วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 06:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 127, 128, 129, 130, 131, 132, 133 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แม่น้ำนี้มีน้ำมาก มีตลิ่งไม่สูง มีท่าอันดี ไหล
อยู่เสมอ สัตว์นรกเหล่านั้นเร่าร้อนเพราะความร้อน
แห่งไฟ จะดื่มน้ำ ก็แต่เมื่อสัตว์นรกเหล่านั้นจะดื่ม น้ำ
ก็กลายเป็นแกลบไป ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา
เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ แน่ะมาตลีเทพสารถี
ข้าพเจ้าขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไร
ไว้ เมื่อจะดื่มน้ำ น้ำจึงกลายเป็นแกลบไป.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตาม
ที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดมีการงานไม่บริสุทธิ์
ขายข้าวเปลือกแท้เจือด้วยข้าวลีบแกลบแก่ผู้ซื้อ เมื่อ
สัตว์เหล่านั้นมีความร้อนยิ่งเพราะความร้อนแห่งไฟ
กระหายน้ำ จะดื่มน้ำจึงกลายเป็นแกลบไป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนิขาตกูลา ได้แก่ มีฝั่งไม่ลึก. บท
ว่า สุปติตฺถา ได้แก่ ประกอบด้วยท่าน้ำงาม ๆ. บทว่า ถุสํ โหติ ความว่า
ข้าวเปลือกกลายเป็นแกลบ. บทว่า ปานิ ได้แก่ น้ำดื่ม ได้ยินว่า ในประเทศ
นั้น มีแม่น้ำมีน้ำเจิ่งน่ารื่นรมย์ไหลอยู่เป็นปกติ สัตว์นรกเร่าร้อนเพราะความ

ร้อนแห่งไฟ ไม่อาจจะทนความกระหายได้ จึงเดินย่ำแผ่นดินโลหะที่ลุกโพลง
ลงสู่แม่น้ำนั้น ทันใดนั้นเองฝั่งน้ำทั้งสองก็ลุกโพลงทั่ว น้ำควรดื่มก็กลายเป็น
แกลบและใบไม้ลุกโพลง สัตว์นรกไม่อาจทนความกระหาย ก็เคี้ยวกินแกลบ
และใบไม้อันลุกโพลงนั้น แกลบและใบไม้นั้นก็เผาสรีระทั้งสิ้นของสัตว์เหล่า

นั้นลุกโพลงทั่วออกทางส่วนเบื้องต่ำ สัตว์นรกเหล่านั้นไม่สามารถจะอดกลั้น
ทุกข์นั้น ก็ประคองแขนทั้งสองร้องไห้. บทว่า สุทฺธธญฺญํ ในคาถานั้น ได้
แก่ ธัญชาติบริสุทธิ์ ๗ อย่าง มีข้าวเปลือกเป็นต้น. บทว่า ปลาเสน
มิสฺสํ ความว่า เอาใบไม้บ้าง แกลบบ้าง ทรายและดินเป็นต้นบ้าง ผสม
กัน. บทว่า อสุทฺธกมฺมา ได้แก่ มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เศร้า
หมอง. บทว่า กยิโน ความว่า พูดว่าเราจักให้ข้าวเปลือกที่ดี ๆ แก่ท่าน
รับเงินแต่มือของผู้ซื้อแล้วให้ข้าวเปลือกที่ไม่ดีเห็นปานนั้น.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป นายนิรยบาลทั้งหลายล้อมเหล่าสัตว์นรก
ในนิรยาบายนั้น เหมือนนายพรานล้อมฝูงมฤคในป่าไว้ แล้วทิ่มแทงข้างทั้ง ๒
แห่งสัตว์นรกเหล่านั้นด้วยอาวุธต่าง ๆ มีเครื่องประหาร คือลูกศรเป็นต้น ร่างกาย
ของสัตว์นรกเหล่านั้นปรากฏเป็นช่องปรุไปหมดเหมือนใบไม้แก่ฉะนั้น พระ-
เจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัส
คาถาว่า

นายนิรยบาลแทงข้างทั้ง ๒ แห่งสัตว์นรกผู้
ร้องไห้อยู่ ด้วยลูกศร หอก โตมร ความกลัวปรากฏ
แก่เราเพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ ดูก่อนมาตลีเทพ-
สารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาป
อะไรไว้ จึงถูกฆ่าด้วยหอกนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่
ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้
ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก
เป็นผู้มีกรรม ไม่ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ถือเอาของที่
เจ้าของไม่ให้ คือธัญชาติ ทรัพย์ เงิน ทอง แพะ
แกะ ปสุสัตว์ และกระบือ มาเลี้ยงชีวิต สัตว์เหล่านั้น
เป็นผู้มีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงถูกฆ่าด้วยหอกนอน
อยู่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุภยานิ ได้แก่ข้างทั้งสอง. บทว่า
ตุทนฺติ แปลว่า ย่อมแทง. บทว่า กนฺทตํ แปลว่า ร้องไห้อยู่ นายนิรยบาล
ผู้หยาบช้าล้อมแทงข้างทั้ง ๒ ด้วยอาวุธต่าง ๆ มีลูกศรเป็นต้น เหมือนนายพราน
ล้อมหมู่มฤคในป่า สรีระปรากฏเป็นช่องปรุเหมือนใบไม้เก่า. บทว่า อทินฺน-

มาทาย ได้แก่ สวิญญาณกทรัพย์ และอวิญญาณกทรัพย์ที่เป็นของผู้อื่น สัตว์
นรกเหล่านั้นถือเอาทรัพย์นั้นด้วยการตัดที่ต่อเป็นต้น และด้วยการลวงด้วย
ประการต่าง ๆ เลี้ยงชีวิต.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป แสดงนิรยาบายอื่นอีก นายนิรยบาลผูก
คอสัตว์นรกในนรกนั้นด้วยเชือกเหล็กลุกโพรงใหญ่ คร่าตัวมาให้ล้มลงบนแผ่น
ดินเหล็กลุกโพลง เที่ยวทุบตีด้วยอาวุธต่าง ๆ พระเจ้าเนมิราช เมื่อจะตรัสถาม
มาตลีเทพสารถีถึงเหตุนั้น จึงตรัสคาถาว่า

สัตว์นรกเหล่านี้นายนิรยบาลผูกคอไว้เพราะเหตุ
อะไร ยังพวกอื่นอีกพวกหนึ่ง อันนายนิรยบาลตัดทำ
ให้เป็นชิ้น ๆ นอนอยู่ ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา
เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ ดูก่อนมาตลีเทพสารถี
เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึง
ถูกทำให้เป็นชิ้น ๆ นอนอยู่.

มาตลีเทพสารถี ทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตาม
ที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้
ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่านี้เคยเป็นผู้ฆ่าแกะ
ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ครั้นฆ่าสัตว์ของเลี้ยง กระบือ
แพะ แกะ แล้ววางไว้ในร้านที่ฆ่าสัตว์ขายเนื้อ เป็นผู้
มีกรรมหยาบช้าทำบาปจึงถูกตัดเป็นชิ้น ๆ นอนอยู่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คีวาย พนฺธา ความว่า เหล่าสัตว์
นรกถูกนายนิรยบาลผูกคอด้วยเชือกเหล็กลุกโพลงใหญ่ คร่าตัวมาให้ล้มลงบน
แผ่นดินเหล็ก ทุบตีด้วยอาวุธต่าง ๆ อันลุกโพลง พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตร
เห็นสัตว์นรกเหล่านั้น จึงตรัสถาม. บทว่า อญฺเญ วิกนฺตา ความว่า

สัตว์นรกเหล่าอื่นถูกตัดเป็นชิ้น ๆ. บทว่า วิลกตา ความว่า สัตว์นรกเหล่า
อื่นถูกนายนิรยบาลวางไว้บนแผ่นเหล็กลุกโพลง เอามีดเชือดเนื้อสับเหมือนสับ
เนื้อทำเป็นก้อน ๆ นอนอยู่. บทว่า มจฺฉิกา แปลว่า ฆ่าปลา. บทว่า ปสุํ
ได้แก่ แม่โค. บทว่า สูเณสุ ปสารยึสุ ความว่า วางไว้ในร้านฆ่าสัตว์
ขายเนื้อ เพื่อประโยชน์แก่การขายเนื้อเลี้ยงชีพ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป แสดงนิรยาบายอื่นอีก พระเจ้าเนมิราช
ทอดพระเนตรเห็นสัตว์นรกเหล่านี้กินมูตรและคูถ เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพ-
สารถี จึงตรัสคาถาว่า
ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยมูตรและคูถ มีกลิ่นเหม็น
ไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป สัตว์นรกมีความหิวครอบงำ
ก็กินมูตรและคูถนั้น ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะ
ได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เรา
ขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึง
มีมูตรและคูถเป็นอาหาร.

มาตลีเทพสารถีทูลถวายพยากรณ์พระดำรัสถาม
ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระ-
ราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดก่อทุกข์
เบียดเบียนมิตรสหายเป็นต้น ตั้งมั่นอยู่ในความเบียด
เบียนผู้อื่นทุกเมื่อ สัตว์นรกเหล่านั้น มีกรรมหยาบช้า
เป็นพาลประทุษร้ายมิตร จึงต้องกินมูตรและคูถ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขุทาปเรตา มนุชา อเทนฺติ ความ
ว่า สัตว์นรกเหล่านี้อันความหิวถูกต้อง ไม่อาจอดกลั้นความหิวได้ จึงทำคูถ
เก่าซึ่งตั้งอยู่เป็นกัป เดือดพล่าน ควันอบ ลุกโพลง เป็นก้อน ๆ เคี้ยวกิน.
บทว่า การณิกา แปลว่า ก่อทุกข์. บทว่า วิโรสิกา ได้แก่ ผู้เบียดเบียน
แม้มิตรสหายเป็นต้น. บทว่า มิตฺตทฺทโน ความว่า สัตว์เหล่าใดเป็นพาล

เคี้ยวกิน คือบริโภคข้าวปลาอาหารในบ้านของคนนั้น ๆ นั่งนอนบนอาสน์ที่
เขาปูลาดไว้ ยังรับจ้างขโมยมาสกและกหาปณะอีก สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้ประทุษ
ร้ายมิตร เป็นพาล จึงเคี้ยวกินก้อนคูถเห็นปานนี้ พระเจ้าข้า.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป ในนรกอื่น ๆ สัตว์นรกเหล่านี้อันความ
หิวถูกต้อง ไม่อาจอดกลั้นความหิวได้ จึงทำเลือดและหนองเป็นก้อน ๆ เคี้ยว
กิน พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสคาถาว่า

ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยเลือดและหนอง มีกลิ่นเหม็น
ไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป สัตว์นรกถูกความร้อนแผดเผา
แล้ว ย่อมดื่มเลือดและหนองกิน ความกลัวย่อม
ปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อน
มาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้

ทำบาปอะไรไว้จึงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร.
มาตลีเทพสารถีทูลถวายพยากรณ์พระดำรัสถาม
ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระ-
ราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดเมื่อยังอยู่ใน
มนุษยโลกฆ่ามารดาบิดาแลพระอรหันต์ ชื่อว่าต้อง
ปาราชิกในคิหิเพศ สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า
ทำบาปจึงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ฆมฺมาภิตตฺตา ได้แก่ ถูกความร้อน
เบียดเบียน. บทว่า ปาราชิกา ความว่า เป็นผู้พ่าย คือ ฆ่าบิดามารดา
ต้องปาราชิกในความเป็นคฤหัสถ์นั่นแล. บทว่า อรหนฺเต ได้แก่ ผู้สมควร
แก่บูชาพิเศษ. บทว่า หนนฺติ ความว่า ฆ่าบิดามารดาผู้ทำกรรมที่ทำได้
ด้วยยาก อีกอย่างหนึ่ง ด้วยบทว่า อรหนฺเต ท่านสงเคราะห์แม้พุทธสาวก
ทั้งหลายเข้าด้วย.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป นายนิรยบาลที่อุสสุทนรกอื่นอีก เอา
เบ็ดเหล็กลุกโพลงโตเท่าลำตาลเกี่ยวลิ้นสัตว์นรก คร่ามาให้สัตว์นรกเหล่านั้น
ล้มลงบนแผ่นดินโลหะที่ลุกโพลง ให้นอนแผ่ เอาขอเหล็กสับดุจสับหนังโค
ฉะนั้น สัตว์นรกเหล่านั้นดิ้นรนเหมือนปลาดิ้นอยู่บนบก ไม่อาจทนทุกข์นั้น
ร้องไห้เขฬะไหล พระเจ้าเนมิราชเมื่อจะแสดงแก่มาตลีเทพสารถีนั้น ได้ตรัสว่า

ท่านจงดูลิ้นของสัตว์นรกที่เกี่ยวด้วยเบ็ด และ
หนังที่แผ่ไปด้วยขอ สัตว์นรกย่อมดิ้นรน เหมือนปลา
ที่โยนไปบนบกย่อมดิ้นรนฉะนั้น ร้องไห้ น้ำลายไหล
เพราะกรรมอะไร ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะ
ได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอ
ถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงกลืน
เบ็ดนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่
ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็น
มนุษย์อยู่ในตำแหน่งผู้ตีราคา ยังราคาซื้อให้เสื่อมไป
ด้วยราคา ทำกรรมอันโกงด้วยความโกง เหตุโลภ

ทรัพย์ปกปิดไว้ ดุจคนเข้าไปใกล้ปลาเพื่อจะฆ่าเอา
เหยื่อเกี่ยวเบ็ดปิดเบ็ดไว้ฉะนั้น บุคคลจะป้องกันช่วย
คนทำความโกงผู้อันกรรมของตนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลย
สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมากลืน
เบ็ดนอนอยู่.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กิเมเต ความว่า เพราะเหตุไร สัตว์นรก
เหล่านั้น. บทว่า วงฺกฆสฺตา แปลว่า กลืนเบ็ด. บทว่า สณฺฐานคตา
ความว่า ผู้ถึงตำแหน่งคือขอบเขต คือดำรงอยู่ในตำแหน่งตีราคาสินค้า. บทว่า
อคฺเฆน อคฺฆํ ความว่า รับราคาสินค้านั้น ๆ เป็นสินบนแล้วลดราคา
วิญญาณกทรัพย์และอวิญญาณกทรัพย์นั้น ๆ มีช้างม้าเป็นต้น หรือเงินทอง
เป็นต้น. บทว่า กยํ ความว่า เมื่อลดราคานั้น ๆ ย่อมลดราคาซื้อจากราคา

นั้นแก่ผู้ซื้อทั้งหลาย เมื่อควรจะให้ ๑๐๐ ก็ให้แค่ ๕๐ เมื่อควรจะให้ ๕๐ บาท
ก็ให้แค่ ๒๕ ฝ่ายผู้ซื้อนอกนี้ก็แบ่งกับผู้ตีราคาเหล่านั้น ถือเอาราคานั้น. บทว่า
กูเฏน กูฏํ ได้แก่ การโกงนั้น ๆ มีโกงด้วยตาชั่งเป็นต้น. บทว่า ธนโลภเหตุ
ความว่า กระทำการโกงนั้น ๆ เพราะเหตุโลภทรัพย์. บทว่า ฉนฺนํ ยถา วาริจรํ
วธาย ความว่า ก็สัตว์เหล่านั้นแม้เมื่อทำการงานนั้น ก็ปกปิดการโกงที่ตน

ทำไว้อย่างนั้น ด้วยวาจาอ่อนหวาน คนเข้าไปใกล้ปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ เพื่อจะ
ฆ่า ก็เอาเหยื่อหุ้มเบ็ดฆ่าปลานั้น ฉันใด การปกปิดทำการงานนั้น ฉันนั้น.
บทว่า น หิ กูฏการิสฺส ความว่า ด้วยว่า ชื่อว่าการป้องกันย่อมไม่มี
แก่ผู้ที่ทำการโกง แม้สำคัญอยู่ว่า กรรมของเราที่ปกปิดไว้นั้นไม่มีใครรู้.
บทว่า สเกหิ กมฺเมหิ ปุรกฺขิตสฺส ความว่า ผู้นั้นอันกรรมของตน
หุ้มห่อไว้ ก็ไม่ได้ที่พึ่ง.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป สัตว์นรกในนรกนั้น ตั้งอยู่ในหลุมใหญ่
เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ลุกโพลง ได้ยินว่า สัตว์นรกเหล่านั้นถูกนายนิรยบาลถือ
อาวุธต่าง ๆ แทง เข้าถึงนรกนั้น เหมือนนายโคบาลแทงฝูงโคที่ไม่เข้าคอก
ฉะนั้น นายนิรยบาลจับสัตว์นรกเหล่านั้นเอาเท้าขึ้นบนโยนไปในนรกนั้น
พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นสัตว์นรกตกนรกอย่างนั้น เมื่อจะตรัสถาม
มาตลีเทพสารถี จึงตรัสคาถาว่า

หญิงนรกเหล่านี้มีร่างกายแตกทั่ว มีชาติทราม
มีแมลงวันตอม เปรอะเปื้อนด้วยเลือดและหนอง มี
ศีรษะขาด เหมือนฝูงโคที่ศีรษะขาดบนที่ฆ่า ประคอง
แขนทั้งสองร้องไห้ หญิงนรกเหล่านั้นจมอยู่ในภูมิภาค
เพียงเอวทุกเมื่อ ภูเขาไฟตั้งมาแต่สี่ทิศ ลุกโพลงกลิ้ง

มาบดหญิงนรกเหล่านั้นให้ละเอียด ความกลัวปรากฏ
แก่เราเพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพ
สารถี เราขอถามท่าน หญิงนรกเหล่านี้ได้ทำบาป
อะไรไว้ จึงต้องมาจมอยู่ในภูมิภาคเพียงเอวทุกเมื่อ
ภูเขาไฟลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศบดให้ละเอียด.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่
ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า หญิงนรกเหล่านั้นเป็นกุลธิดา เมื่อ
ยังอยู่ในมนุษยโลก มีการงานไม่บริสุทธิ์ ได้ประพฤติ
ไม่น่ายินดี เป็นหญิงนักเลง ละสามีเสียได้ คบหา

ชายอื่นเพราะเหตุยินดีและเล่น หญิงเหล่านั้นเมื่อยัง
อยู่ในมนุษยโลก ยังจิตของตนให้ยินดีในชายอื่นจึงถูก
ภูเขาไฟอันลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศ บดให้ละเอียด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นารี ได้แก่ หญิงทั้งหลาย. บทว่า
สมฺปริภินฺนคตฺตา ความว่า มีตัวแตก คือมีสรีระขาดโดยรอบด้วยดี.บทว่า
รุชจฺจา แปลว่า มีชาติทราม คือมีรูปแปลก อธิบายว่า น่าเกลียด. บทว่า
วิกนฺตา ความว่า มีตัวเปรอะเปื้อนหนองและเลือด เหมือนโคทั้งหลาย
ที่หัวขาด. บทว่า สทา นิขาตา ความว่า จมลงในแผ่นดินเหล็กที่ลุกโพลง

เป็นนิจเข้าไปแค่เอวตั้งอยู่เหมือนใครวางไว้. บทว่า ขนฺธาติวตฺตนฺติ ความว่า
แน่ะสหายมาตลี ภูเขาเหล่านี้กลิ้งทับหญิงเหล่านั้น ได้ยินว่า ในเวลาที่หญิง
เหล่านั้นจมเข้าไปแค่เอวอย่างนี้ ภูเขาเหล็กลุกโพลงตั้งขึ้นทางทิศตะวันออก
คำรามดุจสายฟ้ามา เป็นราวกะว่าบดสรีระให้แหลกละเอียดไป เมื่อภูเขาลูกนั้น
กลิ้งไปตั้งอยู่ทางข้างทิศตะวันตกสรีระของหญิงเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นอีก หญิง

เหล่านั้นไม่อาจอดกลั้นทุกข์นั้นได้ จึงประคองแขนทั้งสองร้องไห้ แม้ภูเขาที่
ตั้งขึ้นในทิศที่เหลือทั้งหลายก็มีนัยอย่างนี้แล ภูเขาสองลูกตั้งขึ้นบดสรีระของ
หญิงเหล่านั้นเหมือนหีบอ้อยเลือดหลั่งไหลไป บางครั้งภูเขาสามลูก บางคราว
สี่ลูก ตั้งขึ้นบดสรีระของหญิงเหล่านั้น เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ขนฺธา-
ติวตฺตนฺติ.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า โกลิตฺถิยาโย ได้แก่ เป็นกุลธิดาดำรงอยู่ในตระกูล. บทว่า
อยุตฺตํ อจารํ ความว่า ได้กระทำกรรมที่ไม่สำรวม. บทว่า ธุตฺตรูปา
ความว่า เป็นหญิงมีรูปไม่งาม คือมีรูปชั่ว มีชาติเป็นนักเลง. บทว่า ปติ
วิปฺปหาย ความว่า ละสามีของตนเสีย. บทว่า อจารุํ ความว่า ได้ถึงชายอื่น.
บทว่า รติขิฑฺฑเหตุ ความว่า เหตุกามคุณห้า และเหตุเล่น. บทว่า
รมาปยิตฺวา ความว่า ยังจิตของตนให้รื่นรมย์กับเหล่าชายอื่น เกิดขึ้นในที่นี้
อธิบายว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นภูเขามีไฟลุกโชติช่วงเหล่านี้ จึงบดสรีระของหญิง
เหล่านั้นด้วยอาการอย่างนี้.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป สัตว์นรกในนรกนั้นตั้งอยู่ในบ่อใหญ่
เต็มด้วยถ่านเพลิงลุกโพลง ได้ยินว่า สัตว์นรกเหล่านั้นถูกนายนิรยบาลถืออาวุธ
ต่างๆ แทง เหมือนนายโคบาลแทงฝูงโคที่ไม่เข้าคอก เข้าถึงนรกนั้นด้วย
ประการนั้น ลำดับนั้น นายนิรยบาลจับสัตว์นรกเหล่านั้นให้มีเท้าขึ้นข้างบนโยน
ลงในบ่อใหญ่นั้น พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นสัตว์นรกตกลงในนรก
อย่างนั้น เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสคาถาว่า

เพราะเหตุไร นายนิรยบาลทั้งหลายจึงจับสัตว์
นรกเหล่านี้อีกพวกหนึ่งที่เท้าเอาหัวลงโยนลงไปใน
นรก ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความ
เป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน
สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกโยนให้ตกไป
ในนรก.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่
ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก
เป็นผู้มีกรรมไม่ดี ล่วงเกินภรรยาทั้งหลายของชายอื่น
สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้ลักภัณฑะอันอุดมเช่นนั้น จึงมาตก

นรก เสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นสิ้นปีเป็นอันมาก
บุคคลผู้ช่วยป้องกันบุคคลผู้มักทำบาป ผู้อันกรรมของ
ตนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลย สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรม
หยาบช้าทำบาป จึงมาตกอยู่ในนรก.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นรเก ได้แก่ ในบ่อใหญ่เต็มด้วย
ถ่านเพลิงอันลุกโพลง ได้ยินว่า สัตว์นรกเหล่านั้นถูกนายนิรยบาลถืออาวุธ
ต่าง ๆ ทิ่มแทงโบยตี ราวกะนายโคบาลแทงโคทั้งหลายที่ไม่เข้าคอกฉะนั้น
เข้าถึงนรกนั้นเห็นปานนั้น ลำดับนั้น นายนิรยบาลทั้งหลายทำสัตว์นรกเหล่านั้น
ให้มีเท้าขึ้นข้างบนมีศีรษะลงข้างล่าง แล้วโยนลงในบ่อใหญ่นั้น พระเจ้าเนมิราช
ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสัตว์นรกกำลังตกลงไปอย่างนั้น เมื่อจะตรัสถามจึงตรัส
อย่างนี้. บทว่า อุตฺตมภณฺฑเถนา ได้แก่ ผู้ขโมยภัณฑะอันประเสริฐที่
มนุษย์ทั้งหลายพึงรัก.

ก็แลครั้นทูลอย่างนี้แล้ว มาตลีผู้สังคาหกะได้ยังนรกนั้นให้อันตรธาน
ไป ขับรถต่อไป แสดงนรกเป็นที่หมกไหม้แห่งพวกมิจฉาทิฏฐิ ได้พยากรณ์
ข้อที่พระเจ้าเนมิราชตรัสถามว่า

สัตว์นรกเหล่านี้ ทั้งน้อยใหญ่ต่างพวกประกอบ
เหตุการณ์ มีรูปร่างพิลึก ปรากฏอยู่ในนรก ความกลัว
ย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น
ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรก
เหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงได้เสวยทุกขเวทนาอัน
กล้าแข็งเผ็ดร้อนมีประมาณยิ่ง.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตาม
ที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก
เป็นผู้มีความเห็นเป็นบาป หลงทำกรรมอันทำด้วย
ความคุ้นเคย และชักชวนผู้อื่นในทิฏฐิเช่นนั้น สัตว์
เหล่านั้นเป็นผู้มีทิฏฐิอันลามกทำบาป จึงต้องเสวยทุกข
เวทนาอันกล้าแข็งเผ็ดร้อนมีประมาณยิ่ง.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺจาวจาเม ได้แก่ สัตว์นรกเหล่านี้
ทั้งสูงและต่ำ อธิบายว่า ทั้งน้อยและใหญ่. บทว่า อุปกฺกมา ได้แก่ ผู้
ประกอบเหตุการณ์. บทว่า สุปาปทิฏฺฐิโน ความว่า เป็นผู้มีธรรมลามก
ด้วยดี ด้วยมิจฉาทิฏฐิมีวัตถุ ๑๐ คือ ทานที่ให้ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล
การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี มารดาไม่มี บิดา

ไม่มี สมณพราหมณ์ไม่มี สัตว์ผู้ผุดเกิดไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี.
บทว่า วิสฺสาสกมฺมานิ ความว่า เป็นผู้อาศัยกรรมที่ทำด้วยความคุ้นเคย
กระทำกรรมลามกมีอย่างต่าง ๆ ด้วยมิจฉาทิฏฐินั้น. บทว่า เตเม ความว่า
ชนเหล่านี้นั้น ย่อมเสวยทุกข์เห็นปานนี้.

มาตลีเทพสารถีทูลบอกนรกเป็นที่หมกไหม้ ของพวกมิจฉาทิฏฐิ
ทั้งหลาย แด่พระเจ้าเนมิราชด้วยประการฉะนี้.

แม้หมู่เทวดาในเทวโลกก็ได้นั่งประชุมกันในเทวสภาชื่อสุธรรมานั่นแล
คอยพระเจ้าเนมิราชเสด็จมา ฝ่ายท้าวสักกเทวราชทรงใคร่ครวญดูว่า ทำไม
มาตลีจึงไปช้านัก ก็ทราบเหตุนั้น จึงทรงจินตนาการว่า มาตลีเทพบุตรเที่ยว
แสดงนรกทั้งหลายว่า สัตว์เกิดในนรกโน้น เพราะทำกรรมโน้น ดังนี้ เพื่อ
แสดงความเป็นทูตพิเศษของตน แต่ชนมายุของพระเจ้าเนมิราชซึ่งมีอยู่น้อย

จะพึงสิ้นไป ชนมายุนั้นจะไม่พึงถึงที่สุดแห่งการแสดงนรก ทรงดำริฉะนี้แล้ว
จึงส่งเทพบุตรองค์หนึ่งซึ่งมีความเร็วมาก ด้วยเทพบัญชาว่า ท่านจงไปแจ้งแก่
มาตลีว่า จงเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชมาโดยเร็ว เทพบุตรนั้นมาแจ้งโดยเร็ว
มาตลีเทพสารถีได้สดับคำเทพบุตรนั้นแล้ว จึงทูลพระเจ้าเนมิราชว่า ช้าไม่ได้
แล้ว พระเจ้าข้า แล้วแสดงนรกเป็นอันมากใน ๔ ทิศพร้อมกันทีเดียว แด่
พระเจ้าเนมิราช กล่าวคาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์ทรงทราบสถานที่อยู่
ของเหล่าสัตว์ผู้มีกรรมหยาบช้า และทรงทราบคติของ
เหล่าสัตว์ผู้ทุศีลแล้ว เพราะได้ทอดพระเนตรเห็น
นิรยาบายอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์นรกผู้มีกรรมอัน
ลามก ข้าแต่พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ บัดนี้
ขอพระองค์เสด็จขึ้นไปในสำนักของท้าวสักกเทวราช
เถิด.

คาถานั้นมีเนื้อความว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์ทรงทราบสถาน
ที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้มีกรรมหยาบช้า เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นนิรยาบายอัน
เป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์นรกผู้มีกรรมอันลามกนี้. บทว่า ทุสฺสีลานญฺจ ยา
คติ ความว่า ความสำเร็จแม้นั้นพระองค์ก็ทรงทราบแล้ว บัดนี้ ขอเชิญ
พระองค์เสด็จขึ้นไปชมทิพยสมบัติ ในสำนักของท้าวสักกเทวราชเถิด
พระเจ้าข้า.
จบ กัณฑ์นรก


ก็แลครั้นทูลอย่างนี้แล้ว มาตลีเทพสารถีก็ขับรถมุ่งไปเทวโลก พระ-
เจ้าเนมิราชเมื่อเสด็จไปเทวโลก ทอดพระเนตรเห็นวิมานอันประดิษฐานอยู่ใน
อากาศของเทพธิดา นามว่าวรุณี มียอด ๕ ยอด แล้วไปด้วยแก้วมณี ใหญ่
๑๒ โยชน์ ประดับด้วยอลังการทั้งปวง สมบูรณ์ด้วยอุทยานและสระโบกขรณี
มีต้นกัลปพฤกษ์แวดล้อม และทอดพระเนตรเห็นเทพธิดานั้นนั่งอยู่เหนือหลัง
ที่ไสยาสน์ภายในกูฏาคาร หมู่อัปสรพันหนึ่งแวดล้อม เปิดมณีสีหบัญชรแลดู
ภายนอก จึงตรัสคาถาถามมาตลีเทพสารถี แม้มาตลีเทพสารถีนอกนี้ก็ได้
พยากรณ์แด่พระองค์


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
วิมาน ๕ ยอดนี้ปรากฏอยู่ เทพธิดาผู้มีอานุภาพ
มาก ประดับดอกไม้ นั่งอยู่กลางที่ไสยาสน์ แสดง
ฤทธิ์ได้ต่าง ๆ สถิตอยู่ในวิมานนั้น ความปลื้มใจ
ปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อน
มาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน เทพธิดานี้ได้ทำ
กรรมดีอะไรไว้ จึงได้ถึงสวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมาน.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตาม
ที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบุญทั้งหลาย แด่พระราชา
ผู้ไม่ทรงทราบว่า ก็เทพธิดาที่พระองค์ทรงหมายถึง
นั้น ชื่อวรุณี เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นทาสีเกิด
แต่ทาสีในเรือนของพราหมณ์ นางรู้แจ้งซึ่งแขกคือ

ภิกษุผู้มีกาลอันถึงแล้ว นิมนต์ให้นั่งในเรือนของ
พราหมณ์ ยินดีต่อภิกษุนั้นเป็นนิตย์ ดังมารดายินดี
ต่อบุตรผู้จากไปนานกลับมาถึงฉะนั้น นางอังคาส
ภิกษุนั้นโดยเคารพ ได้ถวายสิ่งของของตนเล็กน้อย
เป็นผู้สำรวมและจำแนกทาน จึงมาบันเทิงอยู่ในวิมาน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปญฺจ ถูปํ ความว่า ประกอบด้วยกูฏาคาร
๕. บทว่า มาลาปิลนฺธา ความว่า ประดับด้วยสรรพาภรณ์ มีเครื่องประดับ
และดอกไม้เป็นต้น. บทว่า ตตฺถจฺฉติ ความว่า อยู่ในวิมานนั้น. บทว่า
อุจฺจาวจํ อิทฺธิวิกุพฺพมานา ความว่า แสดงเทพฤทธิ์มีประการต่าง ๆ.
บทว่า ทิสฺวา ความว่า เราผู้เห็นความเป็นไปนั้นดำรงอยู่. บทว่า วิตฺตี

แปลว่า ความยินดี. บทว่า วินฺทติ ได้แก่ ย่อมได้เฉพาะ อธิบายว่า เรามี
ความปลื้มใจราวกะว่าของมีอยู่ คืออันความยินดีครอบงำแล้ว. บทว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อามายทาสี ความว่า เป็นทาสีเกิดในครรภ์ของทาสีในเรือน. บทว่า อหุ
พฺราหฺมณสฺส ความว่า เทพธิดานั้นได้เป็นทาสีของพราหมณ์คนหนึ่ง ใน
กาลแห่งพระกัสสปทศพล. บทว่า สา ปตฺตกาลํ ความว่า พราหมณ์นั้น
ได้บริจาคสลากภัตแปดแด่พระสงฆ์ พราหมณ์นั้นไปเรือนเรียกภริยามาสั่งว่า
แน่ะนางผู้เจริญ พรุ่งนี้ เธอจงลุกขึ้นแต่เช้า จัดสลากภัตแปดทำให้มีราคา-

กหาปณะหนึ่งสำหรับภิกษุรูปหนึ่ง ๆ พราหมณีปฏิเสธว่า ข้าแต่นาย ขึ้นชื่อว่า
ภิกษุทั้งหลายเป็นนักเลง ดิฉันไม่อาจ ธิดาทั้งหลายของพราหมณ์นั้นก็ปฏิเสธ
อย่างนั้นเหมือนกัน พราหมณ์กล่าวกะทาสีว่า เจ้าอาจไหมแม่หนู ทาสีนั้น
รับคำว่า อาจเจ้าค่ะ แล้วจัดยาคูของเคี้ยวและภัตตาหารเป็นต้นโดยเคารพ
ได้สลากแล้วรู้แจ้งแขกผู้ได้เวลาซึ่งมาแล้ว นิมนต์ให้นั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้
ซึ่งไล้ทาด้วยโคมัยสดทำดอกไม้ยื่นไว้ข้างหน้าในเรือน. บทว่า มาตาว ปุตฺตํ

ความว่า ทาสีนั้นเพลิดเพลินยิ่งตลอดกาลเป็นนิตย์ อังคาสโดยเคารพ ได้ถวาย
อะไร ๆ ซึ่งเป็นของของตน เหมือนมารดาเพลิดเพลินยิ่ง ครั้งเดียวต่อบุตรผู้
จากไปนานกลับมาแล้ว ฉะนั้น. บทว่า สญฺญมา สํวิภาคา จ ความว่า
ทาสีนั้นได้เป็นผู้มีศีลและมีจาคะ เพราะเหตุนั้น จึงบันเทิงอยู่ในวิมานนี้
ด้วยศีลและจาคะนั้น. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สญฺญมา ความว่า ประกอบ
ด้วยการฝึกอินทรีย์.

ก็แลครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มาตลีเทพสารถีได้ขับรถต่อไป แสดง
วิมานทอง๗ ของเทพบุตรชื่อโสณทินนะ พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็น
วิมานเหล่านั้น และสิริสมบัติของโสณทินนเทพบุตรนั้น จึงตรัสถามถึงกรรม
ที่เทพบุตรนั้นได้ทำไว้ แม้มาตลีเทพสารถีนอกนี้ก็ได้ทูลบอกแด่พระองค์


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2019, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
วิมานทั้ง ๗ โชติช่วง อันบุญญานุภาพตกแต่ง
ส่องแสงสว่างดั่งดวงอาทิตย์อ่อน ๆ เทพบุตรในวิมาน
นั้นมีฤทธิ์มาก ประดับด้วยสรรพาภรณ์ อันหมู่เทพ-
ธิดาแวดล้อมผลัดเปลี่ยนเวียนวนอยู่โดยรอบ ทั้ง ๗
วิมาน ความปลื้มใจปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความ
เป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน
เทพบุตรนี้ได้ทำกรรมดีอะไรไว้ จึงได้ถึงสวรรค์
บันเทิงอยู่ในวิมาน.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่
ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบุญทั้งหลาย แด่พระราชาผู้
ไม่ทรงทราบว่า เทพบุตรนี้เป็นคฤหบดีชื่อโสณทินนะ
เป็นทานบดี ให้สร้างวิหาร ๗ หลังอุทิศต่อบรรพชิต
ได้ปฏิบัติบำรุงภิกษุผู้อยู่ในวิหาร ๗ หลังนั้นโดยเคารพ
ได้บริจาคผ้านุ่งผ้าห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะ เครื่องประ-

ทีปในท่านผู้ซื่อตรงด้วยจิตเลื่อมใส รักษาอุโบสถศีลอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ ในดิถีที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๘ แห่งปักษ์
และปาฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สำรวมในศีลทุกเมื่อ เป็นผู้
สำรวมและจำแนกทาน จึงมาบันเทิงอยู่ในวิมาน.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 127, 128, 129, 130, 131, 132, 133 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron