วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 20:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


pupea2552 เขียน:
11:11 เขียน:
คุณจขกทถามว่า สาเหตุเกิดมาจากอะไร

คือผมไม่รู้รายละเอียดที่คุณเล่ามานะครับ แต่ผมบอกได้เลยว่า ปัญหาของคุณ ปัญหาต่างๆในประเทศไทย รวมถึงปัญหาแทบจะทุกปัญหาของประชาชนแต่ละคนนั้น ล้วนแล้วเกิดมาจากการที่ประเทศเราไม่มีประชาธิปไตยครับ


ถ้าประเทศเรามีประชาธิปไตยเหมือนกับประเทศอื่นๆที่เขามี ปัญหาที่คุณพบอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้


แต่มันน่าเสียดายที่ว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จักประชาธิปไตย ว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้าง
และที่สำคัญคือ คนไทยส่วนใหญ่เป้นผู้ทำลายประชาธิปไตยด้วยมือของตนเอง


ถ้าจะแก้ปัญหาทั้งประะเทศ เราต้องแก้ด้วยการทำให้ประเทศนี้มีประชาธิปไตยครับ


ไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตยเหรอค่ะคุณ11:11







เกี่ยวข้องโดยตรงเลยครับ เรื่องทุกเรือ่ง ปัญหา(แทบจะ)ทุกปัญหาของทุกคน หรือของประเทศ ล้วนแล้วเกิดขึ้นมาจากการที่ประเทศเราไม่มีปชตครับ (ปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับปชต เช่น อกหัก )


คือผมเขียนเรื่องปชตกับปัญหาต่างๆไว้ในกระทู้นึง เดี๋ยวจะยกมาให้อ่านนะครับ
ผมเขียนภาพรวมไว้แบบสรุปสั้นๆ แต่ถ้าอ่านแล้วคิดวิเคารห์ให้ลึกๆเราจะรู้เลยว่า ทุกอย่างมันจะสอดรับมีผลกระทบเป็นลูกโซ่พันกันไปหมด ไม่ยกเว้นเรืองธุรกิจของครอบครัวคุณเลย (คนไทยจำนวนมากไม่รู้ในสิ่งที่ผมเขียนครับ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเิอิญที่คจนไทยไม่รู้ว่าปชตมีประโยชน์ต่อตัวเองอย่างไงบ้าง มันมีเบื้องหลังครับ)




ภาพรวมคือ การที่ประเทศไม่มีปชต ก็ส่งผลให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศไม่ได้เป็นใหญ่ในประเทศ แต่มีคนไม่กี่คนมาใหญ่กว่าประชาชน ตรงจุดนี้มันส่งผลกระทบมหาศาลทำให้ผู้มีอำนาจ ข้าราชการ นักการเมืองเขาไม่เห็นหัวประชาชน เขาจะโกงกิน เขาจะไม่ทำงานเพื่อประชาชนในอันดับแรก เขาจะไม่ทำตามหน้าที่ตามกฏหมาย ซึ่งตรงจุดนี้เองนำมาซึ่งหายนะของประเทศไทย คือประเทศไม่เจิรญ คนจนเต็มประเทศ ผุ้หญิงต้องไปขายตัว ปัญหาสังคมมีเต็มไปหมด มันสร้างผลกระทบไปถึงคนทุกคน


ทางแก้ของปัญหาแบบองรวมคือ ต้องแก้ให้ประชาชนใหญ่สุดในประเทศเหมือนในประเทศที่เขาเจริญแล้วทำกัน (นั่นคือต้องปกครองประเทศแบบประชาธิปไตย คือทุกคนเท่าเทียมกัน) ส่วนข้าราชการ นักการเมือง แลผุ้อำนาจคนอื่นๆที่กินเงินเดือนจากภาษีของคุณของผมและจากประชาชนต้องมีสถานะเป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น ด้วยการที่ประชาชนมีระบบถ่วงดุลอำนาจทำหน้าที่ตรวจสอบลูกจ้างเหล่านี้แทนประชาชน




ปล ที่สำคัญ ** เมื่ออ่านจบแล้ว คุณจะพบว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมถึงปัญหาของคุณ นั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเิอิญแต่อย่างใด **


อ่าน คคหข้างล่างต่อครับผมยกมาจากกระทู้อื่น


แก้ไขล่าสุดโดย 11:11 เมื่อ 19 ส.ค. 2010, 23:55, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยกมาให้อ่านครับ


พวกฝรั่งหรือต่างชาติเขาไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิด ที่คุณเห็นว่าพวกเขาเสียเลือดเสียเนื่อเพื่อเรียกร้องปชตในประเทศของเขา มันมีเหตุผล แต่คุณยังไม่รุ้ ลองอ่านที่ผมอธิบายดุข้างล่าง


คุณกำลังเข้าใจผิด ความจริงแล้ว ปัญหาที่คุณว่ามา ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชั่น ปัญหาต่างๆในสังคม ปัญหาแทบจะทุกอย่างในประเทศ มันจะถูำกแก้ไขได้ด้วยการปกครองที่เป็นแบบปชต
(ตรงนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ รู้แต่ว่า ได้เลือกตั้งอะไรประมาณนี้)


ตราบใดที่ประเทศยังไม่มีปชต ก็ไม่มีทางเลยที่แก้ปํญหาต่างๆแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปได้


ที่คุณบอกว่า ต้องแก้ด้วยการสร้างคนให้เป็นคนดีมีคุณธรรมนั้น มันเป็นเรื่องหลัง ถ้าคุณไม่มีปชต คุณก็ยังสร้างคนดีมีคุณธรรมอย่างที่คุณต้องการไม่ได้ ผมมีเหตุผล เดี๋ยวรองอ่านดู




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปชต มันถูำกออกแบบมาเพื่อให้คนทุกคน มีสิทธิเสรีภาพ มีศักดิศรีความมนุษย์ ที่เท่าเทียมกัน
ตรงจุดนี้ จะทำให้ไม่เกิดชนชั้น หรือพวกอภิสิทธิชนที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่นได้


แต่ประเทศไทยมันไม่เป็นปชต แต่เป็นชนชั้น (ชนชั้นไม่ได้หมายความถึง คนรวย คนจน คนพิการ คนหล่อ คนสูง คนเตี้ย)


ชนชั้นหมายถึง คนสองกลุ่ม กลุ่มบนจะมีสิทธิเสรีภาพมากกว่าคนอีกกลุ่มนึง หรือมีสิทธิที่จะละเมิ่ดสิทธิของคนอื่น แปลง่ายๆว่า "กลุ่มบนเอารัดเอาเปรียบคนกลุ่มล่าง"


กลุ่มบนหรือพวกอภิสิทธิชนนี้เขาควบคุมกลไกต่างๆของประเทศได้ เมื่อเขาควบคุมได้ ถามว่าเขาจะต้องการ ให้ประเทศนี้มีปชต (ความเท่าเทียมกัน) หรือไม่ ถ้าประเทศมีปชต นั่นก็แปลว่า ชนชั้น (หรือความไม่เท่ากัน) จะหมดไปโดยปริยาย


คำตอบคือ เป็นไปไม่ได้ที่อภิสิทธิชนจะต้องการให้ประเทศมีปชต ถ้ามีเมื่อไหร่สถานะของเขาที่เอารัดเอาเปรียบผุ้อื่นอยุ่จะทำไม่ได้อีกต่อไป เพราะไม่มีชนชั้นอีกต่อไปแล้ว มีแต่ทุกคนเท่าเทียมกัน



ดังนั้นเมื่อเขาควบคุมกลไกในประเทศได้ เขาก็ต้องคุมตรงนี้ด้วยคือไม่ให้มีปชต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้น นั่นคือ พวกอภิสิทธิชนเหล่านี้ ได้สร้างผลต่อเนื่องมาคือ ข้าราชการหรือนักการเมืองจะต้องบริการพวกอภิสิทธิชนก่อนประชาชน ตรงนี้เรียกว่า ระบบอุปถัม


ระบบอุิปถัมมันขยายตัวไปเรื่อย ประชาชนหรือคนชั้นล่างจะถูกบริการหลังสุด (ดูจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านได้เลย) (ผลกระทบตรงนี้ครอบคลุมทั้งประเทศ ประชาชนเดือดร้อนกันไปทั่ว)


จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน ระบบอุปถัมมันพัฒนามาเป็น "การคอร์รัปชั่น" นั่นคือ ประชาชนหรือคนชั่นล่าง ก็สามารถเป็นอภิสิทธิชนได้เหมือนกันนะ ถ้ามีการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ (ตรงนี้คือความหายนะที่ใหญ่ที่สุดแล้วของประเทศ ประชาชนก้มหน้ารับผลกระทบกันไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า รากของมันอยู่ที่ไหน)

ที่พวกเขาทำอย่างนี้กัีบประชาชนได้ มันมีเหตุเพียงข้อเดียวคือ เขาไม่กลัวประชาชนเอาผิด เขาไม่เห็นหัวประชาชน เพราะระบบถ่วงดุลอำนาจของประชาชนมันไม่มีประสิทธิภาพหรือบางทีก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาเห็นว่าประชาชนมันไม่ได้ใหญ่สุดในประเทศ มันมีพวกอภิสิทธิชนมาใหญ่กว่า ดังนั้นประชาชนมันก็เปรียบเสมือนเศษดินเศษฝุ่นที่ที่ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย




แก้ไขล่าสุดโดย 11:11 เมื่อ 19 ส.ค. 2010, 01:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ผมเขียนไว้ข้างบนนี้คือจุดกำเนิดของการคอรับชั่น สังเกตุให้ดีว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวข้าราชการ หรือนักการเมือง แต่รากของมันอยู่ที่การที่ประเทศไม่มีปชต
(หมายความว่า คุณเอาเรืองข้าราชการที่มันโกงกินได้คนนึง แต่ปัญหามันไม่ได้จบไปทั้งระบบ ข้าราชการคนอื่นก็โกงกินต่อไป แต่ถ้าอยากให้ทั้งประเทศปราศจากการคอรับปชั่น เราต้องแก้ที่รากของมันด้วยการทำให้ประเทศมีปชต)




ยิ่งไปกว่านั้น พวกอภิสิทธิชนทั้งหลายเขารู้ว่า หากวันใดที่ประชาชนฉลาดขึ้นมาเขาจะพบว่า ตัวประชาชนได้ถูกเอารัดเอาเปรียบไปอย่างไงบ้าง ความซวยก็จะมาเยือนพวกอภิสิทธิชนในที่สุด

ทางแก้ของพวกเขาคือ ต้องทำให้ประชาชนโง่เขลาไปเรือ่ยๆ ประชาชนจะได้ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ พวกอภิสิทธิชนจะได้อยู่อย่างนี้ต่อไป


ตรงนี้จุดนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่มันเป็นเรือ่งใหญ่เกี่ยวข้องกับทุกคน ทุกคนได้รับผลกระทบ อย่างที่ผมได้บอกไว้ข้างบนแล้วคือ ปัญหาแทบจะทุกปัญหาของทุกคนมันมีที่มาจากการที่ประเทศไม่มีปชต



ดังนั้น อย่าไปหวังเลยว่า อภิสิทธิชนจะมาหวังดีต่อประชาชน หวังจะสร้างคนให้เก่ง ฉลาด ดีมีคุณธรรม
จำไว้เลยว่า หน้าที่ของพวกเขาคือ ทำให้ประชาชนโง่เข้าไว้เพื่อพวกเขาจะได้คงสถานะของเขาได้ตลอดไป



***************************


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่นี้ลองมาดูในมุมที่ว่า หลังจากที่ประเทศมีปชต ประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง

ผมบอกไว้แล้วว่า ปชตคือ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีอภิสิทธิชนมาจ้องทำลายประชาชน
เมื่อทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้น ประชาชนจะใหญ่สุดในประเทศ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่ไปตอบสนองคนอื่นก่อนประชาชาชน



ประชาชนจะมีโอกาสสร้าง องกรอิสระที่ทำหน้าที่แทนประชาชนในการตรวจสอบ เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับผู้มีอำนาจ และผู้ที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน


การถ่วงดุลอำนาจ ได้แก่ การตรวจสอบ การวิพวกวิจารณ์ การโหวตเข้าโหวตออกจากตำแหน่ง การฟ้องร้องดำเนินคดี 9ล9


องกรอิิสระเหล่านี้ จะพบว่าเมื่อไม่มีอภิสิทธิชนมาคอยแทรกแซงเหมือน่ที่ผ่านมาเขาจะตั้งหน้าตังตาทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ ตรงนี้ ข้าราชการ และนักการเมืองจะไม่กล้าคอรัปชั่นกัน (ถ้ามีก็จะพบว่ามีน้อยมาก) เพราะระบบถ่วงดุลอำนาจจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าพบว่าผุ้ใดทุจริต กลไกของมันจะลงโทษผุ้นั้นไปในที่สุด จนสุดท้าย คนเหล่าีนี้จะพบว่า การทำงานรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริงจะทำให้เขาและครอบครัวของเขาอยู่อย่างมีความสุขมากกว่าการไปเสีี่ยงคอรัปชั่น หรือการไม่ทำตามหน้าที่(ไม่บังคับใช้กฏหมายอย่างเท่าเทียมกัน)


จะเห็นได้ว่าประโยชน์ทุกอย่างจะตกลงสู่ประชาชนอย่างเต็มที่ไม่มีรั่วไหลไปสู่อภิสิทธิชนได้อีกต่อไป

หลังจากนั้น ประชาชนตอ้งการอะไร เช่น ต้องการให้รัฐบาลสร้างคนดีมีคุณธรรม เขาก็ต้องทำตามความต้องการของประชาชน ถ้าไม่ทำ ประชาชนก็โหวตเขาออกจากตำแหน่งหมดอำนาจหน้าที่ แล้วเลือกคนใหม่มาทำงานแทน
(ตรงจุดนี้ที่ผมบอกแต่แรกว่า เราต้องมีปชตเสียก่อน ถ้ายังไม่มีก็ยังสร้างคนดีที่คุณต้องการไม่ได้ เพราะมันมีคนคอยขวางอยู่)


*** คุณลองคิดดูง่ายๆว่า เป็นไปได้ไหมที่พระุพุทธเจ้าท่านจะสรรเสริญกับระบบชนชั้นที่มีแต่การเอารัดเปรียบ (ถ้าไม่มีการเอาเปรียบ หรือละเมิดสิทธิกัน เขาไม่เรียกชนชั้นหรอก)

ผมตอบให้ก็ได้ว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้


[/color]


แก้ไขล่าสุดโดย 11:11 เมื่อ 19 ส.ค. 2010, 01:26, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 01:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 03:11
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเอามาจากกระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=33760&start=45


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเพราะกรรมที่ทำมาแต่ปางก่อน

พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า ธรรมใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าสอนเหตุนั้น และทางดับแห่งเหตุนั้น

ธรรมใดๆ มีเหตุเป็นแดนเกิด หมายความว่า ทุกอย่างมีสาเหตุ

ทางดับ คือ ทำดีจน มีบุญ มีกุศล มีปัญญา ตัดรากเหง้า แห่งสาเหตุได้


การทำดีมากๆ จะจางกรรมชั่วได้
ให้สมาทาน ศีลห้า ให้บริสุทธ์ ความจริงด้วยอานิสงส์ของศีลห้า ก็มีทรัพย์แล้ว ที่พระท่านสวด ศีลเลนะโภคะสัมปทา แปลว่า ศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์ อันนี้จริงนะครับ
ศีลเป็นฐานบาทแห่งบุญอันมหาศาล เมื่อมีศีล ทำทาน มีอานิสงส์กว่าตอนไม่มี อย่างประมาณไม่ได้ครับ

จากนั้นให้ทาน โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้บ่อยๆ ไม่ต้องทีละมากแต่บ่อยๆ ทานที่มีอานิสงส์มากคือ สังฆทาน วิหารทาน สร้างศาลา โบสถ์วิหารเป็นต้นครับ

ทาน กับศีล สองอย่างนี้ เป็นเรื่องของ ความจน ความรวยโดยตรง

ความจริง แล้ว การที่จน ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ทำทาน ไม่ได้ทำทาน นั้นเพียงแต่ไม่มี

การที่คนเรา พยายามทำงาน จนน่าจะมีรายได้ แต่กลับไม่มี คือจนได้ ต้องมีกรรมที่แรงกว่านั้น
ได้ แก่ ไป ขัดลาภคนอื่น ไปโกงคนอื่น เป็นต้นครับ

บางทีการขัดลาภนิดเดียว แต่กับผู้มีบุญ เช่น
พระอรหันต์ ท่านจะไปรับบาตร แต่เราบังเอิญตอนนั้นเป็นพระ ไปแย่งลาภจากท่าน สมมุตินะครับ อย่างนี้ ก็จนไปหลายภพชาติเช่นกันครับ

อย่างนี้เป็นต้นนะครับ ทางแก้ได้บอกไว้แล้วนะครับ

เป็นกำลังใจให้ ทำดี รักษาศีล และทำทาน และประกอบงานด้วยสติ แก้ปัญหา ก็จะลุล่วงได้ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย จักรแก้วรัตนะ เมื่อ 20 ส.ค. 2010, 14:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 13:02
โพสต์: 129

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ดิฉันกำลังเป็นอย่างคุณสนใจธรรมพอดี
ขอบคุณสำหรับคำถาม และคำตอบที่ช่วยให้ดิฉันได้มีวิธี จัดการกับความทุกข์ได้ นอกจากการรอคอยให้ทุกข์ดับอย่างเดียว

.....................................................
ชีวิตที่เหลือ ขออยู่เพื่อธรรมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 21:03
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตหดหู่ก็เจริญสติ พิจารณาธรรมใคร่ครวญในธรรมให้เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่แล้วดับไปเป็นธรรมดาให้วางเฉยเสียแล้วสู้ต่อไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร