วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว




11081204_467270133482604_8817302834024018066_n.jpg
11081204_467270133482604_8817302834024018066_n.jpg [ 30.72 KiB | เปิดดู 2233 ครั้ง ]
tongue tongue tongue

อุทาหรณ์สำหรับคนที่รำคาญเวลาแม่โทรหา กับเรื่องสาวสุดทะเทือนใจ สายที่ไม่ได้รับ..

สำหรับใครที่ชอบบอกตัวเองว่างานยุ่ง ไม่มีเวลาเลยซักนิด และมักจะรำคาญเวลาที่พ่อหรือแม่โทรหา เพราะเห็นคิดว่าพวกท่านโทรมาขัดจังหวะเวลางาน บางครั้งก็เลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์ และคิดเอาเองว่าเดี๋ยวค่อยโทรหาท่านเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้เรามีเรื่องราวเรื่องหนึ่ง มาให้คุณได้ลองอ่านกัน แล้วจะรู้ว่าเวลามีค่าแค่ไหน

สายที่ไม่ได้รับ..

"เริ่มเรื่องเลย เบอร์แม่..พูดถึงเบอร์นี้เชื่อว่าหลายๆคนปฎิเสธที่จะรับสายแม่และเราก็เป็น1ในนั้น ตอนนั้นคิดว่าแม่จะโทรมาทำไมนักหนาเดี๋ยวก็ได้คุยแล้ว เป็นบ่อยเข้าๆ แม่โทรมาเราก็เลือกที่จะไม่รับสายแล้วโทรกลับไปหาที่หลังเป็นอย่างนี้มาตลอดจนมาถึงวันที่ 5 พฤศจิกา ตอนสองทุ่มกว่าๆ แม่ก็โทรมา เรากำลังทำงานของคณะอยู่เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ สัก 10 นาทีเราเห็นว่ามีสายไม่ได้รับคือเบอร์แม่ แล้วเราก็โทรกลับไปหาแม่

แม่ก็โทรมาเล่าชีวิตประจำวันเล่าเรื่องเพื่อนมหาลัยที่ไม่ได้เจอมา30กว่าปีให้ฟัง แล้วก็บอกว่าวันนี้รถล้มมา จอดหลบรถแต่รถล้มทับตัวเองปวดขาฝากบอกให้พ่อกลับบ้านด่วน แม่ป่วยหนัก (พ่อมาดูความเป็นอยู่เราที่หอที่มหาลัยชวนแม่มาแต่แม่ไม่มาพ่อก็เลยงอน) แล้วแม่ก็บอกว่าตั้งใจเรียนนะ รีบกลับหอกินข้าวเยอะๆ ถึงหอก็อ่านหนังสือด้วย เราก็โอเคๆๆ เดี๋ยวหนูขอทำงานที่มอให้เสร็จก่อนนะ แม่ก็บอกว่าอย่าลืมกินข้าว เราก็บอกว่าจ้าๆๆคิดถึงแม่นะ (ไม่ค่อยบอกว่าคิดถึงแม่เลยวันนั้นไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็อยากบอก) แล้วสายก็วางไป

เราก็ทำงานที่มอต่อจนถึง5ทุ่มก็ไปกินข้าวกับรุ่นน้องกินเสร็จนั่งวินกลับหอถึงหน้าหอเท่านั้นแหละลูกพี่ลูกน้องโทรมาบอกว่าแม่เข้ารพ. อากการหนักมาก รีบกลับเลย เราก็งงแบบเห้ยย อะไรอำป่ะเนี้ยแม่เพิ่งโทรมายังคุยหัวเราะอะไรกันอยู่เลย เรื่องนี้ไม่ตลกนะ พี่: แม่..อาการหนักส่งต่อไป รพ...แล้ว บอกพ่อ..ด้วย วางสายปุ๊บ โทรหาเบอร์แม่ก่อนเลย คราวนี้น้าเป็นคนรับสาย บอกว่าตอนนี้แม่อยู่รพ..นี้แล้วกำลังเอ็กซเรย์สมองว่ามีเลือดคั่งมั้ย เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เรากลับนะ ฝากบอกแม่ด้วยวันนี้ไม่มีไฟต์ เดี๋ยวไปตอนเช้าๆ เข้าห้องเสร็จเห็นพ่อนอนอยู่เราก็บอกว่าพ่อ แม่เข้ารพ. นะอาการหนักตอนเช้าจะกลับนะ เราก็อาบน้ำร้องไห้ไป วันนั้นร้องไห้หนักมาก นอนใต้เตียงก็ร้องๆๆ (ให้พ่อนอนบนเตียง)

ตี 4 น้าโทรมาบอกว่าแม่ใส่เครื่องช่วยหายใจแล้วนะ อาการทรุด ยังไม่ฟื้น นี้ก็บ่อน้ำตาแตก รีบปลุกพ่ออาบน้ำเก็บเสื้อผ้า เราเอาเสื้อผ้าไปไม่เยอะคิดว่าแม่ต้องไม่เป็นอะไร เสร็จปุ๊บโบกแท๊กซี่ไปดอนเมืองน้ำตาก็ไหลคิดแต่เรื่องที่ทำไม่ดีกับแม่ คำรักแม่ก็ไม่เคยบอก คิดว่าเดี๋ยวก็ได้บอก แม่ยังอยู่กับเราอีกนาน แม่ไม่เป็นอะไรหรอก นั่งเครื่องบินประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงช่วงนั้นร้องไห้อย่างเดียว พอถึงก็รีบโบกแท็กซี่ในสนามบินไปรพ.ทันที ถึงรพ. ประมาณ 10 โมงโทรหาน้าให้น้าออกมารับหน้ารพ. พอเดินไปหาแม่เท่านั้นแหละน้ำตาก็ไหลสายออกซิเจน สายน้ำเกลือ สายอาหาร สายสวนสายนั่นนี้เต็มไปหมดเราเดินไปกระซิบบอกแม่ว่ามาถึงแล้วนะพ่อก็มาด้วย หนูทำบุญโน่นนั้นนี้มาฝากแม่นะจับมือแม่ไปพูดไปด้วย

สักพักพยาบาลจะพาแม่ไปเอ็กซเรย์สมองอีกรอบ เอ็กซเรย์เสร็จกลับมาได้ประมาณ 10 นาที ช่วงนั้นเราจับมือแม่นั่งข้างเตียงก็มีเสียงติ๊ดๆ ดังขึ้นมา พยาบาลก็มาจับชีพจรคอ ข้อมือ แล้วก็เรียกพยาบาล พยาบาลที่อยู่ในห้องก็รีบกรูกันออกมา เรารีบโทรตามน้าๆที่ออกไปกินข้าวกลับมา ช่วงที่ปั้มหัวใจ มันเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและบีบหัวใจมาก เป็นการปั้มชีวิตที่ยาวนานปั้มหลายคนมาก เรายืนมองร้องไห้ว่าทำไมแม่ถึงเป็นหนักขนาดนี้ สักพักชีพจรก็กลับมา หมอเรียกญาติเข้าไปในห้องชี้แจงความเสี่ยงของการปั้มหัวใจโน้นนั้นนี้ ตอนนี้แม่มีภาวะหัวใจโต น้ำท่วมปอด (ก่อนรักษาแม่บอกหมอว่าเพิ่งตรวจเจอสภาวะหัวใจกับปอดมีจุดทั้งสองข้างและกำลังรอฟังผลตรวจอีก) ความดันต่ำ ถ้าหัวใจหยุดเต้นจะให้ปั้มหัวใจอีกมั้ยต้องยอมรับผลเสี่ยงนะ

ตอนนั้นยอมหมดเลยนะ อะไรก็ตามที่ทำให้แม่ฟื้นเรายอมหมด หัวใจแม่หยุดเต้น 5 รอบปั้มหัวใจ 4 รอบ ครั้งสุดท้ายที่ปั้มมันบีบหัวใจเรามากๆ ปั้มจนเลือดออกทางปาก เราว่าแม่เราคงไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากให้แม่ทรมารแล้วเลยบอกกับน้าว่ารอบหน้าไม่ปั้มแล้ว แม่ทนรอจนเพื่อนร่วมงานที่แม่สนิทมากมาหาเป็นคนสุดท้ายแล้วแม่ก็จากไป ตอนนั้นจะร้องไห้น้ำตามันก็ไม่ไหลมันบรรยายไม่ถูก ตลอดเวลาที่จัดงานเข้าใจคนน้ำตาตกในเลยว่าร้องไห้ไม่ออกมันเป็นยังไงพยายามเข้มแข็งมันอ่อนแอมากถึงมากที่สุด

เรื่องนี้ที่เราเขียนเราอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เบอร์แม่ที่โทรเข้ามาถ้าพอมีเวลารับสายท่านบ้างเถอะค่ะบางทีสายนั้นอาจเป็นสายสุดท้ายที่ท่านได้คุยกับเรา คุณอาจจะเสียใจตลอดชีวิตที่ไม่ได้รับสายนั้น"

เชื่อว่าผู้ที่ได้อ่านเรื่องนี้คงต้องมีน้ำตาซึมกันบ้างล่ะ เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้แก่ลูกๆ ทุกคน ที่ย้ำเตือนให้ลูกๆ หันกลับมาใส่ใจพ่อและแม่ให้มากยิ่งขึ้น ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังมีเวลาก็ดูแลท่านทั้งสองให้ดีที่สุดนะคะ จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง


ที่มา : http://news.boxza.com/view/26088

smiley smiley smiley

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2015, 06:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron