วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2011, 12:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินมาทรงกราบนมัสการ “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม”
ในงานพิธีเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ณ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๓
---------------


หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กับ ยอดคนของแผ่นดิน

:b47: :b44: :b47:

หลวงปู่ (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม) เป็นพระป่า อยู่แต่ในป่าในเขาจนชิน และดูเหมือนจะไม่รู้จักโลกภายนอกที่ว่าเจริญของคนกรุง ท่านมักจะอยู่กับพวกยาง พวกกระเหรี่ยง พวกชาวเขาเป็นปกติ ไม่คุ้นเคยต่อการพบคนใหญ่คนโตมีชื่อเสียงของจังหวัดหรือบ้านเมืองเลย

ดังนั้น วันหนึ่งท่านไปเยี่ยมหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินมากราบหลวงปู่ขาวเป็นวาระแรก ทางบ้านเมืองจึงมาส่งข่าวให้ทางวัดเตรียมตัวรับเสด็จ พอหลวงปู่ทราบว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะเสด็จ ก็เตรียมหนีทันที หลวงปู่ขาวซึ่งบ่นเช่นกันว่า ไม่ทราบว่าจะ “พูด” ด้วยอย่างไร ขอให้หลวงปู่ชอบอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อน

อ้อนวอนกัน จนสุดท้ายหลวงปู่ก็ใจอ่อน ยอมอยู่ด้วย โดยเป็นที่เข้าใจว่า ท่านจะไม่ต้องพูดอะไรเลย และหลวงปู่ขาวก็ไม่ต้องพูดอะไรเท่าไรนัก ด้วยทางบ้านเมืองจะมาดูแลกำกับด้วย

ถึงวันที่กำหนด หลวงปู่ทั้งสององค์ก็ครองจีวรอย่างเรียบร้อยรออยู่จนเย็น ท่านก็บ่นกันว่า

“ไม่เห็นมา ให้รออยู่” องค์หนึ่งบ่น

“นั่นซิ ไม่เห็นมา มีแต่ทหารสองพ่อลูกมาคุยอยู่เป็นนานสองนาน”

“คนพ่อเพิ่นงามกว่าลูกนะ” ท่านวิจารณ์กัน

หลวงปู่ทั้งสององค์หัวเราะกันจนงอหาย เมื่อพระเณรช่วยกันชี้แจงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...เสด็จพระราชดำเนินแล้ว...! พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ...ที่หลวงปู่ว่า ทหาร ๒ พ่อลูกนั่นแหละ !!


เป็นเรื่องที่เล่ากันอย่างขบขันตลอดมา ผู้เขียน (คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต) ซึ่งปากอยู่ไม่สุข ภายหลังได้โอกาสก็กราบเรียนถามหลวงปู่ขาว

ทำไมหลวงปู่ไม่รู้จักพระเจ้าอยู่หัว และทูลกระหม่อมฟ้าชายล่ะเจ้าคะ (ขณะนั้นท่านยังมิได้ดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร)

ท่านว่า “ไม่เห็นมีขบวนแห่”

ส่วนหลวงปู่ชอบนั้น เมื่อกราบเรียนถามด้วยคำถามเดียวกันนั้น ท่านก็ยิ้มอายๆ ตอบผู้เขียนว่า “นึกว่าจะใส่ชฎา !”


⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

หลังจากการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปกราบนมัสการหลวงปู่ขาวที่วัดถ้ำกลองเพลอีกนับครั้งไม่ถ้วน และแทบทุกครั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะโดยเสด็จด้วย จนเป็นที่ทราบกันว่า ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระทัยผูกพันต่อหลวงปู่ และหลวงปู่ขาวก็มี “จิต” ผูกพันต่อพ่อจ้าว แม่จ้าว แผ่เมตตาถวายทุกเวลาและทุกโอกาส ทั้งสองพระองค์และหลวงปู่ มี “จิต” ถึงกัน (ผู้เขียนเคยเขียนไว้ใน “อนาลโยคุโณ”...ในหนังสือ “อนาลโยบูชา”)

สำหรับหลวงปู่ชอบ ทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานของไปถวายสักการะเสมอ เช่น ดอกไม้ น้ำผึ้ง รถเข็น

วันนั้นจำได้ว่า เป็นเวลาต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านราชเลขาธิการ ในขณะนั้นคือ หม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ โทรศัพท์มาที่บ้านลาดพร้าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ถามว่า ทรงได้ข่าวว่า หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กำลังมาพักโปรดลูกศิษย์อยู่ที่บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว ไม่ทราบว่าขณะนี้ท่านยังคงพักอยู่หรือไม่

เข้าใจว่า ที่มีพระราชกระแสถามมาเช่นนี้ กิตติศัพท์ที่ว่า หลวงปู่ชอบเป็นผู้มาเร็ว ไปเร็ว คงจะเป็นที่ทราบถึงพระเนตรพระกรรณเป็นอย่างดี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า วันนี้ท่านอยู่ พรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่อยู่ หรือเช้านี้อยู่...บ่าย...ไม่อยู่ ชั่วโมงนี้อยู่...ชั่วโมงหน้าไม่อยู่...ไปแล้ว...ก็ได้เสมอ

อย่างไรก็ดี วันนั้นได้กราบเรียนท่านราชเลขาธิการไปว่า หลวงปู่ชอบท่านยังคงพักอยู่ และความจริงเวลานี้ หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก็กำลังพักอยู่ด้วยเช่นกัน

วันรุ่งขึ้น ก็มีพระราชเสาวนีย์ให้ ฯพณฯ นายเชาวน์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี อัญเชิญแจกันดอกบัวสัตตบงกช และน้ำผึ้งบริสุทธิ์พระราชทานมาถวายหลวงปู่ทั้งสององค์

และเพียง ๒-๓ วันต่อมา ท่านราชเลขาธิการก็ได้โทรศัพท์มาอีกว่า จะทรงให้ห้องเครื่องในวังส่งอาหารมาถวายหลวงปู่ทั้งสองทุกวัน จึงจะขอทราบเวลาฉันจังหันของท่าน เพื่อให้จัดส่งมาให้พอเหมาะกับเวลาฉัน ผู้เขียนได้เรียนท่านราชเลขาธิการไปว่า หลวงปู่ทั้งสององค์ได้ออกจากบ้านเรือนไทย กลับไปแล้ว

หลวงปู่ชอบไปไหน...?

กลับวัดของท่านที่จังหวัดเลย


เข้าใจว่า ขณะนั้นท่านราชเลขาธิการคงกำลังเฝ้าเบื้องพระยุคลบาทอยู่ ท่านนิ่งไประยะหนึ่ง แล้วก็บอกผู้เขียนว่า สมเด็จฯ มีพระราชกระแสถามว่า เวลานี้หลวงปู่ชอบมีเก้าอี้รถเข็นหรือไม่ ผู้เขียนก็เรียนท่านราชเลขาธิการว่า ความจริงเวลานี้ หลวงปู่ชอบมีเก้าอี้รถเข็นแล้ว แต่หลวงปู่เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ประเสริฐที่สุดองค์หนึ่งของเมืองไทย หากจะทรงพระมหากรุณาพระราชทานเก้าอี้รถเข็นอีกคันหนึ่งเพื่อถวายหลวงปู่ พระราชกุศลก็คงจะเพิ่มพูนมหาศาล

หลังจากนั้นเพียงสามวัน เผอิญผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปกราบหลวงปู่ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ ตำบลโคกมน จังหวัดเลย จึงถือโอกาสกราบเรียนให้ท่านทราบว่า

“แม่จ้าวหลวง (คำว่า “พ่อจ้าวหลวง” และ “แม่จ้าวหลวง” เป็นคำที่หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ ท่านมักจะใช้ยามเมื่อเอ่ยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสมอ) คงจะพระราชทานเก้าอี้รถเข็นมาถวายหลวงปู่เร็วๆ นี้แหละเจ้าค่ะ”

พระเณรที่ห้อมล้อมหลวงปู่ มองหน้าผู้เขียนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เมื่อพระองค์หนึ่งถามว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ จะโปรดให้ส่งเก้าอี้รถเข็นมาอีกคันหนึ่งหรือ

จึงได้ความว่า เก้าอี้รถเข็นพระราชทานได้มาถึงล่วงหน้าแล้ว...ก่อนหน้าผู้เขียนเดินทางไปถึงวัด...ถึงสองวัน !

“...นี่ไง..!”

แล้วพระผู้ปฏิบัติหลวงปู่ท่านก็เข็นเก้าอี้รถเข็นพระราชทานออกมาให้ดู

ผู้เขียนนิ่งนึกนับวันดู เวลาห่างจากวันที่เรียนท่านราชเลขาธิการเพียง ๓ วันเท่านั้น...! เราว่าเรารีบมากราบหลวงปู่โดยเร็วแล้ว...! แต่ดูเหมือนว่า วันนั้นเอง...พอท่านราชเลขาธิการกราบบังคมทูลแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็คงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดเก้าอี้รถเข็นส่งมาถวายหลวงปู่ ณ จังหวัดเลย ทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะทรงเจริญพระราชศรัทธาอย่างยิ่งยวดแล้ว จะรวดเร็วถึงเช่นนี้หรือ

นึกถึงที่ท่านราชเลขาธิการเคยปรารภให้ฟัง “ทรงเคารพรักและมีพระราชศรัทธาหลวงปู่และท่านอาจารย์ทุกองค์มาก เวลารับสั่งถึง ทรงใช้คำว่า “พระอริยเจ้า” ทุกครั้ง”

คราวหนึ่ง ท่านราชเลขาธิการอัญเชิญพระราชกระแสมาว่า ได้ทรงให้สร้างกุฏิไว้ในเขตบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานแล้ว บริเวณนั้นเป็นที่สงบ ต้นไม้เรียงรายโดยรอบ มีลักษณะเป็นป่าอย่างที่หลวงปู่คงจะชอบ ทรงนิมนต์ขอให้หลวงปู่ไปพัก ณ กุฏินั้นบ้าง เมื่อเวลาที่ท่านเข้ามาในกรุงเทพฯ

เมื่อนำความกราบเรียนหลวงปู่ ท่านตอบว่า ท่านเคยแต่อยู่ในป่า เข้าไปในเขตพระราชฐานจะลำบาก เพราะพวกศิษย์ติดตามก็เป็นแต่คนบ้านนอก ไม่รู้ธรรมเนียมอะไร...

เมื่อเห็นว่าผู้เขียนทำหน้าสลด บ่นอ้อมแอ้มว่า แม่จ้าวจะเสียพระทัย น้อยพระทัย ทรงอุตส่าห์สร้างกุฏิถวาย ท่านก็ยิ้มแย้มอย่างปลอบใจ บอกว่า

“อยู่ข้างนอกก็แผ่เมตตา (ถวาย) ให้อยู่แล้ว แผ่ทุกวันให้ทุกองค์...ในนั้น”

หลวงปู่คงหมายความถึง ไม่เฉพาะจะแผ่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถแล้ว ยังแผ่เมตตาถวาย “ทุกองค์”...“ในนั้น...!” ด้วย

แล้วหลวงปู่ท่านก็เสริมด้วยใบหน้าที่เกลื่อนด้วยรอยยิ้มอย่างเมตตา เสียงของท่านแผ่ว เบา ตามปกติ แต่ก็ฟังแสนชัดว่า

“ในนั้น...มีเทวดามากน้อ มาก...แน่นไปหมด”

⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

หลวงปู่แผ่เมตตาถวายในฐานะทรงเป็นพ่อจ้าวหลวง...แม่จ้าวหลวง ที่ทรงเป็นยอดคนแห่งแผ่นดิน และทรงเป็นปิ่นปักรักษาแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์จริงๆ ของพ่อจ้าวหลวงและแม่จ้าวหลวง ท่านก็ดูเหมือนจะไม่รู้จัก

ดั่งกรณีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งไปทรงกราบนมัสการท่านพร้อมกับหลวงปู่ขาว ณ วัดถ้ำกลองเพล ดังที่ได้เล่ามาแล้ว

สำหรับเรื่องที่หลวงปู่ได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และไม่ทราบว่าท่านคือ “แม่จ้าวหลวง” ที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณถวายอุปการะเนืองๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของพระป่ากันจริงๆ

ต่อมา จำได้ว่าเป็นคืนวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในการสวดพระอภิธรรมที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพิธีธรรมสวดให้เป็นการบำเพ็ญกุศลถวายพระคณาจารย์ที่มรณภาพด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ณ วัดพระศรีมหาธาตุ

เมื่อทรงทราบว่า หลวงปู่ได้มาในงานนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็เสด็จฯ จากพระเก้าอี้ที่กำลังประทับอยู่ ไปทรงกราบนมัสการด้วยความเคารพ ประทับบนลาดพระบาท ทรงหมอบกราบ และทรงประณมพระหัตถ์ตลอดเวลาที่มีพระราชกระแสรับสั่งกับหลวงปู่

ผู้เขียนนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ใจไม่ดีด้วยเกรงว่า จะไม่ทรงทราบว่าหลวงปู่เป็นอัมพาต พูดไม่ค่อยได้ ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ จึงสั่งให้ผู้เขียนไปเฝ้า และกราบถวายบังคมทูลความให้ทรงทราบ เพราะดูท่านสนพระทัยมีพระราชกระแสตลอดเวลา

สมเด็จฯ ทรงพระสรวล รับสั่งว่า มิน่า หลวงปู่ไม่พูดด้วยเลย ท่านได้แต่มองนิ่งอยู่

กราบบังคมทูลว่า นั่นท่านกำลังแผ่เมตตาถวายเพคะ ปกติหลวงปู่จะแผ่เมตตาให้เวลาคนมากราบ ที่ท่านมองนิ่งอยู่อย่างนั้น ท่านกำลังถวายพระพร

สมเด็จฯ ทรงพยักพระพักตร์อย่างเข้าพระทัย เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับไปที่พระเก้าอี้ เพื่อทรงทำหน้าที่องค์ประธานพิธีต่อไป ก็ไม่ทรงลืมที่จะมีพระราชกระแสให้ผู้เขียน อย่าลืมจัดน้ำถวายหลวงปู่ให้ดี

ทรงกราบอีกครั้งหนึ่ง จึงเสด็จกลับไปประทับที่พระเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง อยู่ทางนี้ หลวงปู่หันมาถามผู้เขียนเบาๆ ว่า “ใคร...?”

ผู้เขียนยังตั้งตัวไม่ติด ด้วยไม่คิดว่าหลวงปู่จะไม่รู้จักสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงกราบเรียนถามว่า หลวงปู่ถามถึงใคร

ท่านว่า “ที่มาเมื่อกี้นี้น่ะ เพิ่นงามนะ”

จึงรีบเรียนท่านว่า
“สมเด็จฯ เจ้าค่ะ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ”

กราบเรียนไปแล้ว หลวงปู่ก็ยังทำหน้างง คิดว่าเสียงเราคงไม่ชัด จึงเรียนซ้ำไปอีก แต่สีหน้างงของท่านก็ยังไม่ดีขึ้น

ท่านเจ้าคุณเทพเมธาจารย์ แห่งวัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี [พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป) - สาวิกาน้อย] นั่งอยู่ใกล้ๆ จึงต้องบอกหลวงปู่เสียงดัง...


“เมียพระเจ้าแผ่นดิน !”

นั่นแล้ว สีหน้าของหลวงปู่จึงบอกความกระจ่าง...เข้าใจอย่างถ่องแท้ ยิ้มแล้วชมซ้ำ “เพิ่นงามน้อ !”

เสียแรงเราเคยภูมิใจว่า ใช้คำราชาศัพท์ได้อย่างถูกต้องตลอดมา แต่คราวนี้ต้องนึกขันตัวเองที่ทำให้ไม่เป็นที่เข้าใจแก่หลวงปู่เลย...!

ภายหลังมีโอกาสได้เฝ้าเบื้องพระยุคลบาท จึงได้กราบบังคมทูลเรื่องทั้งหมด รวมทั้งที่หลวงปู่ชมพระโฉม “เพิ่นงามน้อ” ด้วย

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แย้มพระสรวลเมื่อทรงรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น รับสั่งว่า “คืนนั้นไม่ทราบว่า หลวงปู่ท่านพูดไม่ใคร่ได้ แต่นั่นแหละ...กราบพระอริยเจ้าอย่างหลวงปู่แล้วชื่นใจ”

รูปภาพ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

รูปภาพ
หลวงปู่ขาว อนาลโย

รูปภาพ
หลวงปู่หลุย จันทสาโร

รูปภาพ
พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)


:b8: :b8: :b8: คัดลอกจาก...หนังสือฐานสโมปูชา
ที่ระลึกในมหามงคลพิเศษ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานเพลิงศพ
พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ณ เมรุวัดป่าสัมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙
คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=40233

:b47: :b50: รวมคำสอน “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38683

:b47: :b50: “หลวงปู่ขาว อนาลโย” แห่งวัดถ้ำกลองเพล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=21449

:b47: :b50: การสูญเสียพระป่ากัมมัฏฐานครั้งใหญ่พร้อมกันถึง ๕ รูป
ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในการสวดพระอภิธรรม

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=25698

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ภาพประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า หาชมได้ยากยิ่ง

องค์นั่งเก้าอี้ตรงกลาง...
คือ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย


องค์นั่งเก้าอี้ถัดจากหลวงปู่ชอบ...
คือ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์


องค์นั่งพื้น...
คือ หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต
วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู


องค์นั่งพื้นอีกรูปที่มองเห็นเฉพาะด้านหลัง...
ไม่ทราบนาม ไม่ทราบฉายา

ในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2014, 12:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2013, 10:07
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2017, 07:48 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: น้อมกราบหลวงปู่ พระอริยเจ้าทุกองค์เจ้าค่ะ
ขอน้อมรำลึกถึงยอดมงกุฎแห่งแผ่นดินพระองค์นี้ด้วยเจ้าค่ะ

:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร