วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 04:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
student

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา

:b8: ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยม แนะนำ และให้กำลังใจ
ไหนๆถ้าได้เข้ามาอีกก็ครั้งอยากให้ช่วยปักป้ายบอกทางเพิ่มสักหนึ่งป้ายนะครับผม :b8:
โกสิยเถรคาถา
สุภาษิตยกย่องผู้เคารพครู

ผู้ใดเป็นธีรชน เป็นผู้รู้ถ้อยคำของครูทั้งหลาย อยู่ในโอวาทของครูนั้น
และยังความเคารพให้เกิดในโอวาทของครูนั้น ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้มีภักดี
และชื่อว่าเป็นบัณฑิตและพึงเป็นผู้วิเศษ เพราะรู้ธรรมทั้งหลาย อันตราย
อันร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว ไม่ครอบงำบุคคลใดผู้พิจารณาอยู่ บุคคลนั้น
ย่อมชื่อว่ามีกำลัง ชื่อว่าเป็นบัณฑิต และพึงเป็นผู้วิเศษเพราะรู้ธรรม
ทั้งหลาย ผู้ใดแลตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เหมือนมหาสมุทร มีปัญญาลึกซึ้ง
เห็นเหตุผลอันละเอียด ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน ชื่อว่า
เป็นบัณฑิต และพึงเป็นผู้วิเศษเพราะรู้ธรรมทั้งหลาย ผู้ใดเป็นพหูสูต
ทรงธรรมและประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้นั้นชื่อว่าผู้คงที่ เป็น
บัณฑิตและพึงเป็นผู้วิเศษเพราะรู้ธรรมทั้งหลาย ผู้ใดรู้เนื้อความแห่ง
สุภาษิต ครั้นรู้แล้วทำตามที่รู้ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นบัณฑิต อยู่ในอำนาจเหตุผล
และพึงเป็นผู้วิเศษเพราะรู้ธรรมทั้งหลาย.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2013, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขลาตยเปตวัตถุ
ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตเปลือย

หัวหน้าพ่อค้าถามหญิงเปรตตนหนึ่งว่า ท่านเป็นใครหนออยู่ภายในวิมานนี้ ไม่ออกจากวิมานเลย ดูกรนางผู้เจริญ เชิญท่านออกมาเถิด ข้าพเจ้าจะขอดูท่านผู้มีฤทธิ์?
นางเวมานิกเปรตฟังคำถามดังนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า ดิฉันเป็นหญิงเปลือยกาย มีแต่ผมปิดบังไว้ กระดากอายที่จะออกภายนอก ดิฉันได้ทำบุญไว้น้อยนัก.
พ่อค้ากล่าวว่า ดูกรนางผู้มีรูปงาม เอาเถอะ ข้าพเจ้าจะให้ผ้าเนื้อดีแก่ท่าน เชิญท่านนุ่งผ้านี้ แล้วจงออกมาภายนอก เชิญออกมาภายนอกวิมานเถิด ข้าพเจ้าจะขอดูผู้มีฤทธิ์มาก.
นางเวนิกเปรตตอบว่า ผ้านั้นถึงท่านจะให้ที่มือของดิฉันเอง ก็ไม่สำเร็จแก่ดิฉัน ถ้าในหมู่ชนนี้มีอุบาสกผู้มีศรัทธา เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงให้อุบาสกนั้นนุ่งห่มผ้าที่ท่านจะให้ดิฉันแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ดิฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้น ดิฉันจึงจะได้นุ่งห่มผ้านี้ตามปรารถนา ถึงซึ่งความสุข.
พ่อค้าทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงให้อุบาสกนั้นอาบน้ำ ลูบไล้แล้วให้นุ่งห่มผ้า แล้วอุทิศส่วนกุศลให้นางเวมานิกเปรตนั้น พระสังคีติกาจารย์เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น ได้กล่าวคาถา ๓ คาถา ความว่า
ก็พ่อค้าเหล่านั้นยังอุบาสกนั้นให้อาบน้ำ ลูบไล้ด้วยของหอมแล้วให้นุ่งห่มผ้า
แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้นางเวมานิกเปรตนั้น ในทันตาเห็นนั้นเอง
วิบากย่อมบังเกิดขึ้นแก่นางเวมานิกเปรตนั้น โภชนะ เครื่องนุ่งห่มและน้ำดื่ม ย่อมบังเกิดขึ้น
นี้เป็นผลแห่งทักษิณา ลำดับนั้น นางมีสรีระบริสุทธิ์ นุ่งห่มผ้าสะอาด งามดีกว่าแคว้นกาสี เดินยิ้มออกมาจาก
วิมานประกาศว่า นี้เป็นผลแห่งทักษิณา.
พ่อค้าเหล่านั้นถามว่า วิมานของท่านงดงาม มีรูปภาพวิจิตรดี สว่างไสว ดูกรนางเทพธิดา พวกข้าพเจ้าถามแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
นางเทพธิดานั้นตอบว่า เมื่อดิฉันเป็นมนุษย์อยู่นั้น มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายแป้งคั่วอันเจือด้วยน้ำมัน แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต มีจิตซื่อตรง ดิฉันเสวยวิบากแห่งกุศลกรรมนั้นในวิมานนี้สิ้นกาลนาน ก็ผลบุญนั้น เดี๋ยวนี้ยังเหลือนิดหน่อย พ้น ๔ เดือนไปแล้ว ดิฉันจักจุติจากวิมานนี้ จักไปตกนรกอันเร่าร้อนสาหัส มี ๔ เหลี่ยม มี ๔ ประตู จำแนกเป็นห้องๆ ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ครอบด้วยแผ่นเหล็ก พื้นนรกนั้นล้วนเป็นเหล็กแดงลุกเป็นเปลวเพลิง ประกอบด้วยความร้อน แผ่ไปตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ ดิฉันจักต้องเสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นตลอดกาลนาน ก็การเสวยทุกข์เช่นนี้เป็นผลแห่งกรรมชั่ว เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงเศร้าโศกที่จะไปเกิดในนรกนั้น.
:b8: :b8: :b8: :b8: ว่าด้วยการทำบุญอุทิศให้เปรต
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

บุคคลผู้ไม่ตะหนี่ ควรทำเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
คือปรารภถึงบุรพเปตชนเทวดาผู้สิงอยู่ในเรือน หรือท้าวมหาราชทั้ง ๔ ผู้รักษาโลก ผู้มียศ คือ
ท้าวธตรัฐ ๑ ท้าววิรุฬหก ๑ ท้าววิรูปักษ์ ๑ ท้าวกุเวร ๑ ให้เป็นอารมณ์ และพึงให้ทานท่านเหล่านั้นเป็นผู้อันบุคคลได้บูชาแล้ว และทายกก็ไม่ไร้ผล
ความร้องไห้ ความเศร้าโศก หรือความร่ำไห้อย่างอื่น ไม่ควรทำเลย
เพราะความร้องไห้เป็นต้นนั้น ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ญาติทั้งหลายคงตั้งอยู่ตามธรรมดาของตนๆ อันทักษิณาทานนี้ที่ท่านเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในสงฆ์ให้แล้ว
ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่บุรพเปตชนโดยทันที สิ้นกาลนาน.

:b8: :b8: :b8: เขตตูปมาเปตวัตถุ
ว่าด้วยพระอรหันต์เปรียบเหมือนนา

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ความว่า
พระอรหันต์ทั้งหลายเปรียบด้วยนา ทายกทั้งหลายเปรียบด้วยชาวนา
ไทยธรรมเปรียบด้วยพืช ผลทานย่อมเกิดแต่การบริจาคไทยธรรมของ
ทายกและปฏิคคาหกผู้รับ พืชที่บุคคลหว่านลงในนานั้น ย่อมเกิดผลแก่
เปรตทั้งหลายและทายกเปรตทั้งหลายย่อมบริโภคผลนั้น
ทายกย่อมเจริญด้วยบุญ ทายกทำกุศลในโลกนี้แล้ว
อุทิศให้เปรตทั้งหลาย ครั้นทำกรรมดีแล้วย่อมไปสวรรค์.
:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: เมื่อใครๆ หวังซึ่งอายุ วรรณะ สุขะ พละ และรูปอันประณีต อย่าพึงมีใจข้องอยู่ในสิ่งอื่น
พึงยังข้าวและน้ำอันตนตบแต่งดีแล้วเป็นอันมาก ให้ตั้งไว้ในพระพุทธเจ้า
เพราะใครๆ ในโลกนี้หรือโลกอื่น จะเป็นผู้ประเสริฐหรือเสมอด้วยพระพุทธเจ้ามิได้มี
พระตถาคตเจ้านั้น ถึงแล้วซึ่งความเป็นผู้ควรบูชาอย่างยิ่งกว่าบุคคลผู้ควรบูชาทั้งหลายของชนผู้มีความต้องการบุญ แสวงหาผลอันไพบูลย์.
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 16:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 09:36
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เจอสัตว์ตกน้ำ ช่วยได้ ยังช่วย
เจอเปรตมาขอส่วนบุญ ถ้าช่วยได้ ไม่ช่วยได้ไง

:b6: :b6: :b6:

เป็นคำตอบง่าย ๆ ที่เอกอนบอกกับตัวเอง
คือ เป็นคำถามที่อาจารย์ไล่ถามเอกอนน่ะ
เป็นคำถามที่อาจารย์ถามให้เอกอน คิด
ว่าเรา ควรจะฉลาดไม่ให้ถูกภาพเปรตมาหลอก หรือ จะยอมให้เปรตหลอกดี

คือ ถ้าจะเห็นนะ เปรต กะ มด มันก็เหมือน ๆ กัน
เห็นสัตว์ได้รับความเดือดร้อน
เราไม่เคยต้องมาเสียเวลาคิดตัดสินอะไรเกี่ยวกับความมีอยู่จริงของสัตว์ตัวนั้น
และเราก็กุลีกุจอเข้าไปช่วย
และทุกอย่างก็ดำเนินไป ตามกระแสแห่งการปรากฎ

แต่พอเป็นเปรต เรากลับมีอะไรให้ต้องคิดต้องตัดสินมากมาย
ทำไม...?
อาจารย์ถามว่า
"มันควรแล้วหรือ ที่ให้ความคิด ความสับสน ความสงสัย เข้ามาขวาง บดบัง กระแสแห่งความเมตตา"

จงระวัง กุศลจิตที่ถูกสกัด ด้วยคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น มันฉลาด

smiley smiley smiley


เยี่ยมครับ .....เมตตา ชัดเจน!.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 17:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 09:36
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเองไม่ได้ฝึกกรรมฐานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเท่าไร เหมือนกันครับ ...อาสัยแต่อ่านตามหนังสือ เอานะครับ ....แล้วก็ลองฝึกนั่งสมาธิ เหมือนกันครับ ....หลักของผมใช้การเฝ้าดูลมหายใจขณะหลับตาครับ พอเริ่มนิ่งเป็นจังหวะ แล้ว ค่อยถอยออกมาพิจารณาดูตัวเองครับ ว่าตนเองมีความคิดอะไร ที่ อยู่ใน ตัญหา โลภะ โทสะ และโมหะ ....อยู่บ้าง โดยพิจารณาจาก หลักการ คำสอน ในหนังสือที่ เขียนวางขาย โดยลูกศิษญ์พระเกจิ ต่างๆ ...ที่เจริญวิปัสณากรรมฐาน ....(ตัวอย่างมีเยอะครับ ) บางครั้งผมก็ได้ความรู้จากพี่ๆที่เคยฝึกมาทางด้านนี้ อยู่บ่อยๆ นั้นหละครับ .... ทุกครั้ง ที่ผมได้พบได้เข้าใจตัวเองในแง่มุมต่างๆ ผมมักจะมาตรวจสอบความเข้าใจเหล่านี้กับ หนังสือ และพี่ๆที่เคยมีประสบการณ์ทางด้านต่างๆเหล่านี้ด้วยเช่นกัน .....เพื่อไม่ให้ผมคิดไปเองหรือ หลอกตัวเอง ....เพื่อจะได้แยกแยะ ว่าสิ่งที่เราเข้าใจนั้น มัน ถูกทางหรือไม่ ......ตรงนี้หละครับ ที่ผม หมั่นฝึก หมั่นทำอยู่บ่อยๆ ครับ .......ทำไปนานๆ วันเข้า ความรู้สึกนึกคิดผมก็จะละเอียดขึ้นเอง นะครับ ถึงวันหนึ่ง สิ่งที่ คล้ายๆกับเจ้าของกระทู้ก็ ก้เกิดขึ้นตามมาเอง ครับ แต่ผมเจออาจไม่เหมือนกันซะทีเดียว ครับ ...ผมก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งครับ ...แต่สิ่งที่ผมได้พบได้เจอเหล่านั้น แค่เป็นเครื่องหมายบอกให้เรารับรู้ถึงจิตที่ละเอียดขึ้น ครับ ...แล้วจิตที่ละเอียดนี้หละครับ จะทำให้ผมมีสติ และสมาธิ ในการทำสิ่งดีๆได้ง่ายครับ ......เช่นเรื่องของ การรักษาศีล ...นั้นทำง่าย และไม่รู้สึกลำบากใจที่จะทำเลยครับ....เอามาเล่าแบ่งกัน นะครับ ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2013, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เจอสัตว์ตกน้ำ ช่วยได้ ยังช่วย
เจอเปรตมาขอส่วนบุญ ถ้าช่วยได้ ไม่ช่วยได้ไง

:b6: :b6: :b6:

เป็นคำตอบง่าย ๆ ที่เอกอนบอกกับตัวเอง
คือ เป็นคำถามที่อาจารย์ไล่ถามเอกอนน่ะ
เป็นคำถามที่อาจารย์ถามให้เอกอน คิด
ว่าเรา ควรจะฉลาดไม่ให้ถูกภาพเปรตมาหลอก หรือ จะยอมให้เปรตหลอกดี

คือ ถ้าจะเห็นนะ เปรต กะ มด มันก็เหมือน ๆ กัน
เห็นสัตว์ได้รับความเดือดร้อน
เราไม่เคยต้องมาเสียเวลาคิดตัดสินอะไรเกี่ยวกับความมีอยู่จริงของสัตว์ตัวนั้น
และเราก็กุลีกุจอเข้าไปช่วย
และทุกอย่างก็ดำเนินไป ตามกระแสแห่งการปรากฎ

แต่พอเป็นเปรต เรากลับมีอะไรให้ต้องคิดต้องตัดสินมากมาย
ทำไม...?
อาจารย์ถามว่า
"มันควรแล้วหรือ ที่ให้ความคิด ความสับสน ความสงสัย เข้ามาขวาง บดบัง กระแสแห่งความเมตตา"

จงระวัง กุศลจิตที่ถูกสกัด ด้วยคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น มันฉลาด


:b8: :b8: :b8: สุภาษิตสอนให้มุ่งสันติธรรม
เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ได้ไปสู่นรกบ้าง ไปสู่เปตโลกบ้าง
ไปสู่กำเนิดสัตว์เดียรัจฉานอันเป็นทุกข์บ้าง เราได้เสวยทุกข์หลายอย่าง
ตลอดกาลนาน เราได้อัตภาพเป็นมนุษย์บ้าง ได้ไปสู่สวรรค์บ้างเป็น
ครั้งคราว เราเกิดในรูปภพบ้าง ในอรูปภพบ้าง ในเนวสัญญีนาสัญญี
ภพบ้าง ภพทั้งหลายเรารู้แจ้งแล้วว่า ไม่มีแก่นสาร อันปัจจัยปรุงแต่ง
ขึ้น เป็นของแปรปรวนกลับกลอก ถึงความแตกหักทำลายไปทุกเมื่อ
ครั้นเรารู้แจ้งภพนั้นอันเป็นของเกิดในตนทั้งสิ้นแล้ว เป็นผู้มีสติ ได้
บรรลุสันติธรรม.
:b8: :b8: :b8:
อันเมตตา กรุณา ปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชุ่มใจ จุฟากฟ้าจุฬาลัย สู่แดนดิน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร