วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 17:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2013, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2012, 11:14
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ฉันมีครอบครัวแล้ว แต่ได้ก้าวพลาดไปแบบไม่ได้ตั้งใจ และก็ให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำผิดศีลธรรมอีก ฉันเก็บความลับไว้ในใจและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ดีฝังไว้ในจิตใจ อยู่กับครอบครัวซึ่งมีสามีที่รักและดูแลฉันเป็นอย่างดี เขาไม่เคยทราบเรื่องนี้ ซึ่งฉันก็ไม่อยากให้เขาผิดหวังในตัวฉันจึงได้แต่เก็บความรู้สึกผิดไว้ในใจ ฉันทอดทิ้งชายคนที่ได้ชื่อว่าชู้ เพื่อเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผ่านมาเกือบสองปีฉันก็เหมือนลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ภาพต่างๆ มันจะเกิดขึ้นมาที่จิตใต้สำนึกเสมอ ฉันเห็นแต่หน้าเขา มารบกวนจิตใจฉันตลอด หลายครั้งที่ฉันสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้กับเขาเพื่ออโหสิกรรมเรื่องราวที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วเขาก็รักฉันมาก แต่มันผิดศีลธรรมฉันจึงไม่ได้ร่ำลาเขาต้องจากมาแบบไม่ให้เขาตั้งตัว มันเหมือนเขาไม่อโหสิกรรมให้ฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้คิดถึงเขา แต่ภาพของเขาจะวนเีวียนในความรู้สึกของฉัีนเสมอ ถ้าจะให้ฉันติดต่อหวลไปพบเขาอีกฉันคงทำไม่ได้ วันนี้จึงขอใช้พื้นนี้ระบายความรู้สึกหน่อยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2013, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


สิ่งที่ยังรบกวนจิตใจ ไม่ใช่เพราะ เขาไม่อโหสิกรรมให้
บางทีเราคิดเอาเองไว้แบบนี้ อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้
ถ้าเขา กล้าที่จะรักชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วได้ เหมือนเรา!
ก็แปลว่าเขา ย่อมที่จะสามารถรักใครใหม่อีกก็ได้ ไม่ใช่มีแต่เรา
เพียง "คนเดียว!" บางทีพอผ่าน วิบากกรรมตรงนี้ไป

ไปพบเห็นเขากำลังมีความสุขกับคนอื่น ไม่ได้สนใจใส่ใจ
แคร์อะไรเราเลยอีกแล้ว อันนี้ก็อาจจะเป็นได้ ให้มองไว้
อีกมุมจะได้เพื่อใจเอาไว้บ้าง ไม่หลงอยู่ในโลกความฝัน
เก่าๆ ตื่นขึ้นมาสู่ความจริง

ลองลืมตากว้างๆ หาเหตุหาผลให้เจอ ว่าเป็นที่เขาไม่ยอมอโหสิ
หรือว่าเป็นที่ เราเองยังรักเขาหรือสงสารเขาอยู่กันแน่...!

คุณโยมทำทิศปัจฉิม หรือทิศตะวันตก คือบุคคลที่อยู่เบื่องหลัง
ให้มืดมน ไร้ความสว่างสดใส เหมือนทำทิศนี้ให้เศร้าหมอง
เพราะ "นอกใจคนรัก" คุณโยมเลยมีมีดสองเล่มทิ่มแทง
ขยับก็เจ็บ เขยื่อนก็แสบ แก้ไขได้ยาก

เพราะต้องหวนระลึกและมี อกุศลจิตบ่อยๆ ต้องเศร้าหมองบ่อยๆ
อะไรบ้างทำให้เศร้าหมอง 1.ความรักความสุขที่เคยมี!
2.ความต้องการลืมแต่ใจไม่ยอมลืม 3.ทั้งข้อ 1,2 เป็นการ
เบียดเบียนทำร้ายจิตใจตนเอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดง่ายๆ
มีดถูกกดลึกกดซ้ำลงไป รู้สึกตัวก็ไม่พอใจไม่อยากเป็นคน
ไม่ดี ไม่อยากทำผิดซ้ำๆ ซากๆ ก็เหมือนถอนมีดที่เสียบ
ที่ปักลงในใจ ผ่านเข้าออกเยื่อเนื้อหัวใจอยู่อย่างนั้น ทรมาน.

อันนี้แหละเลยว่า เศร้าหมอง ทุกข์เพราะคิด! ไม่เป็นทางสายกลาง
สุดโต่งสองสาย ข้างหนึ่งรัก ข้างหนึ่งอยากลืม(เพราะรัก)

ที่นี้มาถึงทางสายกลาง ของความคิด ของชีวิต ที่มันควรจะเป็น
เรากลับไปแก้ไข ชีวิตในเวลานั้นไม่ได้ แต่เราไม่ควรเข้าไปซ้ำเติม
ความคิดจิตใจเรา ด้วยการยังรัก หรือ อยากลืม(เพราะรัก)อีก!!

เขากับเราหยิบมีดแทงทำร้ายหัวใจตัวเอง ปักคาเอาไว้ แต่นับจาก
วันนั้นถึงวันนี้ ก็มีแต่เรานี่แหละที่ ทิ่มเองแทงเองอยู่อย่างนั้น
ทางสุดโต่งของอารมณ์ทั้ง อยากดึงอยากพลัก ไม่ใช่ทางออก
เพราะผลของมันยังทำให้เรายึดถือในความรู้สึกนั้นๆ ว่าเป็นเรา
ที่ทุกข์ที่เจ็บและยังหลงอีกว่าเขาก็เจ็บและคง ไม่อโหสิให้ ด้วยความไม่รู้

ถ้าคุณโยมรู้สึก นึกถึงเขา ก็ให้กลับไปชดเชยให้ลูกให้สามีมากๆ
การหันกลับไปใส่ใจคนรักลูกๆ นั่นจะลดและชดเชยความรู้สึก
อยากลืม(เพราะรัก)ลงไปได้ และในทางเดียวกัน ก็เพียงแต่
รับรู้เอาไว้ว่า ใจเรายังไม่ซื่อสัตย์ ยังทรยศต่อเจ้าของ ยังไม่รักดี
ยังต้องฝึก ต้องประคับประครองอีกมาก จนกว่า จะมีกำลังพอ
มีฤทธิ์ มีอำนาจพอ ที่จะกลับใจได้ โดยเพียงทำทิศปัจฉิมทิศ
ตะวันตก บุคคลที่อยู่เบื่องหลัง สามีและลูกๆ ให้สว่างสดใส
คุณโยมอาจต้อง กราบขอขมาสามี(แต่ทำทีให้ด้วยความรัก)
ในวันพิเศษ ในวันสำคัญโดยถือว่า เขารักและเลี้ยงดูเราเป็นอย่างดี
แต่อย่าให้ผิดสังเกตุจนเกินไป จนไปรบกวนและทำร้ายจิตใจเขา
ให้เป็นไปโดยลักษณะต่างฝ่ายต่างรู้สึก เคารพรักซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น

ลองดูนะครับ แอบกราบขอขมาก็ได้ ให้ดอกไม้มอบความรัก
ตรงๆ ก็ได้ แต่อย่าให้เกินจนผิดสังเกตุ (ในกรณีสารภาพไม่ได้)

* อนึ่งไม่ได้แนะนำหรือยินดีต่อการให้โกหก

ให้เรื่องร้ายมันทำลายจิตใจเราเองคนเดียว อย่าได้ไปทำร้าย
ทำลายคนรักและครอบครัวอีกเลย..ให้ยุติกรรมทุกๆ กรรม.

เข้าวัดวาสวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติธรรม ทำสมาธิให้จิตใจสงบ
จนเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง เท่าทัน อกุศลจิต
เท่าทันความคิดปรุงแต่ง ความจำ สัญญาจำได้หมายรู้
ที่บ่อนทำลายจิตใจตนเองและครอบครัว ให้แพ้แต่เพียงเรา
แต่ให้ครอบครัวให้ความรักยังอยู่ ดูจะดีกว่า


และเมื่อตั้งหน้าตั้งตา เจริญสติปฏิบัติธรรมแล้ว จิตใจก็จะค่อยๆ
ละคลายความรัก สลัดตัณหาลงไปได้เมื่อ ทรงอิทธิฤทธิ์ทรง
อารมณ์อุเบกขา ปล่อยวาง วางเฉย ต่อสภาพอารมณ์ที่ปรุงแต่ง
ที่สุดโต่ง เห็นก็สักว่าเห็น จำก็สักแต่ว่าจำ ระลึกได้ก็สักแต่ว่าเพียง
ระลึกได้ ไม่ใช่เราเห็น ไม่ใช่เราจำ ไม่ใช่เรารู้สึก สุขไม่ใช่ของเรา
ทุกข์ไม่ใช่ของเรา เิกิดขึ้นเพราะอาศัย จิตที่เป็นกุศล เกิดขึ้นเพราะ
อาศัยจิตที่เป็นอกุศล จึงมีอารมณ์ เป็นสุข เป็นทุกข์ เพราะจิตที่
สั่งสม ที่ฝึกดี หรือฝึกได้ไม่ดีนั่นเอง


ทำความดี ก็คือทำดีกับคนรักคู่ครองครอบครัวมากๆ และเอาดีให้ตนเอง
คือให้ทาน รักษาศีล ภาวนายกจิตใจตนเอง ให้พ้น จิตและอารมณ์
ที่เป็นอกุศล ด้วยกรรมฐาน กำหนดลมหายใจ พองยุบ พุทโธอย่าง
ใดอย่างหนึ่งก็ได้ ตามความสบาย ตามความชอบ นี่คือทำดี

ละเว้นความชั่ว ก็คือ เมื่อเรารักษากายวาจา ไม่นอกลู่นอกทาง
ไม่ทำผิดซ้ำ ก็จะไม่้ต้องมีความรู้สึก หรือความทรงจำหยาบๆ
เพราะขาดสติ จิตขาดสมาธิ จิตขาดอารมณ์ที่ดี ความชั่วที่ว่า
เมื่อถูกจิตรักษาดีแล้ว กายวาจา ก็ไม่ชั่ว การจะละความชั่วได้
ในระดับศีล คือระวังควบคุมกายวาจา ละความชั่ว ความทรยศ
ความดิ้นรน สัดส่ายเพราะตัณหา เพราะกิเลสในใจ ต้องหมั่น
ตั้งสติ หมั่นพิจารณาคุณและโทษที่เศร้าหมองตามที่ว่ามา
อันนี้จึงเรียกว่า ละความชั่ว

ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ก็คือลักษณะของสภาพจิต ที่ถุกศีลรักษา
ถูกความสำรวมรักษา ไม่ดูไม่ฟัง อะไรกระตุ้นความอยากความ
ต้องการ หลีกเลี่ยงและเว้น อบรมสติ เจริญสมาธิ ให้จิตใจตั้งมั่น
ละความสุดโต่ง ความคิด ความกังวลต่างๆ จนจิตถึงความชำนาญ
ฝักใฝ่หาแต่อารมณ์ละเอียด ที่ต้องฝึกฝนต้องปฏิับัติ เมื่อสามารถ
ควบคุมจิตใจ ให้หายพยศ คิดคด จิตปราศจากอารมณ์หยาบๆ
สุดโต่งทั้งสองโดยสิ้นเชิง คิดถึงก็ไม่โหยหา จำได้แต่ก็ไม่จำเป็น
ต้องบังคับให้ลืม(เพราะรักอีก)
ก็ชื่อว่าชนะ สงครามที่เอาชนะได้ยาก
ถึงฤทธิ์ถึงความสำเร็จของกำลังจิตกำลังใจ จิตใจปราศจากนิวรณ์กิเลส
จิตจึงเรียกว่า บริสุทธิ์ พ้นจากความเศร้าหมอง เรียกว่า ทำจิตให้บริสุทธ์


ก็ขอให้โชคดีนะครับ เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 09:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2012, 11:14
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ..กราบนมัสการพระคุณเจ้า ที่ให้ความสว่างไสวในทางธรรม ท่านอธิบายได้ตรงมาก ดิฉันก็เหมือนคนตกนรกอยู่ในใจ หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ผิดถูกอยู่ในใจเศร้าอยู่ในใจเพราะความยึืดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ผ่านมา อยากลืมก็ลืมไม่ได้ ให้ทำผิดคิดชั่วแบบนั้นอีกก็ทำไม่ได้ มันเหมือนมันต้านกันอยู่ระหว่างสีขาวกับสีดำ เพราะดิฉันไม่ปล่อยวางเอง สุดโต่งอย่างที่ท่านบอก พอมามีอะไรมากระตุ้นความรู้สึกก็เหมือนไปสะกิดแผลเก่าให้หวนคิดนึกอีก ดิฉันไม่มีลูกแต่ก็เ็ป็นคนรักสถาบันครอบครัว เพราะเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวใหญ่ ถึงจะหลงผิดไปชั่ววูบแต่ก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ดิฉันก็กราบขอให้ท่านมีความเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น ไปเจ้าค่ะ สาธุ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร