วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2012, 17:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2012, 14:29
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว


ในนิทานชาดกเล่าถึงมิตวินทุกะชายหนุ่มเข้าไปลาแม่เพื่อไปค้าสำเภากับเพื่อน เมื่อถูกห้ามก็ไม่พอใจแถมยังผลักแม่ล้มกลิ้งลงไปอีก ในเมื่อท่านมายืนกั้นขวางประตูไว้ เขารีบฉวยโอกาสหนีไปลงเรือสำเภา เรือแล่นไปได้ ๗ วัน เกิดอาเพศเรือหยุดนิ่งเสียเฉยๆ ผู้คนต่างแตกตื่นกลัวความตาย คิดว่าจะต้องมีคนกาลกิณีอยู่ในเรือนี้แน่ จึงตกลงทำพิธีจับฉลาก ถ้าใครจับได้จะต้องถูกลอยแพ ผลปรากฏว่ามิตวินทุกะจับได้ จึงถูกลอยแพไปติดเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทรมานเปรต มิตวินทุกะ เซซังขึ้นไปบนเกาะนั้นด้วยแรงบันดาลให้เขาเห็นกงจักรบนศีรษะเปรตเป็นดอกบัว เห็นเลือดที่ไหลตามตัวเป็นเครื่องประดับ เขารู้สึกพิสมัยจึงเข้าไปวอนขอ แม้เปรตนั้นจะแจ้งความจริงให้ทราบนี่เป็นกงจักร นี่เป็นสายเลือด ไม่ใช่ดอกบัว ไม่ใช่สร้อยคออย่างที่เข้าใจ เขาก็ไม่ยอมฟังเสียง รบเร้าขออยู่นั่นเอง เปรตจึงยกกงจักรครอบลงบนศีรษะเขาถูกกงจักรพัด เลือดไหลโทรมกาย จะยกออกก็ไม่ได้ต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะบาปกรรมที่ทำไว้แก่แม่ของตัว

ฉะนั้น คำว่า เห็นกรงจักรเป็นดอกบัว จึงนำมาใช้เรียก คนที่เห็นชั่วเป็นดี เห็นผิดเป็นถูก นิยมใช้เรียกกันมาจนบัดนี้ ท่านเปรียบพ่อแม่นี้ว่าเหมือนกับไฟ คือมีทั้งให้คุณอนันต์ และให้โทษมหันต์สุดแต่ผู้ใช้ โบราณท่านจึงสอนให้บูชาไฟ คือให้เข้าใจใช้ไฟนั่นเอง พ่อแม่ก็เหมือนกันให้คุณมากเมื่อบูชาท่านและให้โทษมากในเมื่อทำร้ายท่าน ลูกทุกคนจึงควรตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก เพราะลูกบางคนไม่ใคร่รักพ่อรักแม่ บางรายถึงกับแสดงความรังเกียจเหยียดหยามดุตวาด ทำตาขุ่นตาเขียวให้กับพ่อแม่ทำเหมือนกับท่านเป็นทาสกรรมกร จะหาความเคารพคารวะสักนิดหนึ่งก็ไม่มี พ่อแม่บางคนถึงกับกลัวลูกจนราน จะทำอะไรก็ต้องระวังตัวกลัวลูกจะดุ ลูกบางคนตอนแรกๆ ก็รักใคร่เอาใจใส่พ่อแม่ดี แต่พอไปได้ภรรยาสามี เลยลืมพ่อแม่ไปทุ่มเทความรักให้กับสามีภรรยาเสียหมด จนไม่มีรักเหลือไว้ให้พ่อแม่เสียเลย น่าเศร้า เข้าตำรา ต้นไม้ได้น้ำค้างแล้วก็ปลื้มลืมน้ำเดิม !

อันนิสัยลูกที่ดีต้องเลี้ยงพ่อแม่ อย่าปล่อยให้ท่านอดอยากจงนึกถึงตอนเป็นเด็ก ท่านต้องเลี้ยงเราสิ้นข้าวไปเท่าไหร่ สิ้นน้ำนมไปเท่าไหร่ คิดดูบ้างเลี้ยงท่านเสียตอนเป็นๆ ดีกว่าจะไปรอไว้ให้ท่านกินเมื่อท่านเป็นศพไปแล้ว

อีกอย่างหนึ่งก็คือถนอมน้ำใจพ่อแม่ อย่าทำสิ่งใดให้เป็นที่สะเทือนใจท่านทุกคนควรทำตนให้สมกับที่ท่านเป็นของหายากที่สุดสำหรับลูก คือเราจะมีพ่อแม่ได้คนเดียว มีแม่ได้คนเดียว เมื่อท่านล้มหายตายจากไปแล้วจะหาแทนใหม่เหมือนเดิมนั้นไม่ได้ มีจำกัดจริงๆ หาเพชรนิลจินดา ยังว่าง่ายกว่าเพราะมีเงินมีทองหาซื้อได้ แต่พ่อแม่ไม่มีจำหน่ายขายซื้อ จึงจัดว่าหายากที่สุดในโลก ลูกที่ดีจะต้องเลี้ยงพ่อแม่ ตอนเล็กท่านเลี้ยงเรา ตอนเราใหญ่ก็เลี้ยงท่านบ้าง ลูกที่พ่อแม่พึ่งได้มักมีแววมาตั้งแต่เล็กๆ สังเกตดูว่าลูกคนไหนว่านอนสอนง่าย รักพ่อรักแม่มีอะไรก็เอามาให้พ่อแม่กิน เด็กนิสัยดีอย่างนี้โตขึ้นพ่อแม่พึ่งได้ แต่นิสัยดื้อรั้นว่ายากสอนยาก ใช้ให้ทำอะไรก็ไม่ค่อยทำคอยแต่จะให้พ่อแม่ทำฝ่ายเดียว หวงของใช้ของกินไม่ยอมให้ใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ให้ ถ้าลงได้มีนิสัยอย่างนี้โตขึ้นมักจะพึ่งไม่ได้ พ่อแม่ต้องระวัง อย่าไปหลงยกสมบัติให้เสียหมด จะช้ำใจภายหลัง

เหมือนกับพราหมณ์แก่ในสมัยพุทธกาล เบ่งสมบัติให้ลูก ๔ คน เท่าๆ กัน ต่อมาพวกลูกๆ ก็มาอ้อนวอนประจบประแจงขอให้พ่อแบ่งสมบัติให้ทั้งหมด โดยรับรองแข็งขันว่าจะดูแลเลี้ยงพ่อให้ดีที่สุด พ่อหลงคารม แบ่งสมบัติให้จนหมดเนื้อหมดตัวแล้วไปอยู่กับลูกคนโตชั่วระยะไม่กี่วัน ถูกลูกสะใภ้ว่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรย ในทำนองว่าควรจะไปอยู่บ้านลูกคนอื่นบ้าง เพราะต่างก็ได้สมบัติเท่าๆ กันทั้งนั้น พราหมณ์ได้ฟังเจ็บใจมากจึงย้ายไปอยู่กับลูกคนที่ ๒ ก็เข้าแบบเดิมอีก แม้คนที่ ๓ ที่ ๔ ก็เหมือนกันทุกคนพราหมณ์ทนไม่ไหว ผลสุดท้ายต้องพึ่งวัด เดชะบุญ ได้พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งทรงแนะอุบายให้ ลูกเหล่านั้นจึงได้สติ ต่างช่วยกันเลี้ยงพ่อเป็นอย่างดี

คนเลี้ยงพ่อแม่มีความเจริญทุกคน มฆมาณพเลี้ยงพ่อแม่ด้วยดีตลอดชีพ ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระโพธิสัตว์สุวรรณสามอุตส่าห์ปฏิบัติท่านทุกุลดาบสแลนางปาริกา พ่อแม่ผู้เสียจักษุด้วยความจงรักภักดี พระพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้วยังเสร็จไปโปรดพระบิดา และขึ้นไปโปรดพระมารดาถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

อันนิสัยคนดีย่อมเคารพบูชาพ่อแม่และเลี้ยงดูท่านโดยตลอดไม่ทอดทิ้งผลก็ปรากฏเป็นความจริง ตามพระบาลีว่า

โย มาตรํ ปิตรํ วา มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ
อิเธว นํ ปสํสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ.

แปลถือใจความว่า ผู้ที่เลี้ยงพ่อแม่ด้วยดี เมื่ออยู่ในโลกนี้เขาก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ละโลกนี้ไปแล้วก็ได้รับความบันเทิงเริงรมย์ในสวรรค์


คนที่กตัญญูต่อพ่อแม่ ก็เท่ากับสอนลูกของท่านให้กตัญญูต่อตัวท่านด้วย คนกตัญญูย่อมเจริญรุ่งโรจน์ด้วย ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ คนกตัญญูเป็นคนมีเสน่ห์ คนกตัญญูย่อมไปสู่สวรรค์ คนกตัญญูย่อมสำเร็จมรรคผลนิพพานในที่สุดทุกหน ทุกแห่ง ทุกชาติ ทุกศาสนา ล้วนนิยมยกย่องคนกตัญญูทั้งนั้น


เครดิต : หนังสือ "นิทานธรรมะบันเทิง"
ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึง www.พุทธะ.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2012, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus642.jpg
Lotus642.jpg [ 8.33 KiB | เปิดดู 4086 ครั้ง ]
rolleyes มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู เครื่องหมายของคนดี rolleyes

ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม
บัณฑิตย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้
เมื่อเขาละโลกไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์


:b44: ღ˚ •。* ♥♥ ˚ ˚ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ ˚. ★ *˛ ✿◕‿◕✿•°°✿◕‿◕.ღ ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร