วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2013, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2013, 19:15
โพสต์: 109

แนวปฏิบัติ: มีสติทุกอริยาบท
งานอดิเรก: ปฎิบัติธรรม ฟังธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ความไม่ประมาท
ชื่อเล่น: ธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: วัฎฎะสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


[color=#BF4000]เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น.พระอนุรุทธเถระถือปฏิสนธิในเรือนของตระกูลเข็ญใจ เป็นคนหาบหญ้า อาศัยสุมนเศรษฐีอยู่ เขาได้มีชื่อว่า อันนภาระ. ฝ่ายสุมนเศรษฐีนั้น ให้ทำทานที่ประตูบ้าน แก่คนกำพร้า คนเดินทาง วณิพกและยาจก. ทุกวันๆ

ภายหลัง ณ วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าอุปริฏฐะ เข้านิโรธสมาบัติ ที่ภูเขาคันธมาทน์ ออกจากสมาบัตินั้นแล้ว พิจารณาว่า วันนี้ ควรจะทำการอนุเคราะห์ใคร. ก็ธรรมดาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้อนุเคราะห์คนเข็ญใจ ท่านคิดว่าวันนี้เราควรทำการอนุเคราะห์ อันนภาระ จึงถือบาตรและจีวรจากภูเขาคันธมาทน์ เหาะมาปรากฏเฉพาะหน้านายอันนภาระที่ประตูบ้านนั่นเอง.
นายอันนภาระ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ถือบาตรเปล่าจึงอภิวาทพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วถามว่า ท่านได้อาหารบ้างไหมขอรับ. พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า จักได้ผู้มีบุญมาก. เขากล่าวว่า โปรดรออยู่ที่นี้ก่อนเถิดขอรับ

ว่าแล้วก็รีบวิ่งไป ถามภรรยาของตนว่า นางผู้เจริญ อาหารอันเป็นส่วนของเรา มีหรือไม่. นางตอบว่า มี จ้ะนาย. เขาก็รีบวิ่งไปรับบาตรจากมือพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแล้ว กล่าวกับภรรยาว่า นางผู้เจริญ เพราะเราไม่ได้ทำบุญไว้ในชาติก่อน เราทั้ง ๒ จึงต้องทำงานรับจ้างคนอื่น วันนี้เราพบพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าพอดี และอาหารอันเป็นส่วนของเรามีอยู่ เจ้าจงใส่อาหารที่เป็นส่วนของฉันลงในบาตรนี้.

ภรรยาเป็นผู้ฉลาดคิดว่า เมื่อใดสามีของเราให้อาหารของตนทำทาน แม้เราก็พึงมีส่วนในทานนี้ จึงถวายอาหารที่เป็นของตนด้วย ลงในบาตรถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า. นายอันนภาระ นำบาตรอันบรรจุด้วยอาหารมาวางในมือของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วกล่าวว่า

"ขอให้พวกข้าพเจ้าพ้นจากความอยู่อย่างลำบากเห็นปานนี้เถิดขอรับ".

พระปัจเจกพุทธเจ้า อนุโมทนาว่า จงสำเร็จอย่างนั้นเถิดผู้มีบุญมาก. เขาลาดผ้าห่มของตนลง ณ ที่ส่วนหนึ่งแล้วกล่าวว่า ขอจงนั่งฉันที่นี้เถิด ขอรับ. พระปัจเจกพุทธเจ้านั่ง ณ อาสนะนั้นแล้ว เมื่อฉันเสร็จแล้ว นายอันนภาระจึงถวายน้ำสำหรับล้างบาตร พระปัจเจกพุทธเจ้า เสร็จภัตกิจแล้วกระทำอนุโมทนาว่า

สิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ปรารถนาแล้ว จงสำเร็จพลันเทียว ความดำริจงเต็มหมดเหมือนพระจันทร์เพ็ญ ๑๕ ค่ำฉะนั้น สิ่งที่ท่านต้องการแล้วปรารถนาแล้ว จงสำเร็จพลันเทียว ความดำริจงเต็มหมด เหมือนมณีมีประกายโชติช่วง ฉะนั้น. แล้วออกเดินทางไป.

เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ฉัตรของสุมนเศรษฐีกล่าว อนุโมทนาบุญด้วยเสียงอันดังถึง ๓ ครั้ง สุมนเศรษฐีสงสัยจึงถามเทวดาว่า

ท่านไม่เห็นเราให้ทานอยู่ตลอดหรือ จึงเพิ่งมาให้สาธุกาล เทวดากล่าวว่า เราไม่ได้ให้สาธุการในทานของท่าน เราอนุโมทนาบุญ ของ อันนภาระ

สุมนเศรษฐีดำริว่า เรื่องนี้น่าอัศจรรย์หนอ เราให้ทานตลอดเวลามีประมาณเท่านี้ ก็ไม่อาจทำให้เทวดาให้สาธุการ นายอันนภาระนี้อาศัยเราอยู่ ถวายบิณฑบาตครั้งเดียวเท่านั้นทำให้เทวดาให้สาธุการได้ ทานนี้คงจะบุญมาก เราควรเอาผลบุญนี้ เรียกนายอันนภาระมาแล้วถามว่าวันนี้เจ้าให้ทานอะไร ๆ แก่ใครหรือ

ขอรับนายท่านข้าพเจ้าถวายอาหารแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า เศรษฐีกล่าวว่า เอาเถอะเจ้า เธอจงรับเงินไปแล้วให้บิณฑบาตนั้นแก่เราเถอะ ให้ไม่ได้หรอกนายท่าน เศรษฐีเพิ่มทรัพย์ขึ้นจนถึงพันกหาปณะ นายอันนภาระก็ยังกล่าวว่า แม้ถึงพันกหาปณะก็ยังให้ไม่ได้ เศรษฐีกล่าวว่า ช่างเถอะเจ้า หากเจ้าไม่ให้บิณฑบาต ก็จงรับทรัพย์พันกหาปณะไปแล้วจึงให้ส่วนบุญแก่ฉันเถอะ

นายอันภาระกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าแม้ส่วนบุญนั้น ควรให้หรือไม่ควรให้แต่ข้าพเจ้าจะถามพระปัจเจกพุทธเจ้าดู ถ้าควรให้ก็จักให้ ถ้าไม่ควรให้ก็จักไม่ให้ นายอันนภาระเดินไปทันพระปัจเจกพุทธเจ้า ถามว่า ท่านเจ้าข้า สุมนเศรษฐีให้ทรัพย์แก่ข้าพเจ้าพันหนึ่ง ขอส่วนบุญในบิณฑบาตที่ถวายแก่ท่าน ข้าพเจ้าควรจะให้หรือไม่ให้ [/color]

พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า บัณฑิต เราจักทำอุปมาแก่ท่าน เหมือนอย่างว่า ในบ้านตำบลนี้มีร้อยตระกูล เราจุดประทีปไว้ในเรือนหลังหนึ่งเท่านั้น ตระกูลพวกนี้เอาน้ำมันเติมให้ใส้ตะเกียงชุ่มแล้วมาต่อไฟถือไป แสงของประทีปดวงเดิมยังมีอยู่หรือหาไม่ นายอันนภาระกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า แสงประทีปก็สว่างขึ้นไปอีกเจ้าข้า

ข้อนี้อุปมาฉันใด ดูก่อนบัณฑิต ข้าวยาคูกระบวยหนึ่ง หรือข้าวสวยทัพพีหนึ่งจงยกไว้ เมื่อท่านให้ส่วนบุญแก่คนเหล่าอื่นในบิณฑบาตของตน พันคนหรือแสนคนก็ตาม ให้แก่คนเท่าใด บุญก็เพิ่มขึ้นแก่ตนมีประมาณเท่านั้น เมื่อท่านให้ก็ให้บิณฑบาตอันเดียวนั่นแหละ ต่อเมื่อให้ส่วนบุญแก่สุมนเศรษฐีอีกเล่า บิณฑบาตก็ขยายไปเป็น ๒ คือของท่านส่วนหนึ่ง ของเศรษฐีส่วนหนึ่ง

.....................................................
ขอน้อม กาย วาจา จิต บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในกาลทุกเมื่อ
ในทุกทุกขณะจิต ไม่ว่าจะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณังคัจฉามิ

https://www.facebook.com/Dhammalungta


แก้ไขล่าสุดโดย ปราชญ์บ้านนอก เมื่อ 28 ธ.ค. 2013, 19:45, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2013, 07:05 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุค่ะ คุณปราชญ์บ้านนอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร