วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 16:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2010, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

อดีตรมว.สธ. “รักเกียรติ” อุปสมบทแล้ว

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการพักโทษที่เหลืออีก ๒ ปี ๖ เดือน หลังออกจากเรือนจำ ได้อุปสมบทอุทิศเป็นราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้หายจากประชวร พร้อมออกสอนนักโทษตามเรือนจำ ทำตัวอย่างไรจึงจะได้รับการพักโทษ

(๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า เมื่อเวลา ๐๘.๐๐ น. ที่บ้านเลขที่ ๒๖๓/๑ ถ.มิตรภาพอุดร-ขอนแก่น ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านบิดาของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการทำพิธีเตรียมการอุปสมบทของนายรักเกียรติ โดยช่วงเช้า นายรักเกียรติ นางสุรกัญญา สุขธนะ ภรรยา พร้อมญาติพี่น้อง ได้นิมนต์พระสงฆ์ ๙ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นได้ทำพิธีขออโหสิกรรมและขอลาอุปสมบทต่อญาติพี่น้อง

จากนั้นเป็นพิธีทำการปลงผมเพื่อเป็นนาค โดยมี นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ตัดผมให้คนแรก จากนั้นบรรดาญาติผู้ใหญ่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ที่มาร่วมงาน ที่มีทั้งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อดีตผู้สมัคร ส.ส. และผู้ที่สนับสนุนนายรักเกียรติมาก่อน ได้ร่วมทำพิธีปลงผม และได้ทำพิธีทำขวัญนาคตามประเพณีอีสาน

ต่อมาเวลา ๐๙.๐๐ น. นายรักเกียรติ พร้อมผู้มาร่วมงาน ได้เดินทางไปที่ วัดศิรินทราวาส ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี เพื่อทำพิธีอุปสมบท โดยมี พระครูญาณปริโมท เจ้าอาวาสวัดหนองกุงศรี อ.โนนสะอาด เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งพระรักเกียรติได้รับนามฉายาว่า “รักขิตธัมโม” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีธรรมอันรักษาแล้ว” โดยพระรักเกียรติ รักขิตธัมโม จะจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้เป็นเวลา ๓๐ วัน จึงจะลาสิกขา

พระรักเกียรติ ให้สัมภาษณ์ก่อนอุปสมบทว่า การบวชครั้งนี้เพื่อจะถวายเป็นพระราชกุศลให้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระองค์กำลังประชวรอยู่ขณะนี้ ซึ่งตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ท่านถึง ๒ ครั้ง ในระหว่างที่ถูกคุมขัง จนทำให้ตนได้รับการพักโทษออกมา ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งตนยังเรียนจบนักธรรมโทขณะที่อยู่ในเรือนจำ เมื่อตนเป็นพระแล้ว จะออกไปสอนพระ ครู นักเรียน ตามวัดต่างๆ จากความรู้ที่ตนได้มาจากการเรียนจนจบนักธรรมโท

“หลังจากวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผมขอบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมในช่วงที่บวชเป็นพระ และจะขออนุญาตไปเทศน์และสอนนักโทษตามเรือนจำต่างๆ ในภาคอีสานตอนบน รวมถึงสอนนักโทษถึงการทำตัวเองอย่างไรเพื่อที่จะได้รับการพักโทษเช่นเดียวกับผม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่เขาด้วย” พระรักเกียรติกล่าว

รูปภาพ
นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข


หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2552

:b39: เปิดใจ...พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม (สุขธนะ)
“ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=37582

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


แก้ไขล่าสุดโดย TU เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 05:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2010, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

“พระรักเกียรติ” ชี้ลุ่มหลงกิเลสทางสู่ทุกข์

“พระรักเกียรติ” เปิดใจการเมืองอุปถัมภ์ลุ่มหลงกิเลส เป็นเส้นทางเสี่ยงต่อทุกข์ จากรัฐมนตรีรวย ๑๐๐ ล้าน ต้องหลบซ่อน ใช้เงินวันละ ๑๐๐ บาท ประกาศไม่ขอหวนกลับถนนการเมือง มั่นใจมาตรฐานศาลไทยตัดสินตามกฎหมายที่โหวตเห็นชอบโดยนักการเมือง

(๙ มกราคม ๒๕๕๓) เจเอสเอล โกลบอลมีเดีย “พระรักเกียรติ สุขธนะ” หรือนามฉายาว่า “รักขิตธัมโม” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาออกรายการเจาะใจ ตอนเจาะใจอดีตรัฐมนตรีติดคุกคดีทุจริตสินบนยา ๕ ล้านบาท โดยมีนายสัญญา คุณากร และนายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ เป็นพิธีกร โดยจะออกอากาศในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๓ ที่จะถึงนี้

โดยพระรักเกีรยติ เปิดใจว่า หลังรับการพักโทษหรือปล่อยตัวก่อนกำหนด ๒ ปี ๖ เดือน ก็บวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา โดยจำพรรษาอยู่ที่วัดศิรินทราวาส ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และหากไม่มีปัญหาต้องลาสิกขา ก็อยากบวชตลอดชีวิตและไม่คิดหวนกลับมาสู่เส้นทางการเมืองอีกต่อไป

พระรักเกียรติ เล่าว่า เล่นการเมืองเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) มาตั้งแต่อายุ ๒๖ ปี และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมัยแรกปี ๒๕๒๖ จากนั้นเป็น ส.ส. ติดต่อกันถึง ๗ สมัย สังกัดพรรคกิจสังคม จึงอยากพูดบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยจะไม่ขอพูดโกหกหรือให้ร้ายผู้อื่น ต้องยอมรับว่าระบบการเมืองไทยตั้งแต่ปี ๒๕๒๖-๒๕๔๔ เป็นการเมืองระบบเก่าก่อนปฏิรูป นักการเมืองอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมป์ของหัวหน้าพรรคหรือหัวหน้าทีม ต้องอยู่ในมุ้งหรือก๊วน นักการเมืองอาวุโสให้การดูแลกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยปัจจัยที่นำมาสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองมาจากกลุ่มผู้สนับสนุนการเงินแก่นักการเมือง หน้าที่ผู้รับการสนับสนุนคือทำตามมติพรรค จะมีการประชุมตกลงเป็นมติพรรคก่อนโหวตในสภาฯ

ต่อมาเมื่ออาตมาเติบโตขึ้นมีพรรษาทางการเมืองมากขึ้น ทำให้มีนักการเมืองในพื้นที่มาสังกัดอยู่ในกลุ่ม จึงขยับขึ้นเป็นผู้ดูแล มีกลุ่มทุนเข้ามาสนับสนุน เมื่อมี ส.ส. ในกลุ่ม ๕ คน ก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยปี ๒๕๓๕ และได้รับความไว้วางใจให้ดูแล ส.ส. ภาคอีสานตอนบน ๕-๖ จังหวัด สำหรับสัดส่วนโควต้ารัฐมนตรีในแต่ละครั้งจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะได้รับการจัดสรรกี่ตำแหน่ง ขณะที่ ส.ส. บางคนป็นส.ส.ถึง ๑๐ สมัย แต่ก็ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีเพราะเขาไม่มีภาวะผู้นำไม่มีทีม ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับ

พิธีกรถามว่า เป็นรัฐมนตรีได้รับเงินเดือน ๙ หมื่นบาท อุปถัมภ์ ส.ส. ในกลุ่มอย่างไร พระรักเกียรติ กล่าวว่า การเมืองมีกลุ่มทุนสนับสนุน กลุ่มทุนมากพรรคยิ่งเติบโต มีจำนวน ส.ส. รัฐมนตรี และกลุ่มทุนเข้ามาสนับสนุนมากขึ้นด้วย หรือเป็นวงจรอุบาทว์ ต่อมาจึงมีการปฏิรูปการเมืองในปี ๒๕๔๐ จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบนักการเมืองและมีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ผ่านมาคนที่ขึ้นศาลนี้ยังไม่มีใครชนะ ไม่ว่าจะเป็น นายวัฒนา อัศวเหม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนายวราเทพ รัตนากร ซึ่งต้องโทษจำคุก ๒ ปีจากคดีหวยบนดิน แต่ศาลให้รอการลงอาญา

พิธีกรถามว่า วงจรมุ้งการเมืองยังมีอยู่หรือไม่ พระรักเกียรติ กล่าวว่า อาตมาไม่ทราบเพราะอยู่ในเรือนจำ พ้นโทษออกมาก็บวชเลย พีธีกรจึงถามต่อไปว่า วิธีการเอื้อประโยชน์ของกลุ่มทุนการเมือง พระรักเกียรติ กล่าวว่า ช่วงที่มีอำนาจวาสนา ทำอะไรก็มีแต่คนสนับสนุน จัดชกมวยนักมวย “ฟ้าประกอบ รักเกียรติยิม” ก็ได้แชมป์โลก แต่อาตมาไม่ขอพูดถึงคำขอที่ชัดเจนของกลุ่มผู้สนับสนุนต่างๆ เพราะจะผิดศีล

พระรักเกียรติ ได้กล่าวให้สติถึงการใช้ชีวิตว่า ระหว่างที่ต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ ก็ได้ทบทวนความผิดในอดีตของตนพบว่า เมื่อมีตำแหน่งการเมืองสูงขึ้น ได้ใช้ชีวิตประมาทขาดศีลธรรมเพราะลุ่มหลงอยู่ในลาภ ยศ สรรเสริญ ผิดศีล ทั้งดื่มสุรา นารี และพนัน ตอนแรกเล่นการพนันแต่น้อย ช่วงหลังถึงกับบินไปเล่นในคาสิโนต่างประเทศได้เสียครั้งละเป็น ๑๐ ล้าน เคยเล่นเสียหนัก ๒๐-๓๐ ล้านบาท และเคยเล่นได้สูงสุด ๑๐๙ ล้านบาท ตอนนั้นคิดว่า เป็นทางนำมาซึ่งความสุข ไม่เคยทราบว่าเป็นสุขไม่ยั่งยืนและต้องกลายมาเป็นความทุกข์ นักการเมืองที่ไปเล่นไม่ได้ชวนกัน ต่างคนต่างไปเล่น เพราะไปทำความผิด จึงไม่ชวนกันไป ส่วนครอบครัวเมื่อรู้ว่าตนเล่นการพนันก็ห้ามปราม แต่ก็ไม่ฟัง เพราะลุ่มหลงในกิเลส

พิธีกรถามว่า เหตุใดจึงไม่ไปฟังคำตัดสินศาลและหลบหนีคดี พระรักเกียรติ กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอยู่ในทางสามแพร่งเป็นทุกข์ที่ต้องหลบซ่อน คิดว่าจะหนีไปต่างประเทศแต่เราไม่มีทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่ในต่างประเทศเหมือนคนอื่น ถ้าหนีก็ต้องหนี ๒๐ ปี ทางเลือกข้อนี้จึงตัดทิ้ง ส่วนแพร่งที่ ๒ คิดว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ว่าขัดกับนิสัยซึ่งเป็นคนกล้าได้กล้าเสียใจนักเลง แพ้ก็ยอมรับ ส่วนสุดท้ายคือคิดจะเข้ามอบตัว แต่ไม่กล้าเพราะกลัวเรือนจำ จึงต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ในกทม. ต้องตระเวนไปขออาศัยอยู่ตามแฟลตหรือคอนโดเพื่อน เปลี่ยนที่อยู่ทุก ๒-๓ เดือน จากคนที่มีเงิน ๑๐๐ ล้านต้องใช้เงินวันละ ๑๐๐ บาท และมีโรคความดัน เบาหวานประจำตัว ต้องไปออกกำลังกาย เวลาตำรวจมาพบก็เตือนให้หลบๆ หน่อย เพราะเขาไม่อยากจับ แต่เป็นเพราะมีผู้โทรแจ้งหลายรอบ

พิธีกรถามว่า เมื่อต้องถูกส่งตัวเข้ารับโทษในเรือนจำรู้สึกอย่างไร พระรักเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกโล่งอกเพราะไม่ต้องหนีและหลบซ่อนตัวอีกแล้ว แทนที่จะทุกข์ทรมานเพราะการถูกคุมตัว กลายเป็นโล่งใจ วันรับโทษครั้งแรก คือ การนับ ๑ ใหม่อีกครั้ง เรือนจำได้พัฒนาไปสู่ระบบสากลมีมาตรฐานมากขึ้น แต่ก็ยังแออัด ในห้องนอนต้องนอนถึง ๑๐๐ คน และวันที่ลำบากที่สุด คือ วันไฟดับ ไม่มีพัดลม ทำให้หายใจลำบาก หากลุกขึ้นก็จะเสียที่นอน ๑๔ ชั่วโมงของทุกวันต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนนอน ถูกขัง ใส่กุญแจ ๒ ครั้งเพราะเรือนจำมีเจ้าหน้าที่น้อย ต้องขังเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการแหกหัก ช่วงแรกๆ รู้สึกอึดอัดกระวนกระวายใจ บางคนรับไม่ได้ถึงกับเป็นบ้า เดินพูดคนเดียว นั่งคุยกับต้นไม้

“แต่อาตมาตั้งใจดูแลตัวเอง ไม่ให้ป่วย ไม่ให้ตาย เพราะไม่ต้องการตกเป็นข่าวประวัติศาสตร์ว่าเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ตายในคุก และยังต้องรักษาจิตใจไม่ให้เป็นบ้า โดยใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าซึ่งเรือนจำได้จัดให้มีการสอนศาสนาของทุกศาสนา จึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้อาตมารู้จักธรรม ตอนเป็นรัฐมนตรีไปทำบุญเป็นชาวพุทธ แต่ไม่เคยรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ไม่รู้จัก คำว่า ทาน ศีล ภาวนา เมื่อถูกกิเลสเข้าครอบงำ ทำบุญแทนที่จะได้บุญก็ได้บาป พอบุญหมด กรรมตามทันจึงต้องตกนรกบนดิน ซึ่งอาตมาคิดว่า คดีนี้เป็นคดีแรกจึงถูกลงโทษเต็มที่ ๑๕ ปี แตกต่างจากคดีหวยบนดินซึ่งลงโทษเพียง ๒ ปี ระหว่างติดคุกอาตมาก็ทำใจอยู่เป็นปี แต่เห็นว่านักโทษหลายคดีโดนหนักกว่าเรา เช่น พล.ต.ท.ชะลอ เกิดเทศ อายุ ๗๒ ปีแล้ว สุขภาพไม่ดี แต่ยังมีความหวังจะได้กลับบ้าน แต่กลายเป็นต้องมาเก็บของจากเรือนคลองเปรมเพื่อไปรอรับโทษประหารที่เรือนจำกลางบางขวาง ของเราจึงดีกว่าเขา ถ้าทำดี มีโอกาสกลับบ้านก่อน ๑๕ ปี” พระรักเกียรติกล่าว

พิธีกรถามว่า หลังจากติดคุกชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร พระรักเกียรติ กล่าวว่า ทำให้ได้คิดว่าทำผิดแล้วต้องแก้ไข เพราะคนส่วนใหญ่คิดแต่แก้ตัวว่าไม่ได้รับความยุติธรรมและไม่ยอมรับโทษ ส่วนอาตมาทำใจยอมรับและพยายามแก้ไข โดยไม่ขอกลับไปสู่ส้นทางการเมืองทั้งที่ยังมีอายุเพียง ๕๖ ปี เนื่องจากเส้นทางเก่าถ้าย้อนกลับไปจะพบกับความทุกข์อีก และชีวิตหลังจากนี้ขอแก้ไขด้วยการทำสิ่งใหม่ คือ ศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าสึกออกมาก็จะขอทำงานเลี้ยงครอบครัวในอาชีพที่ปรึกษากฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเล่นการเมืองเคยเป็นทนายความ

พระรักเกียรติ ยังเปิดใจถึงครอบครัวว่า ขณะนี้ไม่มีสิ่งใดน่าห่วง ไปขอลาบวชครั้งแรกภรรยาก็อนุโมทนา ส่วนลูกเรียนจบและเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปแล้ว ในงานบวชเพื่อนๆ มากันพร้อมหน้า แม้แต่ข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข และผู้ที่เคยร้องเรียนในคดีทุจริตยา ก็มาอโหสิกรรมให้ จึงต้องขอบคุณคนที่โทรศัพท์ไปแจ้งให้มาจับ เพราะถ้ายังหนีต่อไป วันนี้คงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ แต่นี่ใช้เวลาเพียง ๕ ปีก็สามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ ตนจึงเห็นสัจธรรมของชีวิตครบถ้วน

“ทุกวันนี้ไปเทศนาให้ชาวบ้าน นักเรียนและนักโทษฟัง ปกติคนเคยติดคุกแล้วจะอาย แต่สำหรับอาตมา อยากยกชีวิตที่มีหลายรสชาติมาสอนผู้คน และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงให้รู้ว่าไม่มีใครหนีกรรมได้ แม้แต่คนเป็นรัฐมนตรีก็เสื่อมยศ เสื่อมวาสนาได้” พระรักเกียรติกล่าว

พิธีกรได้ถามคำถามสุดท้ายว่า หากมีสิ่งวิเศษสามารถย้อนเวลาได้จะกลับไปบอกรัฐมนตรีรักเกียรติว่าอย่างไร พระรักเกียรติ กล่าวว่า ถ้าวันนั้นรู้ธรรม จะไม่ทำผิด จะไม่ใช้ชีวิตประมาท และไม่ยอมให้กิเลสครอบงำ จะบอกเขาว่า เส้นทางนั้นเป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ทำให้เกิดความทุกข์ และเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อาตมาจะไม่ทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาให้สัมภาษณ์รายการเจาะใจ พระรักเกียรติให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าผ่องใสตอบคำถามด้วยกิริยาสำรวม หากคำถามใดที่กล่าวถึงบุคคลที่สามในทางเสียหายก็จะหลีกเลี่ยงไม่วิจารณ์

อย่างไรก็ตาม พระรักเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจบรายการเจาะใจ ถึงปัญหาการทุจริตของโครงการไทยเข้มแข็งในกระทรวงสาธารณสุขว่า เพศบรรพชิตจะพูดกระทบถึงบุคคลอื่นไม่ได้ แต่อยากฝากว่า การเป็นนักการเมืองในกระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรฐานเหนือข้อกฎหมาย บางเรื่องคนทำ ทำได้ แต่ในกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิ่งผิด เพราะมาตรฐานสูงกว่าที่อื่น สำหรับปัญหาความแตกแยกทางการเมือง และความแตกแยกทางความคิดของคนในชาติ อยากให้ทุกคน ทุกฝ่าย ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างจริงจัง ก็จะเกิดความสงบในบ้านเมือง

“ปัจจุบันความเสียหายบ้านเมืองไม่มีใครนำมาใส่ใจ ห่วงแต่ความเสียหายตัวเอง เรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่น่าทำ เพราะจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย อาตมามีเพื่อนทุกสี ทั้งแดง เหลือง น้ำเงิน บางครั้งมาเจอกันที่วัดก็บอกว่า ไม่พูดการเมืองในวัด” พระรักเกียรติกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากถึงนักการเมืองที่ถูกตัดสินโทษแล้วหลบหนีคดีอย่างไร พระรักเกียรติ กล่าวว่า หากมารับโทษก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ เพราะวันนั้นไม่หนี จึงมีวันนี้ เมื่อยอมรับโทษจึงมีวันพ้นโทษ การหนีอาจเป็นเหมือนนายราเกซ สักเสนา ซึ่งถูกจับกลับมารับโทษแม้จะหนีไปอยู่นอกประเทศก็ไม่มีความสุข ที่ผ่านมาอาตมาไม่คิดว่า ศาลไม่ยุติธรรมหรือมีสองมาตรฐาน ศาลตัดสินตามตัวบทกฎหมายที่พรรคการเมืองและนักการเมืองเป็นผู้อนุมัติ จะไปกล่าวหาว่าไม่ยุติธรรมก็ไม่ได้ และที่ผ่านมาอาตมาก็ไม่เคยมีความคิดจะไปแทรกแซงศาล เมื่อสู้คดีเต็มที่ แพ้ก็ต้องยอมรับผิด ในศาลฎีกามีแต่ผู้พิพากษา ระดับผู้ใหญ่ มีคุณสมบัติเป็นประธานศาลฎีกาได้ทุกคน และองค์คณะที่ตัดสินคดีอาตมา ต่อมาก็เป็นประธานศาลฎีกาหลายคน


หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2553

:b39: เปิดใจ...พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม (สุขธนะ)
“ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=37582

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2010, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 12:55
โพสต์: 36

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นทุกข์ เห็นธรรม :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2011, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2011, 21:35
โพสต์: 25

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: สวดมนต์
อายุ: 20
ที่อยู่: วัดต้นสน ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


หากคนที่เดินทางผิดแล้ว คิดหวนคืนทำความดี พวกโยมทั้งหลายก็ควรให้โอกาส และอนุโมทนากับบุญกุศลที่ท่านได้ทำ การอนุโมทนาเป็นผลบุญอย่างหนึ่งที่ทำได้ง่ายนะโยม

เจริญสุข สวัสดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 10:45 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร