วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 12:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 21:22
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ผมชื่อ น้ำพุ นะครับ ผมเคยบวชเณร 2 รอบแล้ว แล้วช่วงกรกฏา ผมเพิ่งบวชพระมา แล้วเพิ่งสึก เพราะคัดทหาร ถ้าผมรอดแล้ว ผมอยากจะกลับไปบวช อีกรอบหนึ่ง แต่ทางบ้านไม่เห็นด้วย อยากให้ผมเรียนจบปริญญาตรี ก่อน ค่อยบวชตลอดชีวิตเลย ผมอยากถามความเห็นทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า จำเป็นด้วยหรอที่จะต้องรอให้เรียนจบก่อนถึงค่อยบวชอ่ะ ทำไงดีครับ ช่วยบอกผมด้วยเถอะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:57
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงเวลาบวชก็จะได้บวชเอง เป็นกฎแห่งกรรม อย่าไปยึดกับกฎแห่งกรรมด้วย



:b36: :b46: :b45: :b52: :b53: :b35: :b34: :b33:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 22:57
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


อีกอย่างหนึ่ง เราเคยสาบานต่อหน้าพระว่าจะบวชไม่สึก อยากบวชมาก แต่ก็ยังไม่ได้บวช
เพราะมีหนี้ท่วมตัว ต้องเคลียร์หนี้ให้หมดก่อน ไม่รู้ชาตินี้จะได้บวชรึเปล่า อือๆๆๆๆๆ
ถ้าพระศักดิ์สิทธิ์จริงคงได้บวช :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2009, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เป็นครับ คล้ายๆกัน แต่ตอนนี้ก็ยอมพ่อ-แม่แล้ว เพราะท่านไม่ให้บวชจริงๆ - -''

คำพูดผมพูดกับท่านหรือใครๆก็ตามอาจจะรุนแรง แต่ที่ผมพูดนี้เพื่อไม่อยากให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่หวังกับผมมาก ที่ผมพูดประมาณว่า "ไว้ถ้าป๊า ม้าตาย(เสีย หรืออะไรก็ตาม)เมื่อไหร่ บอยก็จะบวช" หรือ "ไว้ถ้าป๊า ม้าตายแล้ว เรื่องอื่นๆค่อยว่ากัน"

โชคดีหน่อยหลังๆนี้ พ่อแม่ หรือคนรอบข้างเริ่มเข้าใจและชินแล้ว(ไม่รู้เบื่อพูดกับผมเปล่านะ ^^')

ตอนนี้มองโลกในแง่ บวก คือหาเลี้ยงท่าน สร้างกรรมดีโดยการกตัญญูกตเวที เพราะอย่างน้อยท่านก็เป็นเนื้อนาบุญอันดีของเรา (ถึงแม้ว่าลึกๆจะรู้ว่าถ้าไม่ได้บวช เด๋วก็ต้องทำกรรมด้านไม่ดีอีก)

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2009, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 20:09
โพสต์: 112


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


ตามความคิดส่วนตัว
พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ และไม่ทำให้ผู้คนรอบข้างเดือดร้อน..
ผมคิดว่านั้นแหละที่เป็นเวลาที่ควร..แก่การบวช

ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลด้วยครับ
เจริญในธรรม :b44: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 22:30
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากบวชมาก ถามหน่อยว่า ท่านจะบวชเพื่ออะไร???

ถ้า บวชเพื่อต้องการที่จะหลีกจากสิ่งที่จะขัดขวางต่อการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังของเราแล้วละก็
ผมก็สนับสนุน บวชเลย เมื่อบวชแล้วต้องตั้งใจให้จริงจัง ปฏิบัติธรรมในสำนักที่ปฏิบัติจริง ขัดเกลากิเลส
เจริญสมาธิ อยู่วิเวก ไม่ติดต่อเพื่อน ญาติ มุ่งหมายแต่จะบรรลุธรรมอย่างเีดียวถ้าไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า
เดินหน้าแล้วไม่มีถอย ถ้าท่านทำอย่างนี้ได้ตลอดชีวิต บวชเลยตลอดชีวิต สนับสนุน :b4: :b4:

แต่ถ้าท่านชอบชีวิตการบวช บวชแล้วท่านอยู่แล้วสุขใจ ปฏิบัติธรรมได้ เจริญสมาธิได้ มีความสุข
ผมแนะนำให้ท่านบวช แม้จะขัดใจแม่พ่อ เพราะ จิตคนละดวง เราทำมาก กุศลจิตก็เกิดกับเรา
เราไม่ได้บวชไม่มีความสุข กินเหล้าเที่ยวเล่น หรือทำสิ่งอื่นๆที่เป็นอกุศลจิต เราก็ได้เอง พ่อแม่ไม่ได้กับ
เราและท่านก็ช่วยให้เราพ้นจากกิเลสไม่ได้
ถ้าเราห่วงพ่อแม่ กลัวพ่อแม่ทุกข์ ลองนึกถึงประวัติพุทธเจ้า ถ้าป่านนี้พระพุทธเจ้าห่วงพ่อแม่ หรือลูก
ก็คงไม่มีพุทธเจ้าแน่นอน จะรอสักกี่ชาติก็ไม่มี

แต่ผมขอย้ำอีกนิดว่า ท่านจะต้องคิดเอาจริงเอาจังนะ ในเรื่องการปฏิบัติธรรม อย่าบวชเล่นๆ
ต้องทำให้ท่านเห็นว่า เรานั้น ทำจริงอย่างที่พูด แล้วสุดท้ายท่านจะเข้าใจเราเอง

และเขาจะรู้ว่า ลูกอยู่ในผ้าเหลืองปฏิบัติธรรม ดีกว่าลูกเราอยู่ในรถที่พ่อแม่ซื้อให้ด้วยความรักแล้วลูกไปกินเหล้าขับรถเมาแหกโค้งตาย หรือลูกมีเงินติดการพนันเล่นบอล พาเพื่อนไปเสพยา เข้าคลับบาร์ พาผู้หญิงไปนอนติดเอดส์ บ้าเกมส์ ขี้เกียจทำงาน มีครอบครัวไม่ห่วงพ่อแม่ อิอิ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 21:22
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากครับคุณ ว่างเปล่าที่เข้ามาตอบผม จริงจริงผมเองก็อยากขัดนะครับ แต่ผมเองไปติดต่อวัดที่จะบวชเอง ถ้าพ่อแม่ไม่ยินยอม มันจะบวชได้หรือเปล่าครับ พระท่านก็คงไม่ให้ผมบวชแน่ๆ เพราะ มีถามตอน สวดขานนาคอ่ะครับ พ่อแม่ต้องอณุญาติ และอีกอย่าง ผมเองก็ไม่มีตังค์ซื้อผ้าไตรจีวรเองด้วย ที่ท่านถามผมว่าผมอยากบวชทำไม ผมอยากปฏิบัติธรรม หาความสงบ นะครับ เพราะตอนผมบวชนั้น ผมได้เรียน นักธรรมตรี ได้เจริญกรรมฐาน ผมสงบมากบอกไม่ถูก เพราะผมมีอาจารย์ดีด้วยครับ แต่พอสึกมา ชีวิตไม่มีความสุขเลย มีแต่ทุกข์ทั้งกาย และใจ ผมเองอยากกลับไปบวชอีก แต่ไม่มีใคให้ไปเลยครับ ผมเองไปติอดต่อวัดเองกลัวว่า พระท่านจะให้ ผู้ปกครอง ยิยยอมก่อน ผมเองก็อดเลยสิครับงั้น เซงจิงจิง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 22:58
โพสต์: 30

ที่อยู่: BKK

 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ผมมีคำถามนิดหน่อยนะครับ พอดีเห็นว่า กระทู้นี้เกี่ยวกับเรื่องการบวชอยู่แล้ว

เรื่องมีอยู่ว่า ..ผมกับเพื่อนนัดแนะกันว่าจะบวช ก็คุยกันทางโทรศัพท์ ประมาณว่า วัดไหน เดือนไหน
อะไรประมาณนี้นะครับ แล้วคุณแม่ผมก็บอกว่า ถ้าจะบวชก็บวชเลย ไม่ต้องเอามาพูดกัน ไม่ต้องพูดบ่อย
เพราะเดี๋ยวจะมีมาร หรือเจ้ากรรมนายเวร ทำให้เรามีเหตุไม่ได้บวช (ประมาณว่าพูดมากเดี๋ยวก็ตายก่อนบวชหรอก) จากนั้นผมก็เลยไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเพื่อนเลยครับ

นี่แหละ คำถามของผม ว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ?

ขอรบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับผม

.....................................................
<~ จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ ~>

< "..There is nothing either good or bad but thinking makes it so.." >


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2008, 21:22
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รู้ว่ คุณเข้ามาอ่านอยู่มั้ย ผมตอบคุณนะครับว่า พูดเถอะพูดได้เลย จะบวชที่ไหนยังไง พูดได้ ไม่ผิด แต่ว่า ต้องมีจิตใจมั่นคงที่จะบวชนะครับ เพราะโอกาสบวชมีหนเดียวในชีวิต จะกลับไปบวชอีก คงไม่มีใครสนับสนุน ยินยิมแล้วละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2006, 12:38
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมบวชสองครั้งแล้ว ครั้งแรกแค่ประมาณ 20 วัน เพราะติดสินบนด้วย ครั้งที่สองเกือบสองเดือน ครั้งนี้เต็มใจอย่างมาก ได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์มากมาย ได้อธิษฐานไว้แล้วว่าขออีกสิบปีที่จะทำหน้าที่เพื่อครอบครัว เพื่อสะสมบุญบารมี เพื่อสร้างความมั่นคงเป็นปัจจัยการทำนุบำรุงพระศาสนา นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่พระสัจธรรม เตรียมตนไม่ให้เป็นภาระและ ทำงานให้กับพระศาสนาได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อไม่ให้ใครว่าได้ว่าหนีโลก และเพื่ออะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งท้ายสุดก็เพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะเป็นชายสามโบสถ์ เพราะแน่ใจว่าจะเอาดีให้ได้ และมั่นใจว่าจะได้สิ่งที่ดี ในชั้นแรกดูทางครอบครัวก็ยังไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่ผมตั้งใจ แต่ด้วยความเพียรที่ต่อเนื่องมากว่า 5 ปี หลังจากบวชครั้งแรก เมื่อผ่านการบวชครั้งที่สองที่เพิ่งลาสิกขาเมื่อต้นเดือนนี้ ทุกอย่างลงตัวครับ ครอบครัวอนุญาต ความตั้งจิตมั่นมีอย่างเต็มที่ แน่ใจในหนทางที่เลือกเดิน เหลือเพียงกระทำอย่างจริงจังด้วยความเชื่อมั่นในพลังความดี และกำลังใจที่ได้รับจากร่มโพธิ์แห่งศาสนา

คุณน้ำพุลองตั้งสัจจะอธิษฐาน และหมั่นปฏิบัติเพื่อสะสมบุญบารมี เชื่อว่าคุณจะสามารถทำได้ และคุณพ่อคุณแม่คุณจะเห็นในความตั้งใจจริง และท่านจะอนุญาตในที่สุด ตอนนี้อาจเป็นได้ว่าท่านยังไม่เชื่อว่าคุณจะทำได้เช่นนั้นจริง ในระหว่างนี้บวชใจไปพลาง รักษาศีลและปฏิบัติไปพลาง

หน้าที่ของลูกคือดูแลพ่อแม่ เป็นการตอบแทนกตัญญูกตเวทิตาคุณที่แม้แต่องค์พระศาสดา และเทวดาทุกหมู่เหล่ายังสรรเสริญ ดั่งที่ปรากฏในมงคลสูตรที่ว่า มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ญาตะกานัญจะสังคะโห อะนาวัชชานิกัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ซึ่งก็อาจเป็นได้ว่าคุณยังคงมีหน้าที่บางอย่างที่คงต้องกระทำ มีการทำงานที่คั่งค้างอยู่ คือ หน้าที่การงานของกุลบุตร ทำหน้าที่ให้ครบถ้วน แล้วเชื่อแน่ว่าเราจะได้พบกันบนเส้นทางแห่งพระสัทธรรมไปตราบชั่วชีวิตครับ อนุโมทนาในกุศลเจตนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามความคิดของผมนะครับ


ผมคิดว่า การที่จะบวช เราต้องถึงพร้อมด้วยหลาย ๆ อย่างนะครับ

ถ้าบวชแล้วพ่อแม่ ไม่สบายใจ ทุกข์ เดือดร้อน ก็ยังไม่สมควรนะครับ

ถ้าเราตั้งใจจะบวชจริงๆ ถ้ากรรมเก่าดี และมีความมานะ ก็ได้บวชแน่นอนนะครับ

หาความรู้ทางโลกก่อน แล้วมุ่งทางธรรม จะเป็นความรู้ที่บริบูรณ์ นะ ผมว่า

อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ สำหรับใจที่อยากบวช

การเรียนให้จบก่อน ไม่จำเป็นค่ะ ถ้าบวชเพื่อเผยแพร่ธรรมะ เพราะธรรมะต้องเข้าถึงโดยการปฏิบัติเท่านั้นค่ะ การจะตีความหมายพระไตรปิฎกให้ออก ต้องปฏิบัติให้ได้ปัญญาธรรมเท่านั้น

การอ่านพระไตรปิฎก แล้วใช้สมองคิด นั่นจะยิ่งทำให้ตีความผิดกันมากขึ้นไปอีก เพราะจะมีกิเลส ego ความยึดติดกับตัวตน (ego ไม่ได้หมายความว่า อัตตา นะคะ) เข้าไปด้วย เป็นต้นว่า เพราะข้าเรียนสูง ฉลาดกว่า ตีความได้ลึกกว่า เป็นต้น

สิ่งสำคัญของการบวช โดยเฉพาะบวชตลอดชีวิต น้องต้องถามตัวเองให้แน่ชัดว่า ทำไมอยากบวช? บวชเพื่ออะไร? และต้องรู้ความหมายของ ความเป็นสงฆ์ สงฆ์ที่เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยอันประเสิรฐ มีจุดหมายอยู่ที่ใด?

ถ้าน้องเข้าใจถ่องแท้ และปรารถนาจะบวชเพื่อการนั้น นั่นเป็นกุศลที่มากๆ มากเหลือเกิน

เจตนาที่บริสุทธิ์ค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร