ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

“หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ” เล่าถึงอดีตชาติสมัยเกิดเป็นรุกขเทวดา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=60289
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  น้องพลอย [ 14 พ.ค. 2021, 23:24 ]
หัวข้อกระทู้:  “หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ” เล่าถึงอดีตชาติสมัยเกิดเป็นรุกขเทวดา

พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ เล่าให้ “หลวงปู่ขาว อนาลโย” ฟัง
...ถึงอดีตชาติสมัยท่านเกิดเป็นรุกขเทวดา
และบอกว่าเทวดาชั้นต่ำมีโอกาสสร้างบารมีมากกว่าเทวดาชั้นสูง


รูปภาพ
:b49: :b50: :b49:

ในคืนต่อมา ได้คุยกันถึงเรื่องเทพบุตรเทวดากันบ้าง หลวงปู่ (หลวงปู่ขาว อนาลโย) เป็นผู้เริ่มต้นถามก่อนเช่นเคย ถามว่า ท่าน (พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ) เคยได้ไปเกิดบนสวรรค์ไหม เล่ามาให้ฟังบ้างซิ ตอบว่า ขอโอกาสหลวงปู่ สวรรค์นั้นกระผมก็เคยไป

การไปสวรรค์แต่ละครั้งนั้น ก็ทำให้หลงได้ เพราะสวรรค์มีความสุขในกามคุณรื่นรมย์ดี แต่กระผมไม่ชอบ เพราะอยู่ในสวรรค์ทำให้เสียเวลาในการสร้างบารมี เพียงไปอยู่ด้วยความสนุกสนานเป็นการพักผ่อนชั่วคราวเท่านั้น ถ้าไปอยู่นานๆ ก็อาจทำให้ลืมตัวได้ เมื่อหมดบุญกุศลที่ได้ทำเอาไว้ในเมืองมนุษย์แล้ว ก็ต้องกลับมาเกิดที่เมืองมนุษย์อีก ถ้ามาเกิดในเมืองมนุษย์ หากได้พบกับบัณฑิตนักปราชญ์เป็นกัลยาณมิตรก็โชคดีไป ถ้าได้ไปเกิดในสถานที่ที่มีคนพาล ก็อาจหลงทำความชั่วได้

ฉะนั้น การไปเกิดบนสวรรค์ชั้นสูง โอกาสที่จะได้สร้างบารมีนั้นยากมาก วันคืนผ่านไปๆ ไม่ได้นึกถึงบุญกุศลแต่อย่างใด มีแต่เสพสุขในกามคุณที่เป็นทิพย์เท่านั้น มนุษย์เขาทำบุญให้ทานรักษาศีลภาวนาอย่างไรก็ไม่เคยรู้เรื่อง ถึงหมู่มนุษย์จะร้องกล่าวบทชุมนุมเทวดาให้มาร่วมบุญกุศล เทวดาชั้นสูงเขาก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วย ที่มานั้นเป็นเทวดาชั้นต่ำๆ ที่เรียกว่า รุกขเทวดาและภุมเทวดา นั่นเอง

หลวงปู่พูดว่า ไหนลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเขามากันอย่างไร จึงได้เล่าต่อไปว่า

ในสมัยหนึ่งกระผมเป็นหัวหน้าอุบาสกอุบาสิกาอยู่ในเมืองมนุษย์ ได้พาคณะศรัทธาทั้งหลายไปบำเพ็ญกุศลตามวัดต่างๆ และทำประโยชน์ในสาธารณกุศลทั่วไป มีวัดหนึ่งเป็นถ้ำใหญ่ มีพระเป็นจำนวนมาก กระผมได้พาหมู่คณะไปบำเพ็ญกุศลในวัดนี้เป็นประจำ และทำไปจนตราบเท่าอายุขัย เมื่อกระผมตายไป จึงได้ไปเกิดเป็นรุกขเทพบุตร ได้ไปอาศัยต้นรังใหญ่ต้นหนึ่งในป่าใหญ่แห่งนั้น กระผมสามารถเนรมิตให้ต้นรังใหญ่กลายเป็นปราสาทได้อย่างสวยงาม และได้เป็นใหญ่ในหมู่รุกขเทวดาทั้งหลาย ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วัน ๘ ค่ำ วัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ กระผมจะพาหมู่เทวดาทั้งหลายไปบำเพ็ญกุศลตามวัดต่างๆ โดยจะออกเดินทางในช่วงตี ๓-๕ ก่อนที่มนุษย์เขาจะไปถึง สำหรับพาหนะที่ใช้เดินทางนั้นไม่เหมือนกัน บางกลุ่มเขาก็เนรมิตเป็นปราสาทนั่งอยู่ในนั้น แล้วพากันลอยไปเป็นกลุ่มๆ ดูแล้วสวยงามมาก ระดับความสูงที่ลอยไปนั้น สูงกว่าปลายไม้ไปไม่กี่เมตร บางกลุ่มก็แยกไปที่ต่างๆ ตามที่ต้องการ แต่ใครจะไปที่ไหนต้องมารายงานตัวต่อกระผมทุกครั้งไป

อีกงานหนึ่งเรียกว่างานรับเชิญ นั่นคืองานบุญกุศล พวกเทพเหล่านี้จะได้ไปในงานนี้บ่อยครั้งทีเดียว เพราะมนุษย์เวลาทำบุญได้อัญเชิญเทวดา คำอัญเชิญเทวดานั้น มีความหมายแปลว่าอย่างไรก็ให้ไปถามท่านนักปราชญ์เอาเอง และมีเทวดาอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า เคหเทวดา คือ เทวดาที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนของมนุษย์ เทวดากลุ่มนี้ไม่ต้องเชิญเขาก็รู้หน้าที่กันเอง เพราะเขาถือว่าเป็นเจ้าของบ้านดูแลรักษาบ้านนั้นอยู่ เมื่อเจ้าของบ้านจะทำบุญเขาก็ส่งข่าวให้รุกขเทวดาให้มาร่วมบุญนี้เหมือนกัน บ้านที่เทวดากลุ่มนี้อยู่เจ้าของบ้านต้องมีคุณธรรม มีการบำเพ็ญกุศลอยู่เสมอ เช่น เทวดาที่อาศัยบ้านของโยมแม่ของพระโสณกุฏิกัณณะที่ร้องทำนองสรภัญญะให้พระพุทธเจ้าฟัง เมื่อร้องจบลง พระพุทธเจ้าก็อนุโมทนาสาธุ เทวดาของโยมแม่ของพระโสณะ ก็ได้สาธุด้วยเช่นกัน ฉะนั้น รุกขเทวดา ภุมเทวดา หรือ เคหเทวดา จึงได้เปรียบกว่าหมู่เทวดาชั้นสูงเพราะได้บำเพ็ญบารมีกับหมู่มนุษย์เป็นประจำ เรื่องของเทวดานั้นยาวมาก จะไม่นำมาเขียนไว้ในที่นี้ทั้งหมด

เมื่อเล่าเรื่องเทวดาทั้งหมดให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่ก็ยอมรับว่าความจริงเป็นอย่างนั้น แล้วหลวงปู่ก็ได้อธิบายต่อไปว่า การเป็นเทวดาอยู่ในระดับต่ำนี้มีกำไร เพราะได้บำเพ็ญบุญกุศลร่วมกันกับหมู่มนุษย์มิได้ขาด ได้อนุโมทนาส่วนบุญที่มนุษย์ได้ทำแล้ว การไปอยู่บนสวรรค์ชั้นสูงๆ นั้นก็เหมือนอย่างที่ท่านว่านั้นแหละ ถึงจะไปอยู่ก็อยู่ได้ไม่ตลอด เมื่อบุญกุศลหมดเมื่อไรก็ต้องลงมาเกิดในเมืองมนุษย์อีก เพราะการบำเพ็ญบุญกุศลนั้นต้องกระทำอยู่ในเมืองมนุษย์นี้ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยเจ้าทั้งหลาย ก็ต้องมาสร้างบารมีอยู่ที่เมืองมนุษย์นี้ทั้งนั้น ฉะนั้น เมืองมนุษย์จึงเป็นสถานที่สร้างบารมี ถ้าผู้มีความประมาทลืมตัว ก็เอาเมืองมนุษย์นี้เป็นสถานที่ทำบาปอีก น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ตัวเอง ส่วนใหญ่จะทำเพื่อเสียประโยชน์ให้ตัวเองทั้งนั้น คำว่าเสียประโยชน์นั้น คือเราทำในสิ่งที่ไม่ดีนั่นเอง เมื่อทำไปแล้วผลที่ไม่ดีก็ต้องได้รับเอง


หลวงปู่ขาวได้พูดกับข้าพเจ้าอีกว่า “นี่ทูล จากนี้ไปจงตั้งใจประกาศศาสนา อบรมพระเณรและญาติโยมให้เขาได้รู้จักแนวทางปฏิบัตินะ เพราะแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างแท้จริงนั้น หาผู้สอนได้ยากมาก”

จาก...หนังสือ อัตโนประวัติพระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ
หัวข้อ ณ วัดถ้ำกลองเพล หน้า ๑๐๗-๑๐๘
วัดป่าบ้านค้อ ต. เขือน้ำ อ. บ้านผือ จ. อุดรธานี
โทรศัพท์ (๐๘๒) ๒๔๕-๔๘๘ ISBN 974-8414-16-7

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42881

:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่ขาว อนาลโย”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43187

:b44: รวมคำสอน “หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42885

เจ้าของ:  sirinpho [ 27 พ.ค. 2021, 20:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ” เล่าถึงอดีตชาติสมัยเกิดเป็นรุกขเ

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ดาราวรรณ [ 07 ก.ค. 2021, 20:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ” เล่าถึงอดีตชาติสมัยเกิดเป็นรุกขเ

Kiss

เจ้าของ:  Duangtip [ 08 ส.ค. 2022, 07:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ” เล่าถึงอดีตชาติสมัยเกิดเป็นรุกขเ

:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/