วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 11:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2009, 23:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2007, 13:30
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


สมมุติผมถือศีล 5 และผมมีกำหนัดจึงสำเร็จความใคร่โดยที่จิตกำหนดว่าทำเพื่อระบายความกำหนัดไม่ได้คิดถึง ญ ที่มีสามีหรือมีเจ้าของรักษาถือว่าผมผิดศีลไหม และผมลองปฏิบัติดูพบว่าวันไหนที่ผมไม่ได้ช่วยตัวเองจิตไม่หมกมุ่นในกามราคะจิตจะสงบได้เร็วกว่าอันนี้เกี่ยวกันไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ

เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา
คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้.
เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป,
เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทงด้วยศร
ฉะนั้น ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้น
เป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกนี้เสียได้.
ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชาย
และสตรี พวกพ้อง และกามทั้งหลายอื่นๆเป็นอันมาก กิเลสมาร
ย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น;
เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออัน
แตกแล้ว ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม,
ละกามแล้ว พึงข้ามโอฆะเสียได้ ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้ว
ก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้นแล.
- สุตฺต.ขุ.๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


papbu เขียน:
สมมุติผมถือศีล 5 และผมมีกำหนัดจึงสำเร็จความใคร่โดยที่จิตกำหนดว่าทำเพื่อระบายความกำหนัดไม่ได้คิดถึง ญ ที่มีสามีหรือมีเจ้าของรักษาถือว่าผมผิดศีลไหม และผมลองปฏิบัติดูพบว่าวันไหนที่ผมไม่ได้ช่วยตัวเองจิตไม่หมกมุ่นในกามราคะจิตจะสงบได้เร็วกว่าอันนี้เกี่ยวกันไหม


1. ศีล 5 เป็นบาป เพราะจิตเป็นอกุศล และทำกรรมลงไปด้วยการละเมิดผู้อื่น แล้วคุณได้ละเมิดใครล่ะในกาเมสุมิฉาจาร 20 ข้อ ไม่มีเลยใช่ไหม แล้วมันจะเป็นบาปได้อย่างไร???

2. จิตไม่หมกมุ่นในกามราคะ คุณก็ทำจิตได้สงบ นั่นดีแล้วครับ แต่ถึงคุณไม่หมกมุ่น ธรรมชาติมันก็บังคับคุณเองให้ต้องหมกมุ่นเอง โดยการฝันเปียก สิ่งนี้ในวัยเจริญพันธุ์ มันหลีกเลี่ยงได้ยากครับ พระโสดาบันยังหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีความเย็นในกาม

มาคัณฑิยะ? ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร คือ ท่านเคยได้
เห็นหรือเคยได้ฟังบ้างหรือไม่ ว่า พระราชาก็ดี อำมาตย์ผู้ใหญ่ของพระราชาก็ดี
ผู้เอิบอิ่มเพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕ ให้เขาบำ เรออยู่, ยังละกามตัณหาไม่ได้
ยังบรรเทาความเร่าร้อนเพราะกามไม่ได้ แล้วจะเป็นผู้ปราศจากความกระหาย มีจิตสงบเย็นอยู่ ณ ภายใน
ในอดีตก็ตาม กำลังอยู่ในปัจจุบันก็ตาม หรือจักอยู่ในอนาคตก็ตาม นั้นมีอยู่บ้างหรือ?"
"ข้อนั้น ไม่เคยมีเลย ท่านโคดม!"

มาคัณ ฑิยะ! ถูกแล้ว, แม้เราเอง ก็ไม่เคยให้เห็นไม่เคยได้ฟัง
เช่นนั้นเลยว่า พระราชาก็ดี อำมาตย์ผู้ใหญ่ของพระราชาก็ดี ผู้เอิบอิ่มเพียบ-
พร้อมด้วยกามคุณ ๕ ให้เขาบำเรออยู่, ยังละกามตัณหาไม่ได้ ยังบรรเทาความ
เร่าร้อนเพราะกามไม่ได้ แล้วจะเป็นผู้ปราศจากความกระหาย มีจิตสงบเย็นอยู่ณ ภายใน
ในอดีตก็ตาม กำลังอยู่ในปัจจุบันก็ตาม หรือ จักอยู่ในอนาคตก็ตาม ดังนี้แล.
- ม. ม. ๑๓/๒๘๐/๒๘๖.
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2009, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


BlackHospital เขียน:
กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ

เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา
คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้.
เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป,
เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทงด้วยศร
ฉะนั้น ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้น
เป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกนี้เสียได้.
ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชาย
และสตรี พวกพ้อง และกามทั้งหลายอื่นๆเป็นอันมาก กิเลสมาร
ย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น;
เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออัน
แตกแล้ว ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม,
ละกามแล้ว พึงข้ามโอฆะเสียได้ ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้ว
ก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้นแล.
- สุตฺต.ขุ.๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
:b8: :b8: :b8:


จะบ้าหรือเปล่า ท่านกำลังเอาหลักธรรมของพระอรหันต์มาพูด มนุษย์ยังไม่ใช่พระอรหันต์นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2009, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท.! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้
คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ....
เสียงทั้งหลายอันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ....
กลิ่นทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ....
รสทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา....
โผฏฐัพพะทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยกาย
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่,
ภิกษุ ท.! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ

ความกำหนัดัไปตามอำนาจความติตรึก (สงฺกปฺปราค)นั่นแหละคือกามของคนเรา;
อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่;
ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึกนั่นแหละคือกามของคนเรา;
อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลกตามประสาของมันเท่านั้น;

ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้.
- ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๗-๔๖๐/๓๓๔.
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าแต่ K. B. Hospital ไม่มีภาษาพูดแบบธรรมดา ให้เข้าใจแบบง่ายๆบ้างหรอครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคำที่พูดเหมือนในหนังสือปริยัติ ซึ่งอ่านแล้วต้องทำความเข้าใจหลายรอบ.... :b39:

หรือว่าเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของคุณ Black ฯ ครับ :b43:

ยังไงผมก็เอาใจช่วย ที่สรรหาเนื้อหาคำพูดที่มีสาระมาโพสท์บ่อยๆ :b8: (แต่ถ้าให้ดีควรเป็นภาษาพูดธรรมดาๆจะน่าอ่านกว่านี้ครับ หรืออาจจะสรุปเป็นภาษาตัวเองทิ้งท้ายด้วยก้จะดี) :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร