วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2012, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 16:06
โพสต์: 59


 ข้อมูลส่วนตัว


สามีมีเมียน้อย....ตอนแรกก้อพุ่งเป้าความแค้นไปที่เมียน้อย..แต่พฤติกรรมสามีหลายอย่างบ่งบอกว่าเหมือนสามีไปหลอกเมียน้อยมากกว่า...เราอยากรู้ความจริงแต่บังเอิญว่าเมียน้อยเป็นคนต่างชาติ...พูดไทยไม่ได้ อังกฤษไม่ได้..จุดประสงค์คือยากทราบความจริงว่าสามีไปหลอกเมียน้อยให้ยอมเป็นเมียโดยโกหกว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเมียเก่าแล้วถึงแม้ว่าจะยังไม่หย่าก้อตาม....จะมีวิธีไหนมั๊ยคะ มันคาใจ...ไม่แน่ว่าการเจรจากับเมียน้อยถึงจะไม่ทำให้เค้าเลิกกันแต่ความจริงอาจทำให้เมียน้อยได้คิดบ้าง (ไม่รู้คิดแง่ดีเกินไปไหม)...อาการที่สามีทำมันบ่งบอกว่าสามีคงไปรับปากอะไรกับเมียน้อยและคงสัญญาอะไรกันไว้จนทำให้เธอยอมเป็นเมียและปล่อยมีลูก...และสามีก้อแสดงออกว่ารักเราน้อยลงเรื่อยๆเพียงแต่ยังรักษาสภาพการสมรสไว้ไม่ได้หย่าขาด แต่เค้าก้อทำอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนบีบเราทางอ้อม เราเลยอยากรู้ความจริง....ไม่อยากโง่อีกต่อไป...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2012, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความจริงที่เป็นประโยชน์ ความจริงที่ไม่เป็นประโยชน์
รู้แล้วมีประโยชน์ รู้แล้วไม่มีประโยชน์
สภาพสมรส เป็นประโยชน์ตามกฏหมายผ่อนหนักผ่อนเบา
สำหรับคนสองคนที่อยู่ร่วมกัน แต่ไม่สามารถการันตีว่าจะ
รักและซื่อสัตย์มั่นคงจริงใจต่อกัน ได้เท่าศีลข้อ ๓ หรอกโยม...

ศีลข้อ ๓ เป็นความกรุณาสงสารที่มีต่อคนที่เรารัก เป็นการให้ความ
ปลอดภัยในคู่ครองคนรักและตนเอง



เป็นสัญญาใจไปในตัว ใช้ควบคุมตนเองใจตนเอง ไม่นอกลู่นอกทาง
ถ้าความเหงา ผิดหวังเสียใจทรมานใจหดหู่ใจ เหมือนอากาศหนาว
ถ้ากิเลสตัณหาราคะ ความรัก เหมือนบ้าน เหมือนที่พักอาศัย
เหมือนที่พักพิงใจ และเหมือนใครสักคนที่ต้องยืมต้องกู้ของผู้อื่นมา
ชั่วระยะเวลาหนึ่งในระหว่างค่ำคืนที่มืด คืนแห่งความไม่รู้ คืนเปลี่ยว
ในระหว่างที่ยังไม่ปรากฏรุ่งอรุณ

คนเราก็จะหลับหูหลับตา ครอบครองยึดถือความรักความสุข พร่ำเพ้อ
ถึงความทุกข์ความหลง ถ้าสมมติให้ร้อยปีชีวิตเท่ากับ หนึ่งคืนที่มืดมิด
ฝันนี้ก็เป็นฝันร้าย ที่พบกับบ้านที่ราคาแพงเกินกว่าเราจะครอบครอง
เจอกับที่พักอาศัยที่ถูกใจแต่ก็อยู่ไม่ได้ เหมือนเจอที่พักพิงแต่ความจริง
เป็นที่ชิงชัง(ทั้งรักทั้งเกลียด) เหมือนมีใครสักคนที่คิดว่าเป็นของๆ เรา
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ใช่ของๆ เรา เมื่อผ่านคืนที่มืดมิดฝันร้ายนี้ไปจนกว่า
จะถึงรุ่งสางของวันใหม่...



สภาพสมรสที่มีลายลักษณ์อักษร กับการฉีกทำลายศีลธรรมในใจตน
ที่เขียนด้วยสัญญาใจ น้ำหนักของ สัญญาไหน? ที่บอกให้เรารู้ว่า
บ้านราคาแพงเกิน ที่อยู่ไม่ใช่ที่ๆ ปลอดภัย เป็นที่สาธารณะในการพักพิง
ของใครต่อใคร คนรักคู่ครองเป็นทั้งคนรู้จักและคนแปลกหน้าในคนๆ เดียวกัน!

สภาพสมรสยังสามารถซ้ำซ้อน รักซ่อนสัญญาซ้อนทำไมจะไม่มี
เราเองก็เป็นเหมือนคนรู้จักและคนแปลกหน้าไม่ต่างจากคนที่เรา
คิดว่าเขาเป็นของๆ เราเหมือนกัน...


เพียงแต่ กว่าจะพ้นคืนนี้(ในร้อยปี) ในคืนที่มืดมิด คืนแห่งความไม่รู้
คนที่รักมากในบ้านที่ราคาแพงเกินตัว คนที่ยึดติดในที่พักอาศัยที่
อยากอยู่แต่อยู่ไม่ได้ คนที่ชิงชังกันและกันมากกว่าจะสำนึกเพียง
พักพิงพึ่งพากัน คนที่เปลี่ยนคนรู้จักและคนแปลกหน้า ให้เขาหรือ
เธอผู้นั้นกลายเป็นชายเลวหญิงเลว! เพราะปรารถนาครอบครอง

ในคนๆ นี้ตลอดสักร้อยคืนพันคืนตลอดนิจนิรันด์ ด้วยน้ำตาและ
ความทุกข์ เพราะไม่รู้ความจริง ไม่พบแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ(ปัญญา)



จึงใช้เวลาทั้งหมดที่น้อยนิดในชั่วคืนก่อนถึงเช้า(ร้อยปี) เฝ้าแต่
เพ้อละเมอถึง สิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่เรา และของๆ เราอย่างแท้จริง
เป็นเพียงสิ่งสมมติ ให้พักพิงอาศัยชั่วคราว แต่เราก็ปล่อยให้
เวลาที่น้อยนิดเดียวนี้ ปิดตาปิดหู ปิดใจตัวเอง มัดมือมัดเท้า

ผูกโซ่เส้นใหญ่กับเท้าถ่วงด้วยหินหรือทุ่นแล้วจึงถ่วงน้ำ
โดยเฝ้าแต่หลงลืมขาดสติ เหมือนตนเองจะมีเวลามากพอ
เพื่อทำความไม่รู้ ให้หนาแน่น เพื่อทำความแค้นให้ใหญ่โต
เพื่อทำให้ที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายให้วนเวียน



เพื่อข่มตา ปิดตาปิดใจ ยอมทุกตรมอยู่ในคืนก่อนเช้า(ร้อยปี)
โดยไม่ต้องการพบทางออกแสงสว่าง ความจริงที่จริงกว่า
โดยการเกิด(เริ่มต้น)ใหม่ ในโลกที่ตื่นรู้ สงบสุข รู้แจ้ง เห็นความ

เกิดดับกลางคืนกลางวัน ไหลไปผ่านไปโดยไม่ได้ยึดถือ มีใจสงบ
และเป็นสุข ให้อภัย ไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่พึ่งที่พิงได้จริงไปกว่า
พระรัตนตรัยอีก หนทางของความสุขยังมีอยู่ เพื่อนผู้
ร่วมเดินทางยังมี ตื่นจากคืนที่มืดมน(ความไม่รู้) มาสู่โลก
ของความจริงที่ จริงยิ่งกว่า เหนือกว่ามายา มีสตินะครับ เจริญพร^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2012, 09:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 16:34
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับท่านพุทธฎีกานะคะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณรุ่งอรุณสู้ สู้ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2012, 17:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 15:53
โพสต์: 410


 ข้อมูลส่วนตัว


"ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก
เพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมาน
และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง"

เราทุกข์ เรายึดมาก เกินไป
ทุกสิ่ง เป็นของเรา แน่หรือ
ปล่อยวาง จิตว่าง จิตสงบ
ยิ่งยึด ยิ่งฟุ้งซ่าน วุ่นวาย
แม้ร่างกายของเราเอง คุณแน่ใจหรือว่าเป็นของเรา
คุณลองบอกว่า อย่าเจ็บ อย่าปวดนะ
ถ้าเป็นของเรา เราต้องบอกได้
แต่ถ้าไม่ไช่ เรายึดถือเองต่างหาก

ไม่ว่าเราจะทุกข์น้อย ทุกข์ปานกลาง ทุกข์มาก พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นดั่งหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวใจให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ทุกข์เร่าร้อนทุรนทุรายในกิเลสแห่งตนผ่อนคลายเบาบางจากความทุกข์และสงบได้เสมอ ขอขอบพระคุณพระบารมีพระเมตตาของพระพุทธองค์ สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร