ๆ กันดังเป็นที่รู้กันอยู่ แน่นอน ญาติโยมผู้นี้เลือกภาวนาพุทโธ ไม่ยอมใช้คำอื่น ที่มีผู้นิยมกันมากอยู่เหมือนกัน ครูอาจารย์ของเธอ ให้เหตุผลที่ให้เลือกคำ “พุทโธ” ว่าเป็นคำที่มีความสำคัญสูงสุดแน่นอน ไม่มีคำใดอื่นเปรียบเสมอ เพราะพุทโธคือพระพุทธเจ้า แล้วยังจะมีอะไรอื่นเปรียบเสมอได้ ครูอาจารย์ที่สอนให้ภาวนาคำพุทโธ ท่านแสดงเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้ บรรดาผู้รับคำสอนของท่าน จึงมีหันไปใช้คำภาวนาอื่น มั่นคงมั่นใจอยู่ในคำภาวนาพุทโธเพียงอย่างเดียว พุทโธ พุทโธ เท่านั้น.

เหตุผลที่ท่านยกขึ้นแสดงแก่บรรดาผู้เป็นศิษย์ ที่เข้ารับการปฏิบัติกรรมฐาน ที่ให้ใช้คำภาวนา “พุทโธ” ไม่มีคำอื่นยิ่งใหญ่กว่าเป็นเหตุที่ผู้ได้รับฟังเห็นด้วยอย่างยิ่งใหญ่ไปกว่าคำพุทโธแน่นอน ครูบาอาจารย์ท่านบอกด้วยมีเหตุผลประกอบ ที่น่าฟังมาก น่าเชื่อถือมาก ในการที่ท่านแนะนำให้ภาวนาคำว่าพุทโธ ไม่ใช่คำอื่น ที่ก็นิยมกันอยู่ ซึ่งเป็นคำภาวนาที่ช่วยให้จิตสงบได้เหมือนกันการภาวนาคำเหล่านั้นจึงไม่ผิด แม้ท่านจะสอนให้เลือกภาวนาคำว่าพุทโธ ตามความมั่นใจของท่านก็ตาม.

ท่านแสดงเหตุผลให้บรรดาผู้รับคำสอนของท่านรับฟัง ว่าไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่เคารพบูชาพระพุทธองค์ พรหมเทพมากมายพ้นประมาณก็เคารพเทิดทูนพระพุทธองค์ ดังนั้นเมื่อเสียง “พุทโธ” ดังอยู่จากปากจากใจผู้ใดย่อมแสดงว่าผู้นั้นเป็นพวกเดียวกับพรหมเทพมีความเคารพเทิดทูนพระองค์เช่นเดียวกับพรหมเทพ และก็เป็นธรรมดาเมื่อเกิดอะไรขึ้นมีหรือที่พวกเดียวกันจะไม่ช่วยเหลือกันไม่ว่าจะในเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก็ตาม เป็นธรรมดาผู้เทิดทูนเคารพบูชาในสมเด็จพระบรมศาสดาพระองค์เดียวกันด้วย ย่อมช่วยเหลือกันปกปักรักษากัน เป็นธรรมดา เมื่อคิดได้เช่นนี้มีหรือที่จะมีผู้ใดแตกแยกคำภาวนาไปเป็นอื่นนอกจากพุทโธ ไม่มีแน่นอน.

ผู้หูทิพย์จะต้องได้ยินเสียง “พุทโธ” กึกก้องอยู่ทั่วแผ่นดันไทย และกำลังดังออกไปต่างบ้างต่างเมืองแล้วด้วย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าชาวต่างชาติเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว และเป็นที่กล่าวกันด้วย ว่าคนต่างชาติหลายคนสนใจพระพุทธศาสนายิ่งกว่าคนไทยบางคนบางพวก คำบอกเล่านี้ให้เกิดทั้งความดีใจ และทั้งความเสียใจ ดีใจที่ต่างชาติสนใจมากขึ้น เสียใจที่คนไทยสนใจไม่พอ ซึ่งก็น่าเสียใจจริง ๆ คนไทยสนใจ “พระพุทโธ” ไม่พอ แล้วความสุขใจและความสวัสดีจะเพียงพอได้อย่างไร.

ความมหัศจรรย์ของพระพุทธองค์นั้นไม่ใช่เรื่องเข้าใจได้ง่าย สำหรับคนทั่วไป แต่ผู้สนใจจริงในพระพุทธศาสนา เช่นท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นเข้าใจ ท่านจึงไม่ลังเลที่จะกราบพระพุทธบาท ขอประทานพระเมตตาช่วยให้ท่านได้ถึงความพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแก่เจ็บตายดังความปรารถนา ซึ่งสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงแผ่พระพุทธเมตตาตอบสนองทุกวันนี้พระพุทธศาสนาจึงมีท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นเป็นกำลังสำคัญอยู่.

สุภาพสตรีญาติโยมผู้นั้น เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับความมหัศจรรย์ของพระองค์ ทรงแผ่พระพุทธเมตตายิ่งใหญ่หาที่เปรียบไม่ได้ ลงปกป้องคุ้มครองเธอผู้นั้น อย่างยากจะมีผู้เชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ด้วยตนเองก็ยังมิได้เชื่อในทันทีจนเวลาล่วงเลยเป็นหลายสิบปี ความเข้าใจความซาบซึ้งในพระพุทธเมตตา จึงเกิดขึ้นอย่างประทับใจ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริงแก่ชีวิตของผู้หญิงธรรมดาสามัญคนหนึ่ง พระพุทธองค์เสด็จ มาปรากฏแก่ตาแก่ใจเธอ ดังเช่นเป็นพระภิกษุที่มีชีวิตจิตใจทั้งหลาย ไม่ใช่ที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงมีพระกายจิตแล้ว.

แม้จะได้มีพระพุทธดำรัสจากพระองค์ว่าเสด็จมาเพราะทรงได้สดับเพียง “พุทโธ” จากใจสุภาพสตรีผู้นั้น แต่เมื่อเธอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนาชัดเจนขึ้น เข้าใจความผูกพันในพระพุทธบาทมากขึ้นเธอก็เข้าใจอย่างไม่เคลือบแคลงสงสัย ว่าใจที่ท่วมท้นด้วยความเทิดทูนพระพุทธองค์ หรือพระพุทโธ ทำให้ไม่ทรงละเลยความผูกพันเทิดทูนพระพุทธองค์อย่างลึกซึ้งจริงใจได้ จึงเป็นเหตุให้ต้องทรงแผ่พระพุทธเมตตาลงสู่ชีวิตเธอ ปกปักรักษาให้ถึงความสวัสดียิ่งใหญ่ได้.

เรื่องของพระพุทธองค์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ใหญ่ที่สุด พุทธศาสนิกทุกคนควรตระหนักในความสำคัญนี้ที่สุด ชีวิตจะมีมงคลยิ่งใหญ่ จะได้ประสบพบมหามงคลที่เหลือเชื่อดังที่สุภาพสตรีผู้นั้นได้พบ ได้เห็นด้วยตาพระพุทธองค์เสด็จมาให้ได้เฝ้าพระพุทธบาทเป็นความเหลือเชื่อ เป็นความยิ่งใหญ่ เป็นมหาสิริมงคลแก่ชีวิตจิตใจ ที่ได้เฝ้าพระพุทธองค์ หลังจากทรงพ้นไปจากโลกแล้ว ถึง 2500 ปี ทุกชีวิตมีสิทธิจะได้เฝ้าพระพุทธบาทแน่ แม้ถวายชีวิตจิตใจหมดสิ้น ด้วยความเทิดทูนศรัทธาหมดจิตหมดใจ ด้วยควมจริงใจที่มีต่อเบื้องพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ซึ่งยากนักหนาจะเกิดขึ้นในชีวิตผู้หนึ่งผู้ใดอย่างเคารพบูชา เทิดทูนด้วยจิตใจสูงส่งและแท้จริงที่สุด ปราศจากความรู้สึกปลอมแปลง ที่แอบแฝงปนอยู่แม้แต่น้อย.

ท่านผู้ใหญ่ที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างเข้าใจจริง ว่าพระพุทธศาสนาเป็นยอดของมหาสิริมหามงคลชีวิต ไม่มีที่เปรียบได้ไทยมีบุญยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ได้พระพุทธศาสนามาเป็นศาสนาประจำชาติ ฟังแล้ว อย่าด่วนไม่เชื่อ เชื่อไว้ก่อน จะเป็นการเชื่อที่นำมหาสิริมงคลให้เกิดแก่ชีวิตได้จริง ได้จริงแน่ขอย้ำยืนยันความจริงนี้ ความจริงที่เกิดแต่พระพุทธศาสนา อย่าด่วนปฏิเสธมหาสิริมงคลนี้ ที่เป็นความจริงที่สุด ไม่ใช่สิ่งควรปฏิเสธ.

อันมหาสิริมงคลนั้นมีทั้งคุณอนันต์ทั้งโทษมหันต์ จงรอบคอบในการเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเชื่อหรือจะไม่เชื่อก็ตาม ก็จงคิดให้ดีให้อย่างยิ่ง คิดให้รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา เป็นคนไทยมีบรรพบุรุษเป็นไทย ไทยที่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องคิดให้ดี ที่เกี่ยวกับคำ “พุทโธ” อย่างวู่วามไปสนใจคำอื่นยิ่งกว่าคำ “พุทโธ”.

มีคำใดอีกหรือที่มีมหาสิริมงคลยิ่งกว่าคำ “พุทโธ” และไม่ใช่ว่าใช้คำ “พุทโธ” ที่ “แสงส่องใจ” เล่มนี้ ยก “พุทโธ” เป็นหลักเพราะเป็นห่วงญาติโยมทั้งหลาย ว่าเมื่อไม่ภาวนา “พุทโธ” ไว้ในใจ ชีวิตจิตใจจะสวัสดีกว่าภาวนา “พุทโธ” แน่หรือ จริงหรือ ในเมื่อรู้ชัดแก่ใจด้วยกันทุกคนผู้นับถือพระพุทธศาสนา ว่าพุทโธ คือพระพุทธเจ้า แล้วยังจะไม่ให้ความสำคัญแก่คำ “พุทโธ” ยิ่งกว่าคำอื่น จะสมควรได้ด้วยเหตุผลใด ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นใด ที่สำคัญแก่จิตใจ แก่การปฏิบัติกรรมฐาน จะเดินจงกรม หรือจะนั่งภาวนาก็หาอาจมีคำใดที่ยิ่งกว่าคำ “พุทโธ” แน่นอน.

พระพุทธศาสนามีคุณอนันต์ มีโทษมหันต์ เหมือนคนดี ซึ่งมีทั้งคุณ และมีทั้งโทษ ปฏิบัติต่อคนดีต้องเกิดผลดีแก่ผู้ปฏิบัติแน่นอน ปฏิบัติไม่ดีต่อคนดี ต้องเกิดผลไม่ดีแก่ผู้ปฏิบัติแน่นอน จงให้ความสำคัญแก่ความจริงนี้ เพื่อให้มีคุณแก่ชีวิตของการปฏิบัติ เพราะทำคุณดีต่อคนดี ผู้ทำย่อมได้รับผลดี เพราะทำโทษทำไม่ดีต่อคนดี ผู้ทำย่อมได้รับผลไม่ดีแน่นอน.

การดีต่อคนดี หรือการทำไม่ดีต่อคนดี ไม่ว่าผู้ทำจะรู้หรือไม่รู้ เมื่อทำลงไปแล้วผู้ทำต้องได้รับผลแน่ เป็นผลที่ตรงต่อเหตุแน่คือทำดีจะได้รับผลดี ทำชั่วจะได้รับผลชั่วหนักเบาตามหนักของการทำที่ได้ทำแล้วแม้จะเป็นการกระทำ ที่ผู้กระทำไม่รู้โทษของการกระทำของตน แต่กรรมจะไม่ยกโทษให้คือไม่ยกความผิดให้ ทำกรรมแล้ว ต้องรับผลของกรรมแน่นอน เสมอไป เพียงแต่ว่ากรรมจะส่งผลเมื่อไร เร็วช้าเพียงใด เท่านั้น.

การทำกรรมมีผลตรงตามเหตุ แน่นอนเสมอไป อย่าอ้างว่าทำไปเพราะไม่รู้ อย่าอ้าง เพราะไม่เกิดผลในการอ้าง การทำสำคัญกว่า สำคัญที่สุด ทำแล้ว ผลจะต้องเกิดแน่นอนแล้ว จะอ้างรู้ไม่รู้ ตั้งใจไม่ตั้งใจไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นจงรอบคอบในการคิดพูดทำทุกเรื่อง ทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตให้สวัสดี ไม่ให้มีกรรมนำไปสู่ความแรงร้ายของอำนาจแห่งกรรมไม่ดีทั้งหลายจงรอบคอบให้อย่างยิ่งในการทำกรรมทั้งปวงทั้งในการคิด การพูด การทำ แม้เชื่อว่ากรรมมีผลจริง และกลัวผลร้ายของกรรมร้ายก็จงรอบคอบให้อย่างยิ่งในการคิด ในการพูดในการทำทุกอย่าง.

พระพุทธศาสนามีความสำคัญที่สุดกรรมที่ปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาจึงมีความสำคัญ เช่นเดียวกัน ผู้นับถือพระพุทธศาสนาจึงมีความสำคัญที่สุด คือผู้ปฏิบัติดีต่อพระพุทธศาสนาทั้งนั้นย่อมได้รับผลดียิ่งใหญ่ตอบสนอง แต่แม้ไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อพระพุทธศาสนาก็จะได้รับผลไม่ดีตอบสนองแน่นอนแต่ต้องไม่ลืมว่าพระพุทธศาสนามีความสำคัญสูงสุด กรรมที่ปฏิบัติในพระพุทธศาสนาจึงมีผลสูงสุดด้วย ทั้งกรรมดี และทั้งกรรมชั่ว.

ผลของกรรมมีจริง ผลตรงตามเหตุจริงเสมอไป แต่การให้ผลของกรรม มองเห็นอย่างถูกต้องยาก เพราะการทำกรรมสลับซับซ้อนมากมาย ไม่เพียงกรรมที่ทำในชาตินี้ ที่ก็สลับซับซ้อน ทุกชีวิตย่อมมีกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติอีกมากมายนักอักด้วยการให้ผลของกรรมเป็นไปตามเหตุ เหตุแรงผลก็จะแรง จะให้ได้รับก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นกรรมที่ทำทีหลังก็ตาม ที่ว่าทำดีไม่เห็นไดรับผลดีหรือทำไม่ดีทำไมจึงได้รับผลดี จึงเป็นความเข้าใจผิด พึงเข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรมให้ดี ให้ถูกต้อง จะได้ไม่ทำกรรมผิด ๆ ถูก ๆ โดยเข้าใจการให้ผลของกรรมผิด เช่น ที่ปรกกฎอยู่ทุกวันนี้มากมายนัก.

การให้ผลของกรรม ยากมากที่จะเห็นจะเข้าใจกันอย่างถูกต้อง เพราะโดยมากการให้ผลของกรรมที่ปรากฏให้รู้ให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ปรากฏเหตุของกรรมที่แท้จริงที่ทำไว้ในอดีต ทั้งชาตินี้ด้วย และทั้งต่างภพต่างชาติ นานกี่ร้อยพันชาติก็มี จึงทำให้พากันเข้าใจผิด ว่าทำดีไม่ได้ดีบ้าง ความเข้าใจถูก ๆ ผิด ๆ ในเรื่องการให้ผลของกรรมนี้ ที่ทำให้ยากจะมั่นใจ ว่าทำดีไม่มีได้ผลชั่วเสมอไป และทำชั่วไม่มีได้ผลดีเสมอไป จงมั่นใจในผลของกรรม อย่าลังเลสงสัยแม้แต่น้อย จะได้ไม่ทำให้ทำกรรมส่งเดช โดยคิดว่าผลของกรรมไม่อยู่ที่เหตุ ทำผิดทำถูกอย่างไรก็ได้ เพราะผลของกรรมไม่แน่นอนเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย.

เพราะยากจะแลให้เห็นถูกตรง ว่ากรรมใดกำลังให้ผล ไปหลงเข้าใจผิด คิดว่าผลที่กำลังเกิดให้ได้รับ เป็นผลของกรรมที่ทำในปัจจุบัน เสมอไป ซึ่งที่จริงไม่ใช่ ที่จริงนั้น ส่วนมากผลที่ได้รับในปัจจุบัน เป็นผลของกรรมในอดีต ที่ทำกันไว้มากมายด้วยนานนักหนา ด้วย จึงยากที่จะเข้าใจเรื่องการให้ผลของกรรม ถ้าจะสงสัยเรื่องการให้ผลของกรรม ก็ขอให้เข้าใจเถิด ว่าผลที่ตนกำลังได้รับ มีกรรมที่ตนทำไว้เองเป็นเหตุเพียงแต่ว่าเราไม่สามารถมีญาณหยั่งรู้เท่านั้นว่ากรรมในอดีตที่กำลังให้ผลแก่ชีวิตเราในปัจจุบันเป็นกรรมอะไร.

เคยได้ยินผู้มีญาณที่ล่วงรู้อดีตกาลนานไกลของผู้ร่วมทุกข์ได้ ท่านคุยถึงเรื่องประหลาดที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน คือเรื่องพรหมลูกฟัก ที่เคยได้ยินคำนี้มาแต่ยังเป็นเด็ก แต่คิดว่าเป็นเรื่องคุยกันเล่น ไม่มีความจริง จนทุกวันนี้ จึงได้ความรู้และความเชื่อด้วยว่าพรหมลูกฟัก เป็นเรื่องจริง มีจริงอยู่ตลอดเวลา แม้จนทุกวันนี้ ท่านบอกว่าพรหมลูกฟักมีมากมายนัก และไม่ใช่เป็นสัตว์นรก แต่เป็นเทวดา ชั้นพรหมนั่นแหละ แต่ไม่ใช่เป็นพรหม แบบเทวดาชั้นพรหมทั่วไป แต่เป็นพรหมที่มีชื่อเรียกกัน ว่า “พรหมลูกฟัก” ซึ่งมีจริง ไม่ใช่เรียกกันส่งเดช คือเทวดาชั้นพรหมนั้นมีชั้นพรหมลูกฟักด้วย.

ท่านว่าพรหมลูกฟักเทวดานั้น มีจำนวนมากมาย ล่องลอยอยู่ในสวรรค์ชั้นพรหม เป็นพรหมที่เคยปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ปรากฏว่าด้วยกรรมใด จึงทำให้ลงท้ายด้วยการเปลี่ยนแปลง ไม่ปฏิบัติ พรพุทธศาสนาอย่างดีงาม แต่ปฏิบัติไปตามความพอใจของตน ที่คิดว่าถูกต้อง เป็นการปฏิบัติผิดต่อพระพุทธศาสนาเป็นอันมากมีผลประการหนึ่งให้ต้องได้เป็นพรหมลูกฟัก.

ท่านผู้รู้ผู้เห็นเล่าว่า ว่าพรหมที่เมื่อเป็นมนุษย์เคยปฏิบัติผิดต่อพระพุทธศาสนาจะมีโทษที่หนักประเภทหนึ่ง คือต้องเปลี่ยนสภาพจากเทวดาชั้นพรหมไปเป็นเทวดาพรหมลูกฟัก ท่านอธิบายว่าพรหมลูกฟักมีลักษณะเป็นพรหมเช่นที่ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหม ตามกรรมที่ได้ทำ เป็นกรรมดีจึงทำให้มีชาติเป็นพรหม แต่หลังจากเริ่มต้นด้วยการทำกรรมดีต่อพระพุทธศาสนา ได้ละเลยการปฏิบัติกรรมดี ไปพอใจความคิดเห็นว่าความคิดความเห็นและการปฏิบัติของตนมีความสำคัญ มีความถูกต้องสมควรกว่าข้อปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ที่ตนเคยทำมา จึงเปลี่ยนความคิดเห็น ไปทำกรรมตามอำนาจความคิดเห็นความพอใจของตนซึ่งเมื่อเป็นการผิดต่อพระพุทธศาสนา ผลร้ายของกรรมประการหนึ่ง คือต้องเปลี่ยนภพชาติ จากเป็นพรหม ไปเป็นพรหมลูกฟักเมื่ออำนาจของกรรมที่ปฏิบัติผิดต่อพระพุทธศาสนาส่งถึง.

พรหมลูกฟักนั้น ท่านผู้รู้ท่านเล่า จะมีสภาพเป็นพรหมที่กรรมดีนำให้ไปเกิดนั่นเองแต่เมื่อกรรมไม่ดีตามมาทัน พรหมลูกฟักยังมีคุณลักษณะเป็นพรหมอยู่เช่นเดิม แต่จะมีกรรมไม่ดีเป็นผลเข้าห่อหุ้มพรหมเหล่านั้นไว้ซึ่งท่านว่ามีมากมายนักในสวรรค์ชั้นพรหมแม้จะเป็นเทวดาชั้นพรหมที่งดงาม แต่เมื่อถึงเวลากรรมให้ผล จะมีโทษของกรรมเข้าห่อหุ้มพระพรหมซึ่งเป็นหนึ่งในเทวดา ก็จะถูกกรรมห่อหุ้มไว้ทั้งร่าง ไม่อาจเคลื่อนไหวออกพ้นเครื่องห่อหุ้มได้ เห็นใครเห็นอะไรก็ไม่ได้ ปิดมิดอยู่ในเครื่องห่อหุ้มนั้นทั้งองค์ไม่อาจใช้ปากใช้เท้าใช้มือที่มีอยู่พร้อมบริบูรณ์ได้ ต้องเป็นพรหมที่ถูกห้อมล้อมอยู่แน่นหนาภายในเครื่องแวดล้อมที่มีลักษณะของ “ลูกฟัก” ที่ทำให้เกิดคำว่า “พรหมลูกฟัก” ขึ้น เป็นคำเรียกขานผู้เริ่มทำดีต่อพระพุทธศาสนา เป็นบุญกุศล แต่ลงท้ายด้วยการทำผิดทำบาปเป็นอกุศลต่อพระพุทธศาสนา.

“เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก” ธัมมะนี้เป็นธรรมคู่พระธรรมศาสนาอย่างแท้จริง พระพุทธองค์มีพระเมตตา หาผู้เสมอไม่มี เช่นกรณีที่เสด็จลงปรากฏพระองค์ ประทานธัมมะช่วยท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน และเสด็จลงให้ญาติ โยมผู้นั้นได้เห็นเต็มตาอย่างถนัดชัดเจน โดยไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้นด้วยวัย 32 ปี ซึ่งอ่อนทั้งวัย และอ่อนทีสุดทั้งธัมมะ แต่ด้วยพระเมตตาแท้จริงยิ่งใหญ่ทรงทำพระพุทธหฤทัย ว่าแม้ปราศจากพระพุทธเมตตาเธอผู้นั้นจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในชีวิตนี้ ดังคำประกาศรับรองของครูอาจารย์สำคัญทั้งหลาย เช่นท่านพระอาจารย์ฟั่น ท่านพระอาจารย์หลวงปู่แหวน-หลวงปู่ขาว เป็นต้น พระพุทธเมตตาที่ค้ำจุนขอให้มีชีวิตสวัสดีได้จนปัจจุบัน.

พระพุทธเมตตาในเสียง “พุทโธ พุทโธ” ที่ดังกึกก้องอยู่ทุกชีวิตจิตใจ จะทำให้ความเดือดร้อนนานาประการของไทยสงบลงได้ ไทยมีความร่มเย็นเป็นสุขได้ โดยมีพระพุทธเมตตาค้ำจุนแน่นอน.


โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
มกราคม พ.ศ. 2552


:b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/