วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 15:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2010, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2010, 01:09
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องลูกแก้วแห่งพุทธะ

เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เที่ยวค้นหาสัจจะธรรมอันสูงสุดของชีวิตคือการบรรลุมรรมผลนิพพานในระหว่างการดำเนินชีวิตเพื่อค้นหาสัจจะธรรมที่แท้จริงอยู่นั้น เขาก็ได้เผชิญกับมารที่มาคอยขัดขวางการปฏิบัติธรรมของเขาไม่ให้ก้าวหน้าหลายรูปแบบมีทั้งเทวบุตรมารและมารที่เกิดจากใจของเขาเอง จนมาวันหนึ่งอาจารย์ของเขาก็ได้แนะนำให้เขาไปค้นหาลูกแก้วแห่งพุทธะที่อยู่ในภูเขาลูกหนึ่ง และที่นั่นเขาก็ได้รู้ว่าลูกแก้วแห่งพุทธะที่เขาต้องการมันอยู่ภายในจิตใจของเขาเอง
จากใจผู้เขียน...เทพอาถรรพ์(นามปากกา)

smiley

คำนำ
ผู้คนทั่วไปมักจะค้นหาธรรมะที่อยู่ภายนอกร่างกายกัน แต่เขาเหล่านั้นลืมค้นหาธรรมะที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเองเปรียบดั่งคนที่ขี่ลาที่เที่ยวค้นหาลาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที แต่ถ้าเขาลงจากหลังลาเมื่อไหร่แล้วลองมองหาสิ่งที่ตัวเองค้นหาอยู่ก็จะรู้ว่ามันอยู่ใกล้แค่นิดเดียว หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้จากประสบการณ์การฝึกสมาธิของตัวเองบวกกับจินตนาการต่างๆ อาจจะอัศจรรย์เกินจริงสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทางจิตและเรื่องลี้ลับต่างๆแต่รับรองว่าท่านจะได้ทั้งความบันเทิงและคติธรรมสอนใจจากหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอนจุดประสงหลักของผู้เขียนเพียงแค่ต้องการให้ผู้คนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ได้ความบันเทิงที่สอดแทรกหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาและก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะตอบปัญหาคาใจสำหรับผู้ที่ลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยและคำสอนของพระพุทธองค์ได้ในระดับหนึ่ง
เทพอาถรรพ์(นามปากกา)



ตอนที่หนึ่งผู้มาจากโลกทิพย์

แปดโมงเช้าของวันอาทิตย์ เคนเดินลงจากรถประจำทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานธรรมซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยประมาณห้าร้อยเมตร ในระหว่างที่กำลังเดินทางด้วยความสบายใจอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อของตัวเองแว่วมาจากใต้ต้นโพธิ์ริมทาง

“หยุดก่อน...เจ้าหนุ่มเคน”
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของตัวเองก็ตกใจหยุดยืนหันหน้าไปมองตามต้นเสียงที่เรียกชื่อของตัวเอง ก็เห็นท่านนักพรตท่านหนึ่งท่าทางเคร่งขรึมไว้ผมยาวสีขาวรวบผมมัดไว้ข้างหลังนัยน์ตาเข้มจมูกโด่งยืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ริมทาง
“คุณลุงรู้จักชื่อผมได้ยังไงครับ”
“มีอะไรในโลกนี้ที่ข้าไม่รู้อีกหรือ แม้กระทั่งความคิดของเจ้าข้ายังรู้เลย ตามข้ามาสิ”
พอพูดจบเคนก็เหมือนโดนมนต์สะกดเดินตามอย่างว่าง่าย แต่แปลกมากทำไมสถานที่บรรยากาศรอบๆตัวของเขามันจึงเปลี่ยนไปหมดมันเกิดอะไรขึ้น ที่ๆเขายืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ริมทางต่อไปอีกแล้วกลับเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ก้อนเมฆท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเพลิงเหมือนเวลาตอนเย็นที่พระอาทิตย์เพิ่งตกจากขอบฟ้ามาหมาดๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวกลายเป็นสีแดงเต็มไปหมด
“ข้าคือนักพรตมายา สถานที่แห่งนี้คือโลกทิพย์ ดินแดนโลกทิพย์ขอต้อนรับผู้มีบุญอย่างเจ้า
เคน.....อัครพล สุดประเสริฐ”
เคนรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งกับการโดนเอ่ยชื่อตัวเองแบบเต็มๆ
“เคน...เจ้าหนุ่มน้อยผู้มีความใฝ่ฝันอันแรงกล้าต่อการบรรลุมรรคผลนิพพานเจ้ารู้มั๊ย การที่เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปนั้นมันสูญเปล่า โลกนี้ที่หาการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของห้วงวัฏฏะสงสารไม่ได้ ยังมีผู้ที่คอยควบคุมดูแลทุกชีวิต กุมชะตากรรมของสัตว์โลกนี้อยู่เบื้องหลังแม้กระทั่งสามโลกก็ไม่เว้น”
“ใครกันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
“ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทิพย์ ท่านปรนิม ซึ่งเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของสัตว์โลก ให้มีการ เกิด แก่ เจ็บ และตาย การสืบทอดเผ่าพันธุ์การดำรงอยู่ของ สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของท่าน อำนาจอันยิ่งใหญ่ซึ่งไม่มีใครจะสามารถฝ่าฝืนได้”
“เป็นไปได้หรือครับท่าน ตามคำสอนของศาสนาผมไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมาจากเหตุ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผู้กุมชะตากรรมของสัตว์โลกคือกฎแห่งกรรมไม่ใช่หรือ กฎแห่งกรรมเท่านั้นที่กำหนดชะตากรรมของสัตว์โลกให้เป็นไปต่างๆนาๆไม่เหมือนกัน”
“เจ้ามนุษย์น้อยผู้น่าสงสาร ท่านปรนิมไม่ใช่พระเจ้าตามคำสอนของศาสนาใดๆในโลกนี้เลย แต่ท่านเป็นผู้ดำรงอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่โลกมนุษย์ยังไม่เกิดยังไม่มีสรรพสัตว์ทั้งหลาย และท่านก็มีอำนาจแทรกอยู่ในจิตใจของสรรพสัตว์ทั้งหลายมายาวนานนัก และด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของท่านจึงปรากฏมีมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย
มาจนถึงทุกวันนี้ มนุษย์และสัตว์ทุกหมู่เหล่าล้วนเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ของท่านทั้งสิ้นรวมทั้งตัวของเจ้าด้วย”
“ท่านบอกจุดมุ่งหมายของท่านมาดีกว่า ที่ท่านพาผมมาที่นี่ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
“เจ้าหนุ่มน้อยที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกสัจจะธรรมที่แท้จริงของโลกให้เจ้ารู้ต่างหากละ”
“สัจจะธรรมของท่านคืออะไร”
“เราสอนให้ทุกคนรู้จักละความชั่วทุกชนิดทำความดีให้ถึงพร้อมและมีศรัทธาต่อท่านปรนิมผู้ให้กำเนิดดวงจิตที่แท้จริงของสัตว์โลกในจักรวาลเพียงแค่ทำความดีเพื่อรับใช้พระองค์และมีศรัทธาต่อพระองค์เท่านั้นเจ้าก็จะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง และสามารถไปใช้ชีวิตกับพระองค์ได้ชั่วนิรันดรเมื่อเจ้าละกายสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว”
“แปลกดีนะในเมื่อท่านเป็นผู้ให้กำเนิดดวงจิตแก่ทุกดวงจิตในจักรวาล ทำไมท่านไม่ประทานความสุขสบายความร่ำรวยแก่ทุกดวงจิตให้เท่าเทียมกันละครับ ทำไมบางคนรวยบางคนจนบางคนทุกข์บางคนสุขบางคนเป็นโจรผู้ร้ายบางคนเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ แบบนี้ท่านก็เลือกที่รักมักที่ชังชัดๆ ท่านให้กำเนิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยความลำเอียงแบบนี้ ยังจะให้ผมศรัทธาได้ยังไงกันเล่า”
“นั่นไม่ใช่ความลำเอียงแต่นั่นคือสัจจะธรรมต่างหากละ มันเป็นการทดสอบความศรัทธาหากผ่านพ้นการทดสอบแล้วท่านปรนิมจะตอบแทนความดีแก่ทุกดวงจิตอย่างสาสม”
“ศาสนาของผมก็สอนให้ทำความดีเหมือนกัน แต่ไม่ให้ยึดติดในความดีเพราะทั้งความดีและความชั่วต่างก็ไม่เที่ยงเป็นอนัตตา แท้ที่จริงแล้วสุดท้ายคือความว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยมิใช่หรือท่าน”
“หึๆๆๆ เจ้าหนุ่มน้อยความว่างเปล่าของเจ้าคืออะไร เจ้าเข้าถึงรึยัง เจ้าก็พูดตามความเชื่อที่สอนกันมาแบบผิดๆเจ้ามัวแต่พร่ำบ่นภาวนาในใจว่า พุทโธ สัมมาอรหัง นะมะพะธะ อิติปิโสภควา นะโมพุทธายะ หรือไม่ก็ยุบหนอพองหนอเป็นต้น พอเจ้าลืมตาออกจากสมาธิ เจ้าก็ยังทุกข์ไม่สิ้นสุดอยู่เหมือนเดิม ความสุขที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร เอาละตอนนี้เจ้ายังไม่ศรัทธาเต็มร้อยแต่สักวันหนึ่งเจ้าก็จะได้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่อันแท้จริงของผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของสัตว์โลก เพียงแค่เจ้าศรัทธาต่อท่านปรนิมเจ้าก็จะได้ทุกอย่างที่มนุษย์โลกต้องการ ทรัพย์สินเกียรติยศชื่อเสียงจะเป็นของเจ้า ความสุขที่แท้จริงของโลกที่ทุกคนต้องการมันอยู่ในมือเจ้าแล้วนะ เจ้าหนุ่ม
เคน...อัครพล สุดประเสริฐ”
พอพูดจบท่านนักพรตมายาก็หายไป พร้อมกันนั้นเคนก็มายืนงงอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ริมทางดังเดิมมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขากันแน่ เคนมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองก็เห็นเวลาปาเข้าไปตั้งสามทุ่มแล้วทั้งที่มาถึงที่ตรงนี้แปดโมงเช้าแท้ๆ แล้วทำไมมันถึงค่ำแล้วละ เคนตัดสินใจเดินไปรอรถโดยสารเพื่อกลับบ้านแบบงงๆ



ตอนที่สองอยากได้ต้องหยุด
เที่ยงคืนแล้วเคนยังคงนอนไม่หลับห้วงแห่งราตรีคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน เคนตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกพุทโธแต่วันนี้ทำยังไงก็ไม่เป็นสมาธิเลยเพราะภายในจิตใจเกิดการลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยเป็นอย่างมากยิ่งนั่งสมาธิยิ่งปวดหัว ทันใดนั้นเคนก็ได้ยินเสียงของแม่ชีวิสุทธิมรรคแว่วมากับสายลมเพื่อเตือนสติของเขา
“ หยุดซิลูก ถ้าอยากได้ต้องหยุด ถ้าไม่หยุดลูกจะไม่ได้อะไรเลย “
คำพูดนี้ช่างลึกซึ้งคำภีรภาพเหลือเกิน ใช่สินะการปฏิบัติธรรมกับการใช้ชีวิตทางโลกมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ถ้าเราปล่อยชีวิตของเราให้เหมือนกระแสน้ำ เราก็ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำเรื่อยไปชีวิตทางโลกย่อมทะเยอทะยานอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนทางธรรมแม้อยากได้ธรรมะ ก็จะต้องทำใจหยุดนิ่งถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ฌานโลกีย์มันก็ยังดีกว่าการปล่อยใจให้เป็นทาสของกิเลสมารไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเคนคิดได้ดังนั้นเคนก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากลมหายใจเข้าออกพุทโธ ในระหว่างห้วงแห่งความนึกคิดที่สงบ จิตที่รวมเป็นหนึ่งกับลมหายใจเข้าออกก็หล่อหลอมกลายเป็นความปิติสุขขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก ท่ามกลางความสงบนิ่งเคนมีความรู้สึกราวกับว่าอยู่คนเดียวในโลก เพราะโลกทั้งโลกมันหายไปหมดคงเหลือแต่ความว่างเปล่าที่สงบสุขเท่านั้น ธรรมดาของสมาธิที่ก้าวผ่านขณิกสมาธิมาเป็นอุปจารสมาธิย่อมสัมผัสความเป็นทิพย์ได้เป็นธรรมดา
บัดนี้เคนมีความสุขกับการนั่งสมาธิเป็นยิ่งนัก ด้านหน้าของเคนเกิดมีกลุ่มควันสีม่วงแดงลอยเป็นกลุ่มปะทะหน้าของเคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเปลี่ยนสลับสีไปเรื่อยๆ จากม่วงแดงเป็นเขียวอ่อน จากเขียวอ่อนเป็นสีเหลืองจนเปลี่ยนเป็นสีขาวนวลลอยเต็มข้างหน้าเคนไปหมดเคนหลงมองเพลินจนขาดสติทำให้กำหนดรู้ไม่เท่าทันสมาธิจึงเลือนหายไป
นี่เป็นแค่การเริ่มต้นของสมาธิที่จะต้องก้าวให้ผ่านเพื่อที่จะได้สมาธิที่สูงขึ้นไปอีก จากขณิกสมาธิเป็นอุปจารสมาธิจนเลื่อนขึ้นฌานขั้นที่1,2,3,4 ตามลำดับ ส่วนวิปัสสนาญาณก็ยังอีกห่างไกลนัก เพราะทางแห่งความหลุดพ้นใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายๆคนเข้าใจก็หาไม่ ยิ่งผู้ที่หวังหลุดพ้นก็ยิ่งจะต้องเผชิญหน้ากับมารที่มาคอยรบกวนใจอีกหลายรูปแบบ
“เจ้าจะมัวพร่ำบ่นภาวนาอะไรกันกับคำว่าพุทโธมันช่างไร้สาระซะเหลือเกินข้าเห็นเจ้าภาวนามาตั้งหลายปีแล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลยมีแต่จนลงจนลงทุกทีถามจริงๆเถอะเจ้าจะมัวพร่ำบ่นภาวนาให้มันเกิดสวรรค์วิมานอะไรกัน”
“ท่านเป็นใครครับ”
เคนกำหนดจิตเอ่ยถามเจ้าของเสียงผู้หวังดีในสมาธิ
“ข้าคือนักพรตมายา ข้ามาเพื่อเตือนสติของเจ้า”เสียงตอบกลับมาในสมาธิแต่ไม่ปรากฏรูปร่างใดๆให้เห็นเลย
“ขอบคุณมากครับที่หวังดี”
“หนทางข้างหน้าที่แสนจะยาวไกลเจ้าตื่นจากฝันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว”
“อะไรคือโลกแห่งความจริงของท่านครับ”
“ สัตว์โลกทุกรูปทุกนาม ย่อมมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นแก่ตัว นั่นคือความเป็นจริง เจ้าจะมัวหลบหนีความจริงโดยการท่องบ่นภาวนาอย่างไร้สาระอยู่ทำไมกัน”
“การบ่นภาวนาพระนามของพระพุทธะย่อมไม่ใช่การหลบหนีความจริง แต่นั่นเป็นการสร้างพลังจิตเพื่อเอาไว้ตัดความโลภความโกรธความหลงความเห็นแก่ตัวต่างหากละครับท่าน”
“ความโลภโกรธหลงและความเห็นแก่ตัวมันเป็นแค่สภาวะของจิตใต้สำนึก ของสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกหมู่เหล่า
มีแต่คนที่โง่เขลาเท่านั้นที่คิดจะตัดรากถอนโคนสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของตัวเอง เจ้าจงลืมตาออกจากสมาธิได้แล้ว”
เคนค่อยๆลืมตาออกจากสมาธิก็เห็นท่านนักพรตมายานั่งยิ้มให้อย่างมีเมตตานั่งอยู่ข้างหน้าของเคน
“ข้าขอเตือนเจ้าว่าพรุ่งนี้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเจ้า ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่ถ้าเจ้ารอดตายมาได้ครั้งนี้เจ้าก็จะได้บทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเจ้าได้ทั้งชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเองว่าจะเลือกสิ่งไหนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะสิ่งที่เจ้าเลือกจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเจ้าในอนาคตข้างหน้า”
“ท่านพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นอะไร”
“ข้าเปิดเผยความลับของสวรรค์ไม่ได้หรอก ข้าเพียงมาเตือนเจ้าได้แค่นี้เองข้าไปก่อนหละ”
พอพูดจบท่านนักพรตมายาก็หายตัวไป พร้อมกับทิ้งปมปริศนาไว้ให้เคน

ตอนที่สามพุทธานุภาพ

อาชีพของเคนคือนักเขียนจินตนิยายอิงธรรมะ เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆแต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรสมองตื้อชอบกลคิดอะไรไม่ออกเลย เคนจึงตัดสินใจไปพักผ่อนที่ชายทะเล ที่ชายหาดพัทยายามเย็นแสงแดดอ่อนๆลมทะเลพัดเย็นๆมีผู้คนเล่นน้ำอย่างสนุกสนานมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เคนนั่งมองดูผู้คนที่ใต้ต้นมะพร้าวปล่อยอารมณ์ไปกับสายลมแสงแดดอ่อนๆมองดูคลื่นทะเลที่กระทบชายหาดอย่างสบายใจ
ชีวิตคนเราก็แค่นี้เองเมื่อเกิดขึ้นมาทำมาหากินแก่เฒ่าแล้วก็ตายจากโลกนี้ไป ชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่ชีวิตเก่า เหมือนดั่งระรอกคลื่นที่กระทบชายหาดแล้วหายไป คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่คลื่นลูกเก่าลูกแล้วลูกเล่าไม่สิ้นสุด ถ้าจะเกิดมาเพื่อกินกามเกียรติ์ หาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆแล้วก็ตายไป ก็ดูจะไร้ค่าซะเหลือเกิน มีอะไรที่ทำให้ชีวิตของคนเราที่เกิดมามีค่ามากกว่านี้อีกหรือ
ในขณะที่เคนคิดอะไรเพลิน ๆอยู่คนเดียว นั้น จู่ๆก็เกิดฟ้าร้องแผ่นดินไหวเมฆตั้งเค้าฝนตกลงมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอะไรเลย คลื่นที่กระทบชายหาดอย่างเย็นสบายก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งตีกระแทกชายหาดอย่างแรงดูทีท่าว่าจะไม่หยุดเอาง่ายๆ เคนมองเห็นเด็กๆที่เล่นน้ำอยู่ชายหาดโดนคลื่นซัดอย่างแรงเสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดๆขอความช่วยเหลือ ผู้คนวิ่งหนีเอาตัวรอดวุ่นวายกันไปหมด เคนมองดูด้วยความตกใจตาค้างเหมือนโดนผีหลอก แต่ดีหน่อยที่เคนนั่งห่างจากชายฝั่งมากพอสมควรจึงไม่เป็นอะไร สักพักหนึ่งเคนก็เห็นภาพซ้อนเหมือนคนตาลาย เคนยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองสองครั้งสามครั้งนี่มันเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นเป็นภาพพรายทะเลตัวสีเขียวเข้มตาสีแดงกล่ำ กลิ่นเหม็นคาวเลือดคลุ้งไปหมด กำลังเดินขึ้นมาจากทะเลเต็มชายหาด พรายทะเลกระชากวิญญาณทั้งเด็กและผู้ใหญ่ออกจากร่างไปต่อหน้าต่อตาเคน เคนตกใจมากรีบลุกขึ้นวิ่งแต่ก็สะดุดก้อนหินล้มกลิ้งสามตลบนอนหงายแผ่ราบบนชายหาดอย่างหมดท่า พรายทะเลตาแดงกล่ำตนหนึ่งเดินมุ่งหน้ามาหาเคน เคนพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกขึ้นไม่ได้เหมือนโดนมนต์สะกด
ทันใดนั้นนักพรตมายาก็ได้มาปรากฏร่างยืนอยู่ข้างกายของเคน
“ นึกถึงท่านปรนิมสิ แล้วเจ้าจะปลอดภัย “
เคนหันหน้ามองไปตามต้นเสียงก็เห็นท่านนักพรตมายายืนยิ้มให้อย่างมีเมตตา
“ข้าต้องการช่วยเจ้า และต้องการตอกย้ำความศรัทธาของเจ้าให้มั่นคงยิ่งขึ้น ชีวิตของเจ้าและทุกคนที่อยู่ที่นี่จะปลอดภัยหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้า เวลาของเจ้าเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้วเจ้าหนุ่ม ตัดสินใจซะ”
“ผมยอมตายดีกว่าที่จะก้มหัวศรัทธาต่อเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของท่าน”
“เจ้าตายคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่คนอื่นที่กำลังตายต่อหน้าเจ้าๆทนดูเขาตายต่อหน้าเจ้าโดยไม่สงสารได้รึ
ความเมตตาของเจ้าหายไปไหนหมด”
เคนนึกถึงความเมตตาความศรัทธาต่อพระพุทธองค์ ชีวิตเขาชีวิตเราจะทำยังไงดี ความมั่นคงในพระรัตนตรัยจะต้องแลกด้วยชีวิตด้วยหรือ ลำพังเคนคนเดียวคงไม่คิดอะไรมากเพราะชีวิตทั้งชีวิตได้มอบกายถวายแด่พระพุทธองค์อย่างหมดหัวใจอยู่แล้ว
“เจ้าจะคิดอะไรมาก เพียงแค่เจ้าหันมาศรัทธาต่อท่านปรนิม นึกถึงท่านให้ท่านช่วยปัดเป่าความทุกทั้งปวง เจ้าก็จะสามารถช่วยตัวเจ้าเองและบุคคลอื่นได้อย่างสบาย นับว่าเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ พลังวิเศษต่างๆจะเป็นของเจ้าซึ่งคนทั้งหลายในโลกนี้ต้องการอยากจะเป็นคนที่โชคดีอย่างเจ้า แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่เหมาะสมกับพลังอันยิ่งใหญ่นี้เลย ตัดสินใจซะพ่อหนุ่ม”
ตอนนี้พรายทะเลเดินมาถึงตัวเคนซะแล้ว มันไม่พร่ำทำเพลงอะไรตรงมาถึงก็บีบคอเคนอย่างแรง เคนจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุดทันใดนั้นเสียงของแม่ชีก็แว่วมากับสายลม
“คนเราจะเมตตาใครจะต้องใช้ปัญญาควบคู่เสมอนะลูกรัก เพราะทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ย่อมหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้กรรมที่ทำไว้ ก็ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้แม้กระทั่งตัวเราเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
เมื่อเคนคิดได้ดังนั้นก็หลับตาทำสมาธิตั้งจิตอธิฐานในใจ
“ถ้าจะถึงเวลาตายจริงๆข้าพเจ้าก็ขอมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธองค์เป็นพุทธบูชาครั้งสุดท้าย”
เคนหายใจเฮือกสุดท้ายนึกถึงพระพุทธองค์พร้อมภาวนา พุทโธ พุทโธ ในใจ
ทันใดนั้นแสงสว่างแห่งพุทธานุภาพก็ส่องสว่างทั่งท้องฟ้าร่างพรายทะเลหายไปตอนไหนไม่รู้ เคนลืมตาขึ้นมาก็เห็นตัวหนังสือสีทองบนท้องฟ้าคำว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราสักพักตัวหนังสือก็เลือนหายไป
ฝนหยุดตกราวปาฏิหาริย์ คลื่นทะเลสงบนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เคนลุกขึ้นยืนปัดเม็ดทรายที่เกาะตามตัว มองลงไปที่ทะเลก็เห็นรถหน่วยกู้ภัยสามสี่คันจอดอยู่ริมทาง หน่วยกู้ภัยช่วยคนจมน้ำได้ราวปาฏิหาริย์



ตอนที่สี่ตรัยสรณะ

คืนนี้เคนก็ไหว้พระสวดมนต์แบบสั้นและง่ายที่สุดเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเสร็จแล้วภาวนาพุทโธๆอย่างสบายใจ
“ยินดีด้วยผู้มีบุญ”
เสียงนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
“ท่านเป็นใคร”
เคนนึกถามในใจพลันปรากฏภาพนักพรตมายาในสมาธิใส่ชุดสีขาว รัศมีกายสีเหลืองนวลสวยงามยิ่งนักลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไกลลิบค่อยๆเคลื่อนกายเข้ามายืนลอยอยู่บนอากาศห่างจากตัวเคนประมาณสามเมตร
“ท่านรู้ตัวไหมว่าท่านเข้าถึงตรัยสรณะแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีด้วย”
“เข้าถึงตรัยสรณะหรือ มันคืออะไรครับท่าน”
“เดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง”
“แล้วตกลงท่านเป็นใครกันแน่ครับ”
“ข้าคือนักพรตมายา”
“ผมรู้แล้วว่าท่านเป็นนักพรตมายา”
“ แล้วถามทำไม พ่อหนุ่ม”
“ผมอยากรู้ว่าท่านเป็นเทพหรือเป็นมาร หวังดีหรือหวังร้ายกันแน่”
“ข้าไม่ขอตอบท่าน เมื่อถึงเวลาแล้วท่านจะรู้เองทุกอย่าง ขอให้ท่านรู้ไว้ว่าข้าทำไปทุกอย่างเป็นความหวังดี”
ทันไดนั้นท่านนักพรตมายาก็หายไป เคนถอนหายใจช้าๆค่อยๆลืมตาออกจากสมาธิ ก็เหลือบไปมองเห็นดอกมะลิสีขาวดอกหนึ่งวางอยู่ข้างหน้า เคนเอื้อมมือไปหยิบดอกมะลิขึ้นมาดู
“ข้าขอโมทนาบุญกับเจ้าด้วย แต่เจ้าจงจำไว้ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด”
เสียงของนักพรตมายาพร้อมกลิ่นกำยานหอมลอยมากับสายลม เคนกำหนดจิตแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณจำกัด แล้วเข้านอนด้วยความสบายใจ
ในห้วงแห่งราตรีอันยาวนาน เคนรู้สึกว่าตัวเองได้มายืนอยู่บนหนทางสามแพร่งแห่งหนึ่ง ทางซ้ายมือเป็นหนทางสีดำเต็มไปด้วยวิญญาณหิวโซมากมายและมีสัตว์นรกถูกทรมานมากมายหลากหลายรูปแบบ ส่วนหนทางขวามือเป็นหนทางสีขาวเต็มไปด้วยดอกไม้นาๆพันธุ์สองฟากทางมีวิมานสวยงามสีสันแปลกตาประดับด้วยอัญมณีล้ำค่ามากมายหลายหลัง ส่วนผู้คนก็แต่งตัวสวยงามทั้งผู้ชายและผู้แต่ก็แปลกเหลือเกินที่ไม่มีเด็กและคนแก่เลย ส่วนหนทางข้างหน้าเป็นถนนสีเหลืองทองมีแสงประกายระยิบระยับสวยงามยิ่งนัก เคนกำลังจะเดินเข้าไปบนถนนสีทองก็ได้ยินเสียงผู้ชายลึกลับก้องมาจากท้องฟ้า
“ผู้ที่จะเดินเข้าไปได้จะต้องเป็นผู้ที่เข้าถึงกระแสพระนิพพานแล้วเท่านั้น”
เคนไม่ฟังเสียงอะไรทั้งสิ้นยังคงมุ่งหน้าเดินเข้าอย่างไม่ลดละ แต่ก็มีพลังลึกลับบางอย่างที่มากมายมหาศาลผลักเคนกระเด็นอย่างแรงจนทำให้เคนลอยไปไกลถึงสิบเมตร
“พระพุทธเจ้าช่วยลูกด้วยๆ เคนอุทานด้วยความตกใจ”
เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าเป็นแค่ผู้ที่เห็นหนทางพระนิพพานไม่ใช่ผู้ที่เข้าถึงกระแสพระนิพพานเจ้ายังเข้าไปไม่ได้เจ้าจะต้องไปเรียนรู้ถึงวิธีการที่จะเดินทางเข้าสู่พระนิพพานให้ได้เสียก่อน ดินแดนแห่งนี้ยังคงต้อนรับเจ้าอยู่เสมอ เคน..อัครพล
สุดประเสริฐ”
พอสิ้นเสียงเคนก็หล่นวูบมาจากท้องฟ้าที่สูงมาก “ช่วยด้วยๆๆๆๆๆ”
เคนร้องตกใจสุดเสียงพอลืมตาขึ้นมาก็เห็นตัวเองนอนตกอยู่ข้างเตียงนอนของตัวเองแบบงงๆ
“อุ้ยแม่เจ้า เราฝันไปหรือนี่”
แปลกจริงนะทำไมฝันเหมือนจริงจังเลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร