ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สวรรค์มีจริง (หลวงปู่จันทา ถาวโร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=50839
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Hanako [ 03 ก.ย. 2015, 17:34 ]
หัวข้อกระทู้:  สวรรค์มีจริง (หลวงปู่จันทา ถาวโร)

รูปภาพ

หลวงปู่จันทา ถาวโร
วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร



ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ หลวงปู่จันทา ถาวโร ได้ขึ้นไปภาวนาอยู่ที่วัดถ้ำกลองเพล
อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันเพ็ญ
เมื่อเดินจงกรมเสร็จแล้วท่านก็ไปนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำใหญ่ (ถ้ำกลองเพล)
นั่งสมาธิกำหนดพุทโธเป็นอารมณ์ของสติ ไม่นานจิตก็วาง “พุทโธ”
แล้วจิตก็รวมลงสู่ภวังคภพอันแน่นแฟ้น อุปจารธรรมเกิดขึ้น
มีแสงสว่างกระจ่างแจ้งเกิดขึ้น กลางคืนเหมือนกลางวันสว่างโล่อย่างนั้น

ไม่นานมีฝูงเทพยดาทั้งหลาย มีแต่ผู้หญิงล้วนๆ รูปร่างใหญ่โตมโหฬาร
สวยงามเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ถือธงแดงและธูปคนละอันมาจากฟากฟ้า
มาถึงถ้ำแล้วก็เอาธงปัก จุดธูป แล้วก็พากันกราบไหว้
กราบที่ ๑ ว่า “พุทโธ” กราบที่ ๒ ว่า “ธัมโม”
กราบที่ ๓ ว่า “สังโฆ สะระณัง คัจฉามิ” เสร็จแล้วก็ทำวัตรเย็น
จากนั้นก็สวด “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร
และอาทิตตปริยายสูตร ทั้ง ๓ สูตรนี้เขาเรียกว่า ราชาธรรม
เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธ
ธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์มารวมอยู่ที่นี่ทั้งหมด


เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วเขาก็นั่งภาวนา นานนะเป็นชั่วโมง
สองชั่วโมงสามชั่วโมงนะ เรียบร้อยดี เมื่อเสร็จแล้วเขาก็กราบ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วเขาก็จะจากไป จึงได้กำหนดถามเขาว่า

“โยม...มาจากสถานที่ใด”
เขาก็ว่า “ท่านอาจารย์พวกดิฉันมาจากเมืองสวรรค์”

“มาที่นี่เพื่อประโยชน์อะไรหรือโยม”
เขาก็ตอบว่า “มาบูชาแก้วทั้ง ๓ ประการนะท่าน”

“บูชาเพื่อประโยชน์อะไร”

“เพื่อบำเพ็ญกุศลนะท่าน เพราะแก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆนั้น
เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนและของหอม”


ถามเขาไปอีกว่า “อยู่บนสวรรค์ไม่ได้บำเพ็ญหรือโยม”

“บำเพ็ญอยู่เหมือนกันแต่ได้รับผลน้อย ไม่ได้มากเหมือนอยู่ในเมืองมนุษย์
ในเมืองมนุษย์ทำน้อยได้มาก ทำมากก็ยิ่งได้มาก
เพราะเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญบุญกุศล
จะไปสวรรค์หรือพรหมโลกก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในเมืองมนุษย์นี้ก่อน
จะไปนิพพานพ้นทุกข์จากโอฆสงสารก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในศาสนาพุทธ
ในเมืองมนุษย์นี่เสียก่อนจึงจะได้ นอกนั้นไม่มี”


“ในสมัยพระเจ้ากัสสโปโน้น (ยุคศาสนาของพระเจ้ากัสสโป)
พวกข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นหญิงชาวบ้านพากันประพฤติวัตร
ปฏิบัติขัดสีแก้วทั้ง ๓ ประการให้สว่างไสวรุ่งโรจน์ทั้งกลางวันและกลางคืน
ด้วยการเดินจงกรมบูชาแก้วทั้ง ๓ ดวงนี้ แก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆ
ทำอยู่อย่างนั้นเป็นนิตย์ไม่ลดละ ล้วนแต่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งนั้น
ทานการกุศลสิ่งใดที่ให้แก่สมณชีพราหมณ์นั้นก็จะกลายเป็นของทิพย์
ไปรอคอยอยู่บนสวรรค์หมดทั้งนั้น ฉะนั้น เมื่อพวกข้าพเจ้าไปเกิดบนสวรรค์
ก็มีแต่ความสุขสำราญ เป็นผลจากการประพฤติปฏิบัติธรรมกันมาถึง ๒ หมื่นปี
ในสมัยศาสนาพระเจ้ากัสสโป ผู้คนอายุยืน ๒ หมื่นปีนะท่าน”


พวกเทพยดาเหล่านั้นล้วนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ สวยงาม
มีผิวสีขาว เหลือง แดง ไว้ผมยาว ใส่สายสร้อยรอบตัว
นุ่งผ้ายาวครึ่งแข้งเหมือนคนโบราณ เวลาเดินก็งาม พูดก็งาม
เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้วไกลกันเหมือนฟ้ากับดินนะ
จากนั้นเขาก็ฝากธรรมะว่า

“ท่านอาจารย์ขอได้โปรดไปแนะนำพร่ำสอนญาติโยมทั้งหลาย
ให้พากันบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา บำเพ็ญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน
ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗ และพากันเดินจงกรมฝึกจิต
อบรมจิตสอนจิตให้มันดี นั่งสมาธิภาวนานั่นแหละจะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่
เหมือนดังที่พวกข้าพเจ้าทำอยู่อย่างนั้น ๒ หมื่นปี
เมื่อสิ้นลมแล้วเหมือนกับว่านอนหลับแล้วก็ตื่นขึ้นฉะนั้น”


เสร็จแล้วเขาก็ลาจากไป ปลิวขึ้นสู่อากาศเหมือนกับนุ่นต้องลม
ปลิวเข้าสู่กลีบเมฆหายไปเลย ขณะที่สนทนากันนั้นลืมถามไปว่า
พวกเขาเหล่านั้นมาจากสวรรค์ชั้นไหน ได้ถามแต่ว่า
“ทำไมจึงมีแต่นางเทพยดาไม่เห็นมีเทพบุตร”

เขาก็ตอบว่า “เมื่อครั้งที่พวกข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนานั้น
ไม่มีพวกผู้ชายไปบำเพ็ญด้วย ดังนั้นเมื่อไปเกิดบนสวรรค์จึงไม่มีเทพบุตร”


นั่นแหละ ทำอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้น

รุ่งเช้าไปทำกิจวัตร หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านถามว่า
“เมื่อคืนภาวนาเห็นอะไรบ้าง”

หลวงปู่จันทา ถาวโร ท่านตอบว่า
“หลวงปู่ครับผมตั้งสัตย์ไว้แล้วว่าจะไม่นอนทั้งกลางวันและกลางคืน
เมื่อคืนนี้ภาวนาแล้วจิตสงบเห็นสาวสวรรค์ลงมาจากสวรรค์ในราว ๖๐ คน
มีรูปร่างสูงใหญ่สวยงาม ถือธงแดงและธูปลงมาคนละอันเอามาปักไว้หน้าถ้ำ
แล้วก็พากันไหว้พระสวดมนต์ จบแล้วก็นั่งภาวนา เสร็จแล้วก่อนที่เขาจะจากไป
ได้ถามเขาว่า มาจากไหน เขาก็ตอบว่า มาจากเมืองสวรรค์”


หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านก็ว่า
“ปัตจัตตัง จะรู้เห็นเฉพาะผู้ปฏิบัติ ใครปฏิบัติผู้นั้นก็จะรู้เห็นเองนะ
แต่ถ้าปฏิบัติแล้วจิตไม่สงบก็ไม่เห็น เมื่อจิตสงบลงสู่อุปจารธรรมแล้วจะเห็นได้
เพราะจิตเข้าสู่ภพเดียวกับพวกเขาเหล่านั้น”


นั่นแหละก็เห็นจริงแจ้งชัดประจักษ์ว่า สวรรค์นั้นมีจริง
ถึงแม้จะไม่ได้ไปเห็นเมืองสวรรค์ แต่ก็ได้เห็นนางเทพธิดาทั้งหลายเหาะลงมาจากฟ้า
ลงมาไหว้พระสวดมนต์และนั่งภาวนาอยู่ที่วัดถ้ำกลองเพลนั้น...”


:b47: :b47:

จากประวัติและปฏิปทาของ “หลวงปู่จันทา ถาวโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=21128

:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่จันทา ถาวโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=48699

เจ้าของ:  AAAA [ 11 ก.ย. 2015, 11:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สวรรค์มีจริง : หลวงปู่จันทา ถาวโร

4A ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  น้องพลอย [ 12 ก.ย. 2015, 20:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สวรรค์มีจริง : หลวงปู่จันทา ถาวโร

Kiss
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  Duangtip [ 06 มิ.ย. 2019, 21:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สวรรค์มีจริง (หลวงปู่จันทา ถาวโร)

:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/