ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

โลกธรรมแปด กับชีวิต
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=46115
หน้า 1 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  poomipat [ 14 ส.ค. 2013, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  โลกธรรมแปด กับชีวิต

เป็นช่วงเวลาหนึ่ง....ในชีวิตการทำงาน
ที่ถูกทดสอบมาก...มาก...มากที่สุด

ระหว่าง..ภาวะจิตใจของเรา..กับบททดสอบนี้
เราจะผ่านไปได้หรือไม่ ....

แน่นอนที่สุด...การเดินทางขึ้นที่สูงนั้น
ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เลย...ที่จะไม่พบอุปสรรค

แต่กว่าจะไปถึงที่นั่นละ...จะไหวหรือเปล่า..???? :b7: :b7: :b7:



เจ้าของ:  Hanako [ 14 ส.ค. 2013, 20:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

อย่าเป็นจริงเป็นจังกับหน้าที่การงานมากไปเลยอะค่ะ
มีเป้าหมาย ถ้าทำได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็อย่าวิตกจนกระเทือนใจ

โลกนี้เป็นของว่างเปล่า เราไขว่คว้ายึดถืออะไรไม่ได้เลย
มันแปรปรวนไปได้ ยึดไว้ก็ทุกข์เปล่าๆ


เป็นกำลังใจให้นะคะ จะอุปสรรคเล็กใหญ่ก็ผ่านไปได้แน่ๆ
อย่าลืมมองมันด้วยความปล่อยวาง
:b11:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 15 ส.ค. 2013, 07:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

"โลกธรรมแปด" ธรรมคู่โลก เป็นของทิ้งของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
ท่านเห็นโทษ เป็นของน่ารังเกียจ จึงสละทิ้งแล้วหนีจากโลกไป ..

เราปุถุชนคนหนา กลับเห็นเป็นของดี ของวิเศษ แย่งชิงกัน
เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว ..

:b1:

เจ้าของ:  McArowana [ 15 ส.ค. 2013, 08:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ความยึดมั่นถือมั่นเกินไปแหละครับ ส่งผลให้ติดกับชาติภพ ติดในสิ่งต่างๆ

เจ้าของ:  ปลีกวิเวก [ 15 ส.ค. 2013, 08:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไรก็ย่อมต้องมีอุปสรรคหรือปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา...ปัญหาหรืออุปสรรคจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเตรียมการที่จะแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาต่างๆ...ซึ่งทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นสำคัญ...คนบางคนเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นเพื่อนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหา...คนบางคนเรียนรู้จากความล้มเหลวของตนเองแล้วนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ...ซึ่งก็แล้วแต่สติปัญญาและความสามารถของแต่ละบุคคล..
บุคคลจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็ต้องมีอิทธิบาทสี่ มีความรู้ความชำนาญในอาชีพของตน
การเป็นหัวหน้าคน ต้องมีคุณธรรม มีความยุติธรรม วางตนให้เหมาะสม เป็นที่พึ่งให้ลูกน้องได้ต้องดูคนให้ออก..รู้จักใช้คนให้เป็น หรือเรียกว่าใช้คนให้เหมาะสมกับงาน...งานก็จะประสบความสำเร็จได้

..คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม "ยิ่งยาก...ยิ่งได้มาก" หมายถึงอะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องลงทุน ลงแรงมากกว่าคนอื่น ..แต่เมื่อประสบความสำเร็จก็ได้มากกว่าคนอื่น...คำว่ายิ่งได้มากอย่ามองที่ตัวเงินนะ..แต่ให้หมายถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้มา...

..ถ้าเราทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่หรือเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องกระทำไม่ได้ทำเพื่อจะเอา..เพื่อจะยึดตอบสนองปรนเปรอความเป็นตัวเราของเรา...คุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง
กว่าทำภายใต้ภาวะความกดดันเพื่อสนองตัวตน... :b41:

เจ้าของ:  poomipat [ 15 ส.ค. 2013, 10:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

Hanako เขียน:
อย่าเป็นจริงเป็นจังกับหน้าที่การงานมากไปเลยอะค่ะ
มีเป้าหมาย ถ้าทำได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็อย่าวิตกจนกระเทือนใจ

โลกนี้เป็นของว่างเปล่า เราไขว่คว้ายึดถืออะไรไม่ได้เลย
มันแปรปรวนไปได้ ยึดไว้ก็ทุกข์เปล่าๆ


เป็นกำลังใจให้นะคะ จะอุปสรรคเล็กใหญ่ก็ผ่านไปได้แน่ๆ
อย่าลืมมองมันด้วยความปล่อยวาง
:b11:


ช่วงนี้ถามตัวเองอยู่บ่อยๆๆ..ค่ะ จริงจังกับมันมากเกินไปหรือเปล่า
คำตอบคือ...งานต้องสำเร็จ...ความมุ่งหวังคืองาน
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะค่ะ คุณ Hanako

McArowana เขียน:
ความยึดมั่นถือมั่นเกินไปแหละครับ ส่งผลให้ติดกับชาติภพ ติดในสิ่งต่างๆ


จะทำอย่างไรดีค่ะ คุณMcArowana มันใกล้กันเหลือเกิน ระหว่างความยึดมั่น ถือมั่น
..กับภาระรับผิดชอบที่ต้องทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร.

วิริยะ เขียน:
"โลกธรรมแปด" ธรรมคู่โลก เป็นของทิ้งของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
ท่านเห็นโทษ เป็นของน่ารังเกียจ จึงสละทิ้งแล้วหนีจากโลกไป ..

เราปุถุชนคนหนา กลับเห็นเป็นของดี ของวิเศษ แย่งชิงกัน
เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว ..

:b1:


พยายามประคองใจตัวเองด้วยธรรมบทนี้ ...
แต่ก็รู้สึกว่ามันหนึกอึ้ง..เหลือเกิน ณเวลานี้...
อยากก้าวถอยหลัง ... แต่สำนึก..ไม่อาจวางความรับผิดชอบลงได้

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจ ให้ข้อคิดดีๆสำหรับการก้าวต่อไป

เจ้าของ:  poomipat [ 15 ส.ค. 2013, 11:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ปลีกวิเวก เขียน:
ไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไรก็ย่อมต้องมีอุปสรรคหรือปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา...ปัญหาหรืออุปสรรคจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเตรียมการที่จะแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาต่างๆ...ซึ่งทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นสำคัญ...คนบางคนเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นเพื่อนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหา...คนบางคนเรียนรู้จากความล้มเหลวของตนเองแล้วนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ...ซึ่งก็แล้วแต่สติปัญญาและความสามารถของแต่ละบุคคล..
บุคคลจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็ต้องมีอิทธิบาทสี่ มีความรู้ความชำนาญในอาชีพของตน
การเป็นหัวหน้าคน ต้องมีคุณธรรม มีความยุติธรรม วางตนให้เหมาะสม เป็นที่พึ่งให้ลูกน้องได้ต้องดูคนให้ออก..รู้จักใช้คนให้เป็น หรือเรียกว่าใช้คนให้เหมาะสมกับงาน...งานก็จะประสบความสำเร็จได้

..คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม "ยิ่งยาก...ยิ่งได้มาก" หมายถึงอะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องลงทุน ลงแรงมากกว่าคนอื่น ..แต่เมื่อประสบความสำเร็จก็ได้มากกว่าคนอื่น...คำว่ายิ่งได้มากอย่ามองที่ตัวเงินนะ..แต่ให้หมายถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้มา...

..ถ้าเราทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่หรือเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องกระทำไม่ได้ทำเพื่อจะเอา..เพื่อจะยึดตอบสนองปรนเปรอความเป็นตัวเราของเรา...คุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง
กว่าทำภายใต้ภาวะความกดดันเพื่อสนองตัวตน... :b41:


สิ่งที่ท่านปลีกวิเวกพูดนั้นถูกต้องแล้วค่ะ

ณ เวลานี้...รู้สึกเหนื่อย..หนัก มาก...กับภาระรับผิดชอบ
ในชีวิตการทำงานนั้น...ความถูกใจ กับ ความถูกต้อง มักไม่เดินไปด้วยกัน

จะให้ถูกใจ...แต่ไม่ถูกต้อง...ก็วางใจไม่ลง...จำยอมต้องยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ด้วยภาระนั้น...จะต้องร่วมงานกันทั้งองค์กร และสำคัญที่สุด มีเวลาเป็นตัวแปรสำคัญ ....

พยายามตั้งสติ...อดทนทุกขณะจิต ...ไม่นำพาสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบ
แต่ยิ่งไม่นำพา ..กับเหมือนยิ่งทวีคูณ........

เจ้าของ:  poomipat [ 15 ส.ค. 2013, 17:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ความรูกสึกขณะนี้ ...เหมือนเส้นด้ายที่คลายเกลียว
พร้อมจะขาดตลอดเวลา...

เราจะก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยวิธีใด
ความอดทน ..เรามีแค่นี้จริงๆหรือ ?????!!!!.

เจ้าของ:  ปลีกวิเวก [ 16 ส.ค. 2013, 15:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

poomipat เขียน:
ปลีกวิเวก เขียน:
ไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไรก็ย่อมต้องมีอุปสรรคหรือปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา...ปัญหาหรืออุปสรรคจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเตรียมการที่จะแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาต่างๆ...ซึ่งทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นสำคัญ...คนบางคนเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นเพื่อนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหา...คนบางคนเรียนรู้จากความล้มเหลวของตนเองแล้วนำมาป้องกันหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ...ซึ่งก็แล้วแต่สติปัญญาและความสามารถของแต่ละบุคคล..
บุคคลจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็ต้องมีอิทธิบาทสี่ มีความรู้ความชำนาญในอาชีพของตน
การเป็นหัวหน้าคน ต้องมีคุณธรรม มีความยุติธรรม วางตนให้เหมาะสม เป็นที่พึ่งให้ลูกน้องได้ต้องดูคนให้ออก..รู้จักใช้คนให้เป็น หรือเรียกว่าใช้คนให้เหมาะสมกับงาน...งานก็จะประสบความสำเร็จได้

..คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม "ยิ่งยาก...ยิ่งได้มาก" หมายถึงอะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องลงทุน ลงแรงมากกว่าคนอื่น ..แต่เมื่อประสบความสำเร็จก็ได้มากกว่าคนอื่น...คำว่ายิ่งได้มากอย่ามองที่ตัวเงินนะ..แต่ให้หมายถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้มา...

..ถ้าเราทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่หรือเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องกระทำไม่ได้ทำเพื่อจะเอา..เพื่อจะยึดตอบสนองปรนเปรอความเป็นตัวเราของเรา...คุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง
กว่าทำภายใต้ภาวะความกดดันเพื่อสนองตัวตน... :b41:


สิ่งที่ท่านปลีกวิเวกพูดนั้นถูกต้องแล้วค่ะ

ณ เวลานี้...รู้สึกเหนื่อย..หนัก มาก...กับภาระรับผิดชอบ
ในชีวิตการทำงานนั้น...ความถูกใจ กับ ความถูกต้อง มักไม่เดินไปด้วยกัน

จะให้ถูกใจ...แต่ไม่ถูกต้อง...ก็วางใจไม่ลง...จำยอมต้องยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ด้วยภาระนั้น...จะต้องร่วมงานกันทั้งองค์กร และสำคัญที่สุด มีเวลาเป็นตัวแปรสำคัญ ....

พยายามตั้งสติ...อดทนทุกขณะจิต ...ไม่นำพาสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบ
แต่ยิ่งไม่นำพา ..กับเหมือนยิ่งทวีคูณ........


ความถูกใจและความถูกต้อง ถ้ามองให้ดีก็มีความเหมือนกัน
“ความถูกใจ” ใจของแต่ละคนประกอบด้วยพื้นอารมณ์ การสั่งสมอุปนิสัยและประสบการณ์ ความรู้ ฯลฯ แตกต่างกัน ความนึกคิดชอบชัง จึงแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะทำอะไรให้ถูกใจใครทุกคน
“ความถูกต้อง” ถูกต้องแบบใด ใช้กับสังคมไหน และ ใครเป็นคนกำหนดว่าถูกต้อง ถ้าจะมองไปแล้ว กฎ กติกา ของสังคม ก็ถูก
กำหนดโดยกลุ่มคน เพื่อนำมาใช้เป็น กฏเกณฑ์เพื่อการอยู่ร่วมกันของคนส่วนใหญ่ในสังคม ซึ่งก็ถูกต้องของสังคมนี้ แต่อาจจะ
ไม่ถูกต้องกับอีกสังคมหนึ่งก็ได้ เพราะความถูกต้องนั้น ถูกกำหนดมาจาก ความถูกใจของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....

การให้นิยามก็เพื่ออยากจะให้มองเห็นภาพว่า ทุกสิ่งมันเป็นเรื่องของเหตุปัจจัย ธรรมชาติเป็นไปตามเหตุปัจจัย....สำหรับเราแล้วความถูกต้องไม่มีอยู่จริง มันเป็นผลที่เกิดจากเหตุปัจจัยสัมพันธ์กันเท่านั้น.....
การที่เราคิดว่า “ความถูกใจ” หรือ “ความถูกต้อง” เป็นเพราะเราเข้าไปยึดถือ สำคัญมั่นหมายว่าเป็นอย่างนั้นๆ ...เมื่อผลปรากฏออกมาว่ามันไม่เป็นอย่างที่เราสำคัญไว้ มันก็ทุกข์ใจ ผิดหวัง ท้อแท้ ....เหตุเพราะเราไปสำคัญผิดคิดว่าจะต้องเป็นไปอย่างนั้นๆ แต่จริงๆแล้วธรรมชาติไม่ได้เป็นอย่างนั้นมันเป็นไปตามเหตุปัจจัยเราไม่สามารถเข้าไปควบคุมเหตุปัจจัยได้ทั้งหมดเรามีหน้าที่แค่ทำเหตุปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้..แต่อย่าคาดหวังว่าผลที่ได้รับจะเป็นไปดังใจที่ต้องการ....ต้องเผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังจากเหตุปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้....อย่างที่บอกผลต้องอาศัยเหตุและปัจจัยแวดล้อม ...

ดังนั้นเราต้องวางใจให้เป็น....เมื่อเราเข้าใจกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ(ธรรมะ) ที่มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้...ก็จะทำให้เรารู้เท่าทันและวางใจเป็น...วางเขาไว้ที่เดิม ไม่ต้องเอามาคิดให้ทุกข์ใจ...
เรื่องของเหตุปัจจัยนั้นเป็นเรื่องทางธรรม แต่ในทางโลกเขาจะพูดกันว่าเหตุและผลเท่านั้น ซึ่งในทางโลกมองแค่ทำเหตุแล้วจะได้ผล แต่จริงๆแล้วต้องมีปัจจัยแวดล้อมด้วย
ยกตัวอย่างเกี่ยวกับเหตุปัจจัย
นาย ก มีอาชีพรับจ้างทำสวน ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 5 พันบาท
นาย ก ก็ทำงานในสวนทุกอย่าง ปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ฯลฯ ต้นไม้ก็เจริญงอกงามเมื่อถึงเวลาต้นไม้ก็ออกดอก ออกผล สิ้นเดือนก็ได้เงินเดือน 5 พันบาท
จากตัวอย่างมี 2 กฎที่ซ้อนกันอยู่
กฎธรรมชาติ เหตุปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ โดยอาศัยปัจจัย รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ผลคือต้นไม้เจริญงอกงาม ออกดอก ออกผลเมื่อเหตุและปัจจัยสมบูรณ์ จะห้ามไม่ให้ต้นไม้ออกดอกผลไม่ได้ ดังนั้นกฏธรรมชาติจึงถูกตรง
กฎสังคม เหตุรับจ้างทำสวน ผลคือได้รับเงินเดือน 5 พันบาท (ในกรณีนี้นายจ้างอาจระงับการจ่ายเงินเดือนหรือเลิกจ้างได้ถ้าทำงานไม่ถูกใจ)
จากตัวอย่างจะทำให้เราเห็นว่า กฎสังคมนี่แหละที่เป็นตัวแปรทำให้เราเกิดความสับสนกับกฎของธรรมชาติ ถ้าเราแยกออกจากกันได้จะเห็นว่า กฎสังคมนี่แหละที่ไม่ค่อยถูกตรง เพราะเกิดจากปัจจัยแวดล้อมที่คนกลุ่มหนึ่ง คิดว่าดี ว่าถูกต้องเหมาะสมกำหนดขึ้นมา...ซึ่งเราก็ไม่สามารถทำเหตุให้ถูกใจหรือถูกต้องกับคนทุกคนหรือทุกกลุ่มได้....จึงเป็นที่มาของคำว่า
“ทำดีไม่ได้ดี”..... “ทำชั่วแต่กลับได้ดี” ซึ่งคำนี้ให้ใช้กับกฏเกณฑ์ของสังคม....ใช้กับกฎของธรรมชาติไม่ได้.....
หวังว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเจ้าของกระทู้จะนำไปเป็นประโยชน์ปรับใช้กับการทำงานได้บ้าง....
อย่าเพิ่งท้อ นะคะ ปัญหาและอุปสรรคของชีวิต เป็นเรื่องปกติธรรมดา ก็ต้องแก้ไขกันไปตามเหตุตามปัจจัยไม่มีบุคคลใดประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง การที่เราจะทำอะไรผิดพลาด หรือล้มเหลวไปบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะล้มเหลว...ไร้คุณค่า.. หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถ....ก็อย่างที่บอกมันเป็นไปตามเหตุปัจจัยแวดล้อม....ถ้ามองวิกฤตให้เป็นโอกาสก็คิดเสียว่าเป็นอีกบททดสอบของชีวิตที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาชีวิตและจิตใจของเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม....

ขอให้มีกำลังใจ (เข้มแข็ง) ผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาไปให้ได้นะคะ :b41:

เจ้าของ:  poomipat [ 17 ส.ค. 2013, 08:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ปลีกวิเวก เขียน:

ดังนั้นเราต้องวางใจให้เป็น....เมื่อเราเข้าใจกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ(ธรรมะ) ที่มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้...ก็จะทำให้เรารู้เท่าทันและวางใจเป็น...วางเขาไว้ที่เดิม ไม่ต้องเอามาคิดให้ทุกข์ใจ...

หวังว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเจ้าของกระทู้จะนำไปเป็นประโยชน์ปรับใช้กับการทำงานได้บ้าง....
อย่าเพิ่งท้อ นะคะ ปัญหาและอุปสรรคของชีวิต เป็นเรื่องปกติธรรมดา ก็ต้องแก้ไขกันไปตามเหตุตามปัจจัยไม่มีบุคคลใดประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง การที่เราจะทำอะไรผิดพลาด หรือล้มเหลวไปบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะล้มเหลว...ไร้คุณค่า.. หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถ....ก็อย่างที่บอกมันเป็นไปตามเหตุปัจจัยแวดล้อม....ถ้ามองวิกฤตให้เป็นโอกาสก็คิดเสียว่าเป็นอีกบททดสอบของชีวิตที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาชีวิตและจิตใจของเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม....

ขอให้มีกำลังใจ (เข้มแข็ง) ผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาไปให้ได้นะคะ :b41:



.....ดังนั้นหากเราวางใจเป็น ปัญหาและอุปสรรคของชีวิต เป็นเรื่องปกติธรรมดา
.....สุภาษิตที่ว่า ผงเข้าตาตัวเอง ยังคงใช้ได้ตลอดกาล

ขอบคุณคุณปลีกวิเวกมาก....
ดิฉันคิดแต่เพียงว่า...งานที่ได้รับมอบหมายมาต้องสำเร็จ
ยิ่งมีแรงต้านทาน มากเท่าไหร่....ดิฉันยิ่งมีแรงสะท้อนกลับมากเท่านั้น
คือจะต้องฟันฝ่่าและผ่านไปให้ได้ ....เป้าหมายคือ...งานต้องสำเร็จเท่านั้น ....

ซึ่งผล..ก็คือทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว...จิตตก...ยกระดับขึ้นมาไม่ได้
ถดถอย...กลายเป๋นอ่อ่นแอ.....
ขอขอบคุณสำหรับ ความคิดเห็น....คำชี้แนะ...ขอบคุณจริงๆคะ
ขอบุญกุศลในการให้คำแนะนำ จงช่วยให้ส่งเสริมคุณมีดวงตาเห็นธรรม เป็นผู้เจริญในธรรมในทุกๆด้าน

สาธุ สาธุ สาธุ .....

เจ้าของ:  poomipat [ 22 ส.ค. 2013, 08:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

ผลแห่งการ อดทน...รอคอย
ฟันฝ่าต่ออุปสรรค...รอบกาย
จุ่ดมุ่งหมายคือความสำเร็จ

วันนี้....มีคำตอบกับตัวเอง...
ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้หากเรามีความตั้งมั่น
มีกำลังใจที่เข้มแข็ง

แม้ที่ผ่านมา...นานหลายเดือนกับการทำงาน Project สำคัญ
ภายใต้เวลาที่ถูกกำหนด .....
เราคือตัวละครตัวหนึ่งในเกมส์... กว่าจะเดินทางถึงเป้าหมาย
จะต้องผ่านด่านแห่งความยากลำบาก ตลอดเวลา
มูลเหตุแห่งการบั่นทอนกำลังใจมากที่สุดคือความขัดแย้งอย่างรุนแรงในองค์กร
หากเผลอปล่อยใจไปตามอารมณ์นั้นเมื่อใด...คำตอบคือ..จบ
ความรู้สึก..ณ ช่วงเวลานั้น... ความเข้มแข็งของจิตใจมันเหลือน้อยเต็มที



ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านมากเลย
ที่เข้ามามีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้ของดฺิฉัน
โดยเฉพาะคุณปลีกวิเวก....ขอบคุณนะค่ะ

เจ้าของ:  poomipat [ 02 ก.ย. 2013, 13:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป.....
ปัญหา...และอุปสรรคในการดำเนินชีวิต
ที่เรา...ท่านทุกคนจะต้องเผชิญ ...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บททดสอบที่เรียงหน้ากันเข้ามา.....บทแล้วบทเล่า

เบาบ้าง...หนักบ้าง...แต่ก็แปลก...

เมื่อเวลาที่เราเผชิญหน้ากับมันครั้งคราใด...กลับคิดไม่ได้ว่า
...มันเป็นธรรมดาของชัวิต....ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้..

เราควรใช้มันเป็นโอกาส...เป็นช่วงเวลาที่เราควรได้ประโยชน์สูงสุด
เรียนรู้สภาวะธรรม...จากทุกขเวนาทางใจในขณะนั้น
เฝ้ามอง..เฝ้าดู ให้เห็นการเกิดขึ้น-ตั้งยู่-ดับไป-ของความทุกข์นั้น
แต่กลับทำไม่ได้...ใจไม่มีพลังมากพอ ...

เมื่อเวลาผ่านไปได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่คิดว่าทนไม่ได้...ทนไม่ไหว...สุดท้ายเราก็ยังอยู่ได้

[color=#FF00FF]ทำให้รู้อย่างลึกซึ่งเหลือเกินว่า
การใช้สติ....กำกับใจตลอดเวลาที่ต้องเผชิญปัญหา
สติ...ต้องมาพร้อมความอดทน...อดกลั้น
อดทน..ให้มาก ..อดกลั้นให้ได้...
..ไม่ว่าอุสรรคนั้นจะมากมน้อยเพียงใด้
.เพียงเราใช้สติ..ความอดทน....และอดกลั้นเราก็ผ่านมันได้เสมอ!!!

เจ้าของ:  กล้วยไม้ม่วง [ 02 ก.ย. 2013, 14:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ......แต่ขณะที่มีอารมณ์..ความรู้สึก ความคาดหวัง...ฯลฯ..ก็ต้องมีคนคอยกระตุ้น สะท้อนมุมมอง กระเทาะ ให้เราเห็น ปัจจุบัน เป็นคล้ายกระจกเงา ........ซึ่ง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ๆ ในลานธรรมทุกๆท่านที่คอยดูแลซึ่งกันและกัน ...ช่วยกันเป็นกระจก เพื่อก้าวผ่าน วันเวลา เตรียมตัวเดินทางต่อไป อย่างเชื่อมั่น มั่นใจ มั่นคง สงบ....... :b8: เป็นกุศลยิ่งค่ะ........

เจ้าของ:  กล้วยหอม [ 02 ก.ย. 2013, 16:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

poomipat เขียน:
เมื่อเวลาผ่านไป.....
ปัญหา...และอุปสรรคในการดำเนินชีวิต
ที่เรา...ท่านทุกคนจะต้องเผชิญ ...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บททดสอบที่เรียงหน้ากันเข้ามา.....บทแล้วบทเล่า

เบาบ้าง...หนักบ้าง...แต่ก็แปลก...

เมื่อเวลาที่เราเผชิญหน้ากับมันครั้งคราใด...กลับคิดไม่ได้ว่า
...มันเป็นธรรมดาของชัวิต....ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้..

เราควรใช้มันเป็นโอกาส...เป็นช่วงเวลาที่เราควรได้ประโยชน์สูงสุด
เรียนรู้สภาวะธรรม...จากทุกขเวนาทางใจในขณะนั้น
เฝ้ามอง..เฝ้าดู ให้เห็นการเกิดขึ้น-ตั้งยู่-ดับไป-ของความทุกข์นั้น
แต่กลับทำไม่ได้...ใจไม่มีพลังมากพอ ...

เมื่อเวลาผ่านไปได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่คิดว่าทนไม่ได้...ทนไม่ไหว...สุดท้ายเราก็ยังอยู่ได้

[color=#FF00FF]ทำให้รู้อย่างลึกซึ่งเหลือเกินว่า
การใช้สติ....กำกับใจตลอดเวลาที่ต้องเผชิญปัญหา
สติ...ต้องมาพร้อมความอดทน...อดกลั้น
อดทน..ให้มาก ..อดกลั้นให้ได้...
..ไม่ว่าอุสรรคนั้นจะมากมน้อยเพียงใด้
.เพียงเราใช้สติ..ความอดทน....และอดกลั้นเราก็ผ่านมันได้เสมอ!!!



:b1: เป็นคนหนึ่งค่ะ ที่สามารถก้าวผ่านความทุกข์ เพียงเรามีสติ ความอดทน ซึ่งความอดทนนั้นมากขนาดไหนบอกเป็นขนาดไม่ได้ ใจเราเองเท่านั้นที่รู้ว่ามันจะไม่มีวันหมด นอกจากเราจะยอมแพ้ :b1: :b1:

เจ้าของ:  poomipat [ 03 ก.ย. 2013, 16:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โลกธรรมแปด กับชีวิต

กล้วยไม้ม่วง เขียน:
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ......แต่ขณะที่มีอารมณ์..ความรู้สึก ความคาดหวัง...ฯลฯ..ก็ต้องมีคนคอยกระตุ้น สะท้อนมุมมอง กระเทาะ ให้เราเห็น ปัจจุบัน เป็นคล้ายกระจกเงา ........ซึ่ง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ๆ ในลานธรรมทุกๆท่านที่คอยดูแลซึ่งกันและกัน ...ช่วยกันเป็นกระจก เพื่อก้าวผ่าน วันเวลา เตรียมตัวเดินทางต่อไป อย่างเชื่อมั่น มั่นใจ มั่นคง สงบ....... :b8: เป็นกุศลยิ่งค่ะ........


นั่นสิ ....จิตใจของมนุษย์นั้นอ่อนแอยิ่งนัก....
ยิ่งจิตที่ไม่ได้รับการฝึกด้วยแล้ว....
หลอกล่อได้ง่าย...หลงง่าย...กว่าจะรู้ตัวว่าถูกกิเลสมารมันหลอกเอา...ก็เจียนตายเสียแล้ว
ให้คิดว่าเข้มแข็งยังไง...จิตใจของปถุชน
คนธรรมดา...ก็ยังต้องการเพื่อนร่วมทาง เสมอ....

หน้า 1 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/