วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 17:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2009, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2009, 21:29
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


การเที่ยวสถานบริการอย่างอาบอบนวดจะมีบาปหรืออไม่ เพราะเหตุใด
ขอเหตุผลตามหลักศาสนาเลยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2009, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 22:07
โพสต์: 30


 ข้อมูลส่วนตัว


บาปแน่นอน อกุศลให้สุขก่อนมีถมไป ตอนหลังจะเป็นทุกข์นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2008, 16:01
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


บาปค่ะ้ ถ้า
1. ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตพ่อแม่ให้ขาย ถ้าพ่อแม่ทราบและยินยอมก็ไม่เป็นไร
2. ผู้ชายมีภรรยาแล้ว ไม่ได้ขออนุญาตภรรยา ถ้าภรรยายินยอมก็ไม่เป็นไร
ต้องมีทั้งสองข้อนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพลศักดิ์พูดไม่ผิดหรอกครับทุกท่าน แต่ไม่ถูกทั้งหมด
ที่เขาพูดถูกคือการที่คนเราจะบาปหรือบุญขึ้นอยู่กับจิตปรุงแต่งให้เป็นบาปหรือบุญ

แต่ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณพลศักดิ์คือ
การเหมารวมกิจกรรมนี้ทั้งกิจกรรมว่าไม่บาป 100%

ในความเป็นจริงตามธรรมชาติของเรา
ในเวลา...
1. ก่อนเราร่วมเพศ
2.ระหว่างร่วมเพศ
3.หลังการร่วมเพศ

คุณพลศักดิ์คิดว่าทั้งสามเวลานี้ คนเรามีเจตสิกดวงเดียวหรือครับ?
เวลาผ่านไป 10 ปี เมื่อคุณกลับมาคิดถึงเรื่องที่ทำแล้วคุณคิดว่าคุณจะมีเจตสิกดวงเดียวแบบเดิมหรือ

- ก่อนร่วมเพศ เรามีความอยาก มีโลภะ ราคะ ซึ่งเป็นฝ่าบอกุศลจิต คือจิตบาป
- ในเวลาร่วมเพศก็มีจิตฝ่ายอกุศลเกิดเหมือนกัน คือ มานะ โลภะ ราคะ และยิ่งชอบยิ่งมันส์ยิ่งแสดงออกนี่ก็เป้นจิตฝ่ายอกุศล
- หลังร่วมเพศเกิดคิดถึงขึ้นมาแล้วปรุงไปว่าอยากอีก หรือเบื่อคนเดิมหดหู่ ก็อกุศลจิตทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นการร่วมเพศกับใครก็ตาม หรือไม่ว่าจะทำอะไรก้ตาม คนเรามีเจตสิกอย่างมากมายรวดเร้ว
มีทั้งฝ่ายดี เป็นกุศลจิต เป็นบุญ
มีทั้งฝ่ายอกุศล เป็นบาป
นาทีที่แล้วมีจิตอย่างหนึ่ง นาทีต่อมามีจิตอย่างหนึ่ง
เดี๋ยวบุญ เดี๋ยวบาป เดี๋ยวกลางๆ

ฉะนั้นการเหมาว่าการร่วมเพศกับโสเภนีบาปหรือไม่บาป ก็ต้องถือว่าเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงตามธรรมชาติ
ต้องตอบว่ามันมีทั้งบุญ ทั้งบาป เกิดขึ้นก่อนจะใช้บริการ ระหว่างใช้บริการ และหลังใช้บริการ

คนที่คิดว่าไม่บาปเลย 100 % เป็นความสุดโต่ง
ต้องคิดเปรียบกับสิงห์สาราสัตว์ดูว่า พวกนั้นก็ร่วมเพศแล้วบาปหรือไม่บาป
แต่ในความเป็นจริง จิตพวกมันก็มีเจตสิกเหมือนกัน เดี๋ยวบุญ เดี๋ยวบาป เหมือนกัน
แต่มันไม่รู้ว่าทำบุญคืออะไร ทำบาปคืออะไร ไม่มีสติ ไม่รู้จักสติ เลยไม่เกิดปัญญาละเอียดในการรับรู้ความปรุงแต่งของจิต
ทำไปตามสัญชาติญานอย่างนั้นเอง

ใครคิดว่าเป้นบุญ 100% ก็สุดโต่ง
เพราะอย่างคนตักบาตร เกิดมีความโลภแทรกขึ้นมาปั๊บ ว่าขอให้ได้อย่างัน้นอย่างนี้ นี่ก็ได้บาปไปกินในระหว่างทำบุญ
เบ็ดเสร้จรวมบัญชี ได้ทั้งบาปทั้งบุญ

บุญบาปมันพร้อมที่จะแทรกอยู่ในทุกขณะจิตของเราทุกคนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก้ตาม
อย่าเพียงยึดเอาแต่การกระทำทาางกายมาตัดสินแบบรวบหัวรวบหางว่าอย่างนั้นบุญ อย่างนั้นบาป
นั่นเรื่องบุญบาป

แต่เรื่องทำแล้วเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อนก้เป็นเรื่องของ กรรม-ผลของกรรม

การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำลงไป ย่อมมีผลอย่างหนึ่งเิกิดขึ้น
กินอาหาร ผลคืออิ่ม นี่ก้คือ กรรม-ผลของกรรม
โยนก้อนหินลงน้ำก็เป็นกรรม - ผลของกรรมคือน้ำกระเพื่อม
ไม่มีกรรมใด ที่ไม่ให้ผล

ถ้าคนมองอย่างหยาบ ก้จะมองว่าไม่เดือดร้อน ไม่มีปัญหา
นั่นเพราะจิตไม่ละเอียดพอจะรู้ทันตัวเองกำลังเสพติด (ขาดสติ) ว่าเป็นอกุศลจิต หรือจิตบาป

ทำแล้วไม่เดือดร้อนก้เลยเอาใหญ่
ยิ่งมีความสุข ยิ่งชอบก็เลยยิ่งสร้างอุปาทานยึดเอาไว้เหนียวแน่นว่านี่คือความสุข
กลายเป็นความเสพติด แต่ไม่รู้ตัว

ไม่ต่างจากคนติดบุหรี่ กล่าวคือรูปแบบเดียวกัน ต่างกันแต่ว่าติดอะไร หลงอะไร
เล่นกับไฟแต่ไม่รู้ว่าร้อนเหมือนกัน

ครั้นจะให้ไม่ติดอะไร ไม่เสพติดอะไรเลย คนอย่างเราๆท่านก้ทนไม่ได้
หันมาติดดียังกว่าหันไปติดเลว

เพราะติดดีมันยังมีความหวัง
มันเดือดร้อนน้อยกว่าติดเลว จริงไหมครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 08:42
โพสต์: 67

ที่อยู่: สังขตธาตุ

 ข้อมูลส่วนตัว


บาปเกิน 100 แน่นอน


กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

บุคคลต้องห้ามสำหรับฝ่ายชาย คือ
(๑) ภรรยาคนอื่น
(๒) ผู้หญิงที่ยังอยู่ในความอุปการะของผู้อื่น (ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอยู่)
(๓) ผู้หญิงที่จารีตต้องห้าม (แม่ ย่า ยาย พี่สาว น้องสาว ลูกสาว ชี หญิงผู้เยาว์


บุคคลที่ต้องห้ามสำหรับฝ่ายหญิง คือ
(๑) สามีคนอื่น
(๒) ชายจารีตต้องห้าม (พ่อ ปู่ ตา พี่ชาย น้องชาย ลูกชาย พระภิกษุ สามเณร ชายผู้เยาว์)


ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงไม่ใช่เฉพาะ ห้ามแต่ร่วมสังวาสเท่านั้น แม้แต่การเคล้าคลอ การพูดเกี้ยวพาราสี หรือการแสดงอาการ ปฏิพัทธ์แม้แต่ด้วยสายตาเนตรสบเนตร เป็นต้น ก็ชื่อว่า การละเมิดศีลข้อนี้แล้ว เมื่อไม่ล่วงละเมิดศีลข้อนี้แล้วเป็นผู้สำรวมในกามยินดีแต่ในภรรยาของตนเท่านั้น (สทารสันโดษ) จงรักภักดีแต่ในสามีของตน (ปติวัตร) ถ้ายังไม่ได้แต่งงานก็ต้องมีกามสังวร ตั้งตนอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม มีวัฒนธรรมอันดีชนิดที่ว่า "เข้าตามตรอกออกตามประตู"

ผู้ที่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่ ๓ คือ ประพฤติผิดในกาม ย่อมได้รับกรรมวิบาก ๕ สถาน ได้แก่

๑.ย่อมเกิดในนรก
๒.ย่อมเกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน
๓.ย่อมเกิดในกำเนิดเปตรวิสัย
๔.ย่อมเป็นผู้มีร่างกายทุพลภาพ ขี้เร่ มากไปด้วยโรค
๕.โทษเบาที่สุด หากเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมเป็นผู้มีศัตรูรอบด้าน

.....................................................
เราคือใจที่บริสุทธิ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2009, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้ายังไม่ได้แต่งงานก็ต้องมีกามสังวร ตั้งตนอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม มีวัฒนธรรมอันดีชนิดที่ว่า "เข้าตามตรอกออกตามประตู"


สาธุค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การซื้อบริการทางเพศเป็นดำริที่ชอบหรือไม่ชอบ ผมไม่ทราบ

กิเลสและตัณหาคือบาปหรือไม่ ผมไม่ทราบ

แต่การร่วมประเวณีเป็นทั้งความสกปรกมาก

และเหน็ดเหนื่อยมาก

ความสุขที่ได้คือถูกหลอกด้วยการบิดตัวของเส้นประสาทนิดเดียวสั้นๆ สั้นกว่าการนวดแฟ้น

เป็นค่าจ้าง

นอกนั้นเป็นอุปทานล้วนๆ

การไปมองปัจจัยภายนอก

ต้องถามว่า

ที่ว่าบาปนั้น

ตัวบาปเป็นโลกียะ หรือ โลกุตระ

ผมว่าเวปนี้ปล่อยให้คนที่บิดเบือนพระสัทธรรมจนผู้อ่านชักจะเพี้ยนตามๆ กันแล้ว

สีสรรในเวปธรรมะชักจะมากไปหรือเปล่า

สัจจธรรมจึงจางลง

ของที่ผิดๆ ถ้าตอกย้ำอยู่ถูกวันคนอ่านอาจเผลอเชื่อเข้าสักวัน

ถึงวันนั้นอาจเกิดนิกายใหม่ขึ้นมาจริงๆ แล้วก็ได้

นิกายที่กินเหล้า แกล้มเนื้อหมา เที่ยวโสเภณี

เพื่อสู่นิพพาน

ใครเคยอ่านนิกายเพชร หรือวัชรยานบ้างยกมือขึ้น

ถ้าไม่เคยอ่านก็ลองไปหาอ่านดู

อ่านแล้วจะไปหาสัจจธรรมที่ซ่องไหนก็เลือกเอา

เพราะนิกายนี้เชื่อว่าถ้าเสพกามให้มากที่สุดจนเบื่อเป็นทางสู่นิพพาน

อย่างนี้แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยความไม่เอนเอียง ผมขอตอบว่า : การเที่ยวผู้หญิงเป็นการล่วงประเวณี แต่จะผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ เราต้องพิจารณาว่า

คำว่า กาเมสุมิจฉาจาร ชื่อว่า ....มิจฉาจาร หมายถึง หญิง ๒๐ จำพวก ที่บุรุษไม่ควรล่วงละเมิดทางเพศด้วย คือ

๑. หญิงที่มารดารักษา

๒. หญิงที่บิดารักษา

๓. หญิงที่ทั้งบิดาและมารดารักษา

๔. หญิงที่พี่ชายรักษา

๕. หญิงที่พี่สาวรักษา

๖. หญิงที่ญาติรักษา

๗. หญิงที่โคตรสกุลรักษา

๘. หญิงที่ธรรมเนียมรักษา

๙. หญิงที่มีอารักขา

๑๐. หญิงที่มีสินไหมแก่ผู้ละเมิด

๑๑. หญิงที่เขาซื้อมาเป็นภริยา

๑๒. หญิงที่ยอมเป็นภริยาโดยสมัครใจ

๑๓. หญิงที่ยอมเป็นภริยาโดยโภคสมบัติ

๑๔. หญิงที่หอบผ้าหนีตามผู้ชาย

๑๕. หญิงที่แต่งงาน

๑๖. หญิงที่ชายสวมเทริด

๑๗. หญิงที่เป็นทาสีและภริยา

๑๘. หญิงที่เป็นคนงานและภริยา

๑๙. หญิงเชลย

๒๐. หญิงที่ชายอยู่ร่วมชั่วขณะ เช่น หญิงนครโสเภณีที่ชายอื่นจับจองแล้วในเวลานั้น บุรุษอื่นไม่พึงละเมิดแย่งชิง หรือลักลอบร่วมรัก


ข้อ 20 นี้น่าสนใจ เพราะมันแสดงว่า หญิงโสเภณีที่โดนชายอื่นจับจอง เราผู้เป็นนักเที่ยวเหมือนกันจะไปล่วงละเมิด หรือลักลอบร่วมเพศกับหญิงนั้นเป็นบาป แต่ถ้าเขาไม่ได้จับจอง เราไปเที่ยวหญิงนั้นก็ไม่เป็นบาป

อย่างไรก็ตาม ศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารนี้ แม้ว่าเราไม่ได้ล่วงละเมิดภรรยาของผู้ใด หรือไม่ได้ล่วงละเมิดหญิงที่ผู้ครอบครอง 20 จำพวก แต่ถ้าหากเราไปมักมากในกาม และติดใจ ติดจนงอมแงม อันนี้เป็นการยินดีพอใจในอารมณ์ที่ผิด ถือเป็นมิจฉาทิฏฐิแบบหนึ่ง

ในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงในประเทศของเขา เมื่อถึงวัยอันควรแล้ว ผู้ปกครองจะปล่อยให้หญิงชายตัดสินใจเอาเองเรื่องคู่ครอง คู่ควง ดังนั้นการร่วมเพศของวัยรุ่นในประเทศของเขา ก็ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ 3 แต่อย่างใดเหมือนกัน แต่ถ้าหญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว ถือว่าเขามีผู้รักษาแล้ว การที่เราไปร่วมเพศกับหญิงนั้นจึงถือว่าผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 12:48
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมก็เห็นว่าบาปนะครับตามความเห็นทุกท่านที่กล่าวมา เพราะยังงัยซะอย่างน้อยที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ต้องมีพ่อแม่

.....................................................
พระเครื่องเป็นแค่ทางผ่าน ดับแล้วดิ่ง พระเครื่อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2009, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


เที่ยวผู้หญิงบาปหรือไม่
ผมคงไม่ตอบตรงๆหรอก
แต่ถ้าถามว่าคุณไปเที่ยวผู้หญิง ถามว่าจิตคุณจะเป็นสมาธิได้ง่ายมั้ย

ที่นี้ลองมาคิดเล่นๆ ดู ในศีล 5
ผิดศีลข้อ 1,2,3,4 หรือข้อ 5 บาปมั้ย
ถ้าตอบว่าบาป ก็ลองพิจารณาต่อไปว่า

ถ้าคุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ บอกว่า
เที่ยวผู้หญิงผิด ไม่ผิดศีลข้อสามในศีล 5
ไม่บาป ก็ถือว่าเป็นมุมมองหนึ่ง (บาปไม่บาปลองพิจารณาต่อไป)
แต่ถ้าพิจารณาศีล 8
การเที่ยวผู้หญิงก็ถือว่าผิดศีลข้อ 3 ประพฤติพรหมจรรย์
ถือว่าบาป

ฉะนั้นถ้าถือศีล 8 การเที่ยวผู้หญิงเป็นบาป
แล้วถือศีล 5 การเที่ยวผู้หญิงเป็นบาปหรือไม่บาปก็ไปลองคิดเองครับ
อาจจะเป็นบาปหรือไม่บาปก็ได้
แต่ถ้าเราสนใจศีล 8 หรือสูงกว่า เราก็ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบว่าศีล 5 บาปไม่บาปครับ

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 03:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


เอางี้ บาป แปลว่า ชั่ว.....ถ้าคุณคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ.....เอาเป็น..บาป นะ......อย่าเข้าข้างตนเองล่ะ......คนที่ชอบเที่ยวมักตอบว่าไม่บาป.....เหมือนคนที่ชอบกินเหล้ามักตอบว่าไม่ผิด...ประการนั้น.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


ในทางพระพุทธศาสนาเราไม่รู้หรอกแต่ทางโลกหน่ะ บาปแน่และผลกรรมก็ตามเร็วด้วย โดยการเป็นเอดส์ครับ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2009, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 23:35
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


บาป นอกจากจะผิดศีลแล้วยังเป็นบาปและทำให้จิตใจต่ำทรามลงไปอีก หลายคนคงรู็ว่าเหตุที่คนที่ไปเกิดเป็นสัตว์เพราะดวงจิตตกต่ำดวงกิเลส ดวงจิตตกต่ำด้วยบาปเวร หรือแม้แต่คนกลายเป็นสัตว์นรกก็เช่นกัน ในเดรัชฉานนั้นสัตว์ประเภทใดต่ำทรามสุด เราคิดว่าน่าจะเป็นหนอนเจาะขี้ เพราะดูๆแล้วก็คล้ายเปรตเสียมากกว่า

กิเลสคือโซ่ตรวนอันพันธนาการ จะขาดง่ายก็ง่ายดั่งตัดเชือกเส้นเล็กๆ จะขาดยากเพราะขาดสติ มีกิเลสมาก มันก็กลายเป็นโซ่เหล็กหนา ที่ภายล่างสุมไฟอยู่ ความร้อนก็ค่อยๆลามขึ้นมาตามเส้นโซ่จนในที่สุดก็ถึงเราเพราะฉะนั้นเราควรรีบตัดกิเลสก่อนไฟจะมาเผาตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเรื่องที่ถกกันไม่รู้จบ บาป หรือไม่บาป :b1:

ทำด้วยความไม่รู้ ว่าหญิงคนนั้นมีคนดูแลอยู่หรือไม่ ผลที่ได้รับย่อมน้อยกว่า คนที่ทำทั้งๆที่รู้ว่าหญิงคนนั้นมีคนดูแล :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วคิดว่าบาปไหมหล่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร