วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2012, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 821


 ข้อมูลส่วนตัว


เบื้องหลังของทุกๆ ชีวิต หากนึกย้อนกลับไปดู ทั้งที่เป้นอดีตของปัจจุบัน และอดีตชาติที่เคยเกิดมานับชาติไม่ถ้วน จะมีทั้งที่เป็นความดี ซึ่งถือว่าเป็นความสว่างของชีวิตและส่วนที่เป็นมุมมืดของชีวิต เพราะบาปกรรมที่เคยทำเอาไว้ในอดีต

ชีวิตเรายังไม่มีอะไรที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง บางครั้งจึงมีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป ดังนั้นเราจึงควรจะสร้างแต่ความดีเพื่อความสุขทั้งในปัจจุบันและในบั้นปลายของชีวิต ขอให้เราอดทนก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางแห่งความดี พร้อมกับหมั่นทำใจให้หยุดนิ่ง สักวันหนึ่งเราจักก้าวถึงบันไดขั้นสูงสุดคือได้บรรลุถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน อันเป็นเอกันตบรมสุขอย่างแน่นอน

มีพระบาลีที่ปรากฏ ในอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุปกรณ์ ว่า

“กาเมสุมิจฉาจารอันบุคคลซ่องเสพแล้ว อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อนรก เป็นไปพร้อมเพื่อกำเนิดในดิรัจฉาน เป็นไปพร้อมเพื่อวิสัยแห่งเปรต วิบากของกามเมสุมิจฉาจารอย่างเบาที่สุด เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีศัตรู มีเวร ไม่เป็นที่รักของคนอื่น”

ความเจ้าชู้ทำให้เกิดความระแวง มีศัตรูมาก และทำให้ไม่เป็นที่รัก เหมือนดังเรื่องในอดีตชาติของภิกษุณีท่านหนึ่ง หลังจากบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ระลึกชาติดูประวัติการสร้างบารมีที่ผ่านมา ว่าสั่งสมบุญอะไรไว้บ้างจึงได้บรรลุพระอรหัตตผล และทำไมภพชาติสุดท้ายนี้จึงได้แต่งงานถึง ๓ ครั้ง และถูกสามีทอดทิ้งโดยไม่มีเยื่อใยเลย เมื่อระลึกชาติไปดู ก็พบว่า ในแต่ละชาติที่ผ่านมา ตนเองต้องเสวยวิบากกรรมที่เกิดจากการประพฤติผิดในกามมาโดยตลอด แม้ในภพชาตินี้ถึงจะเกิดเป็นลูกสาวเศรษฐี แต่ได้คนขอทานมาเป็นสามี เขาก็ไม่มีความปรารถนาอยากอยู่ร่วมด้วยเลย

เรื่องมีอยู่ว่า พระเถรีรูปนี้ท่านระลึกชาติไปดูพบว่า ท่านเคยสร้างบารมีมาในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ หลายพระองค์ทีเดียว และเคยเกิดเป็นผู้ชายมาแล้วหลายภพหลายชาติ ได้เคยสั่งสมบุญกุศลที่เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาตลอด

ครั้นพอมาถึงใน ๗ ชาติสุดท้าย ท่านได้เกิดในนครเอรกัจฉะ เป็นลูกชายนายช่างทอง มีสมบัติมาก และถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ คือมีรูปร่างหน้าตาดี จึงเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลาย ลูกชายช่างทองได้ประพฤติผิดในกาม เป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น ครั้นละโลกไปแล้ว ทำให้ไปบังเกิดในนรก ต้องหมกไหม้อยู่ในนรกนั้นยาวนาน

พอพ้นจากอัตภาพของสัตว์นรกแล้ว บุญที่เคยทำเอาไว้ในอดีต ได้พยุงท่านให้มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ๓ ชาติ คือได้เกิดเป็นลูกวานร พอคลอดได้เพียง ๗ วันเท่านั้น วานรจ่าฝูงก็กัดอวัยวะเพศของลูกวานรทิ้ง กลายเป็นลิงตอนตลอดชาติ นี่ก็เป็นเพราะผลกรรมของความเจ้าชู้มาก่อน

ครั้นจุติจากกำเนิดวานร ก็ไปเข้าท้องของแม่แพระตาบอดและเป็นง่อย มีความเป็นอยู่ลำบากมาก พวกเด็กๆ ได้ชักชวนกันมาเล่นขี่หลังแพะตัวนี้ และเพราะกรรมที่เคยเจ้าชู้นั่นเอง ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ของแพะเป็นโรคมีหนองไหล ได้รับทุกข์ทรมานมาก จึงเป็นอวัยวะใช้การไม่ได้จนตลอดชีวิต

ชาติถัดมาก็ได้มาเกิดในกำเนิดโคของพ่อค้าโค เป็นลูกโคขนแดงเหมือนสีน้ำครั่ง ได้รูปทรงสมส่วน และเป็นที่ดึงดูดใจของโคตัวเมียทั้งหลาย ทำให้ถูกตอนตั้งแต่ยังไม่โตเป็นโคหนุ่ม จากนั้นก็ถูกใช้ให้ลากไถและลากเกวียนทำงานหนักจนตาบอด

พอจุติจากกำเนิดโคแล้ว ชาติที ๕ ได้ไปเกิดเป็นลูกของนางทาสีเป็นหญิงก็ไม่ใช่ เป็นชายก็ไม่เชิง คือเกิดเป็นกะเทยนั่นเอง ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากสังคมในยุคนั้นมาก และก็ไม่เป็นที่รักของคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นชีวิตจึงพบแต่ความทุกข์ตรมระทมใจมาโดยตลอด จะรักชายหนุ่ม เขาก็ไม่รัก จะคบกับหญิง เพื่อนหญิงก็หวาดระแวง พออายุได้ ๓๐ ปี ก็ล้มป่วยตาย

จากนั้นในชาติที่ ๖ ได้มาเกิดเป็นเด็กผู้หญิงในตระกูลช่างทำเกวียนเข็ญใจ ถูกเจ้าหนี้มารุมทวงหนี้ทุกวัน เมื่อหนี้สินพอกพูนมากขึ้น นายกองเกวียนก็ริบสมบัติ พร้อมกับเอาลูกสาวไปเป็นคนรับใช้ที่บ้าน ลูกชายของนายกอดเกวียน ชื่อคิริทาส เห็นนางซึ่งกำลังอยู่ในวัยรุ่นอายุ ๑๖ ปี ก็มีจิตปฏิพัทธ์ ขอไปเป็นภรรยาน้อย

เมื่อนางไปเป็นภรรยาน้อยของเขาแล้ว ได้พูดยุยงให้สามีแยกทางกับภรรยาหลวง จนกระทั่งภรรยาหลวงต้องแยกทางกับสามี ทั้งที่จริงแล้วภรรยาหลวงเป็นคนมีศีล มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ต่อสามี การที่นางพูดยุยงให้เขาแตกกัน จึงเป็นการสร้างกรรมใหม่

พอมาถึงสมัยพุทธกาล ก็ได้ไปบังเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงอุชเชนี นางมีชื่อว่า อิสิทาสี ได้รับยกย่องว่าเป็นคนที่มีศีลมีธรรม เมื่อเติบโตเป็นสาวได้แต่งงานกับลูกเศรษฐีที่มีสมบัติทัดเทียมกัน เมื่อมีสามีแล้ว นางก็ตั้งใจทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาเคารพสามีประดุจเทวดา เป็นคนไม่มีทิฏฐิมานะ ไม่คิดนอกใจสามีเลย แต่เพราะกรรมเจ้าชู้ และด้วยกรรมที่ทำให้สามีภรรยาเขาแยกทางกันนั่นเอง บีบคั้นให้สามีเกิดความเบื่อหน่าย อยู่ร่วมกันได้เพียงเดือนเดียว สามีก็บอกให้นางกลับไปอยู่บ้านตามเดิม

พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นหม้าย ก็เลยให้แต่งงงานครั้งที่สองกับคนฐานะปานกลาง นางก็ไม่รังเกียจ ตั้งใจทำหน้าที่ศรีภรรยา ปรนนิบัติดูแลสามีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ไม่เป็นที่รักของสามีเหมือนเดิม ถึงแม้ว่านางจะเป็นที่รักของพ่อแม่สามีและคนในบ้านก็ตาม แต่เมื่อไม่ถูกใจสามีเสียแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่เป็นหม้ายสาวตามเดิม

บิดาของนางเห็นว่า ถ้าให้ลูกสาวแต่งงงานกับคนที่ยากจนเข็ญใจ ลูกเขยคนใหม่นี้ไม่น่าจะทอดทิ้งนาง จึงไปหาหนุ่มขอทานหน้าตาดีมาเป็นเขย หนุ่มขอทานคนนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ดีๆ ก็มีเศรษฐีมาขอร้องให้ไปเป็นลูกเขย เหมือนหนูตกถังข้าวสาร โชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ เสียอีก

พอได้ไปอยู่กับลูกสาวเศรษฐี อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาเพียงครึ่งเดือนก็เกิดความเบื่อหน่ายอีกแล้ว นี่เป็นเพราะกรรมที่นางเคยทำให้สามีเขาทะเลาะและแยกทางกัน ในที่สุดหนุ่มขอทานก็ขอแยกทางกลับไปเป็นขอทานเหมือนเดิม

ลูกสาวเศรษฐีมีความรู้สึกละอายใจมาก ที่นางแต่งงานมาถึง ๓ ครั้งแล้ว แต่ต้องถูกทอดทิ้งในระยะเวลาอันสั้นทุกครั้งไป และด้วยบุญที่นางสั่งสมมาดีในภพชาติอดีต ทำให้นางปรึกษากับพ่อว่าจะออกบวชเป็นภิกษุณี แต่พ่อกลัวลูกสาวจะลำบาก เลยแนะนำว่า “ลูกเอ๋ย ลูกเป็นคฤหัสถ์ก็สามารถประพฤติธรรมได้ ลูกจงเลี้ยงดูสมณพราหมณ์ด้วยข้าวน้ำเถิด ไม่ต้องบวชก็ได้”

นางให้เหตุผลแก่พ่อว่า “ความจริงลูกก็ทำบาปมามากแล้ว ลูกจะชำระบาปนั้นให้เสร็จสิ้นไปเสียที”

บิดาเมื่อเห็นความตั้งใจจริงที่จะออกบวชให้ได้ของลูกสาวแล้ว ก็ไม่ขัดข้อง ได้อนุญาตและอวยพรว่า “ขอลูกจงบรรลุธรรมอันเลิศ และให้ได้พระนิพพานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำให้แจ้งแล้วเถิด”

เมื่อได้รับอนุญาตจากบิดาแล้ว นางก็ไปบวชในสำนักของภิกษุณี และด้วยบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาในอดีต ครั้นบวชได้เพียง ๗ วัน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นอรหันตเถรี

เราจะเห็นว่า การประพฤติผิดในกาม นอกจากจะทำให้ไม่เป็นที่รักแล้ว ยังเป็นเหตุให้บาปอกุศลที่เคยทำไว้ในอดีตได้ช่องตามมาส่งผลถึงในภพชาติปัจจุบันอีกด้วย ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมี ซึ่งกรรมบางอย่างที่แรงกล้ามากก็สามารถตามส่งผลถึงภพชาติสุดท้ายทีเดียว

เพราะฉะนั้นดีที่สุดอย่าไปสร้างบาปกรรมอีก ให้ตั้งใจสั่งสมแต่กรรมดี อย่าประมาทในชีวิต เพราะถ้าประมาทพลั้งเผลอ การดำเนินชีวิตมีสิทธิ์ผิดพลาด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอบาย ไม่พ้นวิบากกรรม ดีที่สุดต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมอันจะนำออกจากวัฏฏสงสารได้ บาปกรรมทั้งหลายจะได้ตามไม่ทัน ยิ่งถ้าหมดกิเลสก็หมดกรรม หยุดการเวียนว่ายตายเกิด สุดท้ายจะถึงซึ่งพระนิพพานได้ในที่สุด

ที่มา http://www.gconnex.com/philosophy-religion/t1071/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร