ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแก้ว http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=45668 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 มิ.ย. 2013, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแก้ว |
ประมวลภาพ
“พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม หรือวัดทุ่งแก้ว (พระอารามหลวง) ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ขอกราบขอบพระคุณ..ที่มาของรูปภาพ facebook พระราชอุทัยกวี พุฒ สุทตฺตเถระ * * * * * * * * * * * * * * * * พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) ประธานในการก่อสร้าง “มณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง” หลังใหม่ วัดสังกัสรัตนคีรี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19278 หลวงพ่อพุฒ “พระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48011 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 มิ.ย. 2013, 17:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 21 มิ.ย. 2014, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
เมื่อครั้งยังเป็นพระมหาพุฒ สุทตฺโต |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 21 มิ.ย. 2014, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) ถวายเครื่องสักการะแด่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในวาระโอกาสเสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์สะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง ด้านหน้าวัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕ พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) กำลังถือตาลปัตร จากงานพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธชินราชจำลอง ม.ว.ก. ณ วัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ กุฏิของพระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ณ วัดทุ่งแก้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเข้ากราบนมัสการพระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 21 มิ.ย. 2014, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) ตักบาตรดอกไม้ เวียนเทียนรอบพระอุโบสถ ลงอุโบสถเข้าพรรษา อารัมภอนุโมทนากถา เป็นการกล่าวอนุโมทนา ด้วยถ้อยคำที่แสดงความยินดีกับพุทธบริษัท ที่มาร่วมทำบุญตักบาตรดอกไม้ และเวียนเทียนก่อนลงอุโบสถกรรม อุโบสถกรรม หมายถึงการสวดพระปาติโมกข์ หลวงพ่อพุฒท่านลงอุโบสถทุกวันเช้า-เย็นมิได้ขาด ทั้งนอกพรรษาและในพรรษา |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 08 มี.ค. 2018, 08:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) กำลังเดินตามเสด็จ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่สมมติเอา “ยอดเขาสะแกกรัง” วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี เป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มายังเมืองสังกัสสะในครั้งพุทธกาล • เมืองสังกัสสะ บันไดสวรรค์สู่โลกมนุษย์ สถานที่ทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=44853 -------------------------------------- พระสุนทรมุนี (หลวงพ่อใจ คงฺคสโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระอุดมธรรมภาณ (หลวงพ่อสม สุนฺทรธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี หลวงพ่อ ๓ รูปนี้เป็นผู้ทำให้เกิดประเพณีตักบาตรเทโว อันลือลั่นไปทั่วเมืองไทยกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ พระอุดมธรรมภาณ (หลวงพ่อสม สุนฺทรธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี บันทึกภาพหน้า “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” องค์พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานเดิม หลังจากนิมนต์มาจากวัดขวิดและก่อนสร้างวิหารเก่า ณ วัดสังกัสรัตนคีรี -------------------------------------- ประวัติย่อวันเทโว เทศนาโดย พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทตฺโต) ณ วันอาสาฬหปุณณมี เพ็ญเดือน ๘ พระพุทธเจ้าทรงกระทำยมกปาฎิหารที่เมืองสาวัตถี ทรมานพวกเดยรถีย์ให้แพ้พุทธานุภาพแล้ว เสด็จลงจากอากาศทรงสถิตบนรัตนาอาสน์บังลังก์มีประมาณสูงได้ ๑ โยชน์เป็นกำหนด อันปรากฏบนยอดคัณฑามพฤกษ์ในท่ามกลางบรรพษัททั้ง ๔ ทิศๆ ละ ๑๒ โยชน์เสมอกัน ถ้าวัดโดยรอบปริมณฑลก็ได้ ๔๘ โยชน์ เสด็จนิสัชชนาการโดยบุรพาภิมุข โปรดประทานพระธรรมเทศนาโดยสมควรแก่อัธยาศรัยแห่งสรรพอนันตนิกรประชา เมื่อจบพระธรรมเทศนา ประชาชนได้บรรลุมรรคผล ๘๔ โกฏิเป็นประมาณ ต่อแต่นั้น พระพิชิตมารทรงดำริว่า พระพทุธเจ้าในอดีตเมื่อกระทำยมกปาฏิหารแล้วเสด็จไปจำพรรษาในที่ไหน ทรงทราบด้วยอต๊ตังสญาณว่า เสด็จเข้าจำพรรษาในดาวดึงส์พิภพ ตรัสเทศนาพระสัตตปกรณาภิธรรม ภายในไตรมาส เพื่อกระทำปัจจุปการสนองคุณพระพุทธมารดา ในขณะนั้น พระชินสีห์ก็เสด็จอุฏฐาการจากรัตนบัลลังก์อันตั้งเหนือยอดคัณฑามพฤกษายกย่องพระทักษิณบาทเหยียบยอดไม้คัณฑามพฤกษ์นั้น ขณะนั้น ยุคันธรและอิสินธรคีรีก็น้อมยอดเข้าประชุมเป็นคู่เคียงเรียงรับพระบงกชบาทอันย่างเป็นทุติยวารสมเด็จพระพิชิตมารก็ยกตติบาทพุทธลีลาศสืบไป ขณะนั้น ขุนเขาสิเนรุราชก็น้อมยอดลงมารับพระบาทสมเด็จพระมุนินทร เสด็จพระพุทธดำเนิน ๓ ย่าง ล่วงวิถีทางอากาศกำหนดถึง ๖๘ โยชน์เป็นประมาณ ทรงนิสัชชนาการเหนือบัณฑุกัมพลศฺลาอาสน์ ณ ภายใต้ปาริฉัตตรุกขชาติอันเป็นธงชัยเฉลิมดาวดึงส์เทวโลก ในทันใดนั้น สมเด็จท้าวสหัสนัยน์เทวราช ได้ทัศนาการพระศาสดาจารย์ อันเสด็จนิสีทนาการเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ภายใต้ปาริฉัตรลุกขชาติ งามโอภาสรุ่งเรืองด้วยพระรัศมี จึงมีพระกมลเกษมสานต์โสมนัส ก็เสด็จอุฏฐาการจากอาสน์ตรัสฤโฆษณา ประกาศให้หมู่อมรเทพยดาในพิภพดาวดึงส์มาเข้าเฝ้าถวายอภิวาทพระบรมโลกนาถแล้ว พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรไม่เห็นพระพุทธมารดาจึงตรัสถามท้าวโกสีย์ว่า พระมารดา ตถาคตอยู่ที่ไหน ท้าวสหัสสนัยน์ได้สดับพระพุทธดำรัสตรัสถามถึงพระพุทธมารดาดังนั้นจึงอุฎฐาการจากอาสน์ ถวามอภิวาทแล้ว เสด็จขึ้นสู่ดุสิตเทวพืภพ ถึงวิมานพระสิริมหามายาเทพบุตรพุทธมารดา น้อมอภิวาทแล้ว ทูลเสด็จว่าข้าแต่พระแม่เจ้า บัดนี้พระพุทธเจ้าพระโอรสของพระแม่เจ้าเสด็จยังพิภพ ข้าพระพุทธเจ้าคอยท่าพระแม่เจ้าเพื่อตรัสพระธรรมเทศนาโปรดพระแม่เจ้า เมื่อพระสิริมหามายาเทพบุตรพุทธมารดาได้ทรงสดับก็เกิดโสมมนัสปรีดา เสด็จแวดล้อมด้วยนางอัปสรหนึ่งพันเป็นบรืวาร ลงจากดุสิตพิภพมาสู่ดาวดึงส์สถานเสด็จเข้าไป ถวายอภิวาทพระพุทธปิโยรส พร้อมด้วยนางเทพอัปสรบรวารหนึ่งพัน แล้วทรงสถิตทางทักษิณทิศ ขณะนั้น พระชินสีห์จึงเหยียดพระกรเบื้องขวาอันวิจิตด้วยตาข่ายลายจักรลัหษณะจากระหว่างผ้าสังฆาฏิ กวักเรียกพระมารดาว่า เอหิ อัมมะ ดูกรพระชนนี มานี่ ตถาคตจะให้ซึ่งขีรมูลค่าน้ำนมโปสาวนิกมูล ค่าข้าวป้อนพระมารดา ที่พระมารดาเลี้ยงตถาคตมาแต่อเนกชาติ อดิตภพ มาตรัง ปมุขังกัตวา พระบรมศาสดา ทรงกระทำพระมารดาให้ป็นประธานแก่เทพยาดาทั้งหลายแล้วก็ตรัสเทศนา พระสัตตะปะกะระณาภิธรรมให้สมครวรแก่พระปัญญาบาระมีแห่งพระพุทธมารดา ตลอดไตรมาส ๓ เดือน พระพุทธมารดาได้ดำรงในพระโสดาปัตติผลเป็นพระอะริยะบุคคลในพระพุทธศาสนา และเทพยาดาได้บรรลุมรรคผล ๘๐ โกฎิ ยังอีก ๗ วัน จะถึงวันมหาปวารณา บรรดาพุทธศาสนิกชน จึงพากันเข้าไปหาพระมหาโมคคัลลานะเถระแล้วกล่าวว่าพระผู้เป็นเจ้าควรจะไปกราบทูลพระบรมศาสดาว่าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์เมื่อไร พระโมคคลลานเถระก็สำแดงฤทธื์ชำแรกพื้นปฐพีลงไปในที่นั้น แล้วผุดขึ้น ณ เชิงเชาสิเนรุราช กระทำการอธิษฐาน ให้มาหาชนสันนิบาตจงแลเห็นกายของอาตมาอันขึ้นไปอยู่เทวโลกโดยลำดับๆแล้วก็ชำแรกขึ้นไป ณ ภายในท่ามกลางพระเมรุบรรพตประกฎดุจเน้นด้ายแดงอันร้อยเข้าภายในแก้วมณี ครั้นถึงดาวดึงส์พิภพแล้วก็ถวายอภิวาทพระบรมศาสดา แล้วกราบทูลถามว่า พระองค์จะเสด็จลงสู่มนุษย์โลกเมื่อไร จึงมีพระดำรัสตรัสถามว่าดูกรโคคัลลาน์ บัดนี้ สาริบุตรผู้เป็นเชษฐาของท่านอยู่ที่ใด ข้าแต่พระบรมรู พระสารีบุตรจำพรรษาอยู่ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร ดูกรโมคคัลลาน์ แต่นี้ไปอีก ๗ วัน ถึงวันมหาปวารณาแล้ว ตถาคตจะลงจากเทวโลก ณ ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร ในวัันนั้นผิวชนทั้งไหลจะไคร่เห็นตถาคต จะลงมาสู่ที่นั้น และเมืองสังกัสสนครไปแต่เมืองสาวัตถีกำหนดทางได้ ๓๐ โยชน์ แม้ว่าผู้มีประโยชน์จะไปก็จะถึงโดยพลันมิได้ช้า เว้นจากปาเถยกิจคือจะนำเสบียงไปเลี้ยงตน เหมือนดุจชนอันรักษาอุโบสถ และไปเพื่อจะฟังธรรม ในทุระวิหารอันไกล ท่านจงไปบอกแก่ประชาชนตามคำคถาคตนี้ พระมหาโมคัลลาน์ก็ยอกรถถวายอภิวาทรับพุทธพจน์แล้ว ก็กราบถวายบังคมลากลับมายังโลกมนุษย์บอกกล่าวแก่มหาชนตามยุบลนั้น ครั้นถึงวันอัสสะยุชปุณณมีเพ็ญเดือน ๑๑ พระศาสดาทรงปวารณาแล้ว จึงตรัสบอกแก่สมเด็จอมริทราว่า ดูกรท้าวเทวาธิราช ตถาคตจะลงไปสู่มนุษย์โลกในเวลาวันนี้ ท้าวโกสีย์ก็นฤมิตบันไดทิพย์ ๓ บันได ลงจากเทวโลก บันได้ทองอยู่เบื้องขวา บันไดเงินอยู่เบื้องซ้ายบันไดแก้วประดิษฐ์อยู่ท่ามกลาง เชิงบันไดทั้ง ๓ ลงจดพื้นภูมิภาคปฐพี ณ ที่ใกล้เมืองสังกัสสนครและศีรษะบันได้เบื้องบนจดยอดเขาพระสุเมรุ อันเป็นที่ต้ังดาวดึงส์พิภพบันได้ทองเป็นที่ลงแห่งหมู่เทวดาอันตามส่งเสด็จ บัไดเงินเป็นที่ลงแห่งหมู่พรหมทั้งหลายอันตามส่งเสด็จ บันได้แก้วท่ามกลางเป็นทางเสด็จพระสัพพญญู และพระบรมครูเสด็จเถิตเหนือยอดเขาพระสุเมรุราชทรงทอดพระเนตรเรืองสักการะบูชาแห่งเทวดทั้งหลายทั้งหมื่นโลกธาตุ และหมู่มนุษย์จะนับบมิได้เต็มไปทั่วจักรวาล เสด็จยืนประดิษฐาณศีรษะรัตนะบันไดในท่ามกลางหว่าเทพยดาและพรหมบริษัทอันแวดล้อมเป็นบริวารก็ทรงแสดงยมกปาฎิหารซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแสดงโลกะวิวะระณะปาำฎิหารสืบไป ก็ทอดพระเนตรไป ณ ทิสาภาคเบื้องบน ในการนั้น อันว่า เทวโลกและพรหมโลกก็แลตลอดโล่งเปนลานเดียวกันทั้งสิ้น แล้วทอดพระเนตลงไปฝ่ายอโธภาคเบื้องต่ำ ในขณะนั้น อันว่าอโธทิศก็แลโล่งเป็นลานเดียวกันตลอดถึงอเวจีเป็นที่สุด แล้วก็ทอดพระเนตรไปในทิศเบื้องขวางทั้ง ๘ ทิศ อันว่า พันแห่งจักรวาฬทั้งหลายก็แลโล่งเป็นลานเดียวกัน ในกาลนั้น สวรรค์และมนุษย์กับทั้งนรกแลเห็นกันปรากฎทั่วทั้งส้ิน มิได้มีที่ปิดบังทั้งหมือนโลกธาตุสัตว์นรกทั้งหลายก็ได้รับความสุข เล็งแลดูซึ่งกันและกัน ต่างก็เกษมสันติ์สำราญ สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ ก็เสด็จพุทธลีลาศลงมาโดยนำอันดับแห่งโสปาณมณีถึงเชิงบันไดแก้ว ก็เสด็จยืนอยู่ ณ ที่นั้นขณะนั้น พระธรรมเสนาบดีพระสารีบุตรก็มาถายอัญชลีพระบรมโลกนาถ แล้วกราบทูลว่า พระเจ้าข้าวันนี้ เทวดาและมนุษย์ทั้งหมด ย่อมกระหยิ่มปรารถนาต่อพระองค์ ลำดับนั้น พระศาสดาจึงตรัสสารีบุตร ชื่อว่าพระพุทธเจ้าผู้ประกอบด้วยคุณเห็นปานนี้ ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้ เืมื่อทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหล่าใดเป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาณ ยินดีแล้วในธรรมเป็นที่เข้าไปสงบ ด้วยสามารถแห่งการออก แม้แต่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ก็ย่อมกระหยิ่มต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ผู้มีสติฯ ในเวลาจบเทศนา มีผู้บรรจุมรรคผลประมาณ ๓๐ โกฎิ ภิกษุ ๕๐๐ รูปสัทธิวิหาริของพระสารีบุตรเถระ ต้ังอยู่แล้วในความเป็นอรหันต์ในที่นี้มีคำว่าวิสัชชนา ดังจะรู้มา พระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย มิได้เว้นซึงพุทธธรรมดา ๒ ประการคือ การะทำยมกปาฎิหาร แล้วเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ในดาวดึงส์เทวโลก ๑ คือ ลงจากเทวโลก ณ ที่ใกล้ประตูเมื่องสังกัสสนคร ๑ พระพุทธธรรมดาอันนี้เหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ในมหาภัททกัลป์นี้ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 08 มี.ค. 2018, 08:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
จากซ้าย : พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) กับ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) จากซ้าย : สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ), พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) และ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร)” วัดสามพระยา วรวิหาร กรุงเทพมหานคร พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) เดินทางมารับเสด็จ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ แพขนานยนต์ อ.มโนรมย์ รอยต่อระหว่าง จ.อุทัยธานี กับ จ.ชัยนาท |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 08 มี.ค. 2018, 08:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) กับ พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพิสัย ฐานธมฺโม) ขณะติดตามตรวจเยี่ยม “ตึกสงฆ์อาพาธ” โรงพยาบาลอุทัยธานี อ.เมือง จ.อุทัยธานี ในสมัยก่อนพระเณรมีมากจำเป็นต้องสร้างตึกผู้ป่วย สำหรับพระสงฆ์และสามเณรโดยเฉพาะ หลวงพ่อพุฒท่านมีจิตเมตตามาก จึงดำริให้ก่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ สำหรับพระภิกษุและสามเณร เพื่อที่จะไม่ปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 04 ก.ค. 2021, 09:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ถวายเทียนแพ ผ้าไตร ดอกไม้ แด่พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต ท่านก็มีเมตตาอนุโมทนาตอบ และมอบภาพที่ระลึกขององค์ท่านให้กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวถึงหลวงพ่อพุฒว่า “พระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน” เรื่องที่ ๒๖ พระราชอุทัยกวี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี มรณภาพแล้วไปเกิดเป็นพรหมอนาคามี หนังสือตายแล้วไปไหน โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=38902 “...เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีคือ เจ้าคุณราชอุทัยกวีท่านมรณภาพ ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๓ ความตายของท่านนี่อัศจรรย์อย่างยิ่ง เป็นการตายที่ไม่เคยมีใครคิดว่าท่านจะตาย แต่เรื่องความตายมันเป็นของธรรมดา แต่เท่าที่ทราบมาในกาลก่อนท่านบอกว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ คืนวันนั้นทำท่าจะตายครั้งหนึ่ง ท่านป่วยมากอาการไม่ดี ตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าท่านจะอยู่ ในคืนนั้นท่านเรียกพระครูประชุม เจ้าคณะอำเภอ เข้าไปบอกด้วยวาจาด้วย ให้บันทึกเสียงด้วยและให้บันทึกเป็นหนังสือด้วย เรื่องการเงินและอะไรก็ตามมีที่ไหนเท่าไร ท่านจำได้ดีสั่งเสียเรียบร้อย ท่านบอกว่า “ถ้าฉันจะตายคืนนี้ก็ต้องตายภายในระยะ ๒ ยาม ถ้าเลย ๒ ยามไปแล้วจะยังไม่ตาย” นี่ก็แสดงว่าก่อนจะพูดแบบนี้ต้องมีคนมาบอก คนในที่นี้ต้องมีร่างกายเป็นทิพย์เหมือนกับท่านธัมมิกอุบาสก ก่อนจะตายก็เห็นเทวดามาล้อมบอกฉันอยู่ชั้นนั้น ฉันอยู่ชั้นนี้ ไปอยู่กับฉันเถอะ ท่านเจ้าคุณราชอุทัยกวี หลวงพ่อองค์นี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านก็คงจะต้องสัมผัสติดต่อกันมาก่อน ถึงได้บอกแบบนี้ เป็นอันว่าคืนวันนั้นหลังจาก ๒ ยามไปแล้ว อาการร่อแร่เต็มทีของท่านหายไป กลับกลายเป็นมีกำลังดีเหมือนกับหายจากการป่วยไข้ไม่สบาย ตอนที่อาตมารับสมณศักดิ์เลื่อนเป็นชั้นราชได้ไปนมัสการท่าน เห็นท่านมีสุขภาพดีและก็ปกติทุกอย่าง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ พวกเราก็ดีใจ เพราะว่าท่านเป็นพระดีจริงๆ ตรงไปตรงมาและมีคุณธรรมจริงๆ รวมความว่าท่านอยู่มาอีก ๓ ปี จนถึงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๓ ท่านก็มรณภาพ การตายของท่านตามที่ทราบมาเป็นอย่างนี้ เขาบอกว่าในตอนเช้าคนส่งหมูทราบว่าท่านชอบหมูเขาก็นำหัวหมูที่ปรุงแล้วมาถวาย และก็ชอบมะม่วงเขาก็เอามะม่วงไปถวาย ตอนเช้าฉันได้มาก ต่อมาท่านเรียกคนปฏิบัติมาเป็นสตรีอายุมากแล้ว ให้ไปหยิบปฏิทินร้อยปีมาดูอายุ ท่านบอกว่า “อายุตั้ง ๙๕ ปี จะให้มันตายเสียทีมันก็ไม่ตาย อยู่ไปก็ลำบาก ร่างกายไปไหนไม่สะดวก” ก็พูดกันแบบคนที่มีความรู้สึกตามความเป็นจริง เรียกกันว่า นักวิปัสสนาญาณแท้ ตอนสายท่านเรียกธนาคารมาขอตรวจดูเงินในบัญชี หลังจากนั้นแล้วท่านก็จำวัด ก็เป็นอันว่าการจำวัดของท่านครั้งนี้ไม่ต้องจำกันอีกต่อไป จำได้ตลอดกาลตลอดสมัยนั่นคือท่านตาย เวลาที่เขานำอาหารเพลไปถวายปรากฏว่าเลิกหายใจแล้ว ต่อมาวันรุ่งขึ้น วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๓ ตอนบ่ายอาตมาลงรับแขก วันนั้นไม่ค่อยมีใครจะคุยด้วยหาคนคุยด้วยยาก ก็เลยคุยเรื่องท่านเจ้าคณะจังหวัด ท่านเจ้าคุณราชอุทัยกวี บอกว่าพระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน เคยพูดกับท่านก็เคยพูด เรื่องการทำบุญก็เหมือนกัน ทำบุญทุกครั้งนิมนต์ท่านๆ จะมาหรือไม่มาก็ตาม ต้องถวายเครื่องสักการะตามสมควร ถือว่าท่านมาไม่ได้แต่เอาใจมาได้ ในสมัยเมื่อท่านยังป่วยอยู่ร่างกายไม่ดีนักพอทนไหว ท่านมา ตอนหลังท่านไม่ไหวจึงมาไม่ได้ ในเมื่อกายมาไม่ได้ก็ถือว่าใจมาได้ ในเมื่อใจมาก็ส่งเครื่องสักการะฝากท่านเจ้าคณะอำเภอไป ขณะที่นั่งคุยถึงธรรมะ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนถามอาการตายของท่านเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ได้ถามว่า “เวลานี้มีความรู้สึกว่าท่านไปไหน” ถ้าถามอย่างนี้ก็ตอบกันไม่ยาก ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดว่าเวลานี้ท่านเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีอยู่วัดทุ่งแก้ว หมายความว่าศพของท่านอยู่ที่นั่น แต่พอตอบเท่านั้นสิ่งที่แปลกก็เกิดขึ้นนั่นคือ มีภาพ ๒ ภาพ ภาพหนึ่งเป็นภาพเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เจ้าคุณราชอุทัยกวี หรือเรียกว่า หลวงพ่อราชอุทัยกวี ก็แล้วกัน ท่านอยู่ข้างหน้า แต่ภาพข้างหลังเป็นพรหม สวยงามมาก แพรวพราวเป็นระยับ นึกในใจว่าภาพอย่างนี้ลองหรี่ตาก็เห็น ลองหลับตานึกก็เห็น ลืมตาก็เห็น อย่างนี้ไม่ใช่อำนาจความเป็นทิพย์ของจิตของบุคคลผู้พูด ต้องถือว่าเป็นกำลังของท่านผู้ตายบันดาลให้เห็น อย่างที่ท่านทั้งหลายไม่เคยเห็นผีแล้วย่องไปเห็นเข้านั่นแหละ ถ้าผีบันดาลให้เห็นก็เห็นได้ เรื่องนี้ก็เหมือนกันเป็นเรื่องของผีบันดาล เมื่อเห็นภาพท่านแล้วก็นึกจะยกมือไหว้ ก็เกรงเขาจะหาว่าบ้า อยู่ๆ ก็ไหว้อากาศ และก็ไหว้ไปข้างหน้าคนที่เป็นฆราวาส มันก็จะไม่เหมาะ ก็เอาใจไหว้นึกไหว้ในใจ ท่านก็ยกมือรับไหว้แล้วก็ยิ้ม อาตมาถามท่านว่า “หลวงพ่อขอรับ ไปอยู่ที่ไหน” ท่านบอกว่า “เวลานี้ไปอยู่อนาคามี” ก็ถามว่า “ทำไมไม่ไปเลยเล่าขอรับ มันอีกนิดเดียว อนาคามีกับนิพพานเป็นของไม่ไกล” ท่านบอกว่า “อีตอนก่อนจะไปมันมีกังวลเรื่องเงินนิดหน่อย” ถามว่า “แก่แล้วยังห่วงสตางค์หรือ” ท่านก็เลยบอกว่า “เรื่องสตางค์ส่วนตัวนั่นไม่ห่วง ห่วงเรื่องเงินสงฆ์เกรงว่าจะผิดพลาด แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญ จิตสะดุดนิดเดียวก็เลยจำต้องพักอยู่แค่เขตของอนาคามี” เป็นอันว่าวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๓ ก็เป็นวาระที่ท่านตัดความทุกข์ ต่อไปนี้ก็มีแต่ความสุข ขึ้นชื่อว่าความทุกข์สักนิดหนึ่งจะไม่มีกับท่านอีกต่อไป เพราะเขตของอนาคามีเป็นเขตที่มีความสงัดจากความทุกข์ทุกอย่าง ต่อจากนั้นไปก็เข้าเขตนิพพาน เวลานี้เขาพูดกันว่าไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีพระอริยเจ้าก็ตาม ขอท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า โลกที่โกหกมีโลกเดียว คือ โลกมนุษย์ เวลานี้อาตมาพูดตามผีบอก และโลกที่ไม่โกหก คือ โลกอื่นไม่ใช่โลกมนุษย์ ฉะนั้น เวลานี้ท่านไปอยู่โลกอื่นแล้ว ท่านต้องพูดตามความเป็นจริง...” ----------------------- หมายเหตุ : พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) มรณภาพ วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๓ สิริอายุรวมได้ ๙๕ พรรษา มีผิวกาย สีชมพู สุขภาพ แข็งแรง พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะดีเยี่ยม และทราบวันมรณภาพในวาระสุดท้ายของชีวิต พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทตฺโต) และพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านทั้งสองต่างมีความรักเมตตา มีจิตคารวะต่อกัน ที่ไม่มีใครเคยทราบมาก่อน (อ่านในเรื่องที่ ๒๖ ข้างต้น จะทราบว่าความเมตตาของหลวงพ่อทั้งสององค์นี้สูงส่งจริงๆ เวลาพระผู้ใหญ่จะชมใคร ดีใจต่อกันนั้น นับเป็นเรื่องยาก) เช่น “เห็นท่านมีสุขภาพดีและก็ปกติทุกอย่าง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ พวกเราก็ดีใจ เพราะว่าท่านเป็นพระดีจริงๆ ตรงไปตรงมาและมีคุณธรรมจริงๆ” “บอกว่าพระองค์นี้ฉันเคารพเหมือนพ่อของฉัน เคยพูดกับท่านก็เคยพูด” พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึกกับพระราชอุทัยกวี (ประชุม มาเรยฺโย) เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ----------------------- รวมคำสอน “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38703 ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=34508 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 07 มี.ค. 2024, 21:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 07 มี.ค. 2024, 21:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 07 มี.ค. 2024, 21:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 07 มี.ค. 2024, 21:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประมวลภาพ “พระราชอุทัยกวี (หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต)” วัดทุ่งแ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |