วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2013, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2013, 19:15
โพสต์: 109

แนวปฏิบัติ: มีสติทุกอริยาบท
งานอดิเรก: ปฎิบัติธรรม ฟังธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ความไม่ประมาท
ชื่อเล่น: ธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: วัฎฎะสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

กรรมแห่งความอิจฉาริษยา

ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ภิกษุรูปหนึ่งอาศัยเศรษฐีผู้หนึ่งอยู่ในวัดประจำหมู่บ้าน เป็นผู้เรียบร้อย มีศีล หมั่นบำเพ็ญวิปัสสนา ครั้งนั้นพระอรหันต์องค์หนึ่งได้มาถึงบ้านของเศรษฐี เศรษฐีเลื่อมใสในอิริยาบถของพระเถระจึงรับบาตรนิมนต์เข้าสู่เรือนให้ฉันภัตตาหาร ฟังธรรมแล้วนิมนต์ให้อยู่ในวัด พระเถระจึงไปที่วัด นมัสการพระเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสถามว่า ได้อาหารหรือยัง ตอบว่าได้แล้วที่เรือนของเศรษฐีใกล้วัด แล้วถามถึงที่พักของตน จัดแจงปัดกวาดและเก็บบาตรจีวร

พอตกเย็นเศรษฐีก็มาหา ฟังธรรมถึงค่ำ ก่อนกลับได้นิมนต์ภิกษุทั้งสองให้รับบาตรในวันรุ่งขึ้น ฝ่ายพระเจ้าอาวาสคิดว่า ถ้าพระเถระนี้ยังอยู่ ที่ไหนเศรษฐีจะนับถือเรา เกิดความไม่พอใจในพระเถระ

พระเถระทราบความคิดของพระเจ้าอาวาส จึงคิดว่า พระเถระนี้ไม่ทราบว่าเราพ้นจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงแล้วรุ่งขึ้น ท่านเจ้าอาวาสก็ตีระฆังด้วยหลังเล็บ เคาะประตูด้วยเล็บ แล้วไปสู่เรือนของเศรษฐี เศรษฐีรับบาตร นิมนต์ให้นั่งบนอาสนะ แล้วถามถึงพระอาคันตุกะ

ท่านเจ้าอาวาสตอบว่า ฉันไม่ทราบความประพฤติของพระผู้ใกล้ชิดสนิทสนมของคุณ ฉันตีระฆัง เคาะประตู ก็ไม่อาจปลุกให้ตื่นได้ เมื่อวานฉันโภชนะอันประณีตในเรือนของคุณแล้วคงอิ่มอยู่จนวันนี้ บัดนี้ก็ยังนอนหลับอยู่ เมื่อคุณจะเลื่อมใสก็เลื่อมใสในภิกษุเช่นนี้เอง

ฝ่ายพระเถระผู้เป็นอรหันต์ กำหนดเวลาบิณฑบาต ชำระสรีระตน แล้วทรงบาตรจีวร เหาะไปเสียทางอื่น
เศรษฐีนิมนต์พระเจ้าอาวาสฉันข้าวปายาส แล้วรมบาตรด้วยของหอม ใส่ข้าวปายาสจนเต็มแล้วกล่าวว่า พระเถระนั้นเห็นจะเหนื่อยจากการเดินทาง พระคุณเจ้าโปรดนำข้าวปายาสนี้ไปให้ท่านเถิด พระเจ้าอาวาสรับบาตรมา เดินไปคิดไป ถ้าภิกษุนั้นได้ข้าวปายาสนี้ไซร้ ถึงเราจะจับคอฉุดให้ไป ก็จักไม่ไป ถ้าเราให้ข้าวปายาสนี้แก่มนุษย์หรือเทลงน้ำ คนอื่นก็จะรู้ พอดีเห็นนากำลังไหม้อยู่

จึงคุ้ยถ่านขึ้น เทข้าวปายาสลงไป กลบด้วยถ่าน แล้วกลับวัด ไม่เห็นภิกษุรูปนั้น จึงคิดได้ว่าภิกษุนั้นคงจะเป็นพระอรหันต์ รู้อัธยาศัยของเราจึงไปที่อื่นเสีย โอเพราะท้องเป็นเหตุ เราทำกรรมไม่สมควรเลย ทันใดนั้นความเสียใจอย่างใหญ่หลวงก็เกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น

ตั้งแต่วันนั้น ท่านก็กลายเป็นมนุษย์เปรต (เพราะจิตใจของท่านเต็มความทุกข์ นึกถึงแต่บาปที่ตนทำ) อยู่มาไม่นานก็ตายไปเกิดในนรก หมกไหม้อยู่หลายแสนปี ผลของเศษกรรมทำทำให้เกิดเป็นยักษ์ 500 ชาติ สุนัข 500 ชาติ ทุกภพที่เกิดไม่เคยกินอิ่มสักมื้อ อยูแบบอดอดอยากๆ

ชาติสุดท้ายเกิด ณ หมู่บ้านชาวประมงในแคว้นโกศล ในวันที่ท่านเกิด ชาวประมงทั้งพันครอบครัวนั้นหาปลาไม่ได้เลยสักตัว นับแต่วันนั้น พวกชาวประมงก็พากันเสื่อมโทรมมาก บ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้ ๗ ครั้ง

ถูกพระราชาปรับสินไหม ๗ ครั้ง พวกชาวประมงพากันลำบาก คิดว่า เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย ในหมู่คงมีตัวกาลกิณี จึงแบ่งเป็นสองกลุ่มๆ ที่บิดามารดาเขาอยู่ก็แย่ กลุ่มอื่นเจริญ โดยการแยกกลุ่มเป็นสองเรื่อยไป ที่สุดก็เหลือเพียงตระกูลเดียว

คนทั้งหลายก็รู้ว่าครอบครัวนี้เป็นกาลกิณี พากันรุมตีให้หนีไป บิดามารดาของเขามีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น เมื่อเลี้ยงดูจนเขาพอจะเดินได้ ก็ทิ้งเขาไว้ตามลำพัง เขามีชีวิตอย่างเดียวดายค่ำไหนนอนนั่น ไม่ได้อาบน้ำ สกปรกเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น เลือกเม็ดข้าวกินทีละเม็ดเหมือนอย่างกาในที่สำหรับเทน้ำล้างหม้อ

วันหนึ่ง พระสารีบุตรเที่ยวบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี เห็นเขาก็สงสาร เรียกมาแล้วถามว่าเป็นชาวบ้านไหน พ่อแม่อยู่ที่ไหน เขาตอบว่า กระผมทำให้พ่อแม่ลำบาก จึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว พระเถระถามว่า เจ้าจะบวชไหม เขาตอบว่า อยากบวช พระเถระจึงพาไปวัด อาบน้ำให้ แล้วให้บวชเณร พออายุครบก็บวชพระ ได้ชื่อว่า “โลสกติสสเถระ” เป็นพระไม่มีบุญ ใครใส่บาตรเพียงข้าวต้มกระบวยเดียว ก็ปรากฏเหมือนบาตรเต็ม เพราะผลแห่งกรรม ทำให้มองเห็นอาหารเต็มบาตร ชาวบ้านจึงถวายองค์อื่น ต่อมาท่านก็เจริญวิปัสสนาบรรลุอรหัต ถึงกระนั้นก็ยังคงมีลาภน้อย

ในวันที่พระโลสกะจะปรินิพพาน พระสารีบุตรคิดว่า ในวันนี้เราควรให้อาหารแก่เธอจนพอ จึงพาท่านไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถีด้วย ทำให้พระสารีบุตรไม่ได้แม้เพียงการยกมือไหว้ จึงบอกให้ท่านกลับไปคอยที่โรงฉัน เมื่อส่งพระโลสกะกลับแล้ว พระสารีบุตรก็ได้อาหาร จึงฝากคนเอาไปให้พระโลสกะ คนรับอาหารไปแล้วก็ลืม กินเสียเองจนหมด เมื่อพระสารีบุตรกลับวัด ทราบว่าพระโลสกะยังไม่ได้อาหารก็สลดใจ จึงให้พระโลสกะรอในโรงฉัน แล้วไปบิณฑบาตในวังของพระเจ้าโกศล พระราชาจึงสั่งให้ถวายของหวานสี่อย่างจนเต็มบาตร

พระสารีบุตรกลับไปถึง ถือบาตรยืนอยู่แล้วเรียกให้พระโลสกะฉัน พระโลสกะยำเกรงพระสารีบุตรจะไม่ฉัน
พระสารีบุตรจึงกล่าวว่า “มาเถิดน่า คุณจงนั่งฉัน ผมจะถือบาตรไว้ ถ้าผมปล่อยมือ อาหารจะหายหมด”
ในวันนั้นพระโลสกะได้ฉันเต็มที่เป็นมื้อแรกและมือสุดท้ายที่ท่านฉันอิ่ม ท่านก็เข้าปรินิพพาน

.....................................................
ขอน้อม กาย วาจา จิต บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในกาลทุกเมื่อ
ในทุกทุกขณะจิต ไม่ว่าจะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณังคัจฉามิ

https://www.facebook.com/Dhammalungta


แก้ไขล่าสุดโดย ปราชญ์บ้านนอก เมื่อ 21 ธ.ค. 2013, 08:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2013, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร