วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 15:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตเกริ่นเรื่องราวก่อนนะ เราแต่งงานครั้งแรกเมื่อ9ปีที่แล้ว(แต่งด้วยความรัก แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราจะเจอใครอีกคนที่รอมานาน)หลังแต่งงานไม่ถึงปีได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาก็รู้ว่าเรามีครอบครัวแล้ว จากการทำงานงานร่วมกันบ่อยๆเข้าการเป็นความสนิท แต่เราก็ยังรักสามีอยู่นะพร้อมๆกับการตั้งท้อง ช่วงตั้งท้องสามีกลับห่างเหินไม่ค่อยใส่ใจดูแล(เพราะเขาบอกว่าเขาไม่อยากมีลูก) ตรงกันข้ามกับผู้ชายคนนั้นที่ดูแลเราดี แพ้ท้องอยากกินอะไรเขาก็สรรหามาให้ ยอมรับว่าตัวเองเริ่มไขว้เขวประกอบกับเริ่มมีปัญหาในบ้านเพราะอยู่รวมกันกับพ่อแม่และพี่ชาย แต่เราก็พยายามประคับประคองชีวิตคู่หาทางแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดดีบ้างไม่ดีบ้าง เมื่อปัญหาหนักเข้าเราก็หาที่พึ่งเพื่อปรึกษาซึ่งแน่นอนไม่พ้นผู้ชายคนนั้น การให้คำปรึกษากลายเป็นความเห็นอกเห็นใจความเข้าใจ ทั้งที่รู้อยู่ทั้งเขาและเราว่าบาปหนักหนาแต่หักห้ามใจกันไม่ได้ เราแอบคบกันเป็นชู้ทางใจมาเรื่อยจนวันหนึ่งกลายเป็นชู้ทางกาย เรามีความสุขแต่ก็แลกด้วยทุกข์มหันต์เพราะผิดศีลข้อ3อย่างเต็มที่ ตั้งแต่วันที่กายเป็นของเขาเราก็ไม่เคยให้สามียุ่งเกี่ยวด้วยเลย เพราะจริงๆแล้วเราต้องการเป็นผัวเดียวเมียเดียว จนพ่อของลูกจับได้จึงขอแยกทางกัน แน่นอนคนก่อกรรมไว้ต้องได้ผลกรรมแต่มันรวดเร็วมากจนคาดไม่ถึง เพราะเพียงแค่ไม่กี่เดือนที่เลิกกับพ่อของลูกเพื่อคบกับเขาอย่างเปิดเผย เขาดันไปมีหญิงอื่นเหตุผลของเขาคือเหงาที่ต้องรอเราเคลียร์กะทางนู้น เสียใจและทุกข์ทรมานมากเราตัดสินใจเลือกเขาแล้วทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนี้ กว่าจะตัดใจเลิกลากับหญิงคนนี้ใช้เวลาหลายเดือนอยู่เหมือนกัน จนเมื่อสองปีที่แล้วเราได้ผูกข้อมือกันเป็นเรื่องเป็นราวถูกต้องตามประเพณี แต่กรรมที่ทำไว้คงยังใช้ไม่หมดจึงเกิดเรื่องขึ้นอีก

เมื่อปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้วอยู่ๆเขาก็ออกจากบ้านไป บอกว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง(ห่างจากบ้านเรา10โล) แปลกตรงที่การทำงานของเขาต้องผ่านบ้านเราทุกวันแต่ไม่ยอมแวะมาหาเลย ไม่แม้แต่จะเข้าบ้านเราพยายามถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เราขาดตกบกพร่องตรงไหนให้บอกพร้อมจะปรับตัวทุกอย่าง เขาบอกไม่มีเลยดีอยู่แล้ว แล้วเหตุอะไรถึงไม่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาว่าไม่รู้ จนถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมแปดเดือนแล้วที่เราแยกกันอยู่ เรายังคงติดต่อพูดคุยกับเขาทุกวันเพราะยังรักและรอเขาอยู่เมื่อสองวันก่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันจึงคุยปรับความเข้าใจกันแต่...สิ่งที่เขาบอกคือช่วงที่เขาออกจากบ้้านมาเขาปล่อยตัวปล่อยใจไปทั่ว เรื่องมันซับซ้อนวุ่นวายเกินกว่าที่เขาจะเล่าให้ฟัง ขอให้เราปล่อยเขาไปเถอะและสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย เราบอกว่าเราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแต่ขอบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่องราวเราให้อภัยเขาและอโหสิกรรมให้ทั้งหมด พร้อมที่จะกลับมาอยู่เป็นครอบครัวดังเดิมแต่เราไม่สามารถปล่อยเขาไปได้ เพราะเราไม่อยากให้เขาทำผิดศีลมากไปกว่านี้อีก ที่ผ่านมาเราสองคนร่วมกันทำผิดแล้วไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เราถามว่าสถานะของเรากับเขาคืออะไรเขาว่าเราเป็นเมียเขาอยู่ ถ้างั้นขอให้เขาหยุดเดินบนเส้นทางกามตัณหาราคะแล้วค่อยๆถอยมาทีละก้าวได้ไหม เขาไม่รับปากบอกว่าถ้าคิดได้เมื่อไหร่จะกลับมาเอง

ตอนนี้เราสับสนไปหมดทุกข์ทรมานเศร้าโศกเสียใจอย่างมากมาย ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยเขาไปหรือดึงรั้งเขาไว้ไม่ให้ทำบาปมากขึ้นดี ถ้าปล่อยเขาใจเราทุกข์เดี๋ยวก็คลาย แต่ไม่อยากปล่อยเพราะรักเขามากจนไม่อยากเห็นเขาเดินในทางที่ผิด ทุกวันนี้ใส่บาตร สวดมนต์ภาวนาและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรร่วมถึงตัวเขาด้วย ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นบ่วงกรรมนี้เมื่อไหร่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 16:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราบอกเขาว่า เรายอมรับที่ตอนนี้เราเห็นแก่ตัวตรงที่หวงแหนและไม่อยากให้ใครมาใช้สามีร่วมด้วย และก็จะไม่ยอมปล่อยมือเขาด้วย ในขณะที่พูดกับเขาใจเราก็ถามตัวเองว่าจะทุกข์ทรมานตัวเองไปถึงไหน จิตมันคิดกลับไปกลับมาอยู่เรื่อย (อ้อ ตั้งแต่เจอเขาความรู้สึกที่ว่าจะต้องเจอใครอีกคนมันหายไปสิ้นเลย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ตอนนี้เราสับสนไปหมดทุกข์ทรมานเศร้าโศกเสียใจอย่างมากมาย ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยเขาไปหรือดึงรั้งเขาไว้ไม่ให้ทำบาปมากขึ้นดี ถ้าปล่อยเขาใจเราทุกข์เดี๋ยวก็คลาย แต่ไม่อยากปล่อยเพราะรักเขามากจนไม่อยากเห็นเขาเดินในทางที่ผิด ทุกวันนี้ใส่บาตร สวดมนต์ภาวนาและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรร่วมถึงตัวเขาด้วย ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นบ่วงกรรมนี้เมื่อไหร่



tongue
คุณแน่ใจหรือว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทำไปเพราะคุณ "รักเขามาก" ลองส่องมองดูใจของตัวเองใหม่
ว่าคุณรักใครกันแน่ ระหว่าง รักตัวเขา หรือรักตัวเรา....
ถ้ายังไม่รู้จักตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเอง และรักตัวเองไม่เป็น...คุณจะไม่มีวันเข้าใจคนอื่นและรักคนอื่นได้เช่นกัน....

...ความรัก...ที่ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่เป็นไปเพื่อตัวเรา..ของเราเป็นความเห็นแก่ตัวชนิดหนึ่งหรือเรียกว่า
"รักตัวเอง" หาเป็นการรักผู้อื่นไม่

...ความรัก..ที่ปราศจากเงื่อนไขที่เป็นไปเพื่อตัวเราของเรา...แต่เป็นไปเพื่อผู้อื่น เป็นความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างแท้จริง เรียกว่า เมตตากรุณา

...เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของใครและไม่มีใครเป็นของเรา...แต่ละคนมีกรรมเป็นของๆตน
ฝึกตนและพัฒนาตนเองให้ดีมีคุณธรรม..เรียกว่ามีตนเป็นที่พึ่ง..พึ่งพาตนเองได้..หลังจากนั้นจึงจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้... :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แก้ไขล่าสุดโดย ปลีกวิเวก เมื่อ 04 พ.ย. 2013, 09:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 10:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณปลีกวิเวก มากค่ะ เมื่อลองพิจารณาดูแล้วจริงๆเรากำลังมีความเห็นแก่ตัวอยู่มากแล้วเอาคำว่ารักเขามากมาเป็นข้ออ้าง ขอบคุณที่ช่วยเตือนสตินะค่ะ ยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 10:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2013, 18:18
โพสต์: 18

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราไม่สามารถไปรั้งหรือไปบังคับใจใครให้เป็นอย่างใจตนค่ะ คุณต้องเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งฉันก็พยายามเข้าใจค่ะว่าอะไรก็ไม่เีที่ยง คุณควรปรับจิตใจ หาอย่างอื่นทำ ตัวเรายังไม่ใช่ของเราเลย ฉันเองก็พึ่งแยกกันอยู่กับสามีค่ะ ได้แค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้เวลาตัวเองหาคำตอบตัวเองนะค่ะ รักตัวเองให้มากๆดูแลลูกให้ดี เวลามันจะทำให้ึเราคิดได้ ค่อยๆคิดหาทางให้ตัวเองค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ขออนุญาตเกริ่นเรื่องราวก่อนนะ เราแต่งงานครั้งแรกเมื่อ9ปีที่แล้ว(แต่งด้วยความรัก แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราจะเจอใครอีกคนที่รอมานาน)


สมมุติอยู่ๆเราก็อยากไปสถานที่หนึ่งไม่รู้ว่าทำไม
เรื่องที่ทำให้เกิดความคิดและความรู้สึก อาจจะนำไปสู่เรื่องที่ไม่ดีหรือดีก็ได้นะ

บางคนไปสถานที่นั้นแล้วประสบกับเรื่องไม่ดี เพราะความรู้สึกนำพาไป
บางคนไปสถานที่นั้นแล้วประสบกับเรื่องที่ดี เพราะความรู้สึกนำพาไป

ถึงความรู้สึกจะเกิดขึ้นและพยายามนำพาไป ก็อยู่ที่เราจะพิจารณาและตัดสินใจนะครับ
บางเรื่องก็อาจเป็นเรื่องยาก แต่หลายๆเรื่องก็สามารถตัดสินใจ ไปสู่การตัดสินใจที่ดีได้นะครับ


คุณ Pathita มาในลานธรรมเพราะสั่งสมเหตุปัจจัยทางธรรมมาก่อน
ส่วนการพัฒนาก็อยู่ที่ คุณ Pathita จะดำเนินไปนะครับ :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 14:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rotala เขียน:
Pathita เขียน:
ขออนุญาตเกริ่นเรื่องราวก่อนนะ เราแต่งงานครั้งแรกเมื่อ9ปีที่แล้ว(แต่งด้วยความรัก แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราจะเจอใครอีกคนที่รอมานาน)


สมมุติอยู่ๆเราก็อยากไปสถานที่หนึ่งไม่รู้ว่าทำไม
เรื่องที่ทำให้เกิดความคิดและความรู้สึก อาจจะนำไปสู่เรื่องที่ไม่ดีหรือดีก็ได้นะ

บางคนไปสถานที่นั้นแล้วประสบกับเรื่องไม่ดี เพราะความรู้สึกนำพาไป
บางคนไปสถานที่นั้นแล้วประสบกับเรื่องที่ดี เพราะความรู้สึกนำพาไป

ถึงความรู้สึกจะเกิดขึ้นและพยายามนำพาไป ก็อยู่ที่เราจะพิจารณาและตัดสินใจนะครับ
บางเรื่องก็อาจเป็นเรื่องยาก แต่หลายๆเรื่องก็สามารถตัดสินใจ ไปสู่การตัดสินใจที่ดีได้นะครับ


คุณ Pathita มาในลานธรรมเพราะสั่งสมเหตุปัจจัยทางธรรมมาก่อน
ส่วนการพัฒนาก็อยู่ที่ คุณ Pathita จะดำเนินไปนะครับ :b4: :b4:


รบกวนคุณRotala. ค่ะช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้หน่อยได้ไหมว่า "สั่งสมเหตุปัจจัยทางธรรมมาก่อน" หมายความว่ายังไงค๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2013, 14:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณผู้หญิงมีกรรมค่ะ ตอนนี้ทุ่มเวลาให้กับลูกมากขึ้นค่ะเมื่อมีเวลาว่างจะคุยและเล่นกะลูกเพื่อไม่ให้จิตคิดสิ่งที่เป็นทุกข์ ลูกมักจะพูดและเตือนสติอยู่บ่อยครั้งทั้งที่เขาเพิ่งจะ7ขวบ แต่คำพูดเกินเด็กเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2013, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ :b48: :b8: :b8: :b8: :b48:

ทุกวันนี้ใส่บาตร สวดมนต์ภาวนาและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรร่วมถึงตัวเขาด้วย ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นบ่วงกรรมนี้เมื่อไหร่

เหตุดีย่อมนำผลดีมาให้ทำเหตุปัจจัยดีๆเข้าไว้นะครับ
ปกติคนเราเวลาถูกอารมณ์ความรู้สึกครอบงำ ความคิด มุมมอง ทัศนะ จะเกิดเป็นไปตามอารมณ์โดยส่วนมากด้วยนะครับ
เวลาอารมณ์เป็นสุข ก็จะเกิดมุมมองไปในด้านดีๆ แม้ว่าใครจะทำอะไรที่ปกติไม่พอใจก็จะไม่ขุ่นใจเหมือนปกติ การพิจารณาตัดสินใจต่างๆก็จะมีเหตุปัจจัยของอารมณ์เข้ามาร่วมอยู่ด้วยนะครับ

หากอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นเกิดทุกข์ใจ ขุ่นใจ ไม่พอใจ ความคิดที่ปรากฎออกมาก็มักจะเป็นไปในด้านไม่ดี โอกาสในการตัดสินใจจะทำอะไรอาจจะเกิดผิดพลาดมากกว่าปกติธรรมดาแต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ เรื่องราวนั้นๆ และเหตุปัจจัยอื่นร่วมด้วยนะครับ

โดยปกติธรรมดาเวลาเจอปัญหาความคิดความเคยชินเดิมๆมักจะปรากฎขึ้นมาก่อนได้ง่ายอยู่เสมอๆ อาจจะคิดไปทางดีหรือในทางไม่ดี ก็อยู่กับความเคยชินด้วยนะครับ

เหมือนคนอยู่ในอารมณ์เมตตา ความคิดที่ปรากฎออกมาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางความคิดที่เมตตานะครับ

คนอยู่ในอารมณ์ความสุข ความคิดที่ปรากฎออกมาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางความคิดที่ดีเป็นสุขได้ง่ายนะครับ

คนอยู่ในอารมณ์ความมุ่งมั่น ความคิดที่ปรากฎออกมาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางความคิดที่เจาะจงลงไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ง่ายนะครับ

คนอยู่ในอารมณ์ความไม่พอใจความโกรธ ความคิดที่ปรากฎออกมาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางความคิดที่ไปในทางไม่ดีต่อสิ่งต่างๆได้ง่ายนะครับ

คนอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกรักความรู้สึกชอบ ความคิดที่ปรากฎออกมาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางความคิดที่เอนเอียงไปในที่รักที่ชอบได้ง่ายนะครับ

เมื่ออารมณ์ใจในตอนนั้น ประสบกับปัญหาหรือเรื่องราวต่างๆที่กระทบเข้ามา
การจะทำกรรมทางกายวาจาในปัจจุบัน ก็มาจากความคิดที่ปรากฎออกมา ความคิดอาจจะปรากฎออกมา มากบ้างน้อยบ้าง ก็จะเกิดมีการเลือกความคิดบางส่วนที่เกิดขึ้นมานั้น ลงไปสู่การกระทำนะครับ

"ทุกวันนี้ใส่บาตร สวดมนต์ภาวนาและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรร่วมถึงตัวเขาด้วย ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นบ่วงกรรมนี้เมื่อไหร่"
การที่ทำความดีบุญกุศล อารมณ์ความรู้สึกใจก็จะดี ความคิดที่ส่งผลดีก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย
มีส่วนหนึ่งที่จะช่วยไปดึงผลกรรมดีๆที่เคยทำไว้ก่อนขึ้นมาได้ง่าย ด้วยนะครับ
เมื่อพัฒนาไปเรื่อยๆก็จะเป็นผลให้การประสบกับการใช้ชีวิตไปสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความดีบุญกุศลที่เคยทำกรรมดีๆร่วมกันมาก่อนได้ง่ายด้วยนะครับ

แต่กรรมไม่ดีก็ขึ้นอยู่กำลังของเขาด้วยนะครับ
เหมือนคนที่เขาทุกข์ใจเพราะความรักซ้ำวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
ความรักที่เกิดจากวิบากกรรมไม่ดีถ้ามีกำลังมาก ความรักก็จะทำให้เขาเสียใจ เป็นทุกข์ใจ ไม่ว่าเขาจะไปเจอบุคคลต่างๆ แต่บุคคลที่เขามักจะเกิดความรู้สึกรักขึ้นมา ก็จะเป็นคนที่ทำให้เขาทุกข์ ใจได้มากนะครับ วิบากกรรมไม่ดีจะส่งผลกำกับให้เขาไปเกิดความรู้สึกรักกับบุคคลที่จะทำให้เขาเป็นทุกข์นะครับ

(เหมือนความรักของเขาก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือเจอแต่คนไม่จริงใจนะครับ)
มีคนหนึ่งเขาเคยบอกว่าชาติก่อนเขาเคยผิดศีลข้อสามมาก่อนนะครับ ทำให้ชาตินี้เขามีปัญหาเกี่ยว
กับเรื่องความรัก เขาเคยฟังจากพระหรือแม่ชีผมจำไม่ได้แล้วนะครับ ท่านเคยบอกกับเขาว่า
ไม่ว่าเขาจะไปเจอคนใหม่ก็จะเจอแต่คนลักษณะเดิมนะครับ

เวลาคนเราเจอปัญหาทุกข์ใจก็จะมีวิธีจัดการกับปัญหาต่างกันนะครับ
คนจะมาเกิดในศาสนาที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์
ก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่เคยสัมพันธ์กับเรื่องนั้นมาก่อนนะครับ
ตอนมาเกิดก็ต้องมีพ่อแม่สภาพแวดล้อมเหตุปัจจัยที่จะต้องรองรับกับกรรมที่ทำมาในส่วนต่างๆของเขาด้วยนะครับ
บางครั้งในชีวิตคนก็มักจะเจอความทุกข์เป็นแรงผลักดันเพื่อไปหาวิธีแก้ไขที่จะแก้ความทุกข์ที่มีอยู่
เป็นทางแก้ที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แก้ได้ชั่วครั้งชั่วคราวบ้าง แต่มีน้อยคนที่จะได้เจอวิธีแก้ปัญหาที่ถาวร


จริงๆแล้วคนเราแสวงหาความพ้นจากทุกข์อยู่นะครับ พยามแก้ปัญหาจัดการกับสิ่งต่างๆเพื่อจะไม่ให้ตนตกอยู่ในความทุกข์ ความทุกข์ทางกายกับความทุกข์ทางใจ นะครับ :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2013, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งหนึ่งที่อยากจะขอร้องคือ อย่าไปย้ำคิดความผิดในอดีตที่ผ่านมา ให้ลืมเสียให้หมด บอกตนเองไว้อย่างเดียวคือ ทำกุศล ทำแต่ความดีตามคำสอนพระพุทธองค์เท่านั้น
คือมุ่งมั่นต่อการทำความดีเท่านั้น ละการทำชั่วทุกอย่างแม้แต่เล็กน้อยก็จะไม่ทำ และที่สำคัญเวลานี้คือทำใจให้คลายจากความเศร้าหมองให้ได้เร็วที่สุด ด้วยการแผ่เมตตาให้ตนเองไว้ คิดบวกป้อนข้อมูลให้สมองมันคิดแต่อะไรที่เป็นกุศล ชื่นใจกับกุศลที่ตนได้ทำไปทุกวัน เช่นวันนี้เราได้สวดมนต์บทนี้ หรือว่าได้ใส่บาตร เอามาคิดได้หมด คิดแล้วปลื้มใจชื่นใจได้ทำกุศล คิดหากุศลทำไปทุกวัน แล้วก็คิดปลื้มใจไป สมาทานศีล5 ตอนสวดมนต์ก็คอยดูแลใจให้มีสติ ระวังรักษาศีลอย่าให้ขาด วันๆ เอาเวลามาทำเสบียงให้ตนเองไว้ใช้ในภพชาติหน้าดีกว่า ได้ประโยชน์กว่าไปเสียเวลาปล่อยใจให้เศร้าหมอง ถ้าเค้าไม่กลับมา
ทำอย่างไรก็ไม่กลับค่ะ แต่ถ้าเค้าจะกลับมาเค้าจะมาเองโดยความสมัครใจและอาจจะอยู่กันได้อีกแต่ไม่รู้ว่า
จะนานแค่ไหน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย คนเราวันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องจากกัน วันนี้ถือเป็นโอกาสดี
ที่เรามีเวลาเหลือให้ตนเองมากขึ้น ก็เร่งทำความดีเป็นเสบียงไว้ในภพชาติข้างหน้าดีกว่าค่ะ ทุกข์วันนี้ที่ว่า
ทุกข์นั้น เทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ที่ต้องเผชิญในภพหน้า หากว่าเราไม่เตรียมเสบียงบุญไว้ให้ดี ภพชาติ
ข้างหน้าจะทุกข์แสนสาหัสกว่านี้หลายล้านเท่า ประมาทนิดเดียวกู่ไม่กลับเลยค่ะ เพราะฉะันั้นรีบคลี่คลาย
ความเศร้าในใจให้หายไปไวๆ ค่ะ

มันเป็นการยากที่จะทวนกระแสในใจ เพราะมันเสียใจมาก แต่ก็ต้องฝืนค่อยๆ ทำไป ถ้าไม่เริ่มฝืน ใจเด็ดทวนกระแสในใจของตนเอง ก็มีแต่จะจมลึกๆไปทุกทีทุกที ยิ่งยากที่จะถ่ายถอนออกจากความเศร้าได้

แผ่เมตตาให้ตนเองบ่อยๆ ไม่มีใครที่เรารักเสมอตัวของเราแล้วจริงหรือไม่ ที่ว่ารักกันนักรักกันหนา ถามว่ารักใครมากกว่ากัน ระหว่างตัวเราเองกับตัวเค้า ทุกคนจะรักตนเองมากกว่านะ ดังนั้นอย่าทำร้ายตนเองด้วยความเศร้าหมอง ทำตามที่กัลยาณมิตรแนะนำค่ะ และอย่าลืมแผ่เมตตาให้ตนเองด้วย นอกจากจะ
แผ่เมตตาให้คนอื่นแล้วต้องแผ่ให้ตนเองเยอะๆกว่าด้วยคำพูดง่ายๆ (บอกตนเองในใจสั้นๆ ก็ได้ว่า ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข) และรักษาสติในระหว่างวันไว้ให้ดีค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ :b27:

อหํ อเวโร โหมิ
ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีศัตรูภายในและภายนอก

อหํ อพฺยาปชฺโช โหมิ
ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีความวิตก กังวล เศร้าโศก พยาบาท

อหํ อนีโฆ โหมิ
ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีความลำบาก กาย ใจ พ้นจากอุปัทวภัย

อหํํ สุขี อตฺตานํ ปริหรามิ
ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้นำอัตภาพที่เป็นอยู่ด้วยความสุขกาย สุขใจ ตลอดกาลนาน

อหํ ทุกฺขา มุจฺจามิ
ขอข้าพเจ้าจงพ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ

อหํ ยถาลทฺธสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉามิ
ขอข้าพเจ้าอย่าได้สูญสิ้นจากความสุข ความเจริญที่มีอยู่

อหํ กมฺมสฺสโก
เรามีกรรมเป็นของของเรา

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2013, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านมากๆค่ะที่ให้แง่คิดและคำแนะนำ ตอนนี้ใจสงบขึ้นเยอะแล้วค่ะเริ่มรู้ทันจิตตัวเอง(เมื่อรู้ว่าทุกข์ก็บอกตัวเองว่า "อ้าวอยากจะทุกข์ทุกข์ไปเอาให้พอนะ") ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวเอง เวลาสวดมนต์ก็จะเรียกให้ลูกสาวมาสวดมนต์ด้วยเมื่อก่อนเรียกยากมาก แต่ตอนนี้แค่หยิบหนังสือสวดมนต์ปุ๊บเขาก็จะนั่งประจำที่ทันที
ดีใจนะค่ะที่ได้เข้ามาพบกัลยาณมิตรในลานธรรม ซึ่งมีทั้งแง่คิดและความรู้มากมายยิ่งได้อ่านใจยิ่งสงบ บางครั้งยังนำสิ่งที่ได้รู้ไปถ่ายทอดให้แม่ฟังเลยค่ะ cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2013, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านมากๆค่ะที่ให้แง่คิดและคำแนะนำ ตอนนี้ใจสงบขึ้นเยอะแล้วค่ะเริ่มรู้ทันจิตตัวเอง(เมื่อรู้ว่าทุกข์ก็บอกตัวเองว่า "อ้าวอยากจะทุกข์ทุกข์ไปเอาให้พอนะ") ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวเอง เวลาสวดมนต์ก็จะเรียกให้ลูกสาวมาสวดมนต์ด้วยเมื่อก่อนเรียกยากมาก แต่ตอนนี้แค่หยิบหนังสือสวดมนต์ปุ๊บเขาก็จะนั่งประจำที่ทันที
ดีใจนะค่ะที่ได้เข้ามาพบกัลยาณมิตรในลานธรรม ซึ่งมีทั้งแง่คิดและความรู้มากมายยิ่งได้อ่านใจยิ่งสงบ บางครั้งยังนำสิ่งที่ได้รู้ไปถ่ายทอดให้แม่ฟังเลยค่ะ cool



:b8: อนุโมทนาสาูธุบุญด้วยคนค่ะ ที่กตัญญูต่อแม่ได้อย่างสูงสุดด้วยการคุยธรรมะให้ท่านทราบ
ดีใจด้วยค่ะที่สบายใจขึ้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าธรรมะของพระพุทธองค์ ลูกสาวของคุณน่ารักดีค่ะ ขอให้
มีความสุขกับลูกที่น่ารักนะคะ

กัลยาณมิตรก็คือเพื่อนที่จะจูงมือไปด้วยกัน จูงมือกันออกจากทุกข์ค่ะ

:b8: ขออนุโมทนาในจิตใจอันดีงามของท่านกัลยาณมิตรทุกๆ ท่าน ที่คอยช่วยเหลือจิตใจเพื่อนๆ ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านมากๆค่ะที่ให้แง่คิดและคำแนะนำ ตอนนี้ใจสงบขึ้นเยอะแล้วค่ะเริ่มรู้ทันจิตตัวเอง(เมื่อรู้ว่าทุกข์ก็บอกตัวเองว่า "อ้าวอยากจะทุกข์ทุกข์ไปเอาให้พอนะ") ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวเอง เวลาสวดมนต์ก็จะเรียกให้ลูกสาวมาสวดมนต์ด้วยเมื่อก่อนเรียกยากมาก แต่ตอนนี้แค่หยิบหนังสือสวดมนต์ปุ๊บเขาก็จะนั่งประจำที่ทันที
ดีใจนะค่ะที่ได้เข้ามาพบกัลยาณมิตรในลานธรรม ซึ่งมีทั้งแง่คิดและความรู้มากมายยิ่งได้อ่านใจยิ่งสงบ บางครั้งยังนำสิ่งที่ได้รู้ไปถ่ายทอดให้แม่ฟังเลยค่ะ cool


อนุโมทนา :b8: คุณ Pathita และทุกๆท่านครับ :b48:

:b44: :b42: :b42: :b42: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 10:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้สติแตกกระเจิงเพราะคิดเรื่องสามีแต่เช้าเลย สิ่งที่ตามคืออารมณ์ขุ่นมัว เศร้าเสียใจ ดีที่ความคิดส่วนดีมาเตือนว่าไปเปิดลานธรรมซิ ก็เลยนั่งอ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์ก็เย็นลงเรื่อยๆ ขอบคุณตัวเองจริงๆที่รับฟังเสียงเล็กๆด้านดีในหัว ไม่งั้นวันนี้น้ำตาแตกแน่ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
วันนี้สติแตกกระเจิงเพราะคิดเรื่องสามีแต่เช้าเลย สิ่งที่ตามคืออารมณ์ขุ่นมัว เศร้าเสียใจ ดีที่ความคิดส่วนดีมาเตือนว่าไปเปิดลานธรรมซิ ก็เลยนั่งอ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์ก็เย็นลงเรื่อยๆ ขอบคุณตัวเองจริงๆที่รับฟังเสียงเล็กๆด้านดีในหัว ไม่งั้นวันนี้น้ำตาแตกแน่ :b12:


แต่เท่าที่อ่านมาก็น่าจะดีใจอย่างหนึ่งนะที่ สามีทิ้งไป เพราะถ้าไม่ทิ้งคุณไป บางทีคุณก็อาจจะได้ทิ้งชีวิต
ตัวคุณเองด้วยโรคเอดส์

ถ้าเค้าคิดว่าเค้าจะอิสระ นอนกับใครก็นอนได้ตามใจเค้า
ก็โชคดีแล้วที่เค้าเฉยชากับคุณ เป็นบุญของคุณนะที่รักษาคุณด้วยส่วนหนึ่งค่ะ
อย่าได้เสียใจเลย เพราะมีผู้หญิงจำนวนมากด้วยที่ติดเชื้อเอดส์จากสามี ทั้งๆ ที่สามีรู้ตัวว่าเป็นเอดส์
แต่ก็นอนกับภรรยาโดยไม่ใส่ถุงยาง นี่คือเรื่องจริง เพราะจรรยาบรรณของหมอไม่สามารถบอกภรรยาได้
ว่าสามีคุณเป็นเอดส์ สามีก็ไม่บอกเพราะอาจจะรับความจริงไม่ได้และเห็นแก่ตัวด้วย

คนที่เรียนหมอ จะรู้เรื่องแบบนี้ดี แล้วก็สลดใจที่ช่วยภรรยาผู้ป่วยไม่ได้ ก็ได้แต่เตือนอ้อมๆ ทั่วไปกับ
ภรรยาผู้ป่วย แต่ถ้าภรรยาผู้ป่วยไม่เฉลียวใจป้องกันไว้บ้าง ก็ติดเชื้อเอดส์ไป

แต่จะว่าไป ถุงยางก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% โรงพยาบาลบำราศนราดูร ก็มีเห็นมีผู้ป่วยที่ใส่ถุงยาง
เป็นประจำ แต่ก็ยังติดเอดส์ ถุงยางที่ตนเองพกติดตัวเองด้วย

จะเล่าถึงเรื่องของเพื่อนดิฉันให้ฟัง เธอเป็นผู้จัดการหน้าที่การงานดีค่ะ
มีสามีแบบนี้แหล่ะ ปรากฏว่าต่อมาสามีเป็นเอดส์ค่ะ ต่อมาไม่ช้าสามีก็ตายค่ะ
แต่เพื่อนของดิฉันรอดมาได้ เพราะเลิกกันก่อนเค้าจะเป็นเอดส์นิดเดียวเองค่ะ เพื่อนของดิฉันไม่ติดเอดส์
คือ นับเวลาที่อาการเอดส์เล่นงานย้อนหลังไป เรียกว่าเพื่อนของดิฉันก็เฉียดๆ จะเป็นเอดส์นะคะ
ถ้าเลิกกับสามีช้าอีกนิดเดียว มีหวังป่านนี้เป็นเอดส์ไปแล้วค่ะ

บางทีการเลิกกับสามีเจ้าชู้ไป ก็ถือว่าโชคดีนะคะ
หรือ สามีเจ้าชู้ เมินไม่มอง ก็ดีนะ เพราะถ้าเค้าพิศวาสคุณเมื่อไร คุณจะหนาวมั้ยคะ

ใจคนนั้นไม่แน่นอน
ถึงอย่างไรคืนดีกันเมื่อไหร่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยนะคะ
อย่าเพิ่งไว้ใจ ใส่ถุงยางและเช็คเลือดให้เค้าให้ปลอดภัยจริงๆ ก่อนค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร