วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 13:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




13.bmp
13.bmp [ 167.02 KiB | เปิดดู 11808 ครั้ง ]
นิทานดวงดาว

นานแสนนานมาแล้ว ดวงดาวเล็กๆ มากมาย
ก่อกำเนิดขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ล่องลอยอยู่แสนไกล โดดเดี่ยวเดียวดาย และหนาวเย็น
ไม่มีแสงสว่าง ไม่เคยถูกสังเกตเห็น และไม่เคยเป็นมิตรกับใคร
จนกระทั่งในคืนอันมืดมิดที่สุดคืนหนึ่ง

เด็กหญิงน้อยๆ คนหนึ่งพลัดหลงกับพ่อแม่ของเธอขณะเดินทางกลับบ้าน
เด็กน้อยเดินวกไปเวียนมาจนหลงเข้าไปในป่าใหญ่…ห่างไกลจากบ้านของเธอออกไปทุกที

หลังจากร้องไห้คิดถึงบ้านจนเหนื่อยอ่อนเด็กหญิงนอนหลับไปบนพื้นหญ้าใต้ท้องฟ้ายามราตรี
อันมืดมิดและในขณะที่นอนหลับอยู่นั้น ความฝันของเด็กน้อยล่องลอยไปแสนไกล

เธอฝันถึงบ้านอันอบอุ่น กองไฟกองใหญ่และการละเล่นรอบกองไฟในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ

ความฝันของเด็กหญิงน้อยๆ ช่างแสนอบอุ่นเปี่ยมด้วยความหวัง มีพลัง
และทอประกายสว่างไสวไปถึงดวงดาวอันไกลโพ้น

"มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับฉัน"

ดวงดาวเล็กๆ ดวงหนึ่งพึมพำ
ขณะตัวของมันค่อยๆอุ่นขึ้น
และอุ่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีแสงระยิบระยับเกิดขึ้นจากภายใน

"ดูฉันสิ อบอุ่นและสว่างไสว ไปทั้งดวงเลย"
ดวงดาวเล็กๆ ผู้ตื่นเต้นใจดีร้องบอกกับดวงดาวซึ่งอยู่ใกล้มันมากที่สุด

"เธอทำได้ยังไงนะ"
เพื่อนดวงดาวต่างถามเป็นเสียงเดียวกัน

"ฉันเพียงแต่มองลงไปบนพื้นโลก
เห็นเด็กผู้หญิงเล็กๆคนหนึ่งนอนหลับอยู่คนเดียวกลางป่า
และรู้สึกว่าอยากช่วยให้เธอกลับบ้านได้…ก็เท่านั้นเอง"
ดวงดาวที่สว่างไสวร้องตอบ

"มันน่าจะมีอะไรพิเศษไปกว่านั้น"
ดวงดาวทั้งหลายยังคงพูดคุยกันเสียงดัง
จนเด็กหญิงน้อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นและมองขึ้นไปบนฟ้า

"แปลกจริง ฉันมองเห็นอะไรบางอย่าง
ส่องแสงเป็นประกายอยู่ข้างบนโน้นด้วย เป็นดวงแสงเล็กๆ ที่สวยที่สุดเลย"

เด็กหญิงบอกกับตัวเองและลุกขึ้นเดินตามไปในทิศที่แสงนั้นกะพริบส่อง


ไม่นาน เธอเดินกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เด็กหญิงเล่าเรื่องแสงวิบวับบนท้องฟ้า
ซึ่งนำทางเธอกลับบ้านให้พ่อแม่และเพื่อนๆ ของเธอฟัง

"ฉันอยากกลับบ้านมากจนนอนหลับฝันถึงบ้าน
แสงสว่างบนท้องฟ้าคงอยากทำให้ความฝันของฉันเป็นจริง"

นับแต่นั้นมา ผู้คนก็เริ่มมองหาดวงแสงเล็กๆในท้องฟ้ายามราตรี
และเรียกสิ่งนั้นว่าดวงดาว

ส่งความหวังและความฝันของพวกเขาเดินทางไป
มีความสุขกับการได้ฝันใฝ่ และมีความหวังที่สดใสรออยู่ปลายทาง

ในขณะเดียวกัน ดวงดาวบนท้องฟ้าต่างเฝ้ามองลงยังพื้นดิน
และเรียกสิ่งที่ส่องแสงเป็นประกายสว่างไสวในหัวใจของผู้คนว่า

ความฝัน กับความหวัง
และยังคงทอแสงแห่งความปรารถนาดีลงมาสู่ผู้คน…
..........นับแต่นั้นเป็นต้นมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




8.bmp
8.bmp [ 477.65 KiB | เปิดดู 11802 ครั้ง ]
นิทานของพระจันทร์

นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง
มีพระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย
และพระจันทร์สองดวงนี้ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้ง 2 ไม่เคยแยกห่างจากกัน
ทุก ๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ

แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์
ทำให้ดวงจันทร์หลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์
จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไป ทีละน้อย ๆ
จนแยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด

เมื่อค่ำคืนมาถึงจึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่เพียงดวงเดียว
ดวงจันทร์ดวงนั้นจึงได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง
คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ
ด้วยความคิดถึงและอยากพบให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า ?
หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้เจอแน่ๆ?
จึงตัดสินใจ?..ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล
เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งนั้น
????.............................

เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงได้เห็นถึงความจริงว่า
แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามสักปานใด
แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้านั้นแต่เพียงตนเท่านั้น
ยังส่องแสงไปยังดวงอื่น ๆ อีกมากมาย
ดวงจันทร์จึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง?
แต่หาเท่าไหร่ก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ
ต่อมาจึงได้รู้ว่า?

ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเองเพียงเพื่อตามหาตนจนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยว เล็กๆ
ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอกับดวงดาวผู้ชายอีกต่อไปแล้ว
จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจ

แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง?
ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตนส่องให้ถึง
ดวงจันทร์ผู้หญิง
เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเคียงข้างดวงจันทร์
จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาวให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้

สังเกตมั้ยว่า??
คืนใดที่ดวงจันทร์เต็มดวงจรัสแสงประกายเจิดจ้ามากที่สุด
คืนนั้นท้องฟ้าไร้ดวงดาว
แต่หากคืนใดที่เมฆน้อยบดบังดวงจันทร์ไปหมดสิ้น
ค่ำคืนนั้นเรากลับได้เห็นดวงดาวทอแสงเต็มท้องฟ้า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




8.bmp
8.bmp [ 445 KiB | เปิดดู 11796 ครั้ง ]
ทะเลกับท้องฟ้า

ทุกครั้งที่ฉันมองดูทะเล
ฉันคิดเสมอว่ามีสิ่งหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้มีทั้งความแปลกและความสวยงาม

ท้องฟ้ากับทะเลในความเป็นจริงอยู่ห่างไกลกันอย่างมากมาย
แต่ที่เส้นขอบฟ้า จะดูคล้ายกับว่า ฟ้ากับทะเลได้มาบรรจบกัน
ฉันมองสิ่งมหัศจรรย์นี้มาตลอด
และแอบคิดว่าสักวัน ตัวฉันอาจจะมีโอกาสเป็นอย่างทะเลที่ได้สัมผัสกับท้องฟ้าบ้าง

แต่วันนี้เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างผ่านเข้ามาในชีวิต
และเมื่อได้มองเส้นขอบฟ้ากับทะเลอีกครั้ง ฉันจึงได้เข้าใจในบางสิ่งบางอย่าง

.....ทะเลมั่นคงต่อท้องฟ้าเสมอ ทะเลไม่เคยหนีหายจากท้องฟ้าไป
เหมือนกับดวงตะวัน ที่ทิ้งท้องฟ้าไป ทำให้ท้องฟ้าหมดความสว่างสดใส

ทะเลไม่เคยเอาเปรียบท้องฟ้าเหมือนดวงจันทร์และดวงดาว
ที่ใช้ท้องฟ้ายามมืดมิดทำให้ตนเองดูสวยงาม แต่ทะเลจะอยู่ดูแลและคอยแคร์ท้องฟ้าเสมอ

เมื่อใดที่ฟ้าสดใสเป็นสุข ทะเลก็จะดูสดชื่นมีชีวิตชีวาไปกับท้องฟ้าด้วย
เมื่อใดที่ท้องฟ้าแปรปรวน ทะเลก็จะเศร้าหมอง
ดังจะบอกกับท้องฟ้าอันเป็นที่รักว่าตนเป็นห่วงท้องฟ้าเพียงใด
และเมื่อท้องฟ้ามีน้ำตา ทะเลก็จะคอยรองรับความโศกเศร้านั้นไว้ด้วยใจที่ภักดี
และจะคอยเวลาที่น้ำตาฟ้าเหือดแห้งไป กลับมาเป็นท้องฟ้าที่สดใส...อีกครั้ง

ทะเลซื่อตรงต่อท้องฟ้าเช่นนี้เสมอมา และก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
แต่ฉันไม่รู้ ว่าทะเลจะรู้สึกเหมือนฉันตอนนี้หรือไม่ เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ...
ไม่ว่าทะเลจะรักท้องฟ้าสักเพียงใด ท้องฟ้าก็ไม่เคยแม้แต่จะโน้มตัวลงมาสัมผัสกับทะเล...
ที่เส้นขอบฟ้านั้น เป็นเพียงภาพลวงตาที่ดูคล้ายกับว่าท้องฟ้าได้ลงมาแตะกับทะเลเท่านั้น.............

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




001_vladstudio_underwaterchess.jpg
001_vladstudio_underwaterchess.jpg [ 60.81 KiB | เปิดดู 11796 ครั้ง ]
นิทาน เรื่อง กระต่ายบนดวงจันทร์

กาล ครั้งหนึ่ง? พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในท้องฟ้าได้จัดให้มีการชุมนุมขึ้น สัตว์ทั้งหลายต่างก็มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับนำของขวัญมาฝากพระอินทร์ด้วย คงมีแต่เจ้ากระต่ายน้อยตัวเดียวที่หาของขวัญถูกใจมาถวายพระอินทร์ไม่ได้ เจ้ากระต่ายน้อยจึงคิดถวายชีวิต บูขายัญตัวเองเป็นของขวัญแก่พระอินทร์ ความนี้ทราบถึงพระอินทรานี ผู้เป็นมเหสีของพระอินทร์ พระอินทรานีจึงรีบเสด็จไปช่วยชีวิตของกระต่ายน้อยไว้ได้ทัน พร้อมกับเตือนกระต่ายน้อยว่าการทำลายชีวิตตัวเองเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำ และด้วยเห็นว่ากระต่ายน้อยมีความตั้งใจจริง พระอินทรานีได้ให้ช่างวาดภาพของกระต่ายไว้บนราชรถที่ได้เชิญพระจันทร์ จึงปรกฏภาพของกระต่ายบนดวงจันทร์ตั้งแต่นั้นมาs

ถึงตอนนี้ลองออก ไปดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า มองเห็นกระต่ายบนดวงจันทร์หรือเปล่า หรือมองเห็นเป็นภาพอื่น แล้วลองแต่งนิทานเกี่ยวกับดวงจันทร์มาเล่าให้บ้างนะ

ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก
เรา เห็นดวงจันทร์ด้านที่เป็นรูปกระต่ายเพียงด้านเดียวเสมอ ดวงจันทร์หันด้านนี้เข้าหาโลกเพียงด้านเดียว ที่เป็นเช่นนี้เพราะดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาเท่ากับที่ดวงจันทร์หมุนรอบ ตัวเอง

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2009, 07:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




4.bmp
4.bmp [ 455.91 KiB | เปิดดู 11799 ครั้ง ]
~~นิทานจากดวงดาว~~

ลูกชายตัวน้อย....."แม่ครับ.บนท้องฟ้ามีนางฟ้าไหมครับแม่.."
แม่จ๋า.....แม่กอดลูกชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ขณะนั่งมองท้องฟ้าและดวงดาวด้วยกัน

"มีสิจ๊ะลูกจ๋า นางฟ้าแสนสวย ใจดี รักเด็กๆ ที่เป็นเด็กดีจ๊ะลูก"
ลูกชายตัวน้อย..."จริงหรือครับแม่ ลูกอยากเห็นนางฟ้าแสนสวย ใจดีจังเลยครับแม่
เมื่อไหร่นางฟ้าจะมีให้ลูกเห็นซักทีน๊า"

แม่จ๋า...นางฟ้าเป็นสัญญลักษณ์แห่งความดี ความงาม หากลูกอยากเห็นนางฟ้า
ลูกต้องเป็นเด็กดีนะจ๊ะ ไม่ดื้อ ไม่เกเร และที่สำคัญ ต้องมีจิตใจที่งดงาม ไม่อิจฉาริษยา
รู้จักแบ่งปันที่จะให้สิ่งดีๆ กับคนอื่นๆ รู้จักช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา"

ลูกชายตัวน้อย..".แล้วถ้าลูกเป็นเด็กดี นางฟ้าจะมาหาลูกหรือครับ"
แม่จ๋า...."ใช่จ๊ะ..แค่ลูกคิดดี ทำดี มีจิตใจที่งดงาม นางฟ้าก็จะมาหาลูก อยู่กับลูก อยู่ในหัวใจของลูก"

"หลับตาลงซิจ๊ะ..แล้วคิดแต่สิ่งดีๆ....หลับตาสิจ๊ะ"
ลูกชายตัวน้อย...."ครับแม่ ลูกจะหลับตาและคิดแต่สิ่งดีๆ"

แม่จ๋า...."เป็นไงจ๊ะลูกจ๋า ลูกคิดอะไร..รู้สึกอย่างไร ..เห็นอะไรบ้าง"
ลูกชายตัวน้อย.."ลูกกำลังคิดว่าเพื่อนลูกมาแกล้งลูก..ทำร้ายลูก แต่ลูกไม่โกรธเขาหรอกครับแม่
ลูกอภัยให้เขา กับสิ่งที่เขาทำกับลูก"

แม่จ๋า..."เมื่อลูกคิดได้อย่างนั้น ไหนบอกแม่ซิจ๊ะ ว่าลูกรู้สึกอย่างไร"
ลูกชายตัวน้อย..."ลูกรู้สึกสบายใจที่ไม่โกรธเพื่อนคนนั้นครับแม่"

แม่จ๋า..."อืมห์ ถูกต้องที่สุดแล้วลูกจ๋า ที่ลูกคิดอย่างนั้น เราต้องรู้จักให้อภัย จิตใจของเราก็จะสงบ
มีแต่ความสบายใจ. เสมือนมีนางฟ้ามาอยู่ใกล้ๆ ลูก มาอยู่ในหัวใจของลูก
เพราะนางฟ้าคือ ความงาม นั่นเอง"

อภัยให้เขาเถิดลูกจ๋า ...กับคนที่ทำร้ายเรา ....
แม้ว่าเขาจะทำร้ายเราให้เจ็บปวดแค่ไหน อิจฉา ริษยาเราอย่างไร กลั่นแกล้งเราอย่างไร
แม่ว่าเขาคนนั้นไม่มีความสุขหรอกลูกจ๋า จิตใจเขาจะไม่สงบ
จะร้อนรน .เหมือนมีเปลวไฟร้อนรุ่มอยู่ในจิตใจ....นอนเถอะจ๊ะลูกจ๋า ..
ดึกมากแล้ว..หลับตาสิจ๊ะคนดี... เดี๋ยวนางฟ้าแสนสวยจะมาอยู่กับลูก
มากล่อมลูกให้นอนหลับฝันดี...หลับนะคนดีของแม่...แม่รักลูกจ๊ะ"

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




100.bmp
100.bmp [ 351.62 KiB | เปิดดู 11818 ครั้ง ]
เปลือกหอย. . . กับดวงดาว


กลางดึกดื่นคืนที่ดาวแต้มราวฟ้า
เปลือกหอยเล็กเล็กเงยหน้า..ชื่นชม แสงสวรรค์
ดาวดวงน้อยสวยงาม ล้ำค่า เกินจะรำพัน
ทอแสงอยู่บนนั้น..คงสุขดั่งสวรรค์ทุกวันคืน

ดาวดวงน้อยลอยคว้างกลางอากาศ
ก้มลงมองที่ริมหาด...สาดฟองคลื่น
มีเพลงรักจากทะเล เห่กล่อมทุกวันคืน
เปลือกหอยเล็กเล็กคงเริงรื่น สุขใจ

หาดทรายนี้มีแต่เสียงเพลงเศร้า
ค่ำคืนแสนเงียบเหงา..มืดมิดจนใจหาย
อยากเกิดเป็นดาว พราวพร่าง กลางฟ้าไกล
ไม่เหมือนเปลือกหอย ไร้คุณค่าใดใด กร่อนไปทุกวัน

ส่วนดาวดวงน้อยผู้แสนว้าเหว่...
อยากลงไปนอนฟังเสียงกล่อมจากทะเล ตรงหาดสวรรค์
นอนแนบแก้มเบาเบากับทรายนุ่มไปชั่วนิรันดร์
เหมือนได้พิงพักอยู่ในบ้าน ไม่ต้องอยู่บนนั้นอย่างเลื่อนลอย

เพราะสิ่งมีชีวิต มักไม่เคยพอใจ
ต้องการไขว่คว้าเรื่อยไป..จนหัวใจท้อถอย
ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งปวดร้าวเลื่อนลอย
หากติดดิน ก็ยิ่งต่ำต้อย กำลังใจลดน้อยลงทุกวัน

มองให้เห็นถึงความสวยงามที่แตกต่าง
หากปล่อยวาง หยุดฟุ้งเฟ้อ เอาแต่เพ้อฝัน
ทุกสิ่งมีคุณค่าในตัวตน หากค้นพบมัน
ไม่ต้องไปถึงแดนสวรรค์ เพราะความสุขนั้น อยู่แค่เอื้อมมือ

** ทุกสิ่งมีคุณค่า หากเราหามันเจอ **

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.5.bmp
.5.bmp [ 318.61 KiB | เปิดดู 11819 ครั้ง ]
ก้อนหินกับดวงดาว

ในคืนเดือนมืดที่เหน็บหนาว
ก้อนหินรู้สึกว่า .. ตัวเองเดียวดายเหลือเกิน ..

จะมีก็แต่ดวงดาวที่คอยอยู่เป็นเพื่อน
และให้กำลังใจก้อนหินตลอดมา

ทุกครั้งที่ได้พูดกับดวงดาวเพื่อปรับทุกข์
ดวงดาวจะรับฟังอย่างเต็มใจ

ดวงดาวยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนก้อนหินตลอดเวลา
แต่แสงสว่างของดวงดาวมีน้อยนิด

เลยไม่อาจดึงความสนใจของก้อนหิน
ให้อยู่กับดวงดาวได้ตลอดไป

ในวันที่แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า
เป็นคืนที่ก้อนหินดูสวยงามที่สุด

ความเศร้า ความเหงา ความหม่นหมอง
ในก้อนหินได้จางหายไป

ก้อนหินเพลิดเพลินไปกับแสงจันทร์
โดยก้อนหินไม่ได้สังเกตุเลยว่า ...

ได้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างไป
ใช่ ... ดวงดาวหายไปในคืนจันทร์เต็มดวง

แต่ก้อนหินไม่เคยสังเกตุเห็น
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ในวันที่แสงจันทร์จากไป

แต่ก้อนหินก็เดียวดายไม่นาน
ดวงดาวก็ปรากฏตัว

และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างก้อนหินเสมอ
และด้วยความเคยชินเช่นนี้

ก้อนหินเลยไม่เคยมองเห็นดวงดาวมีค่า มีความสำคัญต่อตนอย่างไร
ดวงดาวก็ยังคงเป็นดวงดาวที่พร้อมจะเคียงข้างก้อนหินเสมอ แม้ก้อนหินจะไม่เคยเหลียวแล

ก็เพราะดวงดาวสุขใจที่จะเป็นผู้ให้ ให้คนที่รักมีความสุข ไม่เคยโกรธเคืองก้อนหินแม้แต่น้อย
เพราะรู้ดีว่าใครๆต่างก็ต้องการที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

เพียงแค่อยากให้ก้อนหินรู้ว่า ....
เวลาที่ก้อนหินไม่มีใคร ก้อนหินยังมีดวงดาวเสมอ จะอยู่ตรงนี้ตลอดไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




139f05a2a66d63cecc69615ad6.jpg
139f05a2a66d63cecc69615ad6.jpg [ 119.32 KiB | เปิดดู 11802 ครั้ง ]
:b4: เพิ่งเห็นกระทู้นี้ของ คุณน้ำ หวัดดีค่ะ
ไม่มีคำบรรยายมีแต่ภาพสวย ๆมาฝาก

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.10.bmp
.10.bmp [ 126.05 KiB | เปิดดู 11797 ครั้ง ]

คำเป็นหมื่นคำ เลือกมาทุกคำแทนใจ
ใจเพียงหนึ่งใจ ที่ยังไม่มีอะไรให้เธอ
คนเพียงหนึ่งคน เก็บเอาใจมาร้อยเป็นเพลงให้เธอ
อาจไม่ถึงกับดีเลิศเลอ แค่อยากจะทำให้เธอภูมิใจ

(บท)เพลงที่ได้ยิน คงไม่เหมือนกับเพลงอื่นทั่วไป
เพลงจากหัวใจ เป็นของขวัญให้เธอผู้เดียว

บทเพลงที่เก็บเอาดาวทุกดวง เขียนเป็นท่วงทำนองขับขาน
ถักทอและเรียงร้อยคำ จากหัวใจ
บทเพลง ที่เป็นดั่งคำสัญญา ว่าจะอยู่ข้างเธอตลอดไป
ให้เพลงผูกพันสองใจ นานเท่านาน

(บท)เพลงที่ได้ยิน คงไม่เหมือนกับเพลงอื่นทั่วไป
เพลงจากหัวใจ เป็นของขวัญให้เธอผู้เดียว

บทเพลงที่เก็บเอาดาวทุกดวง เขียนเป็นท่วงทำนองขับขาน
ถักทอและเรียงร้อยคำ จากหัวใจ
บทเพลง ที่เป็นดั่งคำสัญญา ว่าจะอยู่ข้างเธอตลอดไป
ให้เพลงผูกพันสองใจ นานเท่านาน

ชั่วนิรันดร์

http://www.imeem.com/konrailuck/music/n ... jai/?rel=1

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หวัดดีค่ะพี่walaiporn..สนุกมากเลย

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.5.bmp
.5.bmp [ 260.68 KiB | เปิดดู 11923 ครั้ง ]
หนอนน้อย

ชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด
กระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก ชายคนนั้นจึงนั่งลง

และเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง
เขาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็กๆของรังไหมให้ได้ แต่เมื่อไม่สำเร็จ

เจ้าตัวน้อยก็หยุดการเคลื่อนไหวเหมือนจะยอมรับว่า ไม่อาจขืนทำอะไรไปมากกว่านั้น ....
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว…......ชายคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังไหม

จนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลก
ทั้งสภาพร่างกายบวมกลมตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว !


แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไป ด้วยความหวังว่า…
อีกไม่ช้าปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้นและแข็งแรงพอจะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร

แต่เมื่อเวลาผ่านไป...กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ....
ผีเสื้อน้อยต้องเดินและคลานไปมาทั้งชีวิต ด้วยสภาพร่างกายบวมกลม

และปีกแห้งเล็ก ที่ไม่มีโอกาสจะบินได้ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี
สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า .....

ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ก็ต่อเมื่อของเหลวในร่างกายลดน้อยลง
จนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีกเท่านั้น จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังไหม

ได้สำเร็จ และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้น ....
มันจึงจะเติบโตเป็นผีเสื้อที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้


การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใดๆเลย จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง
การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต

ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้ .....
ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดีๆของชีวิตที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี.....


http://www.youtube.com/watch?v=Xi4F0FooyqY



เป็นแค่หนอนไร้ค่า..
ที่หลงลืมตาเกิดมาท่ามกลางดอกไม้
ร่างกายผอมบาง
ดมกลิ่นหอมเย้ายวน
หลากสีชีชวนให้หลง รักไม่ลาร้าง
หลงรักเจ้าช่อดอกไม่ทั้งใจ

ต่อให้หิวก็ฝืนก็ทน
จะยอมไม่กลืนไม่กินดอกใบ
ให้เจ้าดอกไม้ระคาย

แค่ใช้น้ำค้ างเพื่อพอประทัง
ตายังมองชื่นชมแค่เพียงดอกไม้
ไม่เคยคิดมองตัวเอง
จนชีวิตเจ้าหนอนก็ตายลงไป

ยอมทำไปแม่ไม่มีใครจะมองเห็น
หล่นร่วงลงไปทอดกายเป็นปุ๋ยดิน (แต่ดอกไม้ยังคงงดงามเพราะปุ๋ยดิน)
โอ้เจ้าหนอนผีเสื้อ
ไม่เหลือเวลาตามฝัน
ไม่ทันได้เติบโต ไม่ทันโผบิน
แล้วความรักของมัน
ทิ้งเรื่องราวอะไรให้ใครได้ยิน
รักที่สร้างสรรค์ไม่ทำร้ายใคร

http://www.imeem.com/aom/music/IkT9V7VF//



อ่อนไหว แต่อย่า อ่อนแอ

ท้อแท้ แต่อย่า สิ้นหวัง

จนหนทาง แต่อย่า จนกำลัง

ต้องมีสักวันที่เป็นของเรา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: ..............................

Rainbow รุ้งกินน้ำ เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการที่แสง ได้เกิดการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นในระอองน้ำ สะท้อนออกมาทำให้เห็นสีของแสงทั้ง 7 สี คือ สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง

.9.bmp
.9.bmp [ 280.13 KiB | เปิดดู 11782 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ...................................

รุ้งกินน้ำ สองตัว ซ้อนกัน ภ่ายที่ทุ่งใน Whitestone , Alaska

.9.bmp
.9.bmp [ 270.76 KiB | เปิดดู 11778 ครั้ง ]
คำอธิบาย: .................................

รุ้งกินน้ำ สองตัวซ้อนกัน และมีเงาสะท้อนรุ้งกินน้ำในน้ำด้วย ภาพภ่ายที่ Kansas , สหรัฐอเมริกา

.9.bmp
.9.bmp [ 308.26 KiB | เปิดดู 11772 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ...............................

ภาพภ่าย รุ้งกินน้ำ จากเครื่อง เฮลิปคอปร์เตอร์ ( เขาว่าเราสามารถเห็นรุ้งกินน้ำแบบเต็มวงได้ถ้าเราอยู่บนที่สูงเช่น บนเครื่องบิน )

.9.bmp
.9.bmp [ 312.94 KiB | เปิดดู 11766 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ...........................

ภาพ รุ้งกินน้ำ สุดสวยน้ำอาดจะดูผิดธรรมชาติ เนื่องจากการใช้เทคนิคภ่ายที่เรียกว่า " HDR Technique "


รุ้งปฐมภูมิ เกิดจากแสงตกกระทบหยดน้ำทางขอบบน เกิดการหักเห 2 ครั้ง สะท้อนกลับหมด 1 ครั้ง โดยจะเห็นเป็นสีต่าง ๆ กันมีสีแดงอยู่บนและมีสีม่วงอยู่ล่างสุด จะเกิดเป็นรุ้งตัวล่าง (มีสีเข้มกว่าตัวล่าง)
รุ้งทุติยภูมิ เกิดจากแสงตกกระทบหยดน้ำทางขอบล่าง เกิดการหักเห 2 ครั้ง สะท้อนกลับหมด 2 ครั้ง โดยจะเห็นเป็นสีต่าง ๆ กันมีสีม่วงอยู่บนและมีสีแดงอยู่ล่างสุด จะเกิดเป็นรุ้งตัวบน

.9.bmp
.9.bmp [ 310.6 KiB | เปิดดู 11762 ครั้ง ]
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รุ้ง กินน้ำ สวยที่สุดในโลก ( Rainbow )

.... เช้าวันหนึ่งผีเสื้อร่อนบินมา ถามฉันว่าที่ขอบฟ้าแสนไกล
มีเส้นโค้งวาดโยงสวยใส ตอบได้ไหมเป็นเส้นโค้งอะไร ....

ขอบฟ้าทิ้งโค้งไกลไกล สีสวยสดใสทาบทา
เจ็ดสีไล่เรียงเคียงไป เส้นโค้งเส้นใหญ่ .. ทาบมา

เมื่อยามตะวันรอนรอน แสงแดดซอกซอนเมฆบน
ถูกฝนละอองปลิวว่อน โอนอ่อนสวยนวลชวนยล

ม่วงครามน้ำเงินชวนมอง เขียวเหลืองเรืองรองแสดแดง
ทอดโค้งโยกฟากฟ้าทอง อ้อมโอบประคองโลกไว้ภายใน

ให้สายรุ้งนั้นคือสะพาน ข้ามลำธารผ่านภูผา
ผ่านเมืองแมนแดนศิวิไลซ์ ผ่านป่าดงพงไพรพนา
ข้ามมหาสมุทร .. ไกลสุดตา

ทอดต่อโยงทั่วทุกแดน เชื่อมทุกแคว้นให้ถึงกัน
ก้าวข้ามเดินไปบนสะพาน มือประสานกระชับมั่น
ไม่กีดกัน .. แบ่งผิวพรรณ

Do you know now that I must be going
To a place full of happy memories?
In an emerald meadow by a Rainbow Bridge
You can hear heaven's anthem on the breeze

Well, a heavenly light falls around me
In a twinkling my youth has been restored
Over green hills and valleys once again I roam free
Like the days when on eagle's wing we soared

I'm surrounded by many companions
And together we pass our pleasant days
Every need is provided, there is nothing I lack
Save for you to whose memory my heart strays

When you're heaven-bound
There's a place you pass through
Called the Rainbow Bridge,
I'll be waiting there for you
Yes, I'll be waiting for you
With a heart that's tried and true
Till the day I can feel , once again,
Your arms around me

Fare thee well now for I must be going
Dry your tears, no you must not cry for me
Till the day that we meet again at long journey's end
At the Rainbow Bridge,
You know that's where I'll be

At the Rainbow Bridge
This heart waits faithfully


เจ้ารู้ไหมว่าข้าต้องจากไปไกลแสน
ยังดินแดนเต็มเปี่ยมด้วยรอยจำสุขล้ำ
ในทุ่งเขียวดั่งมรกตข้างสะพานสายรุ้ง

ได้ยินลำนำผ่านสายลมจากสรวงสวรรค์



พลันนภาสาดแสงเรืองส่องมาต้องกาย
ชั่วพริบตาความเยาว์วัยคืนกลับนิ-รันดร์

ข้ามภูเขียวและหุบเขาเที่ยวท่องทั่วไปอีกครั้งครา

ดั่งวันที่เราล่องไปกับปีกอินทรี



รอบกายข้ามีเพื่อผองคอยอยู่ห้อมล้อม
ผ่านวันคืนแสนสุขรื่นรมย์ไปด้วยกัน
มีสิ่งสรรพ์ที่ต้องการไม่มีพร่องไปแม้สักอย่าง

ขาดก็เพียงแต่เจ้าซึ่งใจข้าคอยถวิล


บนเส้นทางยังสวรรค์
มีสถานที่เจ้าจักมา
นามสะพานสายรุ้ง
ข้าจะเฝ้ารอเจ้าที่นั้น
และจะเฝ้าคอยรอเรื่อยไป
ด้วยใจรักภักดีไม่คลาย
ตราบถึงวันข้าสัมผัสถึงอ้อมแขน...
...รอบกายอีกครา...


ลาก่อนหนา เพราะข้าจำต้องจากไปแล้ว
จงซับน้ำตาอย่าร้องไห้เพื่อข้าเลย

ตราบวันเราหวนมาพบกันที่สุดปลายเส้นทางไกล

ณ สะพานสายรุ้ง
เจ้ารู้คือที่ข้ารอ


ณ สะพานสายรุ้ง
ดวงใจภักดีเฝ้ารอ







Note: -

ประกอบนิยาย: ตำนานคนจรผู้สาบสูญ ตำนานเซ็นนากับเทพีดวงดาว


http://www.imeem.com/cybermix/music/pAlJGbr2//

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 21:31, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




ugajz1221659154295428.jpg
ugajz1221659154295428.jpg [ 24.6 KiB | เปิดดู 11799 ครั้ง ]
นิทานดวงดาว


นานมาแล้วเมื่อคุณยังเป็นเด็กตัวน้อยคุณจะรู้ว่าโลกนี้มีอะไรที่น่ามหัศจรรย์มากมาย
เพราะจิตใจที่ยังบริสุทธิ์ไม่แบ่งแยกดีชั่วดึงดูดให้สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายเข้ามาหา
มาเล่นด้วย มาสอนมาเล่าสิ่งต่างๆให้มากมาย หากมิรู้ว่าสาเหตุได้พวกเขามักจากไป
เมื่อเด็กเหล่านั้นโตเป็นผู้ใหญ่

เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ก็เช่นกัน เธอรู้ เธอเห็น อย่างที่เพื่อนของเธอในวัยเดียวกันเห็น
และรับรู้ทุกๆคืนเด็กน้อยจะย่องไปแง้มประตูห้องของพ่อแม่และพี่เลี้ยงเพื่อดูว่าพวกเขาหลับหรือยัง
ก่อนจะวิ่งไปยังห้องของตนแล้วเปิดหน้าต่างข้างเตียงไว้ จากนั้นก็จะนอนรออย่างใจจดใจจ่อ
รอใครบางคนมาหา


สักพักก็จะมีเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลเอ่ยทักเรียกชื่อ

คุณดวงดาวมาหาแล้ว


เธอเรียกเขาเช่นนั้นเพราะเขาอยู่บนโน้น บนฟ้ากว้างไกลสุดหยั่งถึงที่มากมายไปด้วยประกายแสงดาว เด็กหญิงจึงเรียกเขาว่าคุณดวงดาว คุณดวงดาวมาที่นี่ทุกคืนเพื่อเล่านิทานและเรื่องราวต่างๆมากมายให้เด็กน้อยฟัง

ทั้งเรื่องของกริฟฟิน มังกร ยูนิคอร์น อัศวินผู้กล้า เจ้าหญิงเจ้าชาย ปิศาจตัวน้อยผู้ซุ่มซ่าม นักเล่นแร่แปรธาตุที่เปลี่ยนธาตุของสิ่งของต่าง นักเวทย์ที่ใช้เวทย์มนต์ ความขัดแย้งของแสงและเงา นอกจากนั้นยังมีเรื่องอื่นๆมากมายที่เธอได้ยินได้ฟัง
ทุกๆคืนวันเด็กน้อยมีความสุขมาก


จากเด็กหญิงตัวน้อยค่อยๆเติบใหญ่เป็นเด็กสาว วันเวลาเปลี่ยน พาทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตามมันไปด้วย สายตาคู่นี้มองเห็นอะไรได้มากขึ้น มองเห็นความเปลี่ยนแปลงรอบตัวที่นับวันยิ่งฉายชัดเจน

เพื่อนๆของเธอเริ่มเริ่มมองไม่เห็นสิ่งที่เธอเห็น ลืมเลือนสิ่งที่เธอยังไม่ลืม
ไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเชื่อ ทั้งๆที่แต่ก่อนพวกเขาก็เคยเป็นเช่นเธอ พวกเขาก้าวไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า
ความเป็นจริง และเรียกสิ่งที่จากมาว่าความเพ้อฝันของเด็ก ตัวเธอเองก็เปลี่ยนแปลง ทั้งรูปร่าง
ภาระหน้าที่ ฯลฯ แม้จะคิดว่าเหมือนเดิมแต่บ่อยครั้งที่เธอไม่มีเวลากับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความฝันมากกว่าแต่ก่อน บ่อยครั้งที่เธอเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและหลับสนิทไปโดยลืมเปิดหน้าต่างไว้
เพื่อพบคุณดวงดาวยามกลางคืน วันเวลาของความเป็นผู้ใหญ่พรากชีวิตที่เธอรักมากเข้าไปทุกที
โดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้ตอนนี้เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เธอเห็นมาแต่เด็ก
เธอยังเล่นพูดคุยกับสิ่งที่คนอื่นไม่เชื่อตามปกติ จนเพื่อนๆและผู้ใหญ่มองว่าเธอเหมือนคนบ้าก็ตาม
แต่เธอก็กลัวว่าซักวันตนเองก็คงจะเป็นเช่นพวกเขา


เธอไม่อยากสูญเสียจิตใจพิสุทธิ์นี้ไปตามความจริงของสังคมที่วุ่นวายนี้เลย
หากทำได้ เธออยากเป็นเด็ก เด็กที่มีหัวใจพิสุทธิ์เช่นนี้ ตลอดไป


แล้วค่ำคืนหนึ่งเด็กสาวนอนไม่หลับ เธอเปิดหน้าต่างข้างเตียงบานเดิม เหม่อมองท้องนภากว้างไกลที่มีคาวพร่างพรายเป็นประกายสวยงาม แต่มีดาวดวงหนึ่งราแสงคล้ายอ่อนแรงจะหายไปแต่กลับมีประกายสดใสขึ้นมาใหม่ เธอมองดาวดวงนั้นอย่างพิศวง เธอมองอย่างเพลิดเพลินขณะที่มันเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มากขึ้น

มากขึ้นจนเห็นเป็นร่างที่คุ้นเคยท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้านั้น

ร่างที่มาเยี่ยมเยียนที่หน้าต่างบานนี้เป็นประจำทุกค่ำคืนยามเมื่อครั้งที่เธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยเพื่อเล่าเรื่องราวมหัศจรรย์ต่างๆให้ฟัง ร่างของคุณดวงดาวเข้ามาใกล้หน้าต่าง เข้ามาใกล้เธอ
ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน เด็กสาวดีใจ ดีใจมากที่ได้พบเพื่อนเก่า เธอพูดคุยกับเขาเป็นเวลานาน เล่าอะไรต่อมิอะไรให้ฟังตั้งหลายอย่างโดยมีเขานั่งฟังทุกคำพูดที่เอ่ยเล่า สายตาคู่นั้นมองมาอย่างเอ็นดู จนเวลาล่วงมาหลายชั่วโมงแต่กลับรู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านไปแค่ชั่วแวบเดียว

เด็กสาวหยุดพูดเพื่อพักหายใจ ชั่วครู่ที่สบตาเขาราวกับมีรอยหมองเศร้าแฝงอยู่
คุณดวงดาวลูบผมเด็กสาวทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย เธอมองเขาอย่างแปลกใจ
และต้องตกใจเมื่อเขาบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมาหาเธอ เพราะจากนี้ไปเธอจะต้องกลับไป
สู่สังคมของเธอ หมดเวลาสำหรับความเป็นเด็กแล้ว เธอต้องโตเป็นผู้ใหญ่เสียที

แต่เด็กสาวไม่ยอม เธอร้องไห้ เธอไม่อย่างทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้อีกสิ่งหนึ่งมา เ
ธออยากเป็นเด็กตลอดไป
คุณดวงดาวสบตา ราวกับจะถามว่าต้องการอย่างนั้นจริงหรือ

มีบ้างใช่ไหม? ที่รู้สึกไม่สบายใจเมื่อสายตาคนอื่นที่มองมาดูราวกับมองตัวประหลาด
มีบ้างใช่ไหม? ที่รู้สึกเหงาราวกับมีเพียงตนเองลำพัง
เศร้าใช่ไหม? ที่ไม่มีใครเชื่อเธอ
มนุษย์ไม่สามารถอยู่ลำพังได้ เหมือนเธอที่จะทนเป็นตัวแปลกแยกในสังคมไม่ได้

ได้โปรด

รอ รอว่าสักวันเธอจะพบคนที่สามารถเป็นเพื่อนเธอได้ไม่ว่าเธอจะเป็นเช่นไร
คนที่เป็นเหมือนเช่นเธอ

ช่วย ช่วยผู้คนที่ละทิ้งจิตใจพิสุทธิ์ของตนไปแล้ว ช่วยคืนความฝันอันงดงามให้เขา
และพาออกมาจากความโสมมของจิตใจที่ถูกย้อมด้วยสังคมที่เลวร้าย

ด้วยความสามารถของเธอ อย่าละทิ้งมัน แต่โปรดนำมันมาใช้เพื่อช่วยผู้คน

อย่าหวาดกลัว อย่าหงอยเหงา เพราะเธอจะมีฉันอยู่เคียงใกล้ ในหัวใจพิสุทธิ์งดงามดวงนี้ของเธอ ไม่ว่าในอดีตที่ผ่านมา ในปัจจุบันนี้ หรือในอนาคตข้างหน้า ขอเพียงเธอไม่ลืม ว่ามีฉันเคียงอยู่ กันเธอตลอดเวลา

ฉันก็จะอยู่กับเธอตลอดไป

........................................................................................
...........................


รุ่งเช้าเด็กสาวตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ไม่รู้ว่าล้มตัวลงนอนเมื่อไร หน้าต่างบานนั้นปิดสนิทเหมือนไม่มีใครเคยเปิดมันมาก่อน ราวกับเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง

หากในมือยังคงถือไดอารี่เล่มน้อย และล็อกเก็ตรูปดาวสีเงินอยู่ ของสองสิ่งที่คุณดวงดาวมีติดตัวประจำเมื่อยามที่เขามาหาเธอ

อรุณรุ่งแล้ว เวลาของความฝันได้หมดลง แต่ยังคงจำมิลืมเลือนในหัวใจไว้เป็นพลังยามก้าวเดินต่อไปสู่อนาคตข้างหน้า


ลาก่อน ดวงดาวที่รัก ...... เพื่อสักวันหนึ่งเราจะได้พบกัน ในวันเวลาของอนาคตกาลอันแสนไกล

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.13.bmp
.13.bmp [ 115.42 KiB | เปิดดู 11777 ครั้ง ]
.13.bmp
.13.bmp [ 463.57 KiB | เปิดดู 11953 ครั้ง ]
หิ่งห้อย

เด็กน้อยนั่งตักคุณยายไต่ถามความจริง ยายยิ้มกินหมาก
หนึ่งคำไม่ตอบอะไรส่ายหัว ใจเด็กน้อยอยากเห็นจริง
อยากเห็นดวงดาวมากมาย อยากเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง อยากฝันสวยงาม
หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู
เด็กน้อยแอบออกมา ไล่คว้าแสงน้อยมาดู ใส่ไว้ในกล่องงามหรู
ซ่อนไว้ใต้หมอน แล้วนอนคอยฝันดี

ตื่นเช้าพอได้ลืมตา มองเห็นคุณยาย มาแกล้งถามว่าเจอะอะไร
สนุกแค่ไหนที่ฝัน ใจเด็กน้อยจึงทบทวน ไม่ฝันเห็นอะไรมากมาย
รีบค้นเร็วไวใต้หมอนเปิดฝานั้นดู


เด็กน้อยนอนหลับสบายอมยิ้มละไม ใต้หมอนไม่มีกล่องอะไร
ไม่มีสิ่งใดถูกขัง นอนคืนนั้นจึงฝันดี ได้ฝันเห็นดวงดาวมากมาย
ฝันเห็นเจ้าชาย เจ้าหญิง ฝันแสนสวยงาม

http://www.imeem.com/mono-gokinjo/music/B8n5Evjk//

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ans482011.jpg
ans482011.jpg [ 67.22 KiB | เปิดดู 11749 ครั้ง ]
นิทานแห่งสายน้ำ

สื่อถึงคุณธรรมแห่งความรัก และรักแท้

นิทานคตินี้เป็นเรื่องของ..ชายหนุ่มผู้หลงเงาและเสียงสะท้อน (นาซิสซัสและเอคโค)

นานมาแล้ว ยังมีภูตแห่งสายน้ำและผืนป่าอยู่มากมาย ในจำนวนนั้นนับว่านางไม้นาม เอคโค (Echo) เป็น ที่หลงใหลมากที่สุด ทั้งงดงามและมีน้ำใจ ที่สำคัญเสียงของเธอยังไพเราะเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นภูตตนอื่นและสัตว์ในป่าจึงล้วนมักขอให้เธอร้องเพลงและเล่านิทานให้ ฟังอยู่เสมอ เอคโคก็ยินดีทำ อีกทั้งเธอยังเป็นที่โปรดปรานของเทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) เทพีแห่งความรักษาจากโอลิมปัส (Olympus)

เทพีอโฟรไดท์เคยให้พรแก่เอคโคว่าหากเอคโคชอบผู้ใดให้มาร้องขอต่อนาง นางจะให้เทพอีรอส (Eros)ไปยิงศรธนูแห่งรัก ทำให้คนนั้นรักต่อเอคโค แต่เอคโคก็ยังไม่ได้ใช้พรนั้น

แต่แล้วโชคร้ายก็เกิดกับเอคโค เธอพบกับเทพซูส (Zeus) มหาเทพแห่งเขาโอลิมปัส และเจ้าแห่งฟากฟ้าซึ่งหลบเทพีเฮรา (Hera) มาหาภูตสาวสวยแห่งแม่น้ำตนหนึ่ง เธอเห็นว่าทั้งสองรักกันก็ยินดีด้วย แต่เมื่อเธอเดินเล่นไปอีกเล็กน้อย ก็พบเข้ากับเทพีเฮรา เอ คโคทราบว่าเทพีคงมาตามหาเทพซูส จึงเข้าไปหลอกเทพีเฮราว่านางได้เจอกับซูส และตอนนี้เทพซูสกำลังตามหาเทพีเฮราอยู่ เทพีเฮราหลงเชื่อจึงกลับเขาโอลิมปัสไป เทพซูสทราบว่าเอคโคช่วยท่านจึงได้ประทานแหวนแซฟไฟร์สีน้ำเงินที่สวมอยู่เป็นการตอบแทน

แต่ ว่าเมื่อเทพีเฮรากลับไปถึงโอลิมปัส และไม่พบซูสก็โกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด และรู้ว่าถูกเอคโคหลอก นางจึงกลับไปที่ป่า และตามหาเอคโค เมื่อพบ นางจึงสาปเอคโคให้ไม่สามารถพูดกับใครได้อีก แต่จะต้องพูดตามคำสุดท้ายของคนที่พูดกับเธอ เอคโคเสียใจมาก และมองหาทางแก้ไขนางจึงคิดจะไปหาอโฟรไดท์ให้ช่วย

ระหว่างทางก็พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังหลงป่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ที่มีใบหน้างดงามดุจเทพ เขามีนามว่า นาซิสซัส (Narcissus) นับ แต่เกิดมาไม่เคยมีหญิงใดได้พูดคุยกับเขา นอกจากแม่ของเขาเอง เพราะว่าเมื่อได้พบหน้านาซิสซัส ก็จะหลงต่อความหล่อเหลาจนหมดสติไปทุกคน ดังนั้นนาซิสซัสจึงหลงตัวเป็นที่สุด

เมื่อ ทั้งสองพบกัน เอคโคก็ตกหลุมรักต่อนาซิสซัสในทันที นาซิสซัสเห็นอีกฝ่ายไม่ได้สลบไปเพราะความหล่อของตนเองก็แปลกใจ แต่ก็รู้สึกว่าดีเพราะจะได้ถามทางได้ จึงเข้าไปคุยกับเอคโค แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามพูดเท่าไร เอคโคก็เพียงตอบแต่คำสุดท้ายของเขา นาซิสซัสโกรธมาก จึงเดินหนีจากไป

เอคโคยิ่งเสียใจ หากไม่อาจบอกรักต่อคนที่ตนรักได้ เอ คโคนึกถึงพรของเทพีอโฟรไดท์ จึงได้อธิฐานขอ แต่ว่าเทพีอโฟรไดท์ก็ไม่อาจถอนคำสาปได้ ทำให้เอคโคไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เมื่อไม่อาจแก้คำสาป นางก็ไม่อาจรักกับนาซิสซัสได้ ดังนั้นเอคโคจึงขอต่ออโฟรไดท์ให้ตนเองหายไป เทพีอโฟรไดท์ให้พรตามนั้น ร่างของเอคโคจึงหายไป แต่ด้วยคำสาปของเทพีเฮรา ทำให้เอคโคต้องคอยพูดคำสุดท้ายของคนอื่นต่อไป

เท พีอโฟรไดท์รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อเอคโค นางจึงสาปต่อนาซิสซัสผู้ที่ทำให้เอคโคเสียใจ เพราะว่านาซิสซัสหลงตัวเองยิ่งนัก นางจึงสาปให้นาซิสซัสได้รักกับคนที่ไม่อาจรักตอบเขาได้ตลอดกาล

ด้วย คำสาป เมื่อนาซิสซัสเดินต่อไปก็พบกับสายน้ำใหญ่ เขานั่งพัก ก็มองไปเห็นเงาของตนเอง แต่นาซิสซัสกับมองเห็นเป็นหญิงสาวที่สวยงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา และหลงรักหญิงสาวนั้นจนหมดใจ

นาซิสซัสพยายามพูดกับเงาของตน เมื่อเขาพูด เสียงของเอคโคก็จะพูดคำสุดท้ายของเขา นาซิสซัสก็หลงต่อเสียงนั้น และเพียงจ้องมองใบหน้าในน้ำ จ้องมอง จ้องมอง และจ้องมอง หวังว่าสักวันหญิงสาวนั้นจะออกมาพบกัน

วัน คืนผ่านไป นาซิสซัสผู้หลงรักเงาของตนยังคงอยู่ตรงนั้น เงาของภูติทำให้ไม่มีใครหาเขาพบ และสุดท้ายขาของนาซิสซัสก็กลายเป็นรากจมอยู่ในดิน เส้นผมของยาวขึ้น พันกัน เกิดมีใบไม้โผล่ออกมา ใบหน้าอันซูบผอมและเส้นผมสีเหลืองทองกลายเป็นเกสรสีเหลืองและกลีบสีขาว นาซิสซัสผู้หลงเงาได้กลายเป็นดอกไม้สีเหลืองสวยงาม "นาซิสซัส" ซึ่งจะเติบโตบนชายฝั่งแม่น้ำและมองภาพสะท้อนของตัวมันบนสายน้ำ และเอคโคภูติสาวที่คอยตอบคำสุดท้ายของคนอยู่ตลอดกาลนาน

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร