วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 14:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อุมมาปุปผิยเถราปทานที่ ๕ (๑๔๕)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาดอกผักตบ

เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ทรงเกื้อกูลแก่โลก สมควรรับเครื่องรับบูชา นิพพานแล้ว ได้มีการฉลองพระสถูปอย่างมโหฬาร เมื่อการฉลองพระสถูปแห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่เป็นไปอยู่ เราเอาดอกผักตบไปบูชาที่พระสถูป ในกัลปที่ ๙๔ แต่กัลปนี้ เราบูชาพระสถูปด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูปด้วยดอกไม้ ในกัลปที่ ๙ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๘๕ พระองค์ ทรงพระนามเหมือนกันว่า โสมเทวะ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระอุปมาปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ อุมมาปุปผิยเถราปทาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ปุนนาคปุปผิยเถราปทานที่ ๙ (๑๕๙)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกบุนนาค

เราเป็นนายพรานเข้าไปสู่ป่าใหญ่ ได้เห็นดอกบุนนาคกำลังบาน จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ได้เก็บเอาดอกบุนนาคนั้นอันมีกลิ่นหอมตระหลบอบอวลแล้ว ได้ก่อสถูปที่กองทรายบูชาแด่พระพุทธเจ้า ในกัลปที่ ๙๒ แต่กัลปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง มีนามว่าตโมนุทะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระปุนนาคปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ขัณฑผุลลิยเถราปทานที่ ๓ (๑๙๓)
ว่าด้วยผลแห่งการทำที่ขรุขระให้เรียบ

พระสถูปของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าผุสสะ มีอยู่ที่ป่ามหาวัน ในกาลนั้น ต้นไม้งอกขึ้น ณ ที่นั้น ฝูงช้างพากันมาหักกิน เราได้ทำที่ขรุขระให้ราบเรียบ แล้วได้ใส่ก้อนปูนขาว เรายินดีด้วยคุณของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้เป็นที่เคารพของโลก ๓ ในกัลปที่ ๙๒ แต่กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการใส่ก้อนปูนขาว ในกัลปที่ ๗๗ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ พระองค์ ทรงพระนามว่าชิตเสนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระขัณฑผุลลิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ ขัณฑผุลลิยเถราปทาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ชคติการกเถราปทานที่ ๙ (๒๓๙)
ว่าด้วยผลแห่งการสร้างลานดิน

เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้สูงสุดกว่านระ เสด็จนิพพานแล้ว เราได้ให้สร้างลานดินไว้ที่พระสถูปอันอุดมของพระพุทธเจ้า ในกัลปที่ ๑,๘๐๐ แต่กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใดไว้ ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสร้างลานดิน คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระชคติการกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ ชคติการกเถราปทาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ปภังกรเถราปทานที่ ๖ (๓๓๖)
ว่าด้วยผลแห่งการชำระพระสถูป

พระเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตระ เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ มีอยู่ในป่าชัฏ อันเกลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย ใครๆ ไม่อาจจะไปเพื่อกราบไหว้พระเจดีย์ พระเจดีย์อันหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ปกคลุม หักพัง ในกาลนั้น เราเป็นคนทำการงานในป่า ด้วยการงานของบิดาและปู่ เราได้เห็นพระสถูปอันหักพัง หญ้าและเถาวัลย์ปกคลุมในป่าใหญ่

ครั้นได้เห็นพระสถูปแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว ตั้งจิตเคารพไว้ว่า พระสถูปนี้แห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด หักพังอยู่ในป่า พระสถูปไม่มีอะไรบังแดดฝน ไม่สมควรแก่คนที่รู้คุณและมิใช่คุณ เราได้แผ้วถางพระสถูปแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว จึงจะประกอบการงานอื่น ครั้นเราแผ้วถางหญ้าต้นไม้และเถาวัลย์ที่พระเจดีย์ไหว้นบครบ ๘ ครั้ง แล้ว กลับไปยังที่อยู่ของตนด้วยกรรมที่เราทำดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตนามั่น

เราละกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ชั้นดาวดึงส์ วิมานทองอันบุญกรรมทำไว้ในชั้นดาวดึงส์นั้น สวยงามเลื่อมประภัสสร สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ เราได้เสวยรัชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ครั้ง เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยใหญ่ ย่อมได้โภคสมบัติมาก ความพร่องในโภคสมบัติไม่มีแก่เราเลย นี้เป็นผลแห่งการแผ้วทาง เมื่อเราไปในป่าใหญ่ด้วยคานหามหรือด้วยคอช้าง เราไปสู่ทิศใดๆ ในทิศนั้นๆ ป่า ย่อมสำเร็จเป็นที่พึ่ง เราไม่เห็นตอหรือแม้หนามด้วยจักษุเลย เราประกอบด้วยบุญกรรม บุญกรรมย่อมนำปราศไปเอง โรคเรื้อน ฝี กลาก โรคลมบ้าหมู คุดทะราด หิดเปื่อย และหิดด้าน ไม่มีแก่เรา นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า

ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก เราไม่รู้สึกว่า ต่อมฝีมีหยาดน้ำเหลืองเกิดในกายของเราเลย เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก เราได้ท่องเที่ยวอยู่ในภพ ๒ ภพ คือ ในความเป็นเทวดาหรือมนุษย์ เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก เราเป็นผู้มีผิวพรรณดังทองคำ เป็นผู้มีรัศมีในที่ทั้งปวง เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก สิ่งที่ไม่ชอบใจไม่มี สิ่งที่ชอบใจเข้ามาตั้งไว้ เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก จิตของเราเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ มีอารมณ์เดียวตั้งมั่นด้วยดี เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก เรานั่งบนอาสนะเดียว ได้บรรลุอรหัต ในกัลปที่แสนแต่กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระปภังกรเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ ปภังกรเถราปทาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กิมิลเถราปทานที่ ๔
ว่าด้วยบุพจริยาของพระกิมิลเถระ

เมื่อพระพุทธเจ้า พระนามว่า กกุสันธ ปรินิพพานแล้ว ข้าพเจ้าได้เก็บเอาดอกเข็มมาทำเป็นมณฑปบรรจุพระธาตุ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงมีวสี. ครั้นจุติแล้ว ไปสู่ภพดาวดึงส์ ได้วิมานสูงใหญ่เป็นพิเศษรุ่งโรจน์ล่วงวิมานของเทวดาเหล่าอื่น นี้เป็นผลแห่งกรรมอันเป็นบุญ. จะเป็นกลางวัน หรือกลางคืนก็ดี ข้าพเจ้า จะเดินอยู่ หรือยืนอยู่ก็ดี ดอกเข็มจะต้องมาครอบคลุมอยู่เบื้องบน นี้เป็นผลแห่งกรรมอันเป็นบุญ. ในกัปนี้นี่แหละ ข้าพเจ้าได้บูชาอย่างยิ่งซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ด้วยกรรมนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า. กิเลสทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้เผาสิ้นแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่. ข้าพเจ้าได้มาดีแล้วแล ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ท่านพระกิมิลเถระ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ไว้ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ กิมิลเถราปทาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สกจิตตนิยเถราปทานที่ ๑ (๖๑)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายสถูป

เราได้เห็นป่าชัฏใหญ่สงัดเสียง ปราศจากอันตราย เป็นที่อยู่อาศัยของ พวกฤาษี ดังกับจะรับเครื่องบูชา เราจึงเอาไม้ไผ่มาทำเป็นสถูป แล้วเกลี่ย (โปรย) ดอกไม้ต่างๆ ได้ไหว้พระสถูป ดุจถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า ซึ่งยังทรงพระชนม์อยู่เฉพาะพระพักตร์

เราได้เป็นพระราชาสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในแว่นแคว้นปรารภด้วยกรรมของตน นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้ ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราโปรยดอกไม้ใด ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่ ๘๐ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มียศอนันต์ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระสกจิตตนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบ สกจิตตนิยเถราปทาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุตติลวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในคุตติลวิมาน

พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า

ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?

นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลื้มใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันได้นำของหอม ๕ อย่าง ไปประพรมที่องค์พระสถูปทองคำ สำหรับบรรจุพระบรมธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญคือการถวายของหอม ๕ อย่างนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


วิสาลักขิวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในวิสาลักขิวิมาน

สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางสุนันทาเทพธิดาว่า

ดูกรแม่เทพธิดาผู้มีนัยย์ตางาม เธอชื่อไร ได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้มีหมู่นางฟ้าแวดล้อมเป็นบริวารเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ในสวนจิตรลดาอันน่ารื่นรมย์ ในคราวที่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่ขึ้นม้า ขึ้นรถตบแต่งร่างกายวิจิตรงดงาม เข้าไปยังสวนนั้นแล้ว จึงมาในที่นี้ แต่เมื่อเธอพอมาถึงในที่นี้ กำลังเที่ยวชมสวน รัศมีก็สว่างไสวไปทั่วจิตรลดาวัน โอภาสของสวนมิได้ปรากฏ รัศมีของท่านมาข่มเสีย ดูกรแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว ขอเธอจงบอกว่า นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?

นางสุนันทาเทพธิดาผู้เป็นอัครชายาทูลตอบว่า

ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ผู้ทรงบำเพ็ญทานมาแต่เก่าก่อน รูปอันสวยงาม คติ ฤทธิ์ และอานุภาพของหม่อมฉัน ย่อมมีได้ด้วยกรรมอันใด ขอพระองค์จงทรงสดับกรรมนั้น

หม่อมฉันเป็นอุบาสิกามีนามว่า สุนันทา อยู่ในพระนครราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ ถึงพร้อมด้วยศรัทธา และ ศีล ยินดีในการจำแนกทานทุกเมื่อ คือ หม่อมฉันมีจิตเลื่อมใส ได้ถวายผ้านุ่งผ้าห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะและเครื่องประทีป ในภิกษุทั้งหลายผู้เที่ยงตรง ทั้งได้รักษาอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ตลอดวัน ๑๔ ค่ำ วัน ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สำรวมอยู่ในศีลเป็นนิตย์ หม่อมฉันยินดีแล้วในสิกขาบททั้ง ๕ คือ งดเว้นจากปาณาติบาต จากความเป็นขโมย จากการประพฤตินอกใจ ระมัดระวังจากการพูดเท็จ และเว้นไกลจากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ฉลาดในอริยสัจจธรรมทั้ง ๔ เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มีพระจักษุ ผู้เรืองยศ บิดาของหม่อมฉันใช้ให้หม่อมฉันนำดอกไม้มาทุกๆ วัน หม่อมฉันได้บูชาที่สถูป อันเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุของพระผู้มีพระภาคทุกๆ วัน ในวันอุโบสถ หม่อมฉันมีใจผ่องใส ได้ถือเอาพวงมาลัย ของหอมและเครื่องลูบไล้ไปบูชาพระสถูปของพระผู้มีพระภาคนั้นด้วยมือของตน

ข้าแต่พระองค์ผู้จอมเทพ รูปอันสวยงาม คติ ฤทธิ์ และอนุภาพเช่นนี้ เกิดมีแก่หม่อมฉันเพราะกรรมนั้น มิใช่ว่าผลที่หม่อมฉันได้บูชาพระสถูปด้วยพวงมาลัย และที่หม่อมฉันได้รักษาศีล จะให้ผลเท่านั้นก็หามิได้ ยังกลับให้หม่อมฉันพึงได้สกทาคามี ตามความปรารถนาของหม่อมฉันอีกด้วย.

จบ วิสาลักขิวิมานที่ ๙


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2014, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ปีตวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน

สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่ง

ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลืองตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลือง ทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสีเหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลือง รถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร

นางเทพธิดาตอบว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขม ไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูปตั้งจิตอุทิศต่อพระบรมธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใดนั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้น หม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์

ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความนี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า

ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผลมาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้าหรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่เชื่อว่ามีผลน้อยเลย มาเถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถาคตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคตจะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำเสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใดไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.

จบ ปีตวิมานที่ ๙.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร