ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การทำความดี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=30228
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 22 มี.ค. 2010, 11:01 ]
หัวข้อกระทู้:  การทำความดี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

รูปภาพ

การทำความดี
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย




รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ


คัดลอกและสามารถดาวน์โหลดจาก...
http://www.fungdham.com/download/sound/ ... 00-090.wma


...:b8: :b8: :b8:...

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 04 มิ.ย. 2010, 19:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การทำความดี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ฟ้าใสใส [ 21 ธ.ค. 2011, 23:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การทำความดี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

การทำความดี ละเว้นความชั่ว อย่างไหนสำคัญกว่ากัน

บางครั้ง บางคน ก็มีข้อสงสัยขึ้นมาได้ว่า การละเว้นความชั่ว กับการทำความดี อย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน

จากคำตรัสของพระพุทธองค์ที่ว่า

"การไม่ทำบาปทั้งสิ้น

การยังกุศลให้ถึงพร้อม

การทำจิตของตนให้ผ่องใส

นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย....."

แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการไม่ทำบาป การสร้างกุศล และการฝึกจิตมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และ

และจากคำตรัสในขุททกนิกาย ธรรมบท ปาปวรรคที่ว่า

"บุคคลพึงรีบทำความดี พึงห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทำบุญช้าไป ใจย่อมยินดีในบาป"
ย่อมยืนยันได้ว่า ทั้งการละบาป ทำบุญ ต้องทำไปด้วยกัน

การละบาป เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ใช้คำพูดส่อเสียด ยุยงผู้อื่น คือการรักษาศีล สำรวมอินทรีย์ อันเป็นหลักเบื้องต้นที่ทำให้บุคคลมีชีวิตอย่างปกติ เมื่อชีวิตเป็นปกติแล้ว (เช่น เมื่อไม่ลักทรัพย์ก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะถูกจับ ถูกลงโทษ) การทำความดีเช่น การช่วยสงเคราะห์ผู้อื่น จัดเป็นบุญ เมื่อทำบุญ ย่อมเกิดปีติ สุข ซึ่งปีติ สุข นี้ คือผลที่ได้รับทันทีในปัจจุบัน อันเป็นปีติ สุข ที่เป็นของบุคคลทั่วไป

บุญ นอกจากจะนำสุขมาให้ในปัจจุบัน เป็นหลักประกันในภพหน้าแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับจิต ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย เมื่อใช้จิตที่เป็นสมาธินี้พิจารณาธรรม จนรู้ทั่วถึงธรรมที่พิจารณาตามความเป็นจริง ย่อมเกิดปีติ สุข อันเป็นปีติ สุข ที่ไม่ใช่เป็นของบุคคลทั่วไปซ้ำขึ้น ซึ่งมีความสำคัญคือสามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังคำตรัสนี้

" [๓๓๓] ภิกษุผู้เข้าไปในเรือนว่าง

มีจิตสงบ เห็นแจ้งธรรมโดยชอบ

ย่อมเกิดความยินดีที่ไม่ใช่เป็นของคนทั่วไป



[๓๓๔] ขณะใด ภิกษุพิจารณาเห็นความเกิด

และความเสื่อมของขันธ์ทั้งหลาย

ขณะนั้น เธอย่อมได้รับปีติปราโมทย์

ซึ่งเป็นอมตธรรมสำหรับผู้รู้ทั้งหลาย



[๓๓๕] ในอมตธรรมนั้น ธรรมนี้คือ

ความสำรวมอินทรีย์ ความสันโดษ

และความสำรวมในปาติโมกข์

เป็นเบื้องต้นของภิกษุผู้มีปัญญาในศาสนานี้



[๓๓๖] เธอจงคบภิกษุที่เป็นกัลยาณมิตร

มีอาชีพหมดจด ไม่เกียจคร้าน

ควรทำการปฏิสันถาร และฉลาดในเรื่องมารยาท

เพราะปฏิบัติตามคุณธรรมดังกล่าวนั้น

เธอก็จักมากด้วยปราโมทย์

จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้"

ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๓๓๓-๓๓๖/๑๔๙-๑๕๐

การละเว้นความชั่ว รวมไปถึงการสำรวมอินทรีย์ การทำความดี และการหมั่นพิจารณาธรรม จึงต้องควบคู่กันไปในบุคคล เพื่อการพบความสงบที่แท้จริง

ขอบคุณที่มา :: Oknation

:b48: กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ มีดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม มีความสุขความเจริญ และอยู่เย็นเป็นสุขนะค่ะ :b8: :b8: :b8: :b20:

ไฟล์แนป:
Lotus203.jpg
Lotus203.jpg [ 3.09 KiB | เปิดดู 2870 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/