วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 03:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 02:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2013, 19:15
โพสต์: 109

แนวปฏิบัติ: มีสติทุกอริยาบท
งานอดิเรก: ปฎิบัติธรรม ฟังธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ความไม่ประมาท
ชื่อเล่น: ธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: วัฎฎะสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ในหมู่บ้านตยาคาม เขตพระนครสาวัตถี มีครอบครัวมหาพราหมณ์ผู้หนึ่ง เป็นครอบครัวใหญ่มีข้าทาสบริวารมากมาย ครอบครัวของพราหมณ์มีสะใภ้นางหนึ่งเมื่อครั้งมาอยู่ใหม่ๆ ก็ดีอยู่แต่พออยู่ไปนานวันเข้า ขันธสันดานอันมากไปด้วยโทสะจริตก็แสดงออกมา โดยการทุบตีด่าว่าทาสีทั้งหลายอยู่เสมอ บรรดาทาสีเหล่านั้นมีทาสีนางหนึ่งได้รับทุกขเวทนาจากน้ำมือของนายสาวมากที่สุด

วันหนึ่งนายสาวโกรธนางทาสีนั้นอย่างรุนแรง นางใช้มือจิกผมทาสีนั้นแล้วลากมาทุบตีด้วยไม้และก้อนอิฐที่อยู่ใกล้มืออย่างไร้ความเมตตา แม้ว่านางทาสีจะร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวดปานใดนายสาวก็ไม่ให้ความสนใจ ซ้ำยังกล่าวว่าประเดี๋ยวจะลงโทษอีก เมื่อนายสาวปล่อยมือแล้วนางจึงคิดว่า

"นายสาวใจร้ายของเรา เมื่อจะลงโทษเอาตามอารมณ์ ย่อมจะจิกเอาผมของเราแล้วทุบตีที่ศีรษะร่างกายเอาตามใจชอบ อย่าเลยเราจะโกนผมเสียเพื่อที่นายสาวจะจิกผมเราไม่ได้" เมื่อคิดดังนั้นนางก็โกนผมเสียจนเกลี้ยงโล้นแล้วจึงกลับขึ้นคฤหาสน์ไป เมื่อนายสาวเห็นเข้าก็ยิ่งโกรธมากขึ้นแล้วตะโกนด่าว่า

"มึงโกนผมเสีย ด้วยนึกในใจว่าจักพ้นน้ำมือกูแล้วเหรอ"

ว่าดังนั้นแล้วก็สั่งให้คนไปเอาเชือกมารัดศีรษะนางทาสนั้น แล้วจับเอาปลายเชือกฉุดมาตบตี เสร็จแล้วก็บังคับไม่ให้เอาเชือกนั้นออก ปล่อยให้เชือกรัดศีรษะอยู่อย่างนั้น ครั้นพอเกิดอารมณ์โกรธขึ้นครั้งใดก็จับปลายเชือกฉุดกระชากลากมาตบตี จนคนทั้งหลายเรียกนางทาสีนั้นว่า รัชชุมาลา ต่อมาวันหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรวจดูหมู่สัตว์อันเป็นพุทธกิจที่ทรงปฏิบัติอยู่เป็นนิตย์ ทรงเห็นว่านางรัชชุมาลาทาสีจักได้บรรลุพระโสดาปัตติผลสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลผู้ประเสริฐเที่ยงแท้ จึงเสด็จออกจากพระเชตวันมหาวิหารเพียงพระองค์เดียวประทับ ณ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วจึงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีให้สว่างไสวแลเลื่อมพรรณรายอยู่ในบริเวณนั้นเป็นอัศจรรย์

ส่วนนางรัชชุมาลาทาสี เมื่อถูกโบยตีมาจากนายสาวทั้งวัน ก็ปวดร้าวชอกช้ำสลบซบหลับไปทั้งคืน ครั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นในยามอรุณรุ่ง ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง นางน้อยใจในวาสนาจนน้ำตาไหลริน ก็คิดไปว่า

"จักมีประโยชน์อันใด ด้วยการมีชีวิตอยู่ให้เขาทุบตีเอาตามใจชอบ ได้รับความเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด ชาตินี้มีกรรม เราจึงต้องได้รับความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อมีกรรมเช่นนี้แล้วก็อย่าอยู่เป็นผู้เป็นคนกับเขาอีกเลย ตายเสียดีกว่า"

เมื่อนางคิดเช่นนั้นแล้วก็เดินตรงไปยังท่าน้ำ คว้าเอาเชือกเถาวัลย์ติดมือมาตั้งใจจะผูกคอตาย ครั้นเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่นางก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วเหลียวมองดูรอบข้างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทำอัตวินิบาตกรรม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประทับนั่งอยู่ ณ ต้นไม้ใกล้ๆ นั่นเอง นางอัศจรรย์ใจแลปีติยินดีเป็นยิ่งนักด้วยองค์พระชินสีห์ทรงสวยงามด้วยพระฉัพพรรณรังสี ประเสริฐเลิศกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย และคิดว่า

"หากแม้ตัวข้าผู้มีวาสนาน้อย ได้ฟังพระธรรมเทศนาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักครั้งหนึ่ง ก็คงจักเป็นบุญกุศลแก่ตัวยิ่งนัก แต่เห็นทีจักไม่มีโอกาสเพราะตัวเราเป็นคนอาภัพวาสนาเกิดมาในตระกูลที่ต่ำช้าเป็นทาสีเขา ไหนเลยพระองค์จักแสดงธรรมหรือแม้แต่สนทนาปราศรัยกับเรา"

ครั้นองค์พระชินสีห์ทราบวาระจิตแห่งนางจึงมีพุทธฎีกาตรัสเรียกว่า

"ดูกร รัชชุมาลา"

เมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ลืมการที่จะคิดฆ่าตัวตายเสียสิ้น ค่อยๆ ปลดห่วงที่สวมคอตนออกแล้วไต่ลงจากต้นไม้ เข้าไปกราบถวายนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะนั้นองค์พระพิชิตมารจึงตรัสพระธรรมเทศนาอนุปุพพิกถา ตามสมควรแก่นาง พอจบพระธรรมเทศนา

นางรัชชุมาลาทาสีผู้ซึ่งมีวาสนาที่ตนเคยสั่งสมมาแต่ปางบรรพ์ ก็พลันได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระอริยบุคคลขั้นแรกในพระบวรพุทธศาสนา แล้วองค์สมเด็จพระชินสีห์ก็เสด็จกลับไปยังพระเชตวันมหาวิหาร ฝ่ายนางรัชชุมาลาพระโสดาบันอริยชนคนใหม่ ก็น้อมกายลงถวายอภิวาทหันหน้าไปทางทิศที่พระองค์เสด็จไปเมื่อสักครู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วจึงเดินกลับไปยังคฤหาสน์ตามเดิม ครั้นมาถึงหน้าคฤหาสน์ก็ให้บังเอิญประจันหน้ากับท่านมหาพราหมณ์ซึ่งเป็นพ่อผัวนางใจร้าย

พราหมณ์เฒ่ามองหน้านางทาสีเห็นพักตราผ่องใสผิดสังเกต ไม่เศร้าหมองเหมือนแต่ก่อน ก็เอ่ยถามว่าเป็นเพราะเหตุใด รัชชุมาลาทาสีก็เล่าเรื่องแต่ต้นให้ฟัง เมื่อพราหมณ์เฒ่าได้สดับฟังก็พลันบังเกิดความชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงรีบขึ้นเรือนไปเรียกหานางหญิงลูกสะใภ้แล้วขู่สำทับอย่างเฉียบขาดว่า

"แต่นี้ต่อไป เจ้าอย่าได้ตีด่านางรัชชุมาลาอีก มิฉะนั้นเราจักเอาโทษแก่เจ้า"

เมื่อประกาศดังนั้นแล้ว มหาพราหมณ์เฒ่าใคร่จักได้ฟังพระธรรมเทศนา ก็ได้กราบทูลอาราธนาองค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้ามายังหมู่บ้านแห่งตน พร้อมถวายอาหารบิณฑบาต พราหมณ์และคหบดีทั้งหลายในตำบลตยาคามขณะนั้นยังไม่มีความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อเห็นท่านมหาพราหมณ์ผู้เป็นหัวหน้ามีความเลื่อมใสในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังนั้น ต่างก็พากันมาต้อนรับและสดับฟังพระธรรมเทศนาแห่งพระพุทธองค์ ต่อมาก็ได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์และศีล ๕

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และประกาศแต่งตั้งให้นางรัชชุมาลาทาสีนั้นเป็นธิดาสุดที่รักแห่งตนตราบเท่าสิ้นชีวิต เมื่อท่านมหาพราหมณ์ผู้ทรงคุณถึงแก่กรรมแล้ว ต่อมาไม่นาน นางรัชชุมาลาผู้เป็นธิดาบุญธรรมก็ทำกาลกิริยาตายไปตามธรรมดาแห่งสังขาร แล้วไปอุบัติเป็นเทพนารี มีรัศมีและฤทธานุภาพมาก ณ เทพวิมานสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


บุพกรรมแต่หนหลัง

เล่ากันมาว่า ทาสีนั้นได้เป็นนายของนาง ครั้งพระทศพลพระนามว่ากัสสปะ ส่วนนางเป็นทาสี เธอทุบต่อยทาสีนั้นด้วยก้อนดินและกำหมัดเป็นต้นเนืองๆ ทาสีเหนื่อยหน่ายเพราะการกระทำนั้น ได้กระทำบุญทั้งหลายมีให้ทานเป็นต้นตามกำลัง ตั้งความปรารถนาว่า ในอนาคตกาล ขอเราพึงเป็นนายมีความเป็นใหญ่เหนือหญิงนี้

ภายหลัง ทาสีนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เวียนว่ายไปๆ มาๆ อยู่ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในหมู่บ้านคยา ไปมีสามี ตามนัยดังกล่าวแล้ว. ส่วนหญิงอีกคนหนึ่งได้เป็นทาสีของนาง นางจึงเบียดเบียนเธอเพราะผูกอาฆาตกันไว้อย่างนั้น.

.....................................................
ขอน้อม กาย วาจา จิต บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในกาลทุกเมื่อ
ในทุกทุกขณะจิต ไม่ว่าจะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณังคัจฉามิ

https://www.facebook.com/Dhammalungta


แก้ไขล่าสุดโดย ปราชญ์บ้านนอก เมื่อ 21 ธ.ค. 2013, 08:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 06:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: rolleyes ขออนุโมทนาค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron