วันเวลาปัจจุบัน 30 มี.ค. 2024, 05:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 10:41
โพสต์: 52


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นสมาชิกที่รู้สึกว่าตัวเองมีกรรมหนักเหลือเกิน เริ่มจากเรื่องครอบครัว ตั้งแต่เล็กจนโตดิฉันเกิดในครอบครอบครัวที่ค่อนข้างมีปัญหา พ่อกับแม่ทะเลาะเบาะแว้งกันตั้งแต่ยังเล็กจนโต ดิฉันไม่ค่อยพอใจพ่อเท่าไรนักเพราะพ่อชอบกินเหล้าเมาหาเรื่องทะเลาะตบตีแม่ตลอดจนปัจจุบัน( 30 ปีผ่านมาแล้ว)ไม่ว่าด้วยเรื่องใดๆ พ่อเป็นคนไม่ค่อยรับผิดชอบในหลายๆๆอย่าง แต่แม่ยังรักพ่อเหลือเกินหลายครั้งที่เคยขอให้แม่เลิกกับพ่อแม่ก็ทำไม่เคยได้ พ่อมักจะอ้างสิทธิของความเป็นพ่อเพื่อขู่เข็ญเราทั้งเรื่องเงินทอง บางครั้งดิฉันมองครอบครัวอื่นเห็พ่อคนอื่นเค้าหาเงินทอง เก็บเงิน สร้างบ้านเรือน ให้ลูกเค้าหรือแม้กระทั่งกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อทำอะไรให้ลูกเขายังทำได้ แต่กรณีพ่อของดิฉันนั้น พ่อไม่มีความพยายาม พ่อเหมือนคนบ้าเมาอาละวาดจนแถวหมู่บ้านไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย พ่อกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อสนองความต้องการของตนเองคือกินเหล้าเมานั่งล้อมวงกับเพื่อนจนเงินหมด ทำร้ายแม่เวลาเงินหมด แต่แม่ก็ยังรักพ่ออยู่ ปัจจุบันนี้หนี้สินต่างๆๆ ดิฉันต้องรับผิดชอบ เสียงที่ก้องอยู่ในหูตลอดชีวิตคือเสียงพ่อบอกกับดิฉันว่าไม่ต้องเรียนหรอกหนังสือไม่มีเงินให้มึง ดิฉันร้องไห้หนีมาอยู่ กทม.หาเงินเรียนเองจนจบ ตอนเรียนหาเงินได้ส่งให้แม่ใช้ตลอดแต่ก็ไม่เคยพอ เงินเก็บไว้จากการทำงานดิฉันต้องเอามาให้ครอบครัวใช้หนี้ หรือใช้จ่ายเงินก้อนตลอดโดยที่พ่อไม่ได้หาเลย วันนี้ที่เข้ามาขอเล่าให้ฟังเนื่องจากดิฉันไม่แน่ใจว่านี่คือกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ที่ดิฉันก่อไว้และกำลังก่อ สิ่งที่ดิฉันเป็นอยู่ในวันนี้ดิฉันทุกข์ใจชีวิตที่ไม่ดีขึ้นเลยโดยเฉพาะเรื่องเงินหาได้เยอะแต่ครอบครัวไม่เคยพอ ดิฉันเหนื่อยท้อใจถอดใจกับชีวิตที่แย่มาโดยตลอด พ่อไม่เคยหยุดการกระทำแบบเดิมๆๆ แถมแย่ยิ่งกว่าเดิม ดิฉันหมดความรู้สึกรักและศรัทธาในตัวพ่อของดิฉันเอง ดิฉันหยุดที่จะห้ามปรามหยุดที่จะตำหนิพ่อแต่ดิฉันหยุดคิดไม่ได้ว่าไม่รักพ่อมาโดยตลอด คำถามในวันนี้
1.ดิฉันบาปมากไหมที่เกิดความรู้สึกแบบนี้กับพ่อมาโดยตลอด
2.ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี ดิฉันไม่รักพ่อแต่รักแม่มากควรทำอย่างไรต่อ
3.ดิฉันควรหาหนทางทางธรรมอย่างไรเพื่อจะทำให้ใจตัวเองดีขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าได้รับกรรมหนักเหลือเกิน และจะจบกรรมหรือตัดวงจรกรรมกับพ่ออย่างไรดี

ขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


การทำอย่างที่เล่ามาก้ถือว่าทำได้ดีแล้ว คือรักแม่ ไม่ทิ้งแม่ ส่งเงินให้แม่ใช้ ตอนนี้คุณทำงานทำงานมีเงินใช้ ให้เจียดเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำบุญด้วยนะ ทำเสร็จก้อุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และที่ขาดไม่ได้คือให้พ่อกับแม่มีความสุขต่อๆ ให้นึกถึงยังงี้ พ่อเราเขาจะเปนอย่างไรก้ปล่อยเขา บอกได้ก้บอก บอกไม่ได้ก้คงแล้วแต่เค้า คงไปห้ามหรือเตือนอะไรมากไม่ได้ ส่วนแม่ก้ให้ทำอย่างที่เคยทำต่อไป มีเวลาก้ไปเยี่ยมเยียน
ท่านและซื้อของไปฝากท่านบ้าง และที่สำคัญที่หอ้งนอนควรมีหนังสือสวดมนต์อาจเปนบทสวดอะไรก้ได้ที่เราชอบ เช่นผมเกิดวันอังคาร ก้สวดคาถาบูชาพระประจำวันอังคาร ตั้งแต่ ยัสสานุภาวะโต....ไปถึงปะริตตันตัมภะนามะ เห จบ1 จบ ซึ่งคาถาประจำวันนี้ให้สวดวันละ 8 จบ ก้สวดไปมา ให้ครบ8 รอบ
แต่ผมขอแนะนำ ก่อนจะสวดคาถานี้ ให้กราบพระสามครั้ง สวดบทบูชาพระรัตนตรัย ตามด้วยนะโม3จบ
แล้วสวดอิติปิโส พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วจึงสวดคาถาบูชาประจำวันเกิด เกิดวันอะไรก้ให้สวดตามวันๆนั้น จากนั้นสวดเสร็จ ก้ให้อุทิศส่วนให้แก่พ่อแม่พี่น้อง และเจ้ากรรมนายเวร รวมถึงเปรตและเทวดา
แต่ให้นึกถึงพ่อและแม่ทั้งสองมากๆ แล้วก้แผ่ออกไปนึกให้ท่านทั้งสองมีแต่ความสุข แต่ให้ทำเกือบทุกวัน
ส่วนเอาเงินไปทำบุญนั้นทำตอนที่เรามีเวลาว่างอาจจะเดือนละครึ้ง หรือเดือนละสองครั้งเอาตามเวลาที่เราพอไปทำได้ และอย่าทำบุญจนหมดเงินมากเกิน ให้ทีละน้อยแต่บ่อยๆจะดีกว่า ให้ตามกำลังทรัพย์ของเรา
ซึ่งที่เล่ามาทั้งหมดเปนสิ่งใครๆก้สามารถทำได้ และทำได้ตลอดด้วย ไม่รบกวนการทำงาน ไม่รบกวนเวลาพักผ่อน และไม่ทำให้รายรับเราร่อยหรอลงไปเท่าไรด้วย แต่ทำไปเพื่อความสุขทางใจ และบุญกุศลที่จะได้รับ และทำให้คลายวิตกกังวลจากเรื่องแม่ไปในตัวด้วย :b39:

ลองไปทำดูนะครับ กรรมที่ไม่ดีซึ่งเราเคยทำไว้ในอดีตอาจจะแก้ไม่ได้ เลยต้องรับผลทนทุกข์ทรมานแต่กรรมที่เรารู้อยู่ทำอยู่ในปัจจุบันเราทำได้ ปรับปรุงได้ อยากให้ชีวิตดีขึ้นก้ต้องแก้ที่ตัวเองในปัจจุบัน ใช้การทำทาน หรือทำบุญเล็กๆน้อยๆกับวัด เข้าช่วย ใช้การสวดมนต์ให้จิตมีธรรมะมีความสงบเข้าช่วย และที่สำคัญแผ่เมตตาให้คนที่เรารักเขามีความสุข(ทั้งแม่ด้วยและพ่อด้วยเหมือนกัน) จะช่วยได้มากทีเดียว ขอแต่มีความจริงใจและศรัทธาในความดีและความยึดมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ ด้วยตัวเราเอง ก้จะทำให้คลายทุกข์และแก้ปัญหาอันสาเหตุมาจากพ่อให้เราสามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ก่อน และไม่ทำให้ตัวเองเศร้าหมองกับเรื่องแม่มากจนเกินไป :b40: :b40:

ปล.. หัดปล่อยวางเรื่องแม่กับพ่อด้วยก้จะดี เพราะขณะที่อยู่ที่นี่เราไปคิดห่วงท่านมากเท่าไรก้ช่วยอะไรแม่ของที่อย่กับพ่อไม่ได้ พยายามปลงๆไปได้ ถึงจะบอกว่าได้ แต่มันปลงไม่ได้สักทีก้ไม่เปนไร ก้คิดเสียว่าความทุกข์พวกนี้ เมื่อมันเกิดมาก้ต้องมีทางไปของมัน ช่วงที่เราอย่ที่นี่ก้ทำใจให้ปลอดโปร่ง เพราะหากคิดมากไม่สบายเปนไรไปเข้า แม่ที่อยู่นุ้นก้คงห่วงลูกคนนี้มากไม่แพ้ที่คุนเปนห่วงเช่นกัน :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2012, 14:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 10:41
โพสต์: 52


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณมากค่ะ
สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2012, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอตอบแบบไม่ค่อยตรงคำถาม

ลองอุทิศส่วนกุศลอย่างที่ท่านอินทรีย์ห้าได้กล่าวมาแล้ว ถ้าพ่อติดเหล้าก็ลองปรึกษาสถานที่บำบัดดูหรือปรึกษาเกี่ยวกับหมอทางจิตวิทยาก็ได้อย่างน้อยเราก็ได้ทดลองแก้ปัญหา

แต่เรื่องเกี่ยวกับพ่อนั้นเตือนได้ไม่เป็นบาป เช่น พ่ออย่ากินเหล้าเลยนะมันเป็นบาปอย่างนี้ เราพูดตามธรรมไม่เป็นบาปแต่ห้ามว่าพ่อในเรื่องอื่นๆที่พ่อไม่ได้กระทำผิดเพราะมันบาปมากถ้าพูดตามธรรมแล้วไม่ต้องกลัวเตือนไปเลยตรงๆ ในเรื่องการคิดที่จะตอบแทนพระคุณนั้นมิใช่ทำได้ง่าย เช่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... 617&Z=1840

ตอบข้อ 3
คนเราเกิดมาแล้วต้องยอมรับทุกข์ ทุกข์มากทุกข์น้อยมันก็เป็นทุกข์ ท่านกล่าวว่าเกิดก็ทุกข์ แก่ก็ทุกข์ เจ็บ ตายก็ทุกข์ ประจวบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็ทุกข์ ท่านไม่เคยบอกเกิดเป็นสุขเลย ที่เราเสวยอยู่นั้นมันเป็นวิบากกรรมอย่างแน่นอน ส่วนการที่เราจะไปปรับเปลี่ยนความเห็นคนอื่นให้เห็นตามไม่ใช่ว่าจะง่ายนัก ขนาดพระพุทธเจ้าเป็นมหาบุรุษแท้ๆ ยังมีคนทำชั่วเลยแล้วประสาอะไรกับเรา ให้เราทำเท่าที่เราทำได้ อย่าได้ทำเกินกำลังเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องที่จะตัดวงจรกรรมนั้นให้เราโทษตัวเองว่าเราอยากเกิดมาทำไม ต่อไปนี้เราจะปฏิบัติตนเพื่อที่จะไม่เกิดอีก ถ้าเราตั้งใจอย่างนี้จึงจะพ้นเกิดได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2012, 00:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอขอบพระคุณมากค่ะ

ถ้าจะมีคำถามอะไร ถามเพิ่มมากกว่า 3 ข้อข้างบน หรือถามอย่างอื่นเพิ่มก้ถามมาได้ครับ??
ถือว่าร่วมด้วยช่วยกัน คงมีอีกหลายที่เจอปัญหาลักษณะเช่นนี้ในครอบครัว แล้วแก้ไม่ตก
แต่ยังงัยก้ขอเอาใจช่วยกับคนที่สู้ชีวิตแบบนี้ :b35:

ควรจะคุยกับพ่อบ้าง หรือเตือนท่าน ในช่วงที่พ่อไม่เมา คุยให้สติท่าน แต่ถ้าไม่ฟัง ก้คุยเท่าที่ยอมฟังได้
ก้พอครับ บางทีการคุยกันในครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูก ก้ทำให้เหนปมของปัญหา หรืออาจทำให้พ่อเลิกเหล้าก้เปนได้ หรือดีที่สุดก้คือทำยังไงก้ได้ให้ท่านหยุดกินเหล้า หรือกินให้น้อยลงๆ :b45: :b44:
น่าจะเปนวิธีแก้ที่ถุกจุดที่สุดนะ อย่างที่คุณtonk ว่าไว้ ต้องให้รู้จักโทษของการกินเหล้า ถ้าเหนพิษภัยและเข้าใจโทษมันจริงๆ ตอนนั้นถึงจะหยุดได้เอง ก้เตือนบ่อยๆ เรื่อยๆ ตามความสามารถละกัน
แล้วก้พาพ่อไปตรวจสุขภาพด้วย ก้จะดีมากๆนะ ถ้าท่านยอมไปด้วย ไม่ร้ว่าร่างกายเปนยังไงบ้างแล้ว

ทำไปทีละอย่าง สองอย่าง ค่อยเปนค่อยไป เรืองติดเหล้าเปนอะไรที่แก้ไขใช้เวลานานๆ คงแก้ไขไม่ได้ภายในปีเดียว อันไหนทำได้ก้ทำไปก่อนครับ (อย่าเพิ่งไปโกรธพ่อเลยนะ จงห่วงพ่อเหมือนกันที่ห่วงแม่เถอะ จะได้หาวิธีอื่นๆช่วยพ่อได้ เพราะไม่มีไรค้างคาในใจ เวลาช่วยจะช่วยได้ง่ายขึ้น) :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2012, 06:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่
ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร
พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น
การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ
ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน
ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน
บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ
มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตร
คนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดา
บิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้
สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน
ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น
ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ

http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... 617&Z=1840

จากพระไตรปิฏก
สรุปได้ว่า
ให้บิดาเลิกเหล้า มีศีลมีธรรม หันหน้าเข้าวัด สร้างบุญบารมี...... นี่คือตอบแทนบุญคุณท่าน ที่แท้จริง

แต่ก็ต้องอาศัยอุบายนะ

อุบาย .............................. นี่คือสิ่งที่ต้องคิดให้ออก ทำให้ได้ มันยากตรงนี้

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 01:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน
ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น
ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา

..........โดยอาศัยกุศโลบาย (และสติปัญญาของลูกๆ)

เหนด้วยอย่างยิ่งครับกับหลวงพี่ หาเหตุให้เลิกในสิ่งที่เปนทางแห่งความเสื่อม ชีวิตจะได้ไม่เสื่อมแล้ว
กลับมาพัฒนาตัวเองได้อีกครั้ง เพราะหยุดเหตุที่เสื่อมได้แล้ว แต่ต้องอาศัยความขยันและความอดทนของลูกๆเลยเชียวแหละ..นะ 55 ของดีก้เรยต้องทำยากหน่อย แต่ถ้าทำได้ก้ได้กินผลกำไรระยะยาว :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 01:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2013, 19:16
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร