ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
โลกธรรมแปด กับชีวิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=46115 |
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | poomipat [ 01 พ.ย. 2013, 09:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก.. พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6 แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง.... แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ.... เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก... ..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 พ.ย. 2013, 11:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
กระบวนการรับรู้ อายตนะ + อารมณ์ + วิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา ทางรับรู้ - สิ่งที่ถูกรู้ - ความรู้ - การรับรู้ - ความรู้สึกต่ออารมณ์ (ถ้ารับรู้แล้วจบ-จัดการไปตามที่ปัญญาบอกก็ดีไป) แต่ถ้า ถึงเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์) เป็นทางแยก หากตรงไปตามเคยชิน ก็จะเป็นตัณหาอุปาทาน...ถ้ารู้สึกต่ออารมณ์แล้วสติปัญญาเกิด ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นๆได้ |
เจ้าของ: | poomipat [ 02 พ.ย. 2013, 11:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
กรัชกาย เขียน: กระบวนการรับรู้ อายตนะ + อารมณ์ + วิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา ทางรับรู้ - สิ่งที่ถูกรู้ - ความรู้ - การรับรู้ - ความรู้สึกต่ออารมณ์ (ถ้ารับรู้แล้วจบ-จัดการไปตามที่ปัญญาบอกก็ดีไป) แต่ถ้า ถึงเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์) เป็นทางแยก หากตรงไปตามเคยชิน ก็จะเป็นตัณหาอุปาทาน...ถ้ารู้สึกต่ออารมณ์แล้วสติปัญญาเกิด ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นๆได้ สาธุในคำแนะนำค่ะท่านกรัชกาย |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 02 พ.ย. 2013, 16:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
poomipat เขียน: ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก.. พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6 แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง.... แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ.... เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก... ..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา ...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์ ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา... ..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ... ...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เจริญในธรรมค่ะ |
เจ้าของ: | SOAMUSA [ 03 พ.ย. 2013, 06:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ปลีกวิเวก เขียน: poomipat เขียน: ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก.. พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6 แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง.... แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ.... เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก... ..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา ...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์ ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา... ..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ... ...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เจริญในธรรมค่ะ ขออนุโมทนาในกุศลนี้ด้วยคนค่ะคุณปลีกวิเวก |
เจ้าของ: | poomipat [ 04 พ.ย. 2013, 09:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ปลีกวิเวก เขียน: ..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ... ...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เจริญในธรรมค่ะ ธรรมที่นำมาแนะนำเผยแผ่ของคุณปลีกวิเวก ช่างตรงประเด็น ...ชัดเจนแจ่มแจ้ง ในแต่ละปัญหา แต่ละเรื่องของแต่ละบุคคล ผู้มีปัญญา...ย่อมเห็นในธรรมเช่นนั้น สาธุในธรรมคะ...ขอให้ท่านเจริญในธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ |
เจ้าของ: | poomipat [ 08 พ.ย. 2013, 11:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
มีคำสั่งด่วน...!!.ให้ไปปฏิบัติงานที่ อินโดนีเซีย 2 เดือน เศร้าสุดๆๆ ....จะเป็นเยี่ยงไรนี่... ส่งไปญี่ปุ่น....สวิสเซอร์แลนด์ จะไม่ว่าไรเลย. คิดถึงกล่องดวงใจน้อย 2 ดวงแน่เลย |
เจ้าของ: | poomipat [ 10 พ.ย. 2013, 12:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ถึงอินโดแล้ว..... ภาระครั้งนี้หนักมากทีเดียว วัฒนธรรมภาษาที่ แตกต่าง แถมด้วยอัตาของแต่ละฝ่ายที่ค่อนข้างสูง |
เจ้าของ: | กล้วยไม้ม่วง [ 11 พ.ย. 2013, 10:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ยินดี ด้วยค่ะ ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความสามารถทางโลกและทางธรรม....... |
เจ้าของ: | poomipat [ 14 พ.ย. 2013, 22:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ไม่ได้เคยระวังใจมาก่อน ว่าจะต้อง....ห่างไกลลจากบุคลลอันเป็นแก้วตาดวงใจ ความรัก...ความสุข...ความสบายใจ ทำให้ใจหลง...เมื่อจะต้องห่างไกล ความทุกข์ก็เข้ามาเป็นมิตรในเรือนใจ... คิดถึง...เป็นห่วง... ทุกข์เพราะไมได้เตรียมใจมาก่อน จะต่างอะไรกับความตาย... อยากมาเมื่อไหร่ก็มา....ไม่เคยบอกใครล่วงหน้า หากเราไม่ประมาท....ไม่ว่าจากตาย...หรือจากเป็น..ใจเราก็คงไม่หวั่นไหว |
เจ้าของ: | poomipat [ 14 พ.ย. 2013, 22:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ไม่ได้เคยระวังใจมาก่อน ว่าจะต้อง....ห่างไกลลจากบุคลลอันเป็นแก้วตาดวงใจ ความรัก...ความสุข...ความสบายใจ ทำให้ใจหลง...เมื่อจะต้องห่างไกล ความทุกข์ก็เข้ามาเป็นมิตรในเรือนใจ... คิดถึง...เป็นห่วง... ทุกข์เพราะไมได้เตรียมใจมาก่อน จะต่างอะไรกับความตาย... อยากมาเมื่อไหร่ก็มา....ไม่เคยบอกใครล่วงหน้า หากเราไม่ประมาท....ไม่ว่าจากตาย...หรือจากเป็น..ใจเราก็คงไม่หวั่นไหว |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 16 พ.ย. 2013, 11:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
เป็นกำลังใจให้ค่ะ |
เจ้าของ: | poomipat [ 18 พ.ย. 2013, 12:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ปลีกวิเวก เขียน: เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ รู้สึกดีมากๆเลย ใช้โอกาสนี้....พิจาณาความตาย อย่างต่อเนื่อง.....ถือว่ามาปลิกวิเวก |
เจ้าของ: | poomipat [ 23 พ.ย. 2013, 22:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ช่วงนี้ที่อินโดนีเซียฝนตกทุกวัน บางวันแทบไม่ได้พักผ่อน หาเวลาอยู่กับใจตัวเองแทบไม่ได้เลย (พระอาจารย์บอกว่าเป็นคำแก้ตัวของคนขี้เกียจ) ไปโยนให้เวลารับผิดแท้จริงแล้วอยู่แก่ใจ นิดนึงน่ะ แค่กำหนดจิตให้ผ่านไปวันต่อวันก็พอก่อน |
เจ้าของ: | poomipat [ 02 ธ.ค. 2013, 10:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต |
ปลีกวิเวก เขียน: จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา ...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์ ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา... ..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ... ...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เจริญในธรรมค่ะ หลายครั้ง ...หลายครา..เหมื่อนว่าจิตรับรู้ตามสภาวะธรมมนั้นๆ.... แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่า...กดดันตัวเองเกินไปหรือเปล่า เมื่อสิ่งที่มากระทบไม่ใช่อย่างที่ใจคิด.....แว๊บแรกยังเป็นความทุกข์ผุดขึ้นมาก่อนเสมอ พยายามนำ...บทธรรมที่คุณปลีกวิเวกแนะนำมาตีแผ่ กำกับจิตตัวเองให้รู้เท่าทันก่อนความทุกข์จะขึ้นมา...แต่ก็ยังไม่ทัน ตั้งแต่ไปอยู่ที่อินโดนีเซีย ยังไม่มีเวลาปฏิบัติแบบจริงจัง ความเชืื่อของคนแถบเกาะชะวา ยังเชื่อเรื่องผี ...เรื่องคนทรงเจ้า เกรงว่า...กำลังจิตไม่พอ เดี๋ยวเจ้าถิ่นมาเยือนจะยุ่งเอา |
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |