วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 20:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2014, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ปุญญกิริยาวัตถุสูตร

จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุญญกิริยาวัตถุ ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน

คือ ทานมัยปุญญกิริยาวัตถุ ๑ ศีลมัยปุญญกิริยาวัตถุ ๑ ภาวนามัยปุญญกิริยาวัตถุ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุญญกิริยาวัตถุ ๓ ประการนี้แล ฯ

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาค
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

" กุลบุตรผู้ใคร่ประโยชน์ พึงศึกษาบุญนั่นแล อันให้ผลเลิศ
ต่อไป ซึ่งมีสุขเป็นกำไร คือ พึงเจริญทาน ๑ ความ
ประพฤติเสมอ ๑ เมตตาจิต ๑ บัณฑิตครั้นเจริญธรรม ๓
ประการอันเป็นเหตุให้เกิดความสุขเหล่านี้แล้ว ย่อมเข้าถึง
โลกอันไม่มีความเบียดเบียน ฯ "

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2014, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อรรถกถาปุญญกิริยาวัตถุสูตร

บทว่า ปุญฺญกิริยาวตฺถูนิ ความว่า

กุศลทั้งหลายที่ให้เกิดผลในภพที่ควรบูชา หรือชำระสันดานของตน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าบุญ
บุญเหล่านั้นด้วย ชื่อว่าเป็นกิริยา เพราะต้องทำด้วยเหตุด้วยปัจจัยทั้งหลายด้วย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าบุญกิริยา
และบุญกิริยานั่นเอง ชื่อว่าบุญกิริยาวัตถุ เพราะความเป็นที่ตั้งแห่งอานิสงส์นั้นๆ.

บทว่า ทานมยํ ได้แก่ เจตนาเป็นเครื่องบริจาคไทยธรรมของตนแก่ผู้อื่น ด้วยสามารถแห่งการอนุเคราะห์ หรือด้วยสามารถแห่งการบูชาของผู้ที่ตัดรากคือภพยังไม่ขาด ชื่อว่าทาน เพราะเป็นเหตุให้เขาให้.

ทานนั่นเองชื่อว่าทานมัย เจตนาที่เป็นไปแล้วโดยนัยที่กล่าวแล้วในกาลทั้ง ๓
คือในกาลอันเป็นส่วนเบื้องต้น ตั้งแต่การให้ปัจจัย ๔ เหล่านั้นเกิดขึ้น ๑ (บุรพเจตนา)
ในเวลาบริจาค ๑ (มุญจนเจตนา)
ในการโสมนัสจิตระลึกถึงในภายหลัง ๑ (อปราปรเจตนา)
ของผู้ให้สิ่งนั้นๆ ในบรรดาปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น หรือในบรรดาทานวัตถุ ๑๐ อย่างมีข้าวเป็นต้น หรือบรรดาอารมณ์ ๖ มีรูปเป็นต้น ชื่อว่าบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยการให้ทาน.

(ทานวัตถุ ๑๐ ได้แก่ ข้าว น้ำ ยาน ผ้า ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ เครื่องนอน เสนาสนะ เครื่องประทีป)

บทว่า สีลมยํ ได้แก่

เจตนาที่เป็นไปแล้ว แก่บุคคลผู้สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีล ๑๐ ด้วยสามารถแห่งการกำหนดให้เป็นนิจศีล
และอุโบสถศีลเป็นต้น (หรือ)

ผู้ที่คิดว่า เราจะบวชเพื่อบำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์ แล้วไปวิหารบวช ผู้จะยังมโนรถให้ถึงที่สุดระลึกอยู่ว่าเรา
บวชแล้วเป็นการดีแล้วหนอ บำเพ็ญปาฏิโมกข์ให้บริบูรณ์ด้วยศรัทธา

พิจารณาปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้นด้วยปัญญา

สำรวมอินทรีย์ มีจักษุทวารเป็นต้น ในรูปเป็นต้นที่มาสู่คลองด้วยสติ

และชำระอาชีวปาริสุทธิศีลด้วยความเพียร ย่อมตั้งมั่น เพราะฉะนั้น เจตนานั้นจึงชื่อว่าบุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล.

อนึ่ง เจตนาของภิกษุผู้พิจารณาเห็นแจ้งซึ่งจักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มนะ (อายตนะ) โดยไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาด้วยวิปัสสนามรรคที่กล่าวแล้วในปฏิสัมภิทามรรค ๑
เจตนาของผู้พิจารณาเห็นแจ้งรูปทั้งหลาย ฯลฯ ธรรมทั้งหลาย (อารมณ์)
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ (วิญญาณ)
จักขุสัมผัส ฯลฯ มโนสัมผัส (ผัสสะ)
จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเวทนา (เวทนา)
รูปสัญญา ฯลฯ ธรรมสัญญา (สัญญา)
(และ) ชรามรณะโดยเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
(http://www.84000.org/tipitaka/read/?31/99)

ฌานเจตนาที่เป็นไปแล้วในอารมณ์ ๓๘ ประการมีปฐวีกสิณเป็นต้น ๑

เจตนาที่เป็นไปแล้วด้วยสามารถแห่งการสั่งสมและมนสิการเป็นต้น ในบ่อเกิดแห่งงาน บ่อเกิดแห่งศิลปะ และฐานะที่ตั้งแห่งวิชาที่ไม่มีโทษ ๑ อันใด

ผู้ยังเจตนาทั้งหมดนั้นให้เจริญด้วยบุญกิริยานี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า บุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนา ตามนัยที่กล่าวแล้วดังนี้แล.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ในบรรดากรรมทั้ง ๓ อย่างนี้
เมื่อกระทำกรรมอย่างหนึ่งๆ ด้วยกาย จำเดิมแต่ส่วนเบื้องต้นตามสมควร กรรมเป็นกายกรรม.
เมื่อเปล่งวาจาอันเป็นประโยชน์แก่กรรมนั้น กรรมเป็นวจีกรรม.
เมื่อไม่ยังองค์คือกาย และองค์คือวาจาให้หวั่นไหว คิดด้วยใจ (อย่างเดียว) กรรมเป็นมโนกรรม.

อีกอย่างหนึ่ง ในเวลาที่ผู้ให้ข้าวเป็นต้นให้ (ทาน) โดยคิดว่า เราจะให้ข้าวและน้ำเป็นต้นก็ดี โดยระลึกถึงทานบารมีก็ดี บุญกิริยาวัตถุเป็นทานมัย.

เมื่อให้ทานโดยดำรงอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติ บุญกิริยาวัตถุเป็นสีลมัย.

เมื่อให้ (ทาน) โดยเริ่มตั้งการพิจารณา (นามรูป) โดยความสิ้นไป โดยความเสื่อมไปโดยกรรม บุญกิริยาวัตถุเป็นภาวนามัย.


บุญกิริยาวัตถุอย่างอื่นอีก ๗
คือบุญกิริยาวัตถุที่สหรคตด้วยความยำเกรง (อ่อนน้อม) ๑
ที่สหรคตด้วยการขวนขวาย ๑
การเพิ่มให้ซึ่งส่วนบุญ ๑
การพลอยอนุโมทนา ๑
สำเร็จด้วยการแสดงธรรม ๑
สำเร็จด้วยการฟังธรรม ๑
ความเห็นตรง ๑.

ก็แม้การถึงพระรัตนตรัยว่าเป็นสรณะ ย่อมสงเคราะห์เข้าด้วยการทำความเห็นให้ตรงนั่นเอง ก็คำที่ควรกล่าวในเรื่องนี้จักมีแจ้งข้างหน้า.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


บรรดาบุญกิริยาวัตถุ ๗ อย่างนั้น บุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยความอ่อนน้อม พึงทราบด้วยสามารถแห่งการเห็นภิกษุผู้อาวุโสกว่าแล้วต้อนรับ รับบาตรและจีวร กราบไหว้และหลีกทางให้เป็นต้น.

บุญกิริยาวัตถุที่สหรคตด้วยความขวนขวาย พึงทราบด้วยสามารถแห่งการทำวัตรปฏิบัติแก่ภิกษุผู้มีอาวุโสกว่า ด้วยสามารถแห่งการที่เห็นภิกษุเข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต รับบาตร (ของท่าน) แล้วบรรจุภิกษาแม้ในบ้านให้เรียบร้อย นำเข้าไปถวาย และด้วยสามารถแห่งการรีบนำเอาบาตรมาให้เป็นต้น โดยที่ได้ยิน (คำสั่ง) ว่าจงไปนำเอาบาตรของภิกษุทั้งหลายมา ดังนี้.

บุญกิริยาวัตถุคือ การตามเพิ่มให้ซึ่งส่วนบุญ พึงทราบด้วยสามารถแห่งการถวายปัจจัย ๔ กระทำการบูชาพระรัตนตรัย ด้วยวัตถุทั้งหลายมีดอกไม้และของหอมเป็นต้น หรือกระทำบุญประการอื่น ๆ แล้ว น้อมเข้าไปว่า ขอส่วนบุญ จงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้.

บุญกิริยาวัตถุ คือการพลอยอนุโมทนา (บุญ) ก็อย่างนั้น พึงทราบด้วยสามารถแห่งการอนุโมทนาส่วนบุญที่ผู้อื่นให้แล้ว หรือบุญที่ผู้อื่นทำแล้วทั้งสิ้นว่า สาธุ (ดีแล้ว).

ข้อที่ภิกษุไม่ปรารถนาความช่ำชองในธรรมเพื่อตน แสดงธรรมแก่ผู้อื่น ด้วยอัธยาศัยที่เต็มไปด้วยความเกื้อกูล นี้ชื่อว่าบุญกิริยาวัตถุ สำเร็จด้วยการแสดงธรรม. แต่ว่าการที่ภิกษุรูปหนึ่งตั้งความปรารถนาไว้ว่า ชนทั้งหลายจักรู้ว่าเราเป็นธรรมกถึกด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วอาศัยลาภสักการะและการยกย่องแสดงธรรมไม่มีผลมากเลย.

การที่คนฟังธรรมด้วยจิตอ่อนโยนมุ่งแผ่ประโยชน์เกื้อกูล มีโยนิโสมนสิการไปว่านี้เป็นอุบายให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นแน่นอน นี้เป็นบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยการฟังธรรม. แต่การที่คนๆ หนึ่งฟังธรรมด้วยคิดว่า ชนทั้งหลายจักรู้จักเราว่าเป็นผู้มีศรัทธาด้วยวิธีนี้ ไม่มีผลมากเลย.

การที่ทิฏฐิดำเนินไปตรง ชื่อว่าความเห็นตรง (ทิฏฐิชุกรรม).

คำว่า ทิฏฺฐิชุคตํ นี้เป็นชื่อของสัมมาทัสสนะอันเป็นไปแล้วโดยนัยมีอาทิว่า ทานที่ให้แล้วมีผล. เพราะว่าความเห็นตรงนี้ถึงจะเป็นญาณวิปปยุตในตอนต้น หรือตอนหลัง แต่ในเวลาทำความเห็นให้ตรงแล้วก็เป็นญาณสัปปยุตนั่นเอง.

แต่อาจารย์พวกหนึ่งกล่าวว่า
ทัสนะคือความเห็นด้วยอำนาจแห่งการรู้แจ้งและการรู้ชัด ๑
วิญญาณที่เป็นกุศล ๑
กัมมัสสกตาญาณเป็นต้น ๑
เป็นสัมมาทัสสนะ.

บรรดาธรรม ๓ อย่างมีทัสนะเป็นต้นนั้น แม้ในเมื่อญาณยังไม่เกิดขึ้นก็มีการสงเคราะห์เหตุที่สมควรแก่เหตุเป็นเครื่องระลึกถึงบุญที่ตนได้ทำไว้แล้ว เข้ากับวิญญาณที่เป็นกุศลได้.
มีการสงเคราะห์เข้ากับกัมมัสสกตาญาณ คือความเห็นชอบตามคัลลองของกรรมได้.
แต่ความเห็นตรงนอกนี้ มีการกำหนดธรรมทั้งปวงเป็นลักษณะ.

ด้วยว่า เมื่อทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่ง บุญนั้นก็จะมีผลมาก เพราะเหตุที่ทิฏฐิทั้งหลายตรงนั่นเอง.


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 13 ก.พ. 2014, 18:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มีการสงเคราะห์บุญกิริยาวัตถุ ๗ อย่างเหล่านี้เข้ากับบุญกิริยาวัตถุ ๓ อย่างข้างต้นมีทานมัยเป็นต้น.

อธิบายว่า บรรดาบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๗ อย่างนั้น

- ความอ่อนน้อม (อปจายนมัย) ความขวนขวาย (เวยยาวัจจมัย) สงเคราะห์เข้าในสีลมัย.

- การเพิ่มให้ซึ่งส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) และการพลอยอนุโมทนาส่วนบุญ (อนุโมทนามัย) สงเคราะห์เข้าในทานมัย.

- การแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) และการฟังธรรม (ธัมมัสสวนนัย) สงเคราะห์เข้าในภาวนามัย.

- (ส่วน) ความเห็นตรง (ทิฏฐิชุกรรม) สงเคราะห์เข้าในบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๓ อย่าง.

เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุเหล่านี้มี ๓ อย่าง ๓ อย่างเป็นไฉน? คือบุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน ฯลฯ บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยภาวนา ดังนี้. :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร