พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ถาม : มีหลายคนเชื่อคำพูดที่ว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ควรทำอย่างไรให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ถูก
ตอบ : เรื่องนี้พูดอย่างเดียวอาจจะไม่เข้าใจ ต้องเฝ้าดูความคิด การพูด การกระทำติดต่อกันไปเรื่อยๆ และจะเห็นความจริงปรากฏว่าเมื่อเหตุดีผลก็ดี เหตุไม่ดีผลก็ไม่ดี ต้องหัดเจริญสติจึงจะเห็นความจริงของกฎแห่งกรรมตามธรรมชาติ ผลของกรรมอาจเปรียบได้กับการปลูกต้นไม้ ต้นไม้บางชนิดออกผลเร็ว เช่น ต้นกล้วย แต่บางชนิดออกผลช้า เช่น มะม่วง ต้นตาล อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่นอนคือการปลูกต้นไม้ชนิดใด ย่อมได้ผลของต้นไม้ชนิดนั้น กรรมดีและกรรมชั่วก็เหมือนกัน คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าได้เคยอธิบายว่า ความชั่วเมื่อยังไม่ออกผล ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จะมีรสชาติหอมหวานเหมือนน้ำผึ้ง ตัวอย่างเช่น คนที่เก่ง เฉลียวฉลาด มีความสามารถ หากคิดทำสิ่งดีก็ทำได้สำเร็จและเกิดประโยชน์ได้มากมาย แต่เมื่อเกิดกิเลสตัณหา คิดทุจริตทำผิดกฎหมายก็มักไม่มีใครจับได้ ในทางโลกจึงเหมือนประสบความสำเร็จ ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ อย่างเช่น โจรปล้นธนาคาร เมื่อตำรวจจับไม่ได้เขาก็มีเงินทอง มีฐานะดี แต่จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ผลของการปล้นธนาคาร แต่เป็นผลของความดีในอดีตซึ่งอาจเป็นอดีตชาติ หรืออดีตในชาติปัจจุบันก็ได้
ส่วนผลของความชั่วที่เป็นรูปธรรม คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา แม้จะยังไม่เกิดขึ้นแต่ในแง่จิตใจแล้วเขาก็คงทุกข์ใจ หวาดระแวง เมื่อถึงเวลาที่ความชั่วออกผลจริงๆ แล้วชีวิตก็จะเสียหาย ต้องได้รับโทษ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ไม่มีทางทำอะไรได้ เมื่อมองผิวเผินจึงคล้ายกับว่าทำชั่วแต่ได้ดี ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เป็นเพราะกรรมชั่วยังไม่ออกผลนั่นเอง
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ข้อนี้เป็นกฎตายตัว หากทำดีแล้วยังไม่ได้ดีก็ต้องอดทนทำความดีต่อไป เมื่อกรรมดีออกผลก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมดี คือความสุข
คัดลอกบางตอนมาจาก...หนังสือ “โชคดีที่ได้รู้” ภาค ๑ : รู้ทันกรรม
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม
รวมคำสอน “พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38514
