วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 15:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2013, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ




ไม่มีอะไรจะเจ็บแสบยิ่งกว่าเรื่องของสามีภรรยา ที่มีความรักกันมากที่สุดในโลกนี้ก็คือสามีภรรยา รักสงวนกันมาก จดจ้องกันมาก ระเวียงระวังกันมาก ถ้าต่างคนต่างไม่มีธรรมด้วยแล้ว ก็เหมือนเอาไฟมาเผากันทั้งวันทั้งคืนอยู่ด้วยกันไม่เป็นสุข แม้จะเป็นเศรษฐีก็เป็นเศรษฐีไฟด้วย เผาหัวอกด้วยกันนั้นแหละ ถ้ามีธรรมในใจแล้วอยู่ไหนก็สบาย สามีก็ตายใจ เชื่อตัวเองได้ว่าเรามีภรรยาแล้ว ภรรยาของเราคนนี้เป็นเครื่องวัดชีวิตจิตใจของเราให้เป็นให้ตายไปด้วยกัน ไม่ยินดีกับหญิงอื่นหญิงใดทั้งนั้นแหละ นอกจากภรรยาของเราคนนี้เป็นผู้ฝากเป็นฝากตาย มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ นี้แลเรียกว่าสร้างหอวิมานในครอบครัวของตน


ระหว่างสามีภรรยามีความจงรักภักดีต่อกันอย่างนี้ เรียกว่าสร้างหอวิมานขึ้นมา ความสุขในมนุษย์ก็อยู่ในจุดนี้แล อะไรที่มีมาบ้างได้เสียไปบ้างนั้นเป็นธรรมดาของโลกทั่วๆ ไป แต่ความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์สุจริตต่อกันระหว่างสามีภรรยานี้ ให้มีความแน่นแฟ้นแก่นแห่งความรักความตายใจซึ่งกันและกันแล้ว นี้คือบ่อแห่งความสุข สมบัติใดๆ สู้ไม่ได้ นี้เป็นสมบัติทิพย์อยู่ภายในจิตใจ เมียก็ตายใจว่าผัวของเรานี้เป็นที่ตายใจได้แล้ว สามีก็ตายใจ ภรรยาก็ตายใจ ต่างคนต่างตายใจ วางใจกันได้ นี้ละบ่อแห่งความสุขอยู่จุดนี้


เราอย่าไปหวังเอาเงินเอาทองมาเป็นเศรษฐี โดยไม่คำนึงถึงความสำคัญที่อยู่ในคู่ครองทั้งสองนี้ ให้ปฏิบัติต่อกันด้วยดี เราจะมีความสุขความสบาย ตายลงไปแล้วก็มีความปรารถนาอยากจะพบกันในภพชาติต่อไปก็สมหวัง ถ้าทำความชั่วช้าลามก มีขัดมีแย้งกันเรื่องกิเลสกาม ความได้ไม่พอๆ ความโลภไม่พอนี้แล้ว ปรารถนาจะเป็นผัวเป็นเมียกัน ก็เหมือนกับเอาฟืนเอาไฟมาเผากันนั่นแหละ ผู้ดีก็ไปทางดีเสีย เมียเป็นคนดีตายแล้วเมียก็ไปทางดีเสีย ผัวเป็นคนชั่วตายแล้วก็จมไปทางชั่วเสีย ถ้าเมียไม่ดีเมียก็ไปทางชั่ว ผัวไม่ดีผัวก็ไปทางชั่วได้ ใครดีใครก็ไปทางดีด้วยกัน


เมื่อดีทั้งสองแล้ว มีความปรารถนาต่อกัน อยากเป็นสามีภรรยาคู่พึ่งเป็นพึ่งตายคู่บารมีกันในวาระต่อไปก็เป็นได้อย่างสมหวัง เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลกลมกลืนกัน ไม่ปีนเกลียวกัน เมียชั่วผัวดีอย่างนี้ไม่ถูก ผัวก็ดี เมียก็ดี อย่าขัดอย่าแย้ง เวลาจะทำบุญให้ทาน อย่าต่อล้อต่อเถียงกัน ขัดแย้งกัน ผัวอยากให้ เมียไม่อยากให้ ก็ทะเลาะกันเสีย บุญกุศลควรที่จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ขาดบาทขาดตาเต็งลงไป ยิ่งไม่ให้เสียก็เลยไม่ได้ให้จริงๆ ขาดไปหมดด้วย นี่ขาดทุนสูญดอก อย่าขัดอย่าแย้งกัน การทำบุญให้ทานนี้เป็นสิ่งที่ชอบธรรมอย่างยิ่งแล้ว เรามีสมบัติมาพอได้ทำบุญให้ทาน ก็เป็นบุญของเรา อย่าขัดอย่าแย้งกัน ให้ได้บุญด้วยกัน ผัวทำก็ได้บุญทั้งผัวทั้งเมีย เมียทำก็ได้ถึงกัน เพราะใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความยินดีด้วยกัน ปรารถนาจะเป็นคู่ครองกันในกาลต่อไปก็เป็นได้อย่างสมมักสมหมาย เพราะความดีเสมอกัน


ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ ถ้าผัวเป็นยักษ์ เมียเป็นผี ก็ไปเป็นคู่บารมีกันในแดนนรกไม่เคยมี ธรรมพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนไว้ ต้องเป็นคนดี เห็นกันแล้วหากเป็นไปเอง ถ้าต่างคนต่างเป็นคนดี ท่านแสดงไว้ในธรรมว่า ปุพเพนิวาสชาติปางก่อนเคยได้สร้างสมอบรมอะไรต่อกันไว้ ในเวลาที่เป็นผัวเป็นเมียกัน ในภพชาติต่อไปบุญบารมีอันนี้ก็จะกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อพบกันเจอกันแล้วไม่ต้องบอก มันก็รู้กันเองภายในจิตใจที่เคยกันอยู่แล้ว มันหากเป็นผัวเป็นเมีย เป็นคู่บารมีและสร้างคุณงามความดีไปด้วยกัน เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ต่างคนก็ต่างถึงความหลุดพ้นจากทุกข์ไปได้นั่นแหละ


ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าของเรากับพระนางพิมพา พระนางพิมพากับพระพุทธเจ้านี้เป็นเนื้ออันเดียวกันเลย ทุกๆ อย่างความรู้ความเห็นความเป็น ความประพฤติทุกอย่างเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มีใครขัดแย้งปีนเกลียวซึ่งกันและกันเลย ท่านสร้างบารมีมาด้วยกันตั้งแต่เริ่มต้นมา พระพุทธเจ้าของเราก็ทรงปรารถนาเป็นโพธิสัตว์สร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า พระนางพิมพาผู้เป็นภรรยาก็ปรารถนาเป็นเหมือนเงาเทียมตัวพระโพธิสัตว์ ต่างคนต่างสร้างความดีมาด้วยกัน หนักเบาขนาดไหนก็สร้างมาด้วยกัน ไม่ปีนเกลียวกันจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ภพใดชาติใดท่านก็เป็นคู่บารมีกันมาโดยลำดับลำดา ไม่พลัดไม่พรากไม่จากซึ่งกันและกันไปเลย ไม่ว่าภพใดชาติใด เพราะความดีกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ให้มีความระลึกรู้ ให้มีความดูดดื่มต่อกันอยู่เสมอไปในทุกภพทุกชาติ ท่านจึงได้เป็นคู่ครองของกันและกัน เป็นคู่บารมีกันมาโดยลำดับ


รูปภาพ



จนกระทั่งวาระสุดท้าย วาระสุดท้ายนั้นพระพุทธเจ้าของเรานี้ตอนท่านบารมีแก่กล้าแล้ว ท่านจะเสด็จออกทรงผนวชเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้เสด็จออกทรงผนวช เมื่อเสด็จออกทรงผนวช พระนางพิมพาก็เป็นเหมือนกับหัวอกจะแตก แต่ก็ทราบเจตนาของพระบรมโพธิสัตว์หรือสิทธัตถราชกุมารได้ดีก็ทนเอา อดเอา ทนเอา เมื่อพระสิทธัตถราชกุมารสละออกไปทรงผนวชบวชเป็นฤาษีดาบส ประพฤติพรตพรหมจรรย์อยู่ในป่าในเขานั้น พระนางทราบว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ทิศใดแดนใด ต้องกราบไหว้ไปถึงแดนที่พระสิทธัตถราชกุมารอยู่นั้นๆ ร่ำไปเรื่อยไปอย่างนี้ ไม่เคยประมาทแต่อย่างใดเลย กราบไหว้ไปตามทิศทางที่สิทธัตถราชกุมารไปบวชเป็นฤาษีดาบสอยู่นั้น


จนกระทั่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ขึ้นมาจากการบำเพ็ญเป็นเวลา ๖ พรรษา ได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้ว ทีนี้ถึงเวลาแล้วที่จะรื้อขนกันให้หลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ถึงกาลเวลาอันสมควร ก็พอดีพระราชบิดาคือพระเจ้าสุทโธทนะทูลอาราธนาพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่พระราชวัง พระองค์ก็เสด็จไปพร้อมกับพระตั้ง ๒๐,๐๐๐ องค์นู่น ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ พอไปเสวยพระกระยาหารที่พระราชวังของสมเด็จพระราชบิดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระราชบิดาก็ทรงปรารภความดีงามของพระนางพิมพา ให้พระพุทธเจ้าทรงสดับว่า พิมพานี้เป็นคนที่ดีมากทีเดียว หาไม่ได้แล้วเหมือนกับพิมพา


ตั้งแต่วันสิทธัตถราชกุมารเสด็จทรงผนวชจนได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมานี้ พระนางพิมพามีความระลึกกราบไหว้บูชาถึงบุญถึงคุณตลอดเวลา ไม่เคยประมาทแต่อย่างใดเลย เวลานี้ก็เป็นกาลอันควรที่พระองค์เสด็จมาสู่สถานที่นี่แล้ว ควรจะไปสงเคราะห์พระนางพิมพา ซึ่งเป็นบุคคลที่ดีมากหายากที่จะมีได้นั้นก็จะเป็นการดีมาก คือทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดพระนางพิมพา ความจริงพระองค์ทรงพินิจพิจารณาทรงดำริไว้โดยเรียบร้อยแล้ว เป็นแต่เพียงว่าไม่ลั่นพระวาจาออกมาเท่านั้นแหละว่าจะไปเยี่ยมพระนางพิมพาคู่บารมีกัน


ทีนี้พอพระราชบิดาทรงอาราธนาอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็ลงพระทัยอยู่แต่ก่อนนั้นแล้ว พอดีได้สักขีพยานก็รับสั่งว่าจะไปเยี่ยมพระนางพิมพา ก่อนที่จะไปก็รับสั่งให้พระสงฆ์จำนวนมากนั้นให้กลับไปวัดให้หมด ยังเหลือแต่พระสารีบุตรกับพระโมคคัลลาน์ ให้ติดตามเราตถาคตไปเยี่ยมพิมพาในคราวนี้ โดยที่พระเจ้าสุทโธทนะจะเสด็จไปด้วยหรือไม่เสด็จตอนนี้ เราก็ชักหลงลืมไป จำได้ถนัดชัดเจนก็คือพระพุทธเจ้าของเรา หลังจากเสวยพระกระยาหารที่พระราชวังของพระราชบิดาแล้ว ก็พาพระสารีบุตรโมคคัลลาน์ไปเยี่ยมพระนางพิมพาที่พระตำหนัก ถึงพระตำหนักเลย


พอไปถึงก็มีคนเข้าไปกราบทูลว่า สิทธัตถราชกุมารเสด็จมาถึงพระตำหนักแล้วเวลานี้ ประทับอยู่ข้างนอก ภาษาของเราเรียกว่าที่รับแขก พอพระนางได้ทราบเท่านั้นแล้ว ลืมเนื้อลืมตัวไปหมด นี่เพราะอำนาจวาสนาบารมีของพระองค์ทั้งสองที่กลมกลืนกันมาตั้งนานแสนนาน ด้วยการสร้างบารมีด้วยกันมาเป็นลำดับลำดา พอได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าของเราเสด็จไปประทับที่หน้าพระตำหนักเท่านั้น เสด็จออกมาเลยทันที พอออกมาเห็นพระพุทธเจ้าเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงเลยว่านี่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีในเวลานั้นนะ จะคิดเห็นตั้งแต่คู่พึ่งเป็นพึ่งตาย คู่บารมีของเรามาถึงแล้วโดยถ่ายเดียวเท่านั้น


เพราะฉะนั้นจึงไม่สนพระทัยในเรื่องว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระหรือเป็นอะไร ไม่สนใจ พอเข้าไปก็เข้ากอดเลยทันที ก่อนที่จะเสด็จไป พระองค์ก็ทรงทราบไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เวลาเราเข้าไปถึงพระนางพิมพานี้แล้ว รับสั่งให้พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ได้ทราบไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว หากพระนางพิมพาจะมาทำอะไรๆ กับเรา อย่าได้สนใจ ถ้าภาษาของเราก็เรียกว่า ทำประหนึ่งว่าหูหนวกตาบอดไปเลย ไม่ดู ไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจ พระนางจะทำพระพุทธเจ้าแบบไหนก็ไม่ให้มีการคัดค้านต้านทาน


เพราะพระนางมีพระบารมีเต็มที่แล้ว จะหลุดพ้นจากทุกข์ในชาตินี้โดยถ่ายเดียวเท่านั้น หากได้รับการคัดค้านต้านทานหรือกีดขวางประการใด นางจะเสียพระทัย สลบไสลลงไป ดีไม่ดีอาจไม่ฟื้นแล้วตายเสีย มรรคผลนิพพานก็จะขาดสะบั้นไปในเวลานั้นด้วยกัน พระองค์จึงรับสั่งไว้อย่างนั้น พอไปถึงที่แล้ว พระนางเข้ามาก็ปรี่เข้ามาแล้วกอดพันพระพุทธเจ้าเลย พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ ก็หูหนวกตาบอดอย่างที่ว่า เฉยไม่สนใจ พระนางมากอดมารัดทุกแบบทุกฉบับ พระองค์เองก็เฉยไม่สนใจ ไม่สนพระทัย เพราะจะมีการขัดแย้งหรือห้ามบ้างก็เพียงเล็กน้อย พระนางจะเสียพระทัยมาก ดีไม่ดีถึงขั้นสลบและตายไปเลย แล้วขาดมรรคผลอันยิ่งใหญ่นั้นไปเสีย พระองค์ก็ทรงนิ่งเฉย แล้วคอยแนะไปเรื่อย แนะนำสั่งสอน


กาลนี้เป็นกาลอันควรแล้ว ตั้งแต่ก่อนเราได้สร้างบารมีมาด้วยกัน เหมือนอวัยวะเดียวกัน ไม่มีขัดมีแย้งกันตลอดมาตั้งแต่เริ่มสร้างบารมีมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ บัดนี้เราได้เป็นพระพุทธเจ้าสมความมุ่งหมายตามความปรารถนาที่ได้ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว จึงได้เข้ามาหาพระนางซึ่งเป็นผู้มีบุญมีคุณต่อกันมาตลอดสาย จึงได้มาหาที่นี่ ต่อไปนี้ก็เป็นกาลอันควรแล้วที่พระนาง จะได้บำเพ็ญคุณงามความดีให้ได้หลุดพ้นไปตามเราตถาคตซึ่งเป็นคู่บารมี พระนางทั้งๆ ที่กอดรัดอยู่นั้น โดยไม่มีใครคัดค้านต้านทานก็ค่อยถอยห่างออกไป ทีแรกกอดรัดอยู่อย่างนั้นตลอด แล้วก็ค่อยถอยห่างออกไป


พระองค์ก็ทรงพิจารณาด้วยพระญาณตลอดเวลาในพระทัยของพระนางพิมพา แล้วทรงโปรดเมตตาสอนเป็นวรรคเป็นตอนไปโดยลำดับ พระนางค่อยรู้เนื้อรู้ตัวแล้วค่อยถอยห่างออกไปๆ เอง โดยไม่มีใครห้ามปรามอะไรแหละ ไม่มีใครผลักดันอะไร พระนางก็ถอยห่างไป พอได้รับโอวาทจากพระพุทธเจ้าโดยลำดับลำดาแล้ว รู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา จนกระทั่งถึงขั้นได้รับความเป็นพระโสดาขึ้นมา ทีนี้เป็นความสวยงามเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว เป็นบุคคลธรรมดาปรกติดีงามแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า พระนางพิมพาเป็นพระนางพิมพาแล้ว ต่างท่านก็ต่างเรียกว่ารู้จักอับจักอาย ถอยห่างออกไป ตั้งใจฟังอรรถฟังธรรม จากนั้นมาก็ได้ฟังพระโอวาทของพระพุทธเจ้าหลายครั้งหลายหน จนสำเร็จขึ้นเป็นลำดับลำดา สุดท้ายก็เสด็จออกบวชเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ได้ถึงขั้นปรินิพพานเหมือนพระพุทธเจ้า


นี่เพราะอำนาจแห่งความดีทั้งหลาย ที่ได้สร้างมาเป็นลำดับลำดา ไม่ปีนเกลียวซึ่งกันและกัน ผลแห่งความดีทั้งหลายจึงกลมกลืน ถึงขั้นแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์ ตามเสด็จพระพุทธเจ้าทันท่วงที อันนี้แหละคือความดี อยู่ด้วยกัน เราไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม เราปรารถนากับครอบครัวของเรา คู่ผัวคู่เมียของเรา คู่บารมีของเราให้ต่างคนต่างมีความจงรักภักดีต่อกัน อย่ามีความปีนเกลียว อย่าเป็นคนมักมากโลเลในกามกิเลสได้ไม่พอ กินไม่พอ ให้มีความพอดิบพอดีกับความมีอยู่ของตน เมียก็มีผัวแล้ว ผัวก็มีเมียแล้ว นี่พอดีเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว


ท่านผู้ทรงคุณความดีทั้งหลาย ท่านมีความพอดีกับคู่ครองของตน ภรรยาก็ไม่ใฝ่หาสามีใดอีกแล้ว สามีก็ไม่ใฝ่หาภรรยาผู้ใดแล้ว นอกจากผัวเมียอันเดียวกันนี้เท่านั้นพอแล้วๆ ท่านเรียกว่าอัปปิจฉตา เป็นผู้มีความปรารถนาน้อย คือผัวเดียวเมียเดียวเท่านี้พอแล้ว นี่จะสร้างความร่มเย็นเป็นสมบัติทิพย์ขึ้นมาให้เสวย ตั้งแต่ได้เป็นคู่ครองของกันและกัน จนกระทั่งตายไปจากกัน ก็ไม่มีพลัดพรากกันไปได้ตามความมุ่งหมายในสายธรรมที่ถูกต้องดีงาม ที่บำเพ็ญต่อกันมาด้วยความสุจริตนี้เป็นอย่างนั้น


เราทั้งหลายก็ให้ตั้งใจปฏิบัติ เราเดินทางสายเดียวกันนั่นละ มีผัวมีเมียมาด้วยกัน ให้มีความรักความสนิท ความจงรักภักดีต่อกัน มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน เอาธรรมเข้าเป็นเครื่องบังคับเสมอ ถ้าเรื่องกิเลสแล้วจะไม่พอ ไม่มีอะไรพอกับกิเลส มีความหิวโหยตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกิเลสแล้วหมาสู้ไม่ได้ หมามีกี่ตัว ผัวของเขามีกี่ตัว เมียของเขามีกี่ตัว ไอ้เมียของคนลามก ผัวของคนลามก มีมากกว่าหมาเสียอีก แล้วเลวกว่าหมาเสียอีก อย่านำเข้ามาใกล้ชิดติดพันกับเรา เราเป็นคน เขาเป็นหมา คนเป็นคนจึงต้องมีศีลมีธรรม รู้จักดีจักชั่ว รู้จักความพอดิบพอดี แล้วปฏิบัติตนไปจะมีความสงบร่มเย็นราบรื่นดีงามตลอดไป ให้พากันจำเอาไว้นะบรรดาพี่น้องทั้งหลาย




รูปภาพ





ที่มา : http://www.luangta.com/thamma/thamma_ta ... 08&CatID=2

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2013, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 19:58
โพสต์: 293

โฮมเพจ: https://www.facebook.com/McDoorEdgeRubber
แนวปฏิบัติ: ตามหาพุทโธ
งานอดิเรก: ถ่ายภาพ สะสมพระเครื่องพระบูชา เลี้ยงปลา เลี้ยงแมว
ชื่อเล่น: Mc
อายุ: 0
ที่อยู่: สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8:

.....................................................
ถ้าจะตาย จะเสียดายทำไมเล่าชีวี
ต้องรู้เท่าทันธาตุขันธ์นี้ ล้วนแต่มีอนิจจังทั้งหมด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร