วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 95, 96, 97, 98, 99, 100, 101 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มาให้แก่มารดาบิดา ด้วยการลุกขึ้นและด้วยการบำเรอ. บทว่า ตํ มํ ความว่า
โสณบัณฑิตผู้เป็นพี่ชาย ย่อมห้ามคือกีดกันข้าพเจ้านั้น แม้ผู้ปฏิบัติชอบอย่างนี้
เสียจากบุญนั้น. บทว่า อริยมคคาวโน ความว่า ย่อมห้ามเสียซึ่งอริยมรรค.
นระนั้นห้ามอยู่ซึ่งบุญอย่างนี้ คือ นระนี้ชื่อว่าย่อมเป็นผู้ห้ามเสียซึ่งหนทางแห่ง
เทวโลกกล่าวคืออริยะ เพื่อจะแสดงซึ่งความรักแก่ข้าพเจ้า.

เมื่อนันทบัณฑิตกล่าวอย่างนี้แล้ว พระมหาสัตว์จึงประกาศว่า ท่าน
ทั้งหลายได้สดับถ้อยคำของนันทบัณฑิตนี้ก่อนแล้ว บัดนี้ ขอเชิญสดับถ้อยคำ
ของข้าพเจ้าบ้าง ดังนี้แล้ว จึงกล่าวว่า

ขอมหาบพิตรผู้เจริญทั้งหลาย ผู้เป็นบริษัทของ
น้องนันทะ จงสดับถ้อยคำของอาตมภาพ ผู้ใดยัง
วงศ์ตระกูลแต่เก่าก่อนให้เสื่อม ไม่ประพฤติธรรมใน
บุคคลผู้เจริญทั้งหลาย ผู้นั้นย่อมเข้าถึงนรก ดูก่อน
ท่านผู้เป็นใหญ่ในทิศ ส่วนชนเหล่าใด เป็นผู้ฉลาด

ในธรรมอันเป็นของเก่า และถึงพร้อมด้วยจารีต ชน
เหล่านั้น ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ มารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย
พี่สาว น้องสาว ญาติและเผ่าพันธุ์ ชนเหล่านั้นทั้งหมด
ย่อมเป็นภาระของพี่ชายใหญ่ ขอพระองค์ทรงทราบ
อย่างนี้เถิดมหาบพิตร ดูก่อนมหาบพิตรผู้เป็นจอมทัพ

ก็อาตมภาพเป็นพี่ชายใหญ่ จึงต้องรับภาระอันหนัก
ทั้งสามารถจะปฏิบัติท่านเหล่านั้นได้ เหมือนนายเรือ
รับภาระอันหนัก สามารถจะนำเรือไปได้โดยสวัสดี
ฉะนั้น เหตุนั้น อาตมภาพจึงไม่ละลืมธรรม.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภาตุรชฌาวรา มม ความว่า ท่าน
ผู้เจริญทั้งหลาย คือพระราชาทั้งหลายทั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทแห่งน้องชายของ
ข้าพเจ้าพากันมาแล้ว จงฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าก่อนบ้าง. บทว่า ปริหาปยํ
ได้แก่ ให้เสื่อมรอบอยู่. บทว่า ธมมสส ได้แก่ ธรรมคือความประพฤติ
อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ คือธรรมอันเป็นประเพณี. บทว่า กุสลา ได้แก่

เฉียบแหลม. บทว่า จาริตเตน จ ได้แก่ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยมารยาทและ
ศีล. บทว่า ภารา ความว่า ชนเหล่านั้นทั้งหมด อันพี่ชายใหญ่พึงนำไป
คือพึงปฏิบัติ เพราะฉะนั้น ชนเหล่านั้นจึงชื่อว่าเป็นภาระของพี่ชายใหญ่นั้น.
บทว่า นาวิโก วิย ความว่า เหมือนอย่างว่า นายเรือรับภาระหนัก บรรทุก
ลงในเรือแล้ว ก็ต้องอุตสาหะพยายามที่จะนำเรือไปในท่ามกลางมหาสมุทรด้วย

ความสวัสดี สินค้าและชนทั้งหมดพร้อมทั้งเรือ ย่อมเป็นภาระของนายเรือนั้น
คนเดียว ฉันใด ญาติทั้งหมด ย่อมเป็นภาระของข้าพเจ้าผู้เดียว และข้าพเจ้า
อาจสามารถที่จะปฏิบัติเลี้ยงดูชนเหล่านั้นใด ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าพเจ้าจึง
ไม่ละเลยเชฏฐาปจายนธรรมนั้น อนึ่ง ข้าพเจ้าเป็นพี่ชายใหญ่ ของชนเพียงนี้

เท่านั้นก็หาไม่ ข้าพเจ้ายังเป็นพี่ชายใหญ่ของชาวโลกแม้ทั้งสิ้นอีกด้วย เพราะ
ฉะนั้น ข้าพเจ้าแล จึงสมควรแล้วที่จะปฏิบัติมารดาบิดาพร้อมทั้งน้องนันทะด้วย.

พระราชาเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ได้ทรงสดับคำนั้นแล้ว ก็พากันดี
พระทัยตรัสว่า เราทั้งหลายรู้แล้วในวันนี้เองว่า ได้ยินว่า หน้าที่คือการปฏิบัติ
มารดาบิดาทั้งหลายที่เหลือ ย่อมเป็นหน้าที่ของพี่ชายใหญ่ จึงพากันทอดทิ้ง
นันทบัณฑิต เข้าไปอาศัยพระมหาสัตว์ เมื่อจะทรงกระทำความชมเชยพระ-
มหาสัตว์นั้น จึงตรัสคาถา ๒ คาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ไปแล้วในความมืด วันนี้
ข้าพเจ้าทั้งหลาย เกิดความรู้ขึ้นแล้ว ท่านโกสิยฤาษี
ได้แสดงธรรมแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนส่องแสง
อันรุ่งเรืองจากไฟ ฉะนั้น พระอาทิตย์เป็นเทพเจ้าแห่ง

แสง มีรัศมีเจิดจ้าเมื่ออุทัย ย่อมแสดงรูปดีและรูปชั่ว
ให้ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย ฉันใด ท่านโกสิยฤาษี
ก็แสดงธรรมแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อธิคตมหา ความว่า ในกาลก่อนแต่นี้
ข้าพเจ้าทั้งหลายตกอยู่ในความมืดอันปกปิดเสียซึ่งเชฏฐาปจายนธรรม จึงไม่รู้
จักธรรมนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เกิดความรู้ขึ้นในวันนี้เอง เหมือนแสงประทีป
ส่องสว่างอยู่ฉะนั้น. บทว่า เอวเมว โน ความว่า ไฟที่ลุกโพลงอยู่บนยอดเขา

อันมืดทึบ ส่องแสงสว่างอยู่โดยรอบ ย่อมแสดงรูปทั้งหลายให้ปรากฏได้ฉันใด
พระฤาษีโกสิยโคตรผู้เจริญ ก็แสดงธรรมแก่พวกเราฉันนั้นเหมือนกัน. บทว่า
วาสุเทโว ความว่า เทวดาผู้เป็นเจ้าแห่งแสง เป็นผู้ส่องแสงสว่าง และเป็น
ผู้ประกาศธรรม.

พระมหาสัตว์ ทำลายความเลื่อมใสในนันทบัณฑิตนั้นแล้ว ยังพระ-
ราชาเหล่านั้น ซึ่งมีพระทัยเลื่อมใสในเธอ เพราะได้เห็นปาฏิหาริย์ทั้งหลาย
ของนันทบัณฑิตตลอดกาลเพียงเท่านี้ ให้กลับมาถือเอาถ้อยคำของตนแล้ว
ได้ทำให้พระราชาเหล่านั้นทั้งหมดนั่นแล ต่างจ้องดูหน้าของตน ด้วยกำลังแห่ง
ญาณของตน ด้วยประการฉะนี้.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น นันทบัณฑิต คิดว่า พี่ชายของเราเป็นบัณฑิต เป็น
ธรรมกถึกอย่างเฉียบแหลม ได้แยกพระราชาของเราแม้ทั้งหมด กระทำให้เป็น
ฝักฝ่ายของตนได้ เว้นพี่ชายของเรานี้เสียแล้ว คนอื่นที่จะเป็นที่พึ่งของเราได้
ไม่มีเลย จำเราจักต้องอ้อนวอนพี่ชายของเรานี้ผู้เดียวเถิด จึงกล่าวคาถานี้ว่า

ถ้าพี่จะไม่รับอัญชลีของข้าพเจ้า ผู้วิงวอนอยู่
อย่างนี้ ข้าพเจ้าก็จักดำเนินไปตามถ้อยคำของพี่ จัก
บำรุงบำเรอพี่ ผู้อยู่ด้วยความไม่เกียจคร้าน.

เนื้อความแห่งคำอันเป็นคาถานั้น มีดังต่อไปนี้ ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ยอมรับ
คือ ไม่รับอัญชลีของข้าพเจ้า ผู้วิงวอนอยู่อย่างนี้ ซึ่งข้าพเจ้าประคองอยู่เพื่อ
ต้องการให้พี่ยกโทษ พี่จงบำรุงมารดาบิดาเถิด ส่วนข้าพเจ้า ก็จะประพฤติ
ตามถ้อยคำของพี่ คือจักเป็นผู้กระทำตามถ้อยคำ จะตั้งใจบำรุงด้วยความเป็น
ผู้ไม่เกียจคร้าน ทุกคืนทุกวัน คือข้าพเจ้าจักปฏิบัติบำรุงพี่.

แม้ตามปกติพระมหาสัตว์ จะมิได้ถือโทษหรือผูกเวรในนันทบัณฑิต
เลยก็ตาม แต่เมื่อนันทบัณฑิตนั้น กล่าวถ้อยคำอันกระด้างกระเดื่องเป็นอย่างยิ่ง
จึงได้กระทำดังนั้น ก็เพื่อจะข่มให้เธอลดละมานะเสีย ครั้นมาบัดนี้ได้สดับ
ถ้อยคำของเธอ จึงมีจิตยินดีเกิดความเลื่อมใสในเธอ กล่าวว่า นันทะน้องเอ๋ย

บัดนี้พี่ยกโทษให้แก่เธอแล้ว และเธอจักได้ปฏิบัติมารดาบิดา เมื่อจะประกาศ
คุณของนันทบัณฑิตนั้น จึงกล่าวว่า

ดูก่อนนันทะ เธอรู้แจ้งสัทธรรมที่สัตบุรุษ
ทั้งหลายแสดงแล้วเป็นแน่ เธอเป็นคนดี มีมารยาท
อันงดงาม พี่ขอบใจเป็นยิ่งนัก พี่จะกล่าวกะมารดา
บิดาว่า ขอท่านทั้งสองจงฟังคำของข้าพเจ้า ภาระนี้
หาใช่เป็นภาระเพียงชั่วครั้งชั่วคราวของข้าพเจ้าไม่
การบำรุงที่ข้าพเจ้าบำรุงแล้วนี้ ย่อมนำความสุขมาให้
แก่มารดาบิดาได้ แต่นันทะย่อมทำการขอร้องอ้อนวอน
เพื่อบำรุงท่านทั้งสองบ้าง บรรดาท่านทั้งสองผู้สงบ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ระงับ ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ หากว่าท่านใดปรารถนา
ข้าพเจ้าจะบอกกะท่านนั้น ขอให้ท่านทั้งสองผู้หนึ่งจง
เลือกนันทะตามความปรารถนาเถิด นันทะจะบำรุง
ใครในท่านทั้งสอง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อริโย ได้แก่ เป็นคนดี. บทว่า
อริยสมาจาโร ได้แก่ เธอเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย. บทว่า พาฬหํ
ความว่า บัดนี้เธอย่อมเป็นที่ชอบใจแก่พี่ยิ่งนัก. บทว่า สุณาถ ความว่า
ข้าแต่มารดาและบิดา ขอท่านจงฟังคำของข้าพเจ้า. บทว่า นายํ ภาโร ความว่า

ภาระคือการปฏิบัติมารดาบิดานี้ จะว่าเป็นเพียงภาระของข้าพเจ้า ในกาลบาง-
ครั้งบางคราวก็หาไม่. บทว่า ตํ มํ ความว่า ท่านทั้งหลาย ได้สำคัญว่าการ
บำรุงมารดาบิดานั้นเป็นภาระข้าพเจ้าคนเดียว ก็เลี้ยงดูท่านทั้งหลายได้. บทว่า
อุปฏฐานาย ยาจติ ความว่า นันทะได้มาอ้อนวอนเรา เพื่อจะขอบำรุง

ท่านทั้งสองบ้าง. บทว่า โย เจ อิจฉติ ความว่า ด้วยว่าข้าพเจ้าไม่สมควร
จะพูดว่า เธอจงบำรุงมารดาหรือบิดาของพี่ แต่บรรดาท่านทั้งสอง ผู้สงบระงับ
แล้ว ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าท่านผู้ใดใครผู้หนึ่งปรารถนา ข้าพเจ้าจะบอก
กะท่านผู้นั้น บรรดาท่านทั้งสอง ขอให้ท่านเลือกเอานันทะตามความปรารถนา

เถิด ท่านทั้งหลายย่อมชอบใจนันทะน้องชายของข้าพเจ้านั้น ในบรรดาท่าน
ทั้งสอง นันทะนี้สมควรจะบำรุงใคร ด้วยว่าเราทั้งสองคน ต่างก็เป็นบุตรของ
ท่านด้วยกันนั่นแล.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น มารดาจึงลุกขึ้นจากอาสนะกล่าวว่า พ่อโสณบัณฑิตเอ๋ย
น้องชายของพ่อจากไปเสียนานแล้ว แม้เธอมาแล้วจากที่ไกลอย่างนี้ แม่ก็ไม่
อาจจะอ้อนวอนได้ ด้วยว่าเราทั้งสองคน ได้อาศัยพ่ออยู่แล้ว แต่บัดนี้พ่อ
อนุญาตแล้ว แม่ก็จักได้กอดรัดลูกนันทะ ผู้ประพฤติพรหมจรรย์นี้ ด้วยแขน
ทั้งสองแล้ว พึงได้การจูบศีรษะ เมื่อจะประกาศเนื้อความนี้ จึงกล่าวคาถาว่า

ดูก่อนพ่อโสณะ เราทั้งสองคนอาศัยเจ้าอยู่ ถ้า
เจ้าอนุญาต แม่ก็จะพึงได้จุมพิตลูกนันทะผู้ประพฤติ
พรหมจรรย์ที่ศีรษะ.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ พูดว่า ข้าแต่แม่ ถ้าอย่างนั้นลูกยอมอนุญาต
แม่จงไปสวมกอดนันทะลูกชายของแม่แล้วจงจูบและจุมพิตที่ศีรษะนันทะ จงทำ
ความเศร้าโศกภายในใจของแม่ให้ดับไปเสียเถิด. มารดาพระโพธิสัตว์นั้น จึง
ไปหานันทะนั้นแล้วสวมกอดนันทบัณฑิต ในท่ามกลางบริษัททีเดียว แล้วจูบ
และจุมพิตนันทะนั้น ที่ศีรษะดับความเศร้าโศกในดวงใจเสียให้หายแล้ว เมื่อจะ
เจรจากับพระมหาสัตว์ จึงกล่าวว่า

ใบอ่อนของต้นอัสสัตถพฤกษ์ เมื่อลมรำเพยพัด
ต้องแล้ว ย่อมหวั่นไหวไปมา ฉันใด หัวใจของแม่ก็
หวั่นไหว เพราะนาน ๆ จึงได้เห็นลูกนันทะ ฉันนั้น
เมื่อใด เมื่อแม่หลับแล้วฝันเห็นลูกนันทะมา แม่ก็ดีใจ
อย่างล้นเหลือว่า ลูกนันทะของแม่นี้มาแล้ว แต่เมื่อใด
ครั้นแม่ตื่นขึ้นแล้ว ไม่ได้เห็นลูกนันทะของแม่มา


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความเศร้าโศกและความเสียใจมิใช่น้อย ก็ทับถมยิ่งนัก
วันนี้ แม่ได้เห็นลูกนันทะผู้จากไปนาน กลับมาแล้ว
ขอลูกนันทะ จงเป็นที่รักของบิดาเจ้าและของแม่เอง
ขอลูกนันทะ จงเข้าไปสู่เรือนของเราเถิด ดูก่อนพ่อ
โสณะเอ๋ย ลูกนันทะเป็นที่แสนรักยิ่งของบิดา ลูกนันทะ
ยังไม่ได้เข้าไปสู่เรือนใด ขอให้ลูกนันทะจงได้เรือนนั้น
ขอลูกนันทะจงบำรุงแม่เถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มาลุเตริตํ ความว่า มารดาของพระ-
มหาสัตว์กล่าวว่า ใบของต้นอัสสัตถพฤกษ์ถูกลมพัดแล้ว ย่อมโยกไหวไปมา
ฉันใด ในวันนี้หัวใจของแม่ ก็ย่อมหวั่นไหว เพราะได้พบเห็นลูกนันทะ ซึ่ง
จากไปนานฉันนั้นเหมือนกัน บทว่า สุตฺตา ความว่า ดูก่อนพ่อโสณะเอ๋ย.
คราวใดเมื่อแม่หลับแล้วฝันเห็นนันทะมา แม้ในคราวนั้น แม่ก็ดีใจเหลือเกิน.

บทว่า ภตฺตุ จ ได้แก่ ย่อมเป็นที่รักแห่งพ่อและแม่. บทว่า นนฺโท โน
ปาวิสี ฆรํ ความว่า ดูก่อนพ่อโสณะเอ๋ย นันทะลูกชายของแม่จงเข้าไปสู่
บรรณศาลา. บทว่า ยํ ความว่า เพราะเหตุที่นันทะนั้น ย่อมเป็นที่รักอย่าง
สนิทแท้ของบิดา เพราะฉะนั้น นันทะนั้น จึงไม่ต้องจากเรือนนี้ไปอีก. บทว่า

นนฺโท ตํ ความว่า ดูก่อนพ่อโสณะเอ๋ย นันทะปรารถนาสิ่งใด จงได้สิ่ง
นั้นเถิด. บทว่า มํ นนฺโท ความว่า ดูก่อนพ่อโสณะเอ๋ย พ่อจงบำรุงบิดา
ของพ่อเถิด ส่วนนันทะจงบำรุงแม่.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์รับคำของมารดาว่า จงเป็นไปตามคำพูดของ
แม่อย่างนี้เถิด ดังนี้แล้ว จึงกล่าวสอนน้องชายว่า ดูก่อนน้องนันทะ น้องได้
ส่วนปันของพี่แล้ว ธรรมดาว่ามารดาเป็นผู้กระทำคุณไว้เป็นยิ่งนัก น้องอย่า
ประมาทพึงตั้งใจปฏิบัติท่านเถิด เมื่อจะประกาศคุณของมารดา จึงได้กล่าว
คาถา ๒ คาถาว่า

ดูก่อนฤาษี มารดาเป็นผู้อนุเคราะห์ เป็นที่พึ่ง
และเป็นผู้ให้ขีรรสแก่เราก่อน เป็นทางแห่งโลกสวรรค์
มารดาปรารถนาเจ้า มารดาเป็นผู้ให้ขีรรสก่อน เป็น
ผู้เลี้ยงดูเรามา เป็นผู้ชักชวนเราในบุญกุศล เป็นทาง
แห่งโลกสวรรค์ มารดาปรารถนาเจ้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนุกมฺปกา ได้แก่ เป็นผู้มีจิตใจ
อ่อนโยน. บทว่า ปุพฺเพ รสทที ได้แก่ เป็นผู้ให้รสคือน้ำนมของตนเป็น
ครั้งแรกทีเดียว. บทว่า มาตา ตํ ความว่า มารดาของเราไม่ปรารถนาเรา
ท่านเลือกเจ้า คือปรารถนาเจ้า บทว่า โคตฺตี ได้แก่ เป็นผู้ปกครองดูแล.
บทว่า ปุญญูปสญหิตา ได้แก่ เป็นที่อยู่อาศัยแห่งบุญ เป็นผู้ให้ซึ่งบุญ.

พระมหาสัตว์ ครั้นได้พรรณนาคุณงามความดีของมารดาด้วยคาถา
๒ คาถาอย่างนี้แล้ว พอมารดากลับมานั่ง ณ อาสนะเดิม จึงกล่าวสอนน้อง
อีกว่า ดูก่อนน้องนันทะเอ๋ย น้องได้มารดาผู้ทำกิจที่ทำได้ยากไว้แล้ว แม้เรา
ทั้งสองคน มารดาท่านก็ได้ประคับประคองมาโดยยากลำบาก บัดนี้น้องอย่าได้
ประมาทนะ จงพยายามปฏิบัติมารดาท่านเถิด น้องอย่าให้ท่านบริโภคผลไม้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
น้อยใหญ่ทั้งหลายที่ไม่อร่อยอีกนะ เมื่อจะประกาศว่ามารดาได้เป็นผู้กระทำกิจ
อันแสนยากที่คนอื่นจะทำได้ ในท่ามกลางบริษัทนั่นแล จึงกล่าวว่า

มารดาหวังผลคือบุตร จึงนอบน้อมแก่เทวดา
และไต่ถามถึงฤกษ์ ฤดูและปีทั้งหลาย เมื่อมารดานั้น
มีระดู ความก้าวลงแห่งสัตว์ผู้เกิดในครรภ์ ก็ย่อมมี
เพราะสัตว์เกิดในครรภ์นั้น มารดาจึงแพ้ท้อง เพราะ
เหตุนั้น บัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า เป็นผู้มีใจดี

มารดาบริหารครรภ์อยู่หนึ่งปี หรือหย่อนกว่าปีแล้วจึง
คลอด เหตุนั้น บัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า ชนยันตี
และชเนตตี ผู้ยังบุตรให้เกิด มารดาย่อมปลอบบุตร
ผู้ร้องไห้อยู่ให้รื่นเริง ด้วยการให้ดื่มน้ำนมบ้าง ด้วยการ

ขับกล่อมบ้าง ด้วยการอุ้มแนบไว้กับอกบ้าง เหตุนั้น
บัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า ปลอบบุตรให้รื่นเริง ต่อ
แต่นั้น มารดาเห็นบุตรผู้ยังเป็นเด็กอ่อนไม่รู้จักเดียงสา
เล่นอยู่ท่ามกลางสายลมและแสงแดดอันกล้า ก็เข้ารับ
ขวัญ เพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า
โปเสนตี ผู้เลี้ยงดูบุตร มารดาย่อมคุ้มครองทรัพย์แม้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ทั้งสองฝ่าย คือทรัพย์ของมารดา และทรัพย์ของบิดา
เพื่อบุตรนั้น ด้วยตั้งใจว่า ทรัพย์ทั้งสองฝ่ายพึงเป็น
ของบุตรแห่งเรา มารดายังบุตรให้ศึกษาดังนี้ว่า อย่างนี้
ซิลูก อย่างโน้นซิลูก ย่อมลำบาก เมื่อบุตรกำลังรุ่น
หนุ่มคะนอง มารดาย่อมคอยมองดูบุตร ผู้หลงเพลิด-
เพลินในภรรยาผู้อื่น จนพลบค่ำก็ยังไม่กลับมา ย่อม
เดือดร้อนด้วยประการฉะนี้.

บุตรผู้อันมารดาเลี้ยงดูมาแล้ว ด้วยความลำบาก
อย่างนี้ ไม่บำรุงมารดา บุตรนั้นชื่อว่า ประพฤติผิด
ในมารดา ย่อมเข้าถึงนรก บุตรผู้อันบิดาเลี้ยงมาแล้ว
ด้วยความลำบากอย่างนี้ ไม่บำรุงบิดา บุตรนั้นชื่อ
ว่าประพฤติผิดในบิดา ย่อมเข้าถึงนรก เราได้สดับ
มาว่า เพราะไม่บำรุงมารดา แม้ทรัพย์ที่เกิดแก่บุตร

ทั้งหลาย ผู้ปรารถนาทรัพย์ย่อมฉิบหายหรือบุตรนั้น
ย่อมเข้าถึงความยากแค้น เราได้สดับมาว่า เพราะไม่
บำรุงบิดา แม้ทรัพย์ที่เกิดแก่บุตรทั้งหลาย ผู้ปรารถนา
ทรัพย์ ย่อมฉิบหาย หรือบุตรนั้นย่อมเข้าถึงความ
ยากแค้น ความรื่นเริง ความบันเทิงและความหัว-

เราะเล่นหัวกันทุกเมื่อ บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึงได้เพราะ
การบำรุงมารดา ความรื่นเริง ความบันเทิงและ
ความหัวเราะเล่นหัวกันทุกเมื่อ บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึง
ได้เพราะการบำรุงบิดา สังคหวัตถุ ๔ ประการนี้ คือ
ทาน การให้ ๑ ปิยวาจา เจรจาคำน่ารัก ๑ อัตถจริยา

การประพฤติประโยชน์ ๑ สมานัตตตา ความเป็นผู้มี
ตนเสมอในธรรมทั้งหลายตามสมควรในที่นั้น ๆ ๑
ย่อมมีในโลกนี้ เหมือนเพลารถ ย่อมมีแก่รถที่กำลัง


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แล่นไป ฉะนั้น ถ้าสังคหวัตถุเหล่านี้ ไม่พึงมีไซร้
มารดาก็จะไม่พึงได้รับความนับถือหรือการบูชา เพราะ
เหตุแห่งบุตร หรือบิดาก็จะไม่พึงได้ความนับถือหรือ
การบูชา เพราะเหตุแห่งบุตร ก็เพราะบัณฑิตทั้งหลาย
ย่อมพิจารณาเห็นสังคหวัตถุนี้ ฉะนั้น บัณฑิตเหล่านั้น

ย่อมถึงความเป็นผู้ประเสริฐ และเป็นผู้อันเทวดาและ
มนุษย์พึงสรรเสริญ มารดาและบิดา บัณฑิตเรียกว่า
เป็นพรหมของบุตร เป็นบุรพาจารย์ของบุตร เป็นผู้
ควรรับของคำนับจากบุตร และว่าเป็นผู้อนุเคราะห์
บุตร เพราะเหตุนั้นแล บุตรผู้เป็นบัณฑิตพึงนอบน้อม

และสักการะมารดาบิดาทั้ง ๒ นั้นด้วย ข้าว น้ำ ผ้านุ่ง
ผ้าห่ม ที่นอน การขัดสี การให้อาบน้ำ และการ
ล้างเท้า บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญบุตรนั้น ด้วย
การบำรุงในมารดาบิดาในโลกนี้ ครั้นบุตรนั้นละโลกนี้
ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุตตปผลํ แปลว่า ผลคือบุตร บทว่า
เทวตาย นมสฺสติ ความว่า ย่อมทำการนอบน้อมบวงสรวงเทวดาว่า ขอ
ให้บุตรจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด. บทว่า นกขตตานิ จ ปุจฉติ ความว่า
และย่อมถามถึงนักขัตฤกษ์ทั้งหลายอย่างนี้ว่า บุตรผู้เกิดแล้วโดยฤกษ์ยามไหน

จึงจะมีอายุยืนยาวนาน เกิดฤกษ์ยามไหนมีอายุสั้น บทว่า อุตุสํวจฉรานิ จ
ความว่า อนึ่ง มารดาย่อมถามถึงฤดูและปีทั้งหลายอย่างนี้ว่า บุตรที่เกิดในฤดู
ไหน ในบรรดาฤดูทั้ง ๖* (เหมนฺโต สิสิรมุตู ฉ วา วสนฺโต จ คิมฺหวสฺสานา สรโท


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ติ กมา มาสา เทฺว เทฺว วุตฺตานุสาเรน ฤดูทั้ง ๖ คือ เหมันตะ ฤดูหิมะ สิสิร ฤดู
หนาว วสันตะ ฤดูใบไม้ผลิ คิมหะ ฤดูร้อน วัสสานะ ฤดูฝน สรทะ ฤดูอบอ้าว ฤดูละ
๒ เดือน ๆ เรียงลำดับนับตามข้อที่กล่าวแล้วนั้น (จากอภิธานัปปทีปิกา ข้อที่ ๗๙)
จึงจะมีอายุยืนยาวนาน เกิดในฤดูไหนจึงจะมีอายุ

สั้น หรือเมื่อมารดามีอายุเท่าไร บุตรเกิดมาจึงจะมีอายุยืน เมื่อมารดามีอายุ
เท่าไร บุตรเกิดมาจึงจะมีอายุสั้น. บทว่า อุตุสิ นหาตาย ได้แก่ เมื่อระดู
เกิดขึ้นแล้ว ชื่อว่า อาบในเพราะระดู (มารดาชื่อว่ามีระดู) บทว่า อวกกโม
ความว่า การตั้งครรภ์ย่อมมีเพราะการประชุมพร้อมแห่งเหตุ** (เหตุแห่งการตั้งครรภ์
มี ๓ ประการคือ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน ๑ มาตา
จ อุตุนี โหติ มารดามีระดู ๑ คพฺโภ จ ปจฺจุปฏฺ€ิโต โหติ สัตว์ผู้จะเกิดถือปฏิสนธิใน

ท้องมารดานั้น ๑ (มหาตัณหาสังขยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์) ๓ ประการ
ครรภ์จึงตั้งขึ้นในท้อง. บทว่า เตน ความว่า มารดานั้นย่อมแพ้ท้องเพราะ
ครรภ์นั้น. บทว่า เตน ความว่า ในกาลนั้นมารดาจึงเกิดความรักในบุตรธิดา
ซึ่งเป็นประชาเกิดในท้องของตน เพราะเหตุนั้น ท่านจึงเรียกว่า สุหทา

หญิงมีใจดี. บทว่า เตน ความว่า เพราะเหตุนั้น ท่านจึงเรียกว่า ชน-
ยันตีบ้าง ชเนตตีบ้าง แปลว่าผู้ยังบุตรให้เกิด. บทว่า องคปาวุรเณนจ
ความว่า ด้วยการให้บุตรนอนในระหว่างนมทั้ง ๒ ยังสัมผัสแห่งสรีระให้แผ่
ไปทั่วแล้ว จึงให้อบอุ่นด้วยเครื่องคลุมคืออวัยวะนั่นแล. บทว่า โตเสนตี


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ได้แก่ ให้รู้สึก ให้ร่าเริง. บทว่า มมมํ กตวา อุทิกขติ ความว่า มารดา
ทำการรับขวัญอย่างนี้ว่า โอ้หนอ ลมพัดแดดแผดเผาในเบื้องบนบุตรของเรา
ย่อมมองดูด้วยน้ำใจอันรักใคร่. บทว่า อุภยมเปตสส ความว่า มารดาย่อม
ไม่ต้องการจะให้ทรัพย์แม้ทั้ง ๒ ฝ่ายนี้ แก่ชนเหล่าอื่น จะเก็บรักษาไว้ในห้อง
อันมั่นคงเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่บุตรนี้. บทว่า เอวํ ปุตฺต อทํ ปุตฺต

ความว่า มารดาให้บุตรศึกษาอยู่เป็นนิตย์ว่า โอ่ลูกน้อยเอ๋ย เจ้าจงเป็นผู้ไม่
ประมาท ในราชสกุลเป็นต้นอย่างนี้ อนึ่ง เจ้าจงกระทำกรรมอย่างโน้น มารดา
ย่อมลำบาก ด้วยประการฉะนี้ บทว่า อิติ มาตา วิหญญติ ได้แก่ ย่อม
เหน็ดเหนื่อย. บทว่า ปตตโยพพเน ความว่า เมื่อบุตรถึงความเป็นหนุ่ม

หรือเป็นสาว กำลังคะนอง มารดารู้ว่า บุตรนั้นมัวเมาในภรรยาผู้อื่นจนมืดค่ำ
ก็ยังไม่กลับมา จึงจ้องมองดูลูกอยู่ด้วยนัยน์ตาอันเปียกชุ่มด้วยน้ำตา บทว่า
วิหญญติ แปลว่า เหน็ดเหนื่อย. บทว่า กิจฉาภโต ได้แก่ บุตรที่มารดา
เลี้ยงดูมา คือ ทะนุบำรุงมาด้วยความยากลำบาก. บทว่า มิจฉาจริตวาน

ได้แก่ ไม่ปฏิบัติมารดา. บทว่า ธนาปิ คือ ทรัพย์สมบัติทั้งหมด อีกอย่างหนึ่ง
บาลีก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน. มีคำที่ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาว่า
แม้ทรัพย์ที่บังเกิดขึ้นแก่บุตรผู้อยากได้ทรัพย์ แต่มิได้ปฏิบัติมารดา ย่อมพินาศ
ฉิบหายไป บทว่า กิจฉํ วา โส ความว่า ทรัพย์ของเขาย่อมพินาศไปบ้าง
เขาย่อมเข้าถึงความลำบากเองบ้าง ด้วยประการฉะนี้ บทว่า ลพภเมตํ


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความว่า ความสุขมีความบันเทิงเป็นต้น ในโลกนี้และในโลกหน้า บัณฑิต
ผู้รู้แจ้งจะพึงได้เพราะการบำรุงมารดา คือบัณฑิตผู้เช่นนั้นอาจจะได้. บทว่า
ทานญจ ความว่า บุตรพึงให้ทานแก่มารดาบิดาทั้ง ๒ พึงเจรจาถ้อยคำอัน
เป็นที่รัก พึงประพฤติประโยชน์ ด้วยอำนาจการกระทำหน้าที่ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว

ให้เสร็จไป. บทว่า ธมเมสุ ความว่า ความเป็นผู้มีตนเสมอในธรรม คือ
ความเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญ อันบุตรพึงกระทำในที่นั้น ๆ
คือ ในท่ามกลางบริษัทหรือในที่ลับ ด้วยอำนาจการกราบไหว้เป็นต้น บุตร
จะทำการอภิวาทเป็นต้นในที่ลับแล้ว ไม่ยอมกระทำในบริษัทไม่สมควรเลย

พึงเป็นผู้ประพฤติเสมอในที่ทั้งหมดทีเดียว บทว่า เอเต จ สงคหา นาสสุ
ความว่า ถ้าว่าสังคหวัตถุทั้ง ๔ ประการเหล่านี้ จะไม่พึงมีไซร้ บทว่า
สมเปกขนติ ความว่า บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมเล็งเห็นโดยนัย โดยเหตุ
โดยชอบ. บทว่า มหตตํ แปลว่า ความเป็นผู้ประเสริฐ. บทว่า พรหมา

ได้แก่ มารดาบิดาทั้งหลาย เป็นผู้สูงสุด เป็นผู้ประเสริฐสุด เสมอด้วยพระ-
พรหมของพวกบุตร. บทว่า ปุพพาจริยา ได้แก่ เป็นอาจารย์คนแรก.
บทว่า อาหุเนยยา ได้แก่ เป็นผู้ควรรับของคำนับ คือเป็นผู้สมควรแก่สักการะ

ทุกอย่าง. บทว่า อนเนน อโถ ได้แก่ ทั้งข้าว ทั้งน้ำ บทว่า เปจจ
ความว่า ในที่สุดแห่งการทำกาลกิริยา (ตาย) บุตรนั้นไปจากโลกนี้แล้ว ย่อม
บันเทิงอยู่ในโลกสวรรค์.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ ความรู้จะมีมากขึ้น หากมิมากไปด้วยความเกียจคร้าน
+ อาหารยังมีเฉพาะแต่ละวัยฉันใด แม้พระธรรมคำสอนก็ฉันนั้น
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระมหาสัตว์ ได้แสดงพระธรรมเทศนาจบลง ประดุจว่าพลิกภูเขา
สิเนรุขึ้น ด้วยประการฉะนี้. พระราชาเหล่านั้น และหมู่พลนิกายแม้ทั้งหมด
ได้สดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ต่างก็พากันเลื่อมใสแล้ว ลำดับนั้น พระ
มหาสัตว์ จึงแนะนำพระราชาเหล่านั้น ให้ตั้งอยู่ในศีลห้า แล้วสั่งสอนว่า ขอ

มหาบพิตรทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่ประมาทในบุญมีทานเป็นต้นเถิด แล้วส่งเสด็จ
พระราชาเหล่านั้นกลับไป. พระราชาเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ทรงปกครองราช
สมบัติโดยธรรม ในเวลาสิ้นพระชนมายุ ก็ทรงกระทำเทพนครให้เต็ม
โสณบัณฑิต และนันทบัณฑิตดาบส ๒ พี่น้อง ได้ปฏิบัติบำรุงมารดาบิดา
ตราบจนถึงสิ้นอายุ ก็ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศ
สัจจะทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้เลี้ยงมารดาบิดาได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
แล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า มารดาบิดาของเราในกาลนั้น ได้มาเป็นตระกูล

มหาราชในบัดนี้ พระเจ้ามโนชราชในกาลนั้น ได้มาเป็นพระสารีบุตร
พระราชา ๑๐๑ พระองค์ ได้มาเป็นพระอสีติมหาเถระ และมาเป็นพระสาวก
อื่น ๆ หมู่พลนิกาย ๒๔ อักโขภิณี ก็ได้มาเป็นพุทธบริษัท นันทบัณฑิต
ได้มาเป็นพระอานนท์ ส่วนโสณบัณฑิต ก็คือเราตถาคตนั่นเอง ฉะนี้แล.
จบอรรถกถาโสณนันทชาดก

จบอรรถกถาสัตตตินิบาต ด้วยประการฉะนี้
รวมชาดกในสัตตตินิบาตนั้น มี ๒ ชาดก คือ
กุสขาดก ๑ โสณนันทชาดก ๑ ชาดกทั้งสองนี้ปรากฏอยู่ในสัตตติ-
นิบาต และอรรถกถา.

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 95, 96, 97, 98, 99, 100, 101 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร