วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 13:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2013, 09:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก..
พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที
ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6
แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง....

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ....
เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย
ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา
เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก...

..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า
หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร
ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2013, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระบวนการรับรู้

อายตนะ + อารมณ์ + วิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
ทางรับรู้ - สิ่งที่ถูกรู้ - ความรู้ - การรับรู้ - ความรู้สึกต่ออารมณ์

(ถ้ารับรู้แล้วจบ-จัดการไปตามที่ปัญญาบอกก็ดีไป) แต่ถ้า
ถึงเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์) เป็นทางแยก หากตรงไปตามเคยชิน ก็จะเป็นตัณหาอุปาทาน...ถ้ารู้สึกต่ออารมณ์แล้วสติปัญญาเกิด ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นๆได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2013, 11:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กระบวนการรับรู้

อายตนะ + อารมณ์ + วิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
ทางรับรู้ - สิ่งที่ถูกรู้ - ความรู้ - การรับรู้ - ความรู้สึกต่ออารมณ์

(ถ้ารับรู้แล้วจบ-จัดการไปตามที่ปัญญาบอกก็ดีไป) แต่ถ้า
ถึงเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์) เป็นทางแยก หากตรงไปตามเคยชิน ก็จะเป็นตัณหาอุปาทาน...ถ้ารู้สึกต่ออารมณ์แล้วสติปัญญาเกิด ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นๆได้


สาธุในคำแนะนำค่ะท่านกรัชกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2013, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


poomipat เขียน:
ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก..
พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที
ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6
แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง....

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ....
เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย
ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา
เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก...

..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า
หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร
ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ


จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น
เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา
...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์
ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา...
..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ...
...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... :b41:
:b48: ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

เจริญในธรรมค่ะ :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2013, 06:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
poomipat เขียน:
ความมหัศจรรย์แห่งการฝึกจิตนั้นเลิศเลอยิ่งนัก..
พลังที่มากขึ้น...จิตใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที
ทีจะรับรู้ผัสสะที่เข้ามากระทบอายาตะนะทั้ง 6
แล้วก็ดับลงไป....ใจไม่กระเพื่อม ...ไม่สั่นไหว ....ไม่ปรุงแต่ง....

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ....
เหตุใด..จิตจึงรู้สึกท้าทาย...กับเหตุ...กับผัสสะทั้งหลาย
ว่าเข้ามาเถิด...เรียงกันเข้ามา...มาทดสอบเรา
เราไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก...

..มันคือความอยาก ...ความคะนองของจิตหรือเปล่า
หากจิตยังรู้สึกเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไร
ขอท่านผู้รู้ในลานแห่งนี้ช่วยไขความกระจ่างด้วยค่ะ


จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น
เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา
...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์
ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา...
..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ...
...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... :b41:
:b48: ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

เจริญในธรรมค่ะ :b41:


:b8: ขออนุโมทนาในกุศลนี้ด้วยคนค่ะคุณปลีกวิเวก :b27:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2013, 09:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:

..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ...
...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... :b41:
:b48: ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

เจริญในธรรมค่ะ :b41:


ธรรมที่นำมาแนะนำเผยแผ่ของคุณปลีกวิเวก
ช่างตรงประเด็น ...ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ในแต่ละปัญหา แต่ละเรื่องของแต่ละบุคคล
ผู้มีปัญญา...ย่อมเห็นในธรรมเช่นนั้น


สาธุในธรรมคะ...ขอให้ท่านเจริญในธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2013, 11:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


มีคำสั่งด่วน...!!.ให้ไปปฏิบัติงานที่ อินโดนีเซีย 2 เดือน
เศร้าสุดๆๆ ....จะเป็นเยี่ยงไรนี่...
ส่งไปญี่ปุ่น....สวิสเซอร์แลนด์ จะไม่ว่าไรเลย.

คิดถึงกล่องดวงใจน้อย 2 ดวงแน่เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2013, 12:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงอินโดแล้ว.....
ภาระครั้งนี้หนักมากทีเดียว
วัฒนธรรมภาษาที่ แตกต่าง
แถมด้วยอัตาของแต่ละฝ่ายที่ค่อนข้างสูง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 10:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes

ยินดี ด้วยค่ะ ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความสามารถทางโลกและทางธรรม.......

:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2013, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้เคยระวังใจมาก่อน
ว่าจะต้อง....ห่างไกลลจากบุคลลอันเป็นแก้วตาดวงใจ

ความรัก...ความสุข...ความสบายใจ
ทำให้ใจหลง...เมื่อจะต้องห่างไกล

ความทุกข์ก็เข้ามาเป็นมิตรในเรือนใจ...
คิดถึง...เป็นห่วง...
ทุกข์เพราะไมได้เตรียมใจมาก่อน
จะต่างอะไรกับความตาย...
อยากมาเมื่อไหร่ก็มา....ไม่เคยบอกใครล่วงหน้า

หากเราไม่ประมาท....ไม่ว่าจากตาย...หรือจากเป็น..ใจเราก็คงไม่หวั่นไหว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2013, 22:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้เคยระวังใจมาก่อน
ว่าจะต้อง....ห่างไกลลจากบุคลลอันเป็นแก้วตาดวงใจ

ความรัก...ความสุข...ความสบายใจ
ทำให้ใจหลง...เมื่อจะต้องห่างไกล

ความทุกข์ก็เข้ามาเป็นมิตรในเรือนใจ...
คิดถึง...เป็นห่วง...
ทุกข์เพราะไมได้เตรียมใจมาก่อน
จะต่างอะไรกับความตาย...
อยากมาเมื่อไหร่ก็มา....ไม่เคยบอกใครล่วงหน้า

หากเราไม่ประมาท....ไม่ว่าจากตาย...หรือจากเป็น..ใจเราก็คงไม่หวั่นไหว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2013, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




:b48: :b48: :b48:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2013, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:


:b48: :b48: :b48:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b41:


ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ รู้สึกดีมากๆเลย

ใช้โอกาสนี้....พิจาณาความตาย
อย่างต่อเนื่อง.....ถือว่ามาปลิกวิเวก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2013, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ที่อินโดนีเซียฝนตกทุกวัน
บางวันแทบไม่ได้พักผ่อน
หาเวลาอยู่กับใจตัวเองแทบไม่ได้เลย
(พระอาจารย์บอกว่าเป็นคำแก้ตัวของคนขี้เกียจ)
ไปโยนให้เวลารับผิดแท้จริงแล้วอยู่แก่ใจ
นิดนึงน่ะ แค่กำหนดจิตให้ผ่านไปวันต่อวันก็พอก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2013, 10:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:

จริงๆ แล้วให้กำหนดรู้ไปตามสภาพของใจที่รับรู้ในขณะนั้นๆ รู้ตามที่เขาเป็น
เพื่อให้ใจยอมรับความเป็นจริงว่าขันธห้านี้มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
ควบคุมบังคับบัญชาเขาไม่ได้...เขาจะแสดงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา
...ความรู้สึกยินดีพอใจในสภาวะธรรมที่ ไม่ปรุงแต่ง ไม่หวั่นไหว ก็ให้ปล่อยวางเช่นกันเพราะมันก็เป็นเพียงแค่สภาวะธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ...จิตนั้นมีสภาพรู้อารมณ์
ผานทางทวารทั้งหก อยู่ตลอดเวลา...
..การที่ใจคิดนึกท้าทายผัสสะที่กล่าวมา...ยังไม่ใช่เป็นการระลึกรู้อารมณ์ที่ปล่อยวาง...แต่มันมีความยินดีพอใจในสภาวะธรรมนั้นอยู่...เหมือนวางอย่างหนึ่งลงได้..แต่ก็ไปยึดสภาวะอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจอีกอย่างแทน..ลักษณะของอัตตามันจะเป็นอย่างนี้..มันยึดว่าเป็นเราอยู่นั่นแหละ...
...เมื่อมีอาการอย่างนี้ก็ให้กำหนดรู้มาที่ใจหรือผู้รู้นั้น...ผู้ที่รู้ยินดีพอใจก็จะดับไปหมดไป...ก็จะเห็นว่าอ้อ! ผู้รู้ความยินดีพอใจก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..ไม่ใช่ตัวเราของเราอีกนั่นแหละ... :b41:
:b48: ..ค่อยๆปฏิบัติไปแล้วจะเข้าใจสภาวะธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

เจริญในธรรมค่ะ :b41:



หลายครั้ง ...หลายครา..เหมื่อนว่าจิตรับรู้ตามสภาวะธรมมนั้นๆ....
แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่า...กดดันตัวเองเกินไปหรือเปล่า
เมื่อสิ่งที่มากระทบไม่ใช่อย่างที่ใจคิด.....แว๊บแรกยังเป็นความทุกข์ผุดขึ้นมาก่อนเสมอ
พยายามนำ...บทธรรมที่คุณปลีกวิเวกแนะนำมาตีแผ่
กำกับจิตตัวเองให้รู้เท่าทันก่อนความทุกข์จะขึ้นมา...แต่ก็ยังไม่ทัน

ตั้งแต่ไปอยู่ที่อินโดนีเซีย ยังไม่มีเวลาปฏิบัติแบบจริงจัง
ความเชืื่อของคนแถบเกาะชะวา ยังเชื่อเรื่องผี ...เรื่องคนทรงเจ้า
เกรงว่า...กำลังจิตไม่พอ เดี๋ยวเจ้าถิ่นมาเยือนจะยุ่งเอา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร