วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 12:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2008, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ต.ค. 2008, 09:12
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยกระทีบหลังงู ตอนที่เป็นครูฝึกสอนอยู่ เพรางูวิ่งเข้ามาในแถวนักเรียนตอนเช้า กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อนักเรียน
จึงตัดสินใจวิ่งไปกระทืบบริเวณตัวงู โดยลืมดูไปว่านั่นนะมันเป็นแค่งูเขียว หรืองูปากจิ๊งจกเท่านั้นเอง กระทืบไปหนึ่งครั้ง คิดว่าโดนที่หลังมันนะ แล้วก็มีครูพละคนหนึ่งมาจับเราไว้ แล้วใช้เท้าค่อยๆเหยียบไล่ไปจนถึงคอแล้วก็จับมันได้ แล้วนำไปปล่อยบนต้นไม้ นักเรียนเฮ!!! กันดังลั่น เราเลยได้คิด ไม่น่าใจร้อนเลยเรา ไม่งั้นมันคงไม่เจ็บตัวเพราะเราทุกวันนี้ปวดหลังมาก เป็นแบบเรื้อรังเลยหละ อยากถามว่าจะแก้กรรมอย่างไรดีครับครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตนากรรม (มโนกรรม) ก็ดี กายกรรมก็ดี ทุกทวารสำเร็จหมดแล้ว การจะแก้คืนให้ปกติเหมือนเดิมเป็นไปไม่ได้ หมายความว่า ความคิดวิบที่สั่งให้กระทืบงูก็จบ (ดับ) ไปแล้ว งูก็ถูกกระทืบแล้ว บาดเจ็บหรือตายไปแล้ว สรุปว่า สำเร็จเสร็จสิ้นหมดแล้วทั้งผู้ทำและผู้ถูกกระทำ ต่างก็ได้รับผลนั้น

ต่อมาภายหลังคุณคิดได้ว่าไม่สมควรทำ เป็นอีกขณะหนึ่งของความคิด

แต่ก็ไม่หมดหวังเสียเดียว ยังพอมีทางอยู่บ้าง นั่นก็คือคุณ koko จะต้องฝึกอบรมจิตให้อยู่เหนือเวทนา ทางนั้นคือทำกรรมฐาน อันนี้พอช่วยได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2008, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ต่อมาภายหลังคุณคิดได้ว่าไม่สมควรทำ เป็นอีกขณะหนึ่งของความคิด

แต่ก็ไม่หมดหวังเสียเดียว ยังพอมีทางอยู่บ้าง นั่นก็คือคุณ koko จะต้องฝึกอบรมจิตให้อยู่เหนือเวทนา ทางนั้นคือทำกรรมฐาน อันนี้พอช่วยได้

เห็นด้วยครับ :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2008, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


น่ากลัว ต้องทำบุญให้มากๆบุญจะส่งผลก่อนบาป ให้บุญมีนำหนักมากว่าบาปบาปที่ทำก็ยังมีอยู่ :b8:

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2008, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ต.ค. 2008, 15:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบวิธีง่ายๆ และสั้นๆ เลยนะ
ให้คุณส่ง e-mail ใบขอใบแก้กรรมได้ที่ น้องrichy ค่ะ

E-mail : richybook@gmail.com

หรือเข้าไปอ่านรายละเอียดที่webside ของเขาก็ได้

http://www.superrichy.org/PageSuperRichy/Index.aspx

รับรอง แก้ไขได้ตรงจุด ค่ะ

โชคดีค่ะ
Keiko


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 14:42
โพสต์: 121


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: กรวดน้ำให้เขาบ่อย ๆ ตอนกรวดน้ำก็ใช้จิตนึกถึงตอนที่เรากำลังกระทืบเขาอยู่ซิค่ะ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


การสำนึกผิดอย่างเด็ดขาด ทำให้วิบากกรรมในโลก ที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลง ส่วนในปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป



มีพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าอยู่บทหนึ่ง ที่อยู่ในสุตตันต มัชฌิชนิกาย สัจจวิภังคสูตร สัจจภังคสูตร 22/542-546(ผม
อ่านมาจากหนังสือธรรมธาตุ ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ของคณะสังคมผาสุก เพื่อความผาสุกของสังคม หน้า 229) เรื่อง
การก้าวล่วงบาปกรรม สมมุติสงฆ์พุทธเถรวาทของเราส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้

จริงๆ เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรมนั้น ก็คือการสำนึกบาปอย่างจริงใจนั่นเอง สิ่งนี้เป็นการขจัดมลทินแห่งอกุศลออก
ไปจากจิต ทำให้กรรมดำกลายเป็นกรรมขาว และวิบากของกรรมดำที่เราเคยทำไปแล้วในอดีต เบาบางลงได้
พระ
พุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า

“ กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด


เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ดังนี้แล้ว ใจของเราจะก้าวออกจากกรรมนั้นได้

ในโลกมนุษย์ เพราะว่าคุณได้สำนึกผิดอย่างเด็ดขาดไปแล้ว วิบากกรรมที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลง ส่วนใน
ปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป


ตัวอย่าง หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ในวัยเด็กท่านเคยฆ่าไก่ตายเป็นจำนวนมากด้วยการหักคอไก่ ต่อมาหลังจากท่านมา
บวชเป็นพระแล้ว ท่านก็สำนึกในบาปกรรมที่เคยได้ทำในวัยเด็ก และท่านก็รู้ในจิตของท่านจากการปฏิบัติกรรมฐาน
ด้วยว่า เหล่าวิญญาณไก่ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านตามมาทวงหนี้แล้ว ท่านก็ต้องรับผลกรรมนั้น โดยต้องคอหัก
ตายในวันที่ 14 ตุลาคม 2521 (ขออภัยถ้าจำผิด) และแล้ว.....เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ ท่านรถคว่ำคอหัก แต่ทว่า
ท่านไม่ตายครับ อยู่ต่อมาถึงทุกวันนี้ให้เราได้กราบไหว้ เป็นผลมาจากการสำนึกบาปหรือการก้าวล่วงกรรมของท่าน
ทำให้วิบากกรรมของท่านนั้นเบาบางลงนั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"koko"ครับ



ในกรณีของคุณ คุณสำนึกบาปแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่ทำกรรมแบบนั้นอีก วิบากกรรมจึงมาหาคุณ
ทางที่ดีคุณจุดธูปขอขมางูตัวนั้นก็สิ้นเรื่อง แล้วทำบุญจิตระลึกให้งู อุทิศผลบุญให้งูตัวนั้น หรือไม่ก็กรวดน้ำ
ให้งูไป เท่านั้นก็น่าจะสิ้นเรือง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ต.ค. 2008, 08:27
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


.........บางทีเราไปคิดในจุดที่ไม่ใช่กรรมตรงงูก็ได้นะครับ อาจเป็นกรรมเก่าๆๆที่เคยมีมาแสดงผล แต่จิตเรากลับไปคิดตรงที่เคยกระทืบ งู การแผ่เมตตาหรือทำอะไรมันไม่ถูกจุด อย่าไปคิดเลยครับว่ากรรมอะไรที่ทำให้ปวดหลังเราแผ่เมตตาไปเลยว่าให้บุญเหล่านี้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์อยู่ในขณะนี้ แล้วขออโหสิกรรมไปด้วย แล้วใจเราก็คิดว่า การเกิดมาของเราก็ต้องมาเจอกรรมแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเกิดมามีร่างกายย่อมต้องได้รับผลแห่งกรรมที่เราเคยทำมา ให้จิต เรายอมรับในกรรมที่เกิดอย่าไปยึดมากจนเกิดความทุกข์มาก ค่อยๆๆปล่อยการยึดมั่นไปทีละน้อย เดี๋ยวใจมันก็สบายเองครับ แล้วให้ตั้งจิตใจลงในทาน ศีล ภาวนา เท่าที่เราจะสามารถทำได้จนเราทำจนมันพ้นกรรมไปเองด้วยแรงเร่งที่เราทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 11:39
โพสต์: 316

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17:

.....................................................
คิดดี พูดดี ทำดี มองเเต่ดีเถิด...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2008, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: ต้องสวดพาหุงฯ มหากาฯ กับพุทธคุณเท่าอายุ+1 แล้วนั่งกรรมฐานกำหนดปวดหนอที่บริเวณ
ตรงจุดที่เราปวดบ่อยๆมากๆครับ อย่างน้อยวันละ30 นาที ถ้าทำไม่ได้ ก้ให้ได้วันละ 15 นาทีก็อย่างดี
แล้วแผ่เมตตาให้งูที่เราตื๊บหลังมันจนเดี้ยง แผ่ไปว่าให้มันมีความสุข และขอชดใช้กรรมทั้งหมดที่ทำกับงูเขียวตัวนั้น และ สวด นั่ง และแผ่เมตตาอย่างงี้ทุกวันๆ ทำสักเดือนนึง-3เดือน อาการปวดหลังคงจะค่อยๆดีขึ้นเองตามลำดับ :b40:
แต่ผมว่าให้ทำต่อไปเรื่อยๆจะดีกว่า ถือว่าชดใช้กรรมอย่างอื่นด้วยครับและพัฒนาจิตใจกับสติปัญญาให้ก้าวหน้าขึ้นด้วยครับ........ :b41: :b39: :b42:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


แผ่เมตตาให้ทุกวันๆจนกว่าเขาจะอโหสิ

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2008, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาปวดหัวเราต้องไปแก้กรรมรึเปล่า หรือว่าไปหาหมอ ปวดหลังก็พึ่งวิทยาการทางแพทย์สิครับ เราไม่รู้หรอกว่าโรคของเราเกิดจากกรรมเก่ารึเปล่า ปัจจัยการเกิดโรคไม่ได้มีแค่กรรมเก่าเท่านั้น

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: ปวดหัวบางที ก็ใช้การทำสมาธิกำหนดปวดให้หายได้เหมือนกันนะ ไม่ใช่จะหายได้เพราะใช้ยาของหมอหรือวิทยาการทางการแพทย์เสมอไป จะเรียกอีกอย่างว่าวิทยาศาสตร์ทางจิตก็ได้ (ฝรั่งเค้ายอมรับเรื่องนี้)

:b49: จะเห็นว่าโรคร้ายหลายๆโรค เช่น มะเร็ง กระเพาะเป็นแผล โรคปวดตามจุดต่างๆของร่างกาย โรคนอนไม่หลับ และ โรคประสาท ก็ใช่ว่าหมอจะรักษาให้หายได้เสมอไป เพราะหลายๆโรคที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากจิตเรากังวลและฟุ้งซ่าน จนเกิดความเครียด สิ่งนี้เองทำให้เกิดที่มาของโรคมากมาย :b43:

:b39: อีกอย่างโรคที่เรื้อรังรักษาไม่หาย เช่นโรคภูมิแพ้ ต้องกินยาตลอด ไม่มียากินก็กลับมาเป็นอีก ยังงี้คงต้องกินยาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้คือทำจิตให้เป็นสมาธิแล้วแผ่กุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เพราะว่าจะให้เราเป็นน้อยลง เมื่อทำมากๆเข้า โรคพวกนี้จะค่อยๆจางลงไปเอง :b40: :b39: :b39: :b42:

:b40: :b40: อธิบายในบอร์ดนี้อธิบายยาก ต้องลองปฏิบัติมาบ้างจะพอเข้าใจครับ :b44: :b39:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2008, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จำได้ว่าเคยอ่านเจอนานมาแล้วที่ใดไม่ทราบได้ว่า....
โรคบางโรค รักษาก็หาย เช่นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมต่างๆ การนั่ง นอน ยืน เดิน ที่ไม่ถูกต้อง การบริโภคอาหาร อากาศ เชื้อจุลชีพ เมื่อรู้เหตุแห่งโรคก็รักษาที่เหตุนั้น โรคก็จะหายได้
โรคบางโรค เกิดจากกรรม รักษาก็ไม่หาย เมื่อหมดกรรมก็หายเองไม่ต้องรักษา หรือ
โรคบางโรคเกิดจากกรรม รักษาก็หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย คือทำให้เสียทรัพย์ เสียเวลา เสียโอกาสก่อนแล้วจึงหาย

ตอนนี้จึงปล่อยวางสังขาร มีเจ็บไข้ได้ป่วย ก็รักษาไปตามอาการ ให้พอไม่รำคาญใจ เพราะร่างกายนี่ไม่ใช่ของเรา หยิบยืมมาใช้ก็ซ่อมบำรุงรักษาไปตามวาระ จนกว่าเขามาเอาคืนไปนั่นเอง

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กระดูก เอ็น ความเจ็บปวด เวทนาต่างๆ ป่ลอยวางลงไป...

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร