วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 00:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 169, 170, 171, 172, 173, 174, 175 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปเวทย ความว่า ข้าพระบาททั้งหลาย
ขอมอบถวายทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส. บทว่า ภึสํ ได้แก่ เหง้าบัว คือเหง้า
อย่างใดอย่างหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระเวสสันดรตรัสว่า
สิ่งใดอันท่านทั้งหลายให้แล้ว สิ่งนั้นเป็นอันเรา
รับแล้ว บรรณาการเป็นอันท่านทั้งหลายกระทำแล้ว
ทุกอย่าง พระราชบิดาทรงขับไล่เรา เราจะไปเขาวงกต
พวกท่านรู้โอกาสแห่งที่อยู่ของพวกเราที่จะอยู่ในป่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปภิคคหิตํ ความว่า ทุกสิ่งนั้นที่ท่าน
ทั้งหลายให้แล้ว ก็เป็นอันเรารับไว้แล้วเทียว. บทว่า สพพสส อคฆิยํ
กตํ ความว่า บรรณาการคือของมอบให้เป็นอันท่านทั้งหลายกระทำแล้วแก่เรา.
บทว่า อวรุทธสิ มํ ราชา ความว่า ก็พระราชบิดาทรงขับไล่คือเนรเทศ
เราจากแว่นแคว้น เพราะฉะนั้น เราจักไปเขาวงกตเท่านั้น ท่านทั้งหลายจงรู้
สถานที่อยู่ในป่าของเรานั้น.

พระยาเจตราชทั้งหลายเหล่านั้นทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอเชิญเสด็จประทับ
อยู่ ณ เจตรัฐนี้ จนกว่าพระยาเจตราชทั้งหลายไปเฝ้า
พระราชบิดาทูลขอโทษ ให้พระราชบิดาทรงเป็นผู้ยัง
แคว้นแห่งชาวสีพีให้เจริญ ทรงทราบว่า พระองค์หา
ความผิดมิได้ เพราะเหตุนั้น พระยาเจตราชทั้งหลาย

จะเป็นผู้อิ่มใจได้ที่พึ่งแล้ว รักษาพระองค์แวดล้อมไป
ข้าแต่บรมกษัตริย์ขอพระองค์ทรงทราบอย่างนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รญโญ สนติก ยาจิตํ ความว่า จัก
ไปเฝ้าพระราชบิดาเพื่อทูลขอโทษ. บทว่า นิชฌาเปตํ ได้แก่ เพื่อให้ทรง
ทราบว่าพระองค์หาความผิดมิได้. บทว่า ลทะปจจยา ได้แก่ ได้ที่พึ่งแล้ว.
บทว่า คจฉนติ ได้แก่ จักไป.
พระมหาสัตว์ตรัสว่า


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ท่านทั้งหลายอย่าชอบใจไปเฝ้าพระราชบิดาเพื่อ
ทูลขอโทษ และเพื่อให้พระองค์ทรงทราบว่าเราไม่มี
ความผิดเลย เพราะว่าพระองค์มิได้เป็นอิสระในเรื่อง
นั้น แท้จริงชาวสีพี กองพล และชาวนิคมเหล่าใด
ขัดเคืองแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็ปรารถนาจะกำจัด
พระราชบิดาเพราะเหตุแห่งเรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตตถ ความว่า แม้พระราชบิดาก็มิได้
เป็นใหญ่ในการที่จะให้ว่าเรามิได้มีความผิด. บทว่า อจจุคคตา ได้แก่ ขัด
เคืองยิ่ง. บทว่า พลคฺคา ได้แก่ พลนิกาย คือแม่ทัพ. บทว่า ปธํเสตุํ
ได้แก่ เพื่อนำออกจากราชสมบัติ. บทว่า ราชานํ ได้แก่ แม้พระราชบิดา.
พระยาเจตราชเหล่านั้นทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ยังแคว้นให้เจริญ ถ้าพฤติการณ์
นั้นเป็นไปในรัฐนี้ ชาวเจตรัฐขอถวายตัวเป็นบริวาร
เชิญเสด็จครองราชสมบัติในเจตรัฐนี้ทีเดียว รัฐนี้ก็มั่ง
คั่งสมบูรณ์ ชนบทก็เพียบพูนกว้างใหญ่ ขอพระองค์
ทรงปลงพระหฤทัยปกครองราชสมบัติเถิด พระเจ้าข้า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สเจ เอสา ปวตเตตถ ความว่า

ถ้าในรัฐนี้มีพฤติการณ์อย่างนี้. บทว่า รชชสสมนุสาสิตํ ได้แก่ เพื่อครอบ
ครองราชสมบัติ อีกอย่างหนึ่ง ปาฐะก็อย่างนี้แหละ.
ลำดับนั้น พระเวสสันดรตรัสว่า
ดูก่อนพระยาเจตบุตรทั้งหลาย ความพอใจหรือ
ความคิดเพื่อครองราชสมบัติ ไม่มีแก่เราผู้อันพระ-

ชนกนาถ เนรเทศจากแว่นแคว้น ท่านทั้งหลายจงฟัง
เรา ชาวสีพี กองพล และชาวนิคมทั้งหลายคงจะไม่
ยินดีว่า พระยาเจตราชทั้งหลาย อภิเษกเราผู้ถูก
เนรเทศจากแว่นแคว้น.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความไม่ปรองดอง จะพึงมีแก่พวกท่าน เพราะ
เราเป็นตัวการสำคัญ อนึ่งความบาดหมางและการ
ทะเลาะกับชาวสีพี เราไม่ชอบใจ ใช่แต่เท่านั้น ความ
บาดหมางพึงรุนแรงขึ้น สงครามอันร้ายกาจก็อาจมีได้.
คนเป็นอันมากพึงฆ่าฟันกันเอง เพราะเหตุแห่ง

เราผู้เดียว สิ่งใดอันท่านทั้งหลายให้แล้ว สิ่งนั้น
ทั้งหมดเป็นอันเรารับไว้แล้ว บรรณาการเป็นอันท่าน
ทั้งหลายกระทำแล้วทุกอย่าง พระราชบิดาทรงขับไล่
เรา เราจักไปเขาวงกต ท่านทั้งหลายรู้โอกาสแห่งที่อยู่
ของพวกเราที่จะอยู่ในป่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เจตา รชเชภิเสจยํ ความว่า พวก
ชาวสีพีเหล่านั้นรู้ว่า ชาวเจตรัฐอภิเษกพระเวสสันดรในราชสมบัติ คงจะไม่
ชอบพวกท่าน. บทว่า อสมโมทิยํ ได้แก่ ความไม่ปรองดอง. บทว่า
อสส ได้แก่ ภเวยย ความว่า จักเป็น. บทว่า อถสส ความว่า คราว
นั้นพวกท่านจักทะเลาะกันเพราะเราคนเดียวเป็นเหตุ.

ก็และครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว พระมหาสัตว์แม้พวกพระยาเจตราชทูลวิง
วอนโดยอเนกปริยาย ก็ไม่ทรงปรารถนาราชสมบัติ ครั้งนั้นพระยาเจตราชทั้ง
หลายได้ทำสักการะใหญ่แด่พระมหาสัตว์ พระมหาสัตว์ไม่ปรารถนาจะเสด็จเข้า
ภายในพระนคร ครั้งนั้นพวกพระยาเจตราชจึงตกแต่งศาลานั้น กั้นพระวิสูตร

ตั้งพระแท่นบรรทม ทั้งหมดช่วยกันแวดล้อมรักษา พระเวสสันดรพักแรมอยู่
๑ ราตรี เหล่าพระยาเจตราชเหล่านั้นสงเคราะห์รักษา บรรทมที่ศาลา รุ่งขึ้น
สรงน้ำแต่เช้า เสวยโภชนาหารมีรสเลิศต่าง ๆ พระยาเจตราชเหล่านั้นแวดล้อม
เสด็จออกจากศาลา พระยาเจตราชหกหมื่นเหล่านั้นโดยเสด็จด้วยพระเวสสันดร
สิ้นระยะทาง ๑๕ โยชน์ หยุดอยู่ที่ประตูป่า เมื่อจะทูลระยะทางข้างหน้าอีก ๑๕
โยชน์ จึงกล่าวว่า


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้


บุญได้ง่ายๆด้วยการแชร์บอกต่อให้คนอื่นได้เข้ามาอ่านครับ ทำวันนี้ ทำเดียวนี้
ได้บุญเดียวนี้วันนี้ครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เชิญเสด็จเถิด ข้าพระองค์ทั้งหลายจักกราบทูล
พระองค์ให้ทรงทราบ อย่างที่คนฉลาดจะกราบทูล
เสลบรรพตซึ่งเป็นที่สงบของปวงราชฤาษีผู้มีการบูชา
เพลิงเป็นวัตร มีจิตตั้งมั่น โน่น ชื่อว่า คันธมาทน์
พระองค์จะประทับกับพระโอรสทั้งสองและพระมเหสี.
พระยาเจตราชทั้งหลายร้องไห้น้ำตาไหลอาบหน้า

พร่ำทูลว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์บ่ายพระพักตร์
ตรงต่อทิศอุดรเสด็จไปจากที่นี้โดยมรรดาใด ถัดนั้น
พระองค์จักทอดพระเนตรเห็นวิปุลบรรพตอันเกลื่อน
ไปด้วยหมู่ไม้ต่าง ๆ มีเงาเย็นน่ารื่นรมย์โดยมรรคานั้น.
ถัดนั้น พระองค์เสด็จพ้นวิปุลบรรพตนั้นแล้ว
จักทอดพระเนตรเห็นแม่น้ำเกตุมดี ลึกเป็นน้ำไหลมา

แต่ซอกเขา ดาดาษไปด้วยมัจฉาชาติ แลมีท่าอันดี น้ำ
มากจงสรงเสวยที่แม่น้ำนั้น ให้พระโอรสพระธิดาและ
พระมเหสีทรงยินดี.
ถัดนั้น พระองค์จะได้ทอดพระเนตรเห็นไม้ไทร
มีผลพิเศษรสหวาน ซึ่งเกิดอยู่ที่ภูเขาน่ารื่นรมย์ มีเงา
เย็นน่ายินดี.

ถัดนั้น พระองค์จะได้ทอดพระเนตรเห็นบรรพต
ชื่อนาลิกะ เกลื่อนไปด้วยหมู่นกต่าง ๆ แล้วไปด้วยศิลา
เกลื่อนไปด้วยหมู่กินนร มีสระชื่อมุจลินท์อยู่ด้านทิศ
อีสานแห่งนาลิกบรรพต ปกคลุมด้วยบุณฑริกและ
อุบลขาวมีประการต่าง ๆ และดอกไม้มีกลิ่นหอมหวล.
ถัดนั้น พระองค์จะเสด็จถึงวนประเทศคล้าย

หมอก มีหญ้าแพรกเขียวอยู่เป็นนิตย์ แล้วเสด็จหยั่ง
ลงสู่ไพรสณฑ์ ซึ่งปกคลุมด้วยไม้ดอกและไม้ผลทั้ง
สอง ดั่งราชสีห์เพ่งเหยื่อหยั่งลงสู่ไพรสณฑ์ฉะนั้น ฝูง
นกในหมู่ไม้ซึ่งมีดอกบานแล้วตามฤดูกาลนั้นมีมากมีสี
ต่าง ๆ ร้องกลมกล่อมอื้ออึง ต่างร้องประสานเสียงกัน.
ถัดนั้น พระองค์จักเสด็จถึงซอกเขาอันเป็นทาง
กันดารเดินลำบาก เป็นแดนเกิดแห่งแม่น้ำทั้งหลาย


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

ด้วยการนำที่อยู่นี้ไปแชร์ในเฟสของคุณ ชักชวนเพื่อนฝูงให้เข้ามาอ่านครับ

viewtopic.php?f=5&t=56788

บุญได้ง่ายๆ และได้มากด้วย เพราะการให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวงนั้นเอง

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
จะได้ทอดพระเนตรเห็นสระโบกขรณีอันดาดาษด้วย
สลอดน้ำและกุ่มบก มีหมู่ปลาหลากหลายเกลื่อนกล่น
มีท่าเรียบราบ มีน้ำมากเปี่ยมอยู่เสมอ เป็นสระสี่เหลี่ยม
มีน้ำจืดดีไม่มีกลิ่นเหม็น พระองค์จงสร้างบรรณศาลา
ด้านทิศอีสานแห่งสระโบกขรณีนั้น ครั้นทรงสร้าง
บรรณศาลาสำเร็จแล้ว ประทับสำราญพระอิริยาบถ
ประพฤติแสวงหามูลผลาหาร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ราชิสิ ได้แก่ ผู้ที่เป็นพระราชาแล้ว
บวช. บทว่า สมาหิตา ได้แก่ เป็นผู้มีจิตแน่วแน่ พระยาเจตราชทั้งหลาย
เมื่อยกหัตถ์ขวาขึ้นทูลบอกว่า เชิญพระองค์เสด็จทางเชิงบรรพตนี้ กราบทูล
ด้วยบทว่า เอส นี้. บทว่า อจฉสิ ได้แก่ จักประทับอยู่. บทว่า อาปกํ
ได้แก่ แม่น้ำเป็นทางน้ำไหล คือนำน้ำมา. บทว่า คิริคพภรํ ได้แก่ ไหล

มาแต่ช่องเขาทั้งหลาย. บทว่า มธุวิปผลํ ได้แก่ มีผลอร่อย. บทว่า
รมมเก ได้แก่ น่ารื่นรมย์. บทว่า กึปุริสายุตํ ได้แก่ ประกอบ คือ
เกลื่อนไปด้วยกินนรทั้งหลาย. บทว่า เสตโสคนธิเยหิ จ ความว่า ประกอบ
ด้วยอุบลขาวและดอกไม้มีกลิ่นหอมมีประการต่าง ๆ. บทว่า สีโหวามิสเปกฺขีว
ความว่า ดุจราชสีห์ต้องการเหยื่อ. บทว่า พินทุสสรา ได้แก่ มีเสียงกลม

กล่อม. บทว่า วคฺคู ได้แก่ มีเสียงไพเราะ. บทว่า กูชนตมุปกูชนติ
ความว่า เข้าไปร้องภายหลังร่วมกะนกที่ร้องอยู่ก่อน. บทว่า อุตสมปุปผิเต
ทุเม ความว่า แอบที่ต้นไม้มีดอกบานตามฤดูกาล ส่งเสียงร้องพร้อมกะนกที่
ส่งเสียงร้องอยู่. บทว่า โส อททส ความว่า พระองค์นั้นจักได้ทอดพระเนตร.
บทว่า กรญชกกุธายุตํ ความว่า เกลื่อนไปด้วยต้นสลอดน้ำและต้นกุ่ม

ทั้งหลาย. บทว่า อปปฏิคนธิยํ ได้แก่ ปราศจากกลิ่นเหม็น เต็มเปี่ยม
ด้วยน้ำหวานดาดาษด้วยปทุมและอุบลเป็นต้นมีประการต่าง ๆ บทว่า ปณฺณ
สาลํ อมาปย ความว่า พึงสร้างบรรณศาลา. บทว่า อมาเปตฺวา ได้แก่ ครั้น
สร้างแล้ว. บทว่า อุญฉาจริยาย อีหถ ความว่า ข้าแต่สมมติเทพ ลำดับ
นั้นพระองค์พึงดำรงพระชนมชีพ ด้วยการเที่ยวแสวงหา เป็นผู้ไม่ประมาทอยู่
เถิด คือพึงเป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่เถิด.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระยาเจตราชทั้งหลายกราบทูลมรรคา ๑๕ โยชน์ แด่พระเวสสันดร
อย่างนี้แล้วส่งเสด็จ คิดว่าปัจจามิตรคนใดคนหนึ่งอย่าพึงได้โอกาสประทุษร้าย
เลย เพื่อจะบรรเทาภยันตรายแห่งพระเวสสันดรเสีย จึงให้เรียกพรานป่าคน
หนึ่งชื่อเจตบุตร เป็นคนฉลาดศึกษาดีแล้วมาสั่งว่า เจ้าจงกำหนดตรวจตราคน
ทั้งหลายที่ไป ๆ มา ๆ สั่งฉะนี้แล้วให้อยู่รักษาประตูป่า แล้วกลับไปสู่นคร
ของตน.

ฝ่ายพระเวสสันดรพร้อมด้วยพระราชโอรสพระราชธิดาและพระราช
เทวี เสด็จถึงเขาคันธมาทน์ประทับยับยั้งอยู่ ณ ที่นั่นตลอดวัน แต่นั่นบ่ายพระ
พักตร์ทิศอุดร เสด็จลุถึงเชิงเขาวิปุลบรรพต ประทับนั่งที่ฝั่งเกตุมดีนที เสวย
เนื้อมีรสอร่อยซึ่งนายพรานป่าผู้หนึ่งถวาย พระราชทานเข็มทองคำแก่นาย
พรานนั้น ทรงสรงสนานที่แม่น้ำนั้น มีความกระวนกระวายสงบ เสด็จขึ้นจาก

แม่น้ำ ประทับนั่ง ณ ร่มไม้นิโครธที่ตั้งอยู่ยอดสานุบรรพตหน่อยหนึ่ง เสวยผล
นิโครธ ทรงลุกขึ้นเสด็จไปถึงนาลิกบรรพต เมื่อเสด็จต่อไปก็ถึงสระมุจลินท์
เสด็จไปตามฝั่งสระถึงมุมด้านทิศอีสาน เสด็จเข้าสู่ชัฎไพรโดยทางเดินได้คน
เดียว ล่วงที่นั้นก็บรรลุถึงสระโบกขรณีสี่เหลี่ยม ข้างหน้าของภูเขาทางกันดาร
เป็นแดนเกิดแห่งแม่น้ำทั้งหลาย.

ขณะนั้นพิภพของท้าวสักกเทวราชสำแดงอาการเร่าร้อน ท้าวสักกะ
ทรงพิจารณาก็ทรงทราบเหตุการณ์นั้น จึงทรงดำริว่า พระมหาสัตว์เสด็จเข้าสู่
หิมวันตประเทศ พระองค์ควรได้ที่เป็นที่ประทับ จึงตรัสเรียก พระวิสสุกรรม
เทพบุตรมาสั่งว่า ดูก่อนพ่อ ท่านจงไปสร้างอาศรมบทในสถานที่อันเป็นรมณีย์
ณเวิ้งเขาวงกตแล้วกลับมา สั่งฉะนี้แล้วทรงส่งพระวิสสุกรรมไป พระวิสสุ-
กรรมรับเทวบัญชาว่า สาธุ แล้วลงจากเทวโลกไปณที่นั้น เนรมิตบรรณศาลา

๒ หลัง ที่จงกรม ๒ แห่ง และที่อยู่กลางคืน ที่อยู่กลางวัน แล้วให้มีกอไม้อัน
วิจิตรด้วยดอกต่าง ๆ และดงกล้วย ในสถานที่นั้น ๆ แล้วตกแต่งบรรพชิต
บริขารทั้งปวง จารึกอักษรไว้ว่าท่านผู้หนึ่งผู้ใดใคร่จะบวช ก็จงใช้บริขาร
เหล่านี้ แล้วห้ามกันเสียซึ่งเหล่าอมนุษย์และหมู่เนื้อหมู่นกที่มีเสียงน่ากลัว แล้ว
กลับที่อยู่ของตน.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ฝ่ายพระมหาสัตว์ทอดพระเนตรเห็นทางเดินคนเดียว ทรงกำหนดว่า
จักมีสถานที่อยู่ของพวกบรรพชิต จึงให้พระนางมัทรีและพระราชโอรสธิดาพัก
อยู่ที่ทวารอาศรมบท พระองค์เองเสด็จเข้าสู่อาศรมบททอดพระเนตรเห็นอักษร
ทั้งหลาย ก็ทรงทราบความที่ท้าวสักกะประทาน ด้วยเข้าพระทัยว่า ท้าวสักกะ
ทอดพระเนตรเห็นเราแล้ว จึงเปิดทวารบรรณศาลาเสด็จเข้าไป ทรงเปลื้อง

พระแสงขรรค์และพระแสงศรทั้งพระภูษา ทรงนุ่งผ้าเปลือกไม้สีแดง พาด
หนังเสือบนพระอังสา เกล้ามณฑลชฎาทรงถือเพศฤาษี ทรงจับธารพระกร
เสด็จออกจากบรรณศาลา ยังสิริแห่งบรรพชิตให้ตั้งขึ้นพร้อม ทรงเปล่งอุทาน
ว่า โอเป็นสุข เป็นสุขอย่างยิ่ง เราได้ถึงบรรพชาแล้ว เสด็จขึ้นสู่ที่จงกรม
เสด็จจงกรมไปมา แล้วเสด็จไปสำนักพระราชโอรสธิดาและพระราชเทวีด้วย

ความสงบเช่นกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ฝ่ายพระนางมัทรีเทวีเมื่อทอดพระเนตร
เห็นก็ทรงจำได้ ทรงหมอบลงที่พระบาทแห่งพระมหาสัตว์ ทรงกราบแล้วทรง
กันแสงเข้าสู่อาศรมบทกับด้วยพระมหาสัตว์ แล้วไปสู่บรรณศาลาของพระนาง
ทรงนุ่งผ้าเปลือกไม้สีแดง พาดหนังเสือบนพระอังสา เกล้ามณฑลชฎา ทรงถือ
เพศเป็นดาบสินี ภายหลังให้พระโอรสพระธิดาเป็นดาบสกุมารดาบสินีกุมารี

กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ประทับอยู่ที่เวิ้งแห่งคีรีวงกต ครั้งนั้นพระนางมัทรีทูล
ขอพรแต่พระเวสสันดรว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ไม่ต้องเสด็จไปสู่ป่า
เพื่อแสวงหาผลไม้ จงเสด็จอยู่ ณ บรรณศาลากับพระราชโอรสและพระราชธิดา
หม่อมฉันจะนำผลาผลมาถวาย.

จำเดิมแต่นั้นมา พระนางนำผลาผลมาแต่ป่าบำรุงปฏิบัติพระราชสวามี
และพระราชโอรสพระราชธิดา ฝ่ายพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ก็ทรงขอพรกะ
พระนางมัทรีว่า แน่ะพระน้องมัทรีผู้เจริญ จำเดิมแต่นี้เราทั้งสองชื่อว่าเป็น
บรรพชิตแล้ว ขึ้นชื่อว่าหญิงเป็นมลทินแก่พรหมจรรย์ ตั้งแต่นี้ไป เธออย่ามาสู่
สำนักฉันในเวลาไม่สมควร พระนางทรงรับว่าสาธุ แม้เหล่าสัตว์ดิรัจฉานทั้งปวง
ในที่ ๓ โยชน์โดยรอบ ได้เฉพาะซึ่งเมตตาจิตต่อกันและกัน ด้วยอานุภาพแห่ง

เมตตาของพระมหาสัตว์ พระนางมัทรีเทวีเสด็จอุฏฐาการแต่เช้าตั้งน้ำดื่มน้ำใช้
แล้วนำน้ำบ้วนพระโอฐ น้ำสรงพระพักตร์มา ถวายไม้ชำระพระทนต์ กวาด
อาศรมบท ให้พระโอรสพระธิดาทั้งสองอยู่ในสำนักพระชนก แล้วทรงถือ
กระเช้า เสียมขอเสด็จเข้าไปสู่ป่า หามูลผลาผลในป่าให้เต็มกระเช้า เสด็จกลับ
จากป่าในเวลาเย็น เก็บงำผลาผลไว้ในบรรณศาลาแล้วสรงน้ำ และให้พระ-


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
โอรสพระธิดาสรง ครั้งนั้นกษัตริย์ทั้ง ๔ องค์ ประทับนั่งเสวยผลาผลแทบ
ทวารบรรณศาลา แต่นั้นพระนางมัทรีพาพระชาลีและพระกัณหาชินาไปสู่
บรรณศาลา กษัตริย์ทั้ง ๔ ประทับอยู่ ณ เวิ้งเขาวงกตสิ้น ๗ เดือน โดย
ทำนองนี้แล ด้วยประการฉะนี้.
จบวนปเวสนกัณฑ์

กาลนั้นมีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อว่า ชูชก เป็นชาวบ้านพราหมณ์ชื่อ
ทุนนวิฏฐะ ใน กาลิงครัฐ เที่ยวภิกขาจารได้ทรัพย์ ๑๐๐ กหาปณะ ฝากไว้
ที่สกุลพราหมณ์แห่งหนึ่งแล้วไปเพื่อประโยชน์แสวงหาทรัพย์อีก เมื่อชูชกไป
ช้านาน สกุลพราหมณ์นั้นก็ใช้กหาปณะเสียหมด ภายหลังชูชกกลับมาทวง ก็
ไม่สามารถจะให้ทรัพย์นั้นจึงยกธิดาชื่อนางอมิตตตาปนาให้ชูชก ชูชกจึงพานาง
อมิตตตาปนาไปอยู่บ้านทุนนวิฏฐพราหมณ์คามในกาลิงครัฐ นางอมิตตตาปนา
ได้ปฏิบัติพราหมณ์โดยชอบ.

ครั้งนั้น พวกพราหมณ์หนุ่ม ๆ เหล่าอื่นเห็นอาจารสมบัติของนาง
จึงคุกคามภรรยาของตน ๆ ว่า นางอมิตตตาปนานี้ปฏิบัติพราหมณ์ชราโดยชอบ
พวกเจ้าทำไมประมาทต่อเราทั้งหลาย ภรรยาพราหมณ์เหล่านั้นจึงคิดว่า พวก
เราจักยังนางอมิตตตาปนานี้ให้หนีไปเสียจากบ้านนี้ คิดฉะนี้แล้วจึงไปประชุม
กันด่านางอมิตตตาปนาที่ท่าน้ำเป็นต้น.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
มีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อชูชกมีปกติอยู่ในกาลิงครัฐ
ภรรยาสาวของพราหมณ์นั้นชื่ออมิตตตาปนา.

นางพราหมณีเหล่านั้นในหมู่บ้านนั้น ไปตักน้ำที่
ท่าน้ำ เป็นประหนึ่งแตกตื่นกันมาประชุมกันกล่าว
บริภาษนางอมิตตตาปนาว่า แน่ะนางอมิตตตาปนา
บิดามารดาของเจ้า เมื่อเจ้ายังเป็นสาวอยู่อย่างนี้ ยัง
มอบตัวเจ้าให้แก่ชูชกพราหมณ์แก่ได้ พวกญาติของ

เจ้าผู้มอบตัวเจ้าแก่พราหมณ์แก่ ทั้งที่เจ้ายังเป็นสาวอยู่
อย่างนี้ เขาอยู่ในที่ลับปรึกษากันถึงเรื่องไม่เป็นประ
โยชน์เรื่องทำชั่ว เรื่องลามก เรื่องไม่ยังใจให้เอิบอาบ


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เจ้าอยู่กับผัวแก่ไม่ยังใจให้เอิบอาบ เจ้าอยู่กับผัวแก่
เจ้าตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่ บิดามารดาของเจ้าคงหาชาย
อื่นให้เป็นผัวไม่ได้แน่จึงยกเจ้าซึ่งยังเป็นสาวอยู่อย่างนี้
ให้พราหมณ์แก่ เจ้าคงจักบูชายัญไว้ไม่ดี ในดิถีที่ ๙ คง
จักไม่ได้ทำการบูชาไฟไว้ เจ้าคงจักด่าสมณพราหมณ์
ผู้มีพรหมจรรย์เป็นเบื้องหน้า ผู้มีศีล เป็นพหูสูต ใน

โลกเป็นแน่ จึงได้มาอยู่ในเรือนพราหมณ์แก่แต่ยังเป็น
สาวอยู่อย่างนี้ ถูกงูกัดก็ไม่เป็นทุกข์ ถูกแทงด้วยหอก
ก็ไม่เป็นทุกข์ การที่เห็นผัวแก่นั้นแล เป็นความทุกข์
ด้วย เป็นความร้ายกาจด้วย การเล่นหัว การรื่นรมย์
ย่อมไม่มีกับผัวแก่การเจรจาปราศรัยก็ไม่มี แม้การ

กระซิกกระซี้ก็ไม่งาม เมื่อใด ผัวหนุ่มเมียสาวเย้าหยอก
กันอยู่ในที่ลับ เมื่อนั้นความเศร้าโศกทุกอย่างที่เสียด
แทงหัวใจอยู่ย่อมพินาศไปสิ้น เจ้ายังเป็นสาวรูปสวย
พวกชายปรารถนายิ่งนัก เจ้าจงไปอยู่เสียที่ตระกูลญาติ
เถิด คนแก่จักให้เจ้ารื่นรมย์ได้อย่างไร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อหุ แปลว่า ได้มีแล้ว. บทว่า วาสี
กลิงเคสุ ความว่า เป็นชาวบ้านพราหมณ์ทุนนวิฏฐะแคว้นกาลิงครัฐ. บทว่า
ตา นํ ตตถ คตาโวจํ ความว่า หญิงในบ้านนั้นเหล่านั้นไปตักน้ำที่ท่าน้ำ
ได้กล่าวกะนางอมิตตตาปนานั้น. บทว่า ถิโย นํ ปริภาสึสุ ความว่า หญิง
เหล่านั้นมิได้กล่าวกะใคร ๆ อื่น ด่านางอมิตตตาปนานั้นโดยแท้แล. บทว่า

กุตุหลา ได้แก่ เป็นประหนึ่งแตกตื่นกัน. บทว่า สมาคนตวา ได้แก่
ห้อมล้อมโดยรอบ. บทว่า ทหริยํ ได้แก่ ยังเป็นสาวรุ่นมีความงามเลิศ.
บทว่า ชิณณสส ได้แก่ ในเรือนของพราหมณ์แก่เพราะชรา. บทว่า
ทุยิฏฐนเต นวมิยํ ความว่า เจ้าจักบูชายัญไว้ไม่ดีในดิถีที่ ๙ คือเครื่อง
บูชายัญของเจ้านั้นจักเป็นของที่กาแก่ถือเอาแล้วก่อน. ปาฐะว่า ทุยิฏฐา เต

นวมิยา ดังนี้ก็มี ความว่า เจ้าจักบูชายัญในดิถีที่ ๙ ไว้ไม่ดี. บทว่า อกตํ
อคคิหุตตกํ ความว่า แม้การบูชาไฟท่านก็จักไม่กระทำ. บทว่า อภิสสสิ
ความว่า ด่าสมณพราหมณ์ผู้มีบาปอันสงบแล้ว หรือผู้มีบาปอันลอยแล้ว หญิง
ทั้งหลายกล่าวอย่างนี้ ด้วยความประสงค์วา นี้เป็นผลแห่งบาปของเจ้านั้น.
บทว่า ชคฆิตํปิ น โสภติ ความว่า แม้การหัวเราะของคนแก่ที่หัวเราะ

เผยฟันหัก ย่อมไม่งาม. บทว่า สพเพ โสกา วินสสนติ ความว่า
ความเศร้าโศกของเขาเหล่านั้นทุกอย่างย่อมพินาศไป. บทว่า กึ ชิณโณ
ความว่า พราหมณ์แก่คนนี้จักยังเจ้าให้รื่นรมย์ด้วยกามคุณ ๕ ได้อย่างไร.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นางอมิตตตาปํนาได้รับบริภาษแต่สำนักนางพราหมณีเหล่านั้น ก็ถือ
หม้อน้ำร้องไห้กลับไปเรือน ครั้นชูชกถามว่า ร้องไห้ทำไม เมื่อจะแจ้งความ
แก่ชูชกจึงกล่าวคาถานี้ว่า
ข้าแต่พราหมณ์ ฉันจะไม่ไปสู่แม่น้ำเพื่อน้ำตัก
มาให้ท่าน ข้าแต่พราหมณ์ พราหมณีทั้งหลาย บริภาษ
ฉันเพราะเหตุที่ท่านเป็นคนแก่.

ความของคาถานั้นว่า ข้าแต่พราหมณ์ พราหมณีทั้งหลายบริภาษฉัน
เพราะท่านแก่ เพราะฉะนั้นจำเดิมแต่นี้ไป ฉันจักไม่ไปสู่แม่น้ำตักน้ำมาให้ท่าน.
ชูชกกล่าวว่า
แน่ะนางผู้เจริญ เจ้าอย่าได้ทำการงานเพื่อฉันเลย
อย่าตักน้ำมาเพื่อฉันเลย ฉันจักตักน้ำเอง เจ้าอย่าขัด
เคืองเลย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุทกมาหิสฺสํ ความว่า ฉันจักนำน้ำ
มาเอง

พราหมณีอมิตตตาปนากล่าวว่า
แน่ะพราหมณ์ ฉันไม่ได้เกิดในตระกูลที่ใช้ผัวให้
ตักน้ำ ท่านจงรู้อย่างนี้ ฉันจักไม่อยู่ในเรือนของท่าน
ถ้าท่านจักไม่นำทาสหรือทาสีมาให้ฉัน ท่านจงรู้อย่างนี้
ฉันจักไม่อยู่ในสำนักของท่าน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นาหํ ตมฺหิ ความว่า ฉันไม่ได้เกิด
ในตระกูลที่ใช้สามีให้ทำการงาน. บทว่า ยํ ตฺวํ ความว่า ฉันไม่ต้องการน้ำ
ที่ท่านจักนำมา.
ชูชกกล่าวว่า

แน่ะพราหมณี พื้นฐานศิลปะหรือสมบัติคือ
ทรัพย์และข้าวเปลือกของฉันไม่มี ฉันจะหาทาสหรือ
ทาสีมาเพื่อนางผู้เจริญแต่ไหน ฉันจักบำรุงนางผู้เจริญ
เอง แน่ะนางผู้เจริญ เจ้าอย่าขัดเคืองเลย.
นางอมิตตตาปนาอันเทวดาดลใจ กล่าวกะพราหมณ์ชูชกว่า

มาเถิดท่าน ฉันจักบอกท่านตามที่ฉันได้ยินมา
พระราชาเวสสันดรนั้นประทับอยู่ที่เขาวงกต ดูก่อน
พราหมณ์ ท่านจงไปทูลขอทาสและทาสีกะพระองค์
เมื่อท่านทูลขอแล้ว พระองค์ผู้เป็นขัตติยชาติจักพระ-
ราชทานทาสและทาสีแก่ท่าน.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอหิ เต อหมกขิสสํ ความว่า ฉัน
จักบอกแก่ท่าน. นางอมิตตตาปนานั้นถูกเทวดาดลใจ จึงกล่าวคำนี้.
ชูชกกล่าวว่า
ฉันเป็นคนแก่ ไม่มีกำลัง และหนทางก็ไกล ไป
แสนยาก แน่ะนางผู้เจริญ เจ้าอย่าคร่ำครวญไปเลย
อย่าน้อยใจเลย ฉันจักบำรุงนางผู้เจริญเอง เจ้าอย่าขัด
เคืองฉันเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชิณโณหมสมิ ความว่า แน่ะ นางผู้
เจริญ ฉันเป็นคนแก่ จักไปอย่างไรได้.
พราหมณีอมิตตตาปนากล่าวว่า
คนขลาดยังไม่ทันถึงสนามรบ ไม่ทันได้รบก็ยอม
แพ้ ฉันใด ดูก่อนพราหมณ์ ท่านยังไม่ทันได้ไปเลย
ก็ยอมแพ้ ฉันนั้น ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านไม่หาทาส

และทาสีมาให้ฉัน ท่านจงรู้อย่างนี้ ฉันจักไม่อยู่ใน
เรือนของท่าน เมื่อใดท่านเห็นฉันแต่งกายในงาน
มหรสพประกอบด้วยนักขัตฤกษ์ หรือพิธีตามที่เคยมี
เมื่อนั้นความทุกข์ก็จักมีแก่ท่าน เมื่อฉันรื่นรมย์กับด้วย
ชายอื่น ๆ ความทุกข์ก็จักมีแก่ท่าน เมื่อท่านผู้ชราแล้ว
พิไรคร่ำครวญอยู่ เพราะไม่เห็นฉัน ร่างกายที่งอก็จัก

งอยิ่งขึ้น ผมที่หงอกก็จักหงอกมากขึ้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อมนาปนฺเต ความว่า เมื่อท่านไม่ยอม
ไปเฝ้าพระเวสสันดร ทูลขอทาสและทาสีมา ฉันจักกระทำกรรมที่ท่านไม่ชอบใจ.
บทว่า นกขตเต อุตปุพเกพสุ ความว่า ในงานมหรสพที่เป็นไปด้วยสามารถ
ที่จัดขึ้นในคราวนักขัตกฤษ์ หรือด้วยสามารถที่จัดขึ้นประจำฤดูกาล ในบรรดา
ฤดูกาลทั้งหก.

ชูชกพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจกลัว.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
แต่นั้น พราหมณ์ชูชกนั้นก็ตกใจกลัว ตกอยู่ใน
อำนาจของนางอมิตตตาปนาพราหมณี ถูกกามราคะ
บีบคั้น ได้กล่าวกะนางว่า แน่ะนางพราหมณี เจ้าจง
จัดเสบียงเดินทางเพื่อฉัน คือจัดขนมที่ทำด้วยงา ขนม

ที่ปรุงด้วยน้ำตาล ขนมที่ทำเป็นก้อนด้วยน้ำผึ้ง ทั้ง
สัตตุก้อนสัตตุผงและข้าวผอก จัดให้ดี ฉันจักนำ
พี่น้องสองกุมารมาให้เป็นทาส กุมารกุมารีทั้งสองนั้น
จักไม่เกียจคร้านบำเรอปฏิบัติเจ้าตลอดคืนตลอดวัน.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อททิโต ได้แก่ เบียดเบียน คือบีบคั้น.
บทว่า สํกุโล ได้แก่ ขนมที่ทำด้วยงา. บทว่า สงคุฬานิ จ ได้แก่ ขนม
ที่ปรุงด้วยน้ำตาล. บทว่า สตตภตตํ ได้แก่ ข้าวสัตตุก้อน ข้าวสัตตุผง
และข้าวผอก. บทว่า เมถุนเก ได้แก่ ผู้เช่นเดียวกันด้วยชาติโคตรสกุลและ
ประเทศ. บทว่า ทาสกุมารเก ได้แก่ สองกุมาร เพื่อประโยชน์เป็นทาส
ของเจ้า.

นางอมิตตตาปนารีบตระเตรียมเสบียงแล้วบอกแก่พราหมณ์ชูชก. ชูชก
ซ่อมประตูเรือน ทำที่ชำรุดให้มั่นคง หาฟืนแต่ป่ามาไว้ เอาหม้อตักน้ำใส่ไว้ใน
ภาชนะทั้งปวงในเรือนจนเต็ม แล้วถือเพศเป็นดาบสในเรือนนั้นนั่นเอง สอน
นางอมิตตตาปนาว่า แน่ะนางผู้เจริญ จำเดิมแต่นี้ไป ในเวลาค่ำมืดเจ้าอย่าออก
ไปนอกบ้าน จงเป็นผู้ไม่ประมาท จนกว่าฉันจะกลับมา สอนฉะนั้นแล้วสวม
รองเท้า ยกถุงย่ามบรรจุเสบียงขึ้นสะพายบ่า ทำประทักษิณนางอมิตตตาปนา
มีนัยน์ตาเต็มด้วยน้ำตาร้องไห้หลีกไป.

พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
ชูชกผู้เป็นเผ่าพันธุ์พรหมทำกิจนี้เสร็จแล้ว สวม
รองเท้า แต่นั้นแกเรียกนางอมิตตตาปนาผู้ภรรยามา
พร่ำสั่งเสีย ทำประทักษิณภรรยา สมาทานวัตร มีหน้า
นองด้วยน้ำตา หลีกไปสู่นครอันเจริญรุ่งเรืองของชาว
สีพี เที่ยวแสวงหาทาสและทาสี.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รุณณมุโข ได้แก่ ร้องไห้น้ำตาอาบ
หน้า. บทว่า สหิตพพโต ได้แก่ มีวัตรอันสมาทานแล้ว อธิบายว่า ถือ
เพศเป็นดาบส. บทว่า จรํ ความว่า ชูชกเที่ยวแสวงหาทาสและทาสี มุ่ง
พระนครของชาวสีพีหลีกไปแล้ว.

ชูชกไปสู่นครนั้น เห็นชนประชุมกันจึงถามว่า พระราชาเวสสันดร
เสด็จไปไหน.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พราหมณ์ชูชกไปในนครนั้นแล้ว ได้ถามประ-
ชาชนที่มาประชุมกันอยู่ในที่นั้น ๆ ว่า พระเวสสันดร
ราชาประทับอยู่ที่ไหน เราทั้งหลายจะไปเฝ้าพระบรม-

กษัตริย์ได้ที่ไหน ชนทั้งหลายผู้มาประชุมกันอยู่ ณ ที่
นั้นได้ตอบพราหมณ์นั้นว่า ดูก่อนพราหมณ์ พระเวส-
สันดรบรมกษัตริย์ถูกพวกท่านเบียดเบียน เพราะทรง
ให้ทานมากไป ถึงถูกขับไล่จากแว่นแคว้นของพระองค์


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เสด็จไปประทับอยู่ ณ เขาวงกต ดูก่อนพราหมณ์
พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ ถูกพวกท่านเบียดเบียน
เพราะทรงให้ทานมากไป จึงทรงพาพระโอรสพระธิดา
และพระมเหสีเสด็จไปประทับอยู่ ณ เขาวงกต.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปกโต ความว่า พระเวสสันดรถูก
เบียดเบียนบีบคั้น จึงไม่ได้ประทับอยู่ในพระนครของพระองค์ บัดนี้ประทับ
อยู่ ณ เขาวงกต.

ชนเหล่านั้นกล่าวกะชูชกว่า พวกแกทำพระราชาของพวกเราให้พินาศ
แล้ว ยังมายืนอยู่ในที่นี้อีก กล่าวฉะนี้แล้วก็ถือก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นไล่
ตามชูชกไป. ชูชกถูกเทวดาดลใจ ก็ถือเอามรรคาที่ไปเขาวงกตทีเดียว.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พราหมณ์ชูชกถูกนางอมิตตตาปนาเตือนแล้ว

เป็นผู้ติดใจในกาม จึงประสบทุกข์นั้น ในป่าที่
เกลื่อนไปด้วยพาลมฤค มีแรดและเสือเหลืองเสพอาศัย
แกถือไม้เท้ามีสีดังผลมะตูม อีกทั้งเครื่องบูชาไฟและ
เต้าน้ำ เข้าไปสู่ป่าใหญ่ ซึ่งแกได้ฟังว่า พระเวสสันดร
ราชฤาษีผู้ประทานผลที่บุคคลปรารถนาประทับอยู่ ฝูง
สุนัขป่าก็ล้อมพราหมณ์นั้นผู้เข้าไปสู่ป่าใหญ่ แกหลง

ทางร้องไห้ ได้หลีกไปไกลจากทางไปเขาวงกต แต่นั้น
แกผู้โลภในโภคะ ไม่มีความสำรวมเดินไปแล้ว หลง
ทางที่จะไปสู่เขาวงกต ถูกฝูงสุนัขล้อมไว้ นั่งบนต้น
ไม้ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อฆนฺตํ ได้แก่ ทุกข์นั้นคือทุกข์ที่ติดตาม
โดยมหาชน และทุกข์ที่จะต้องไปเดินป่า. บทว่า อคคิหุตตํ ได้แก่ ทัพพี
เครื่องบูชาไฟ. บทว่า โกกา นํ ปริวารยุํ ความว่า ก็ชูชกนั้นเข้าสู่ป่าทั้งที่ไม่
รู้ทางที่จะไปเขาวงกต จึงหลงทางเที่ยวไป. ลำดับนั้น สุนัขทั้งหลายของพราน
เจตบุตรผู้นั่งเพื่ออารักขาพระเวสสันดร ได้ล้อมชูชกนั้น. บทว่า วิกนฺทิ โส

ความว่า ชูชกนั้นขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่งร้องไห้เสียงดัง. บทว่า วิปฺปรฏฺโ€ ได้แก่
ผิดทาง. บทว่า ทูเร ปนฺถา ความว่า หลีกไปไกลจากทางที่ไปเขาวงกต.
บทว่า โภคลทโธ ได้แก่ เป็นผู้โลภในลาภคือโภคสมบัติ. บทว่า อสญญโต
ได้แก่ ผู้ทุศีล. บทว่า วงกสโสกรเณเนตโถ ได้แก่ หลงในทางที่จะไป
เขาวงกต.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ชูชกนั้นถูกฝูงสุนัขล้อมไว้ ขึ้นนั่งบนต้นไม้ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดร พระราชบุตรผู้
ประเสริฐ ผู้ทรงชำนะมัจฉริยะไม่ปราชัยอีก ผู้ประทาน
ความปลอดภัยในเวลามีภัยแก่เรา พระองค์เป็นที่อาศัย
ของเหล่ายาจก เช่นธรณีดลเป็นที่อาศัยแห่งเหล่าสัตว์.
ใครจะบอกข่าวพระเวสสันดรมหาราช ผู้เปรียบ

เหมือนแม่ธรณีแก่เราได้ พระองค์เป็นที่ไปเฝ้าของ
เหล่ายาจก ดังสาครเป็นที่ไหลไปแห่งแม่น้ำน้อยใหญ่.
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรผู้เปรียบเหมือน
สาครแก่เราได้ พระองค์เป็นดังสระน้ำมีท่าอันงาม ลง
ดื่มได้ง่ายมีน้ำเย็น น่ารื่นรมย์ ดารดาษไปด้วยดอก

บุณฑริกบัวขาบ ประกอบด้วยละอองเกสร.
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรผู้เปรียบเสมือน
สระน้ำแก่เราได้ พระองค์เปรียบประหนึ่งต้นนิโครธ
ใกล้ทาง มีร่มเงาน่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่พักอาศัยของคน
เดินทาง ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน.
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรมหาราชแก่เรา
ได้ พระองค์เปรียบเหมือนต้นไทรที่ใกล้ทาง มีร่มเงา

น่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง ผู้เมื่อยล้า
เหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน.
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรมหาราชแก่เรา
ได้ พระองค์เปรียบเหมือนต้นมะม่วงที่ใกล้ทาง มีร่ม
เงาน่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง ผู้
เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน.
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรมหาราชแก่เรา

ได้ พระองค์เปรียบเหมือนต้นรังที่ใกล้ทาง มีร่มเงา
น่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง ผู้เมื่อยล้า
เหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ใครจะพึงบอกข่าวพระเวสสันดรมหาราชแก่เรา
ได้ พระองค์เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ทาง มีร่ม
เงาน่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง ผู้
เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน.
ใครจะแจ้งข่าวของพระองค์ ผู้ทรงคุณเห็นปาน
นั้นแก่เรา เมื่อเราเข้าไปในป่าใหญ่พร่ำเพ้ออยู่อย่างนี้
บุคคลใดบอกว่า ข้าพเจ้ารู้ข่าว บุคคลนั้นชื่อว่ายัง

ความร่าเริงให้เกิดแก่เรา อนึ่ง เมื่อเราเข้าไปในป่าใหญ่
พร่ำเพ้ออยู่อย่างนี้ บุคคลใดบอกข่าวว่า ข้าพเจ้ารู้จัก
ราชนิวาสสถานของพระเวสสันดร บุคคลนั้นพึงประ-
สพบุญมิใช่น้อย ด้วยคำบอกเล่าคำเดียวนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชยนตํ ได้แก่ ผู้ชนะความตระหนี่. บทว่า
โก เม เวสสนตรํ วิทู ความว่า ชูชกกล่าวว่า ใครจะพึงบอกข่าวพระ-
เวสสันดรแก่เรา. บทว่า ปติฏฐาสิ ความว่า ได้เป็นที่พึ่งอาศัย. บทว่า
สนฺตานํ ได้แก่ เป็นไปโดยรอบ. บทว่า กิลนฺตานํ ได้แก่ ผู้ลำบากใน

หนทาง. บทว่า ปฏิคฺคหํ ได้แก่ เป็นผู้รับ คือเป็นที่พึ่งอาศัย. บทว่า
อหํ ชานนฺติ โย วชฺชา ความว่า ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้ารู้สถาน
ที่ประทับของพระเวสสันดร.

พรานเจตบุตรเป็นพรานล่าเนื้อที่เหล่าพระยาเจตราชตั้งไว้เพื่ออารักขา
พระเวสสันดร เที่ยวอยู่ในป่าได้ยินเสียงคร่ำครวญของชูชกนั้น จึงคิดว่า
พราหมณ์นี้ย่อมคร่ำครวญอยากจะพบพระเวสสันดร แต่แกคงไม่ได้มาตาม
ธรรมดา คงจักขอพระมัทรีหรือพระโอรสพระธิดา เราจักฆ่าแกเสียในที่นี้

แหละ คิดฉะนี้แล้วจึงไปใกล้ชูชก กล่าวว่า ตาพราหมณ์ ข้าจักไม่ให้ชีวิตแก
กล่าวฉะนี้แล้วยกหน้าไม้ขึ้นสายขู่จะยิง.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 169, 170, 171, 172, 173, 174, 175 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร