วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2012, 13:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 15:39
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


การที่สามีเป็นผู้บังคับบัญชาบัญชา เกิดความสงสารลูกน้องซึ่งเป็นหญิง (ชอบเที่ยวและดื่มเหล้า) เนื่องจากเห็นความทุกข์ที่เคยเห็นถูกสามีทำร้ายและหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว เนื่องจากสามีติดคุก โดยเข้าไปช่วยเหลือจนกระทั่งผิดศีลข้อ 3 ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงมีสามีและบุตร ส่วนตัวเองก็มีครอบครัว และตัวสามีเองก็เป็นผู้ปฏิบัติ มีเทพประจำตัว และมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าทำถูกต้อง ไม่เคยทำผิด เมื่อทางเราภรรยาทราบและสอบถาม ก็เล่าว่ามีวิบากกรรมกับหญิงคนนี้ แต่ไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร ซึ่งรู้มาก่อนแล้วแต่จะบอกเราก็กลัวรับไม่ได้ ซึ่งตัวสามีต้องการชดใช้เพื่อให้ตัวเองหมดเวรกรรม เพราะรู้ว่าตัวเองใกล้หมดอายุขัย จึงต้องการใช้กรรมกับผู้หญิงคนนี้ให้หมด เพราะหลังจากนี้จะต้องรีบปฏิบัติ หรืออาจต้องบวช เพราะไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีก
ในฐานะที่เป็นทั้งภรรยาและเพื่อนสามี และแม่ของลูก ซึ่งต้องการแก้ไขปัญหาและแก้วิบากกรรมของคนในครอบครัว จึงมีข้อสงสัยบางประการอยากให้ทุกท่านช่วยแนะนำ คือ
1. การที่สามีบอกว่าต้องชดใช้วิบากกรรมกับผู้หญิงคนนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดศีลธรรมอยู่ ซึ่งได้แก่การเป็นชู้ การพูดปด (โกหกบุพการี ภรรยา และลูก) และ การลักขโมยของที่มีเจ้าของโดยที่เจ้าของไม่อยู่และไม่อนุญาต (เนื่องจากสามีของหญิงต้องติดคุก)
อยากถามว่า สิ่งที่สามีบอกเป็นการแก้วิบากกรรมของเขาจริงหรือไม่ และสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างกรรมใหม่ให้ครอบครัวตัวเอง และครอบครัวของหญิงนั้นหรือไม่ (ผู้หญิงมีบุตรชายซึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ) และการที่สามีตั้งใจที่จะไปปฏิบัติ หรือ อาจบวช หลังจากที่เรื่องราวจบสิ้น (เลิกยุ่งกับหญิงนี้) จะได้พบนิพพานจริงหรือ และการใช้กรรมเช่นนี้ เป็นการใช้กรรมจริงตามที่สามีบอก หรือเป็นข้ออ้างในการทำผิด
2. เมื่อเราภรรยาทราบ และต้องการให้หยุดการกระทำ เพราะผิดศีลธรรมและเกรงว่าสามีของฝ่ายหญิงเมื่อออกจากคุกแล้วจะโกรธแค้นและก่อเวรกรรมไม่รู้จักจบสิ้น ทางฝ่ายสามีอ้างว่ายังไม่สามารถหยุดได้เพราะต้องการใช้กรรมให้หมด แต่ไม่ได้ประพฤติผิดศีลข้อกาเมคือไม่มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว (แต่ยังโกหกครอบครัวอยู่ เวลาแอบไปพบฝ่ายหญิงบอกลูกว่าตัวเองทำงาน หรือกำลังเดินทางกลับบ้าน) เพียงแต่ต้องการดูแลหญิงนั้นจนกว่าสามีจะออกจากคุก และให้คำแนะนำหญิงนั้นว่า ถ้าสามีไม่ดี ก็ควรจะเลิกยุ่งและกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดเพื่อเลี้ยงลูกให้ดี ส่วนตัวสามีเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเมื่อสามีหญิงนั้นออกจากคุกแล้ว
อยากถามว่า การที่สามีบอกกับหญิงนั้นว่าสามีของหญิงนั้นไม่ดีเนื่องจากติดคุกหญิงนั้นควรเลิก กับการที่ตัวสามีเรามีการศึกษาถึงระดับปริญญาโท มีหน้าที่การงานดี และเป็นผู้ปฏิบัติ เป็นชู้กับเมียเขา ใครแย่กว่ากัน ซึ่งเราถามสามีแต่เขาไม่ตอบ ซึ่งเราจับได้ว่ายังไปมาหาสู่ สามีบอกว่าดูแลกันเหมือนพ่อเหมือนพี่ชาย การที่สามีแนะนำให้เขาเลิกกันเช่นนี้จะเป็นบาปกรรมต่อไปหรือไม่ถ้าสามีภรรยาคู่นั้นแยกกัน และจะเป็นกรรมติดไปกับลูก ๆ ของเราในอนาคตหรือไม่ ที่ต้องรับกรรมที่บิดาทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก (ในปัจจุบันครอบครัวเราก็ได้รับกรรมจากการกระทำของสามีอยู่แล้ว เพราะภรรยาและลูกทั้ง 2 เป็นทุกข์มาก โดยเฉพาะเราภรรยาและลูกสาว ที่เสียใจกับการกระทำของบิดาที่ไปยุ่งกับเมียคนอื่น จนกระทั่งเราภรรยาต้องการแยกทางแต่ติดที่ลูก ๆ ยังไม่สามารถรับเรื่องครอบครัวแตกแยกได้)
3. ในส่วนภรรยาซึ่งไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ทำทาน อยู่เสมอ และคอยส่งเสริมเรื่องการปฏิบัติของสามี เนื่องจากทราบก่อนแต่งงานแล้วว่าสามีมาทางด้านนี้ จึงตั้งใจว่าถ้าหมดภาระเรื่องลูกๆ ยินดีที่จะให้สามีไปปฏิบัติถาวร หรือบวช และคอยตักเตือนสามีตลอดเวลาที่ทำเรื่องที่ผิดศีลธรรม เช่นการฆ่าสัตว์ การกักขังสัตว์ จนกระทั่งเรื่องปัจจุบันการผิดศีลข้อกาเม และมุสา และการลักขโมยหญิงอื่นจากเจ้าของ ซึ่งเท่ากับว่า ศีล 5 ขาดไปถึง 4 ข้อ จึงไม่ทราบว่าสามีจะไปถึงนิพพานได้หรือไม่ เพราะตอนนี้สามีเริ่มเข้าปฏิบัติใหม่ แต่ยังทำร้ายครอบครัวตัวเองอยู่ โดยการติดต่อกับฝ่ายหญิงอยู่ และบอกว่าไม่มีอะไร แค่ต้องการดูแล และไปกินข้าวเป็นเพื่อน โดยทิ้งให้เรากับลูก ๆ กินข้าวกัน 3 คน ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ครอบครัวเป็นทุกข์มาก การทำเช่นนี้จะสามารถบรรลุผลได้จริงหรือ
4. ตอนนี้ทางเรา และลูกทั้ง 2 ต้องการช่วยเหลือสามีให้พ้นกรรมโดยยินยอมให้บวชเลย เพราะคิดว่าดีกว่าให้เขาทำบาป เพราะเราสามารถดูแลกันเองได้ ซึ่งคิดว่าเป็นการแก้กรรมให้สามีที่ดีที่สุด ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกหรือไม่
5. การที่เราภรรยา มีเรื่องทุกข์ใจเรื่องสามี และนำไปปรึกษาบุคคลภายนอก เช่น ญาติ พระสงฆ์ที่เราและสามีนับถือ หรือ บุคคลที่คิดว่าสามารถที่จะช่วยเหลือและตักเตือนสามีให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นการผิดหรือไม่ เพราะไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายสามี ซึ่งสามีมองว่าเราผิด สำหรับเรื่องที่สามีกระทำขึ้นนี้ลูกทั้ง 2 เป็นคนทราบเรื่องก่อน (บุตรอายุ 17 และ ธิดา อายุ 13) แต่ไม่บอกให้มารดาทราบเกรงว่าจะเสียใจ จึงไปปรึกษากับญาติผู้ใหญ่ ต่อมาลูกทั้ง 2 ทุกข์ใจหนักจนรับไม่ไหว จึงมาบอกให้มารดาทราบ
6. สามีเคยบวชพระและไปปฏิบัติตามต่างจังหวัด และบอกเราว่าเขารู้ว่า สวรรค์ นรก มีจริง ทำไม่จะไม่รู้ว่าข้างล่างหนาวขนาดไหน ซึ่งเขาต้องทำถ้าไม่ใช้กรรมนี้เขาก็จะไม่หลุดพ้น และตัวเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เลย เราแต่งงานกับเขามาเกือบ 20 ปี เขาเป็นบิดาที่ดีของลูก และเป็นสามีที่ไม่เคยทำร้ายจิตใจภรรยา ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นคนขี้สงสาร และชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ครั้งนี้สามียอมเดินเข้าไปทำเรื่องเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ทราบว่าผิดมากและกำลังทำร้ายครอบครัวตัวเอง และครอบครัวคนอื่น รวมทั้งทำลายบารมีที่เคยสะสมมา รวมถึงชื่อเสียง ความนับถือ ของบุคคลที่ใกล้ชิดและรู้จัก รวมทั้งลูกทั้ง 2 คน ซึ่งครั้งแรกที่ลูกทราบก็ให้อภัยและ คิดว่าพ่อคงจะไม่ทำอีก แต่พอทราบว่าพ่อยังไม่เลิกยุ่งกับภรรยาคนอื่นก็เริ่มหมดความศรัทธาในตัวพ่อ แต่ยังมีความสงสารและรักพ่อมาก
8. สามีบอกว่าอยากให้เราอดทนทำตัวให้เป็นปกติ เหตุเกิดที่ไหนเขาจะเป็นคนแก้เอง แต่เขาไม่รู้ว่าเรา จะทนรับวิบากกรรมครั้งนี้ได้แค่ไหน ถ้าเราไม่ไหวเราต้องการหย่าเขาก็จะกลับไปดูแลแม่ แต่ก็บอกให้เราทำใจว่าเมื่อพ้นวิบากกรรมกับผู้หญิงได้แล้ว ก็อาจจะไม่กลับมาอยู่กับเราและลูกเพราะต้องการปฏิบัติ และอาจบวช เราก็เลยบอกว่าเราเคยตั้งใจอยู่แล้ว ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะบวชเลยก็ได้
การปฏิบัติของสามีที่มีต่อครอบครัวในปัจจุบัน เขาก็ยังดูแลเราและลูกเหมือนเดิม กลับบ้านทุกวันแต่บางวันไม่ตรงเวลาเพราะไปดูแลคนอื่น ส่วนเรื่องหน้าที่การงานเรารู้สึกว่าเขาตกต่ำลงทำงานอะไรก็มีแต่อุปสรรค

เราไม่ทราบว่าสามีเราเดินหลงทางหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยปรึกษาใครเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำและคิดอยู่ผิดหรือไม่ เพราะคิดแต่ว่าสิ่งที่ทำนี้ถูกต้อง อยากให้เพื่อนธรรมทั้งหลายช่วยแนะนำ และหาทางออกให้ด้วยค่ะ เพราะบางครั้งเราภรรยาเองก็ไม่เข้าใจลึกซึ้งในเรื่องเวรกรรมหรือวิบากกรรมว่าต้องแก้ไขกันอย่างไร แต่ตอนนี้พยายามศึกษาเรื่องธรรมะและอ่านหนังสือธรรมะอยู่ เพราะทุกข์มากอยากใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหานี้ และพยายามที่จะเข้าใจสามีให้มากที่สุดเพื่อจะได้ช่วยเขาให้พ้นทุกข์ และบรรลุผลในสิ่งที่เขาปรารถนา เพราะทราบว่าเขาคงอยู่ได้ไม่เกินปีหน้า และทราบว่าเขาเป็นทุกข์มากกับการกระทำนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงไม่ยอมหยุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2012, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำตอบ ง่ายๆสั้นๆ เป็นข้ออ้างหรือพิธีกรรมมีเมียน้อย :b32:

ช่วยเตือนสามี จขกท.ว่า เตรียมโลงไว้เมื่อวันสามีเขาออกจากคุก :b22:

http://www.youtube.com/watch?v=qfik0aMV ... re=related

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2012, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


1. เป็นข้ออ้างในการทำผิด สร้างปัญหาให้กับครอบครัวและตนเองมากยิ่งขึ้น
ถ้าหลังจากจบเรื่อง ความจริงถ้ารู้แต่แรก ก็ไม่ควรมีข้ออ้างที่ฟังดูเหมือนน่าจะ
เชื่อถือสำหรับหลอกตนเองและคนอื่น อบายภูมิเป็นเข็มทิศ ตามกิเลสและ
กรรมที่ตนเองได้ลิขิตไว้ นิพพานโดยอ้อมคือ ข่มไว้ด้วยสมาธิ และละความ-
เห็นผิดว่าสิ่งต่างๆ รวมทั้งกายใจว่าเที่ยง ว่าสุข ว่างาม ว่าเป็นตัวเป็นตนชั่วคราว
ก็เรียกว่านิพพานโดยอ้อม จนกว่าจะละความเห็นผิดเด็จขาด ไม่ผิดศีลเลย
ถึงจะเป็นนิพพานโดยตรง ไม่ถูกกิเลสหรอกอีก ฯลฯ



2.เป็นแต่เพียงข้ออ้างและเหตุผล แทรงบอกความจริงกับเราเหมือนเปิดเผย
แท้จริงมายาหลอกลวง ทำโกหกต่อหน้าลูกแต่เหมือนบอกความจริงให้ตัวเอง
ดูบริสุทธิ์ใจ ด้วยเรื่องปั่นแต่งต่อเราเล่าอ้าง ไปตามแต่ใจนึกคิดปรารถนา
บางอย่างจริงบางอย่างก็หาความจริงไม่ได้ และมีแนวโน้มว่า ไม่จริงเสียมากกว่า
เมื่อข้อ ๑ ก็เ็ป็นเพียงการอ้าง ทุกคำพูดจะอีกกี่ข้อที่ถามมาเพื่อเปรียบเทียบ
สำหรับคนมีครอบครัว ขอเพียงซื่อสัตย์จริงใจ ไม่ต้องรวยมาก ไม่ต้องหล่อ
รูปงามอะไร ขยันและรักครอบครัว ใครได้ร่วมชีวิตก็มีความสุข

ไม่ต้องรักษาศีลได้ทุกข้อ แต่ก็ไม่ผิดในข้อสำคัญสำหรับเรื่องครอบครัว
(ไม่ได้แปลว่าข้ออื่นผิดได้ใน ๕ ข้อ) แต่เรื่องข้อ ๓ สำหรับครอบครัวนั้น
เป็นเรื่องของคู่ชีวิตด้วย เขาไม่รักษา คู่ครองก็เจ็บปวด เขารักษา ตัวเขาเอง
ก็มีความสุขไม่ทุกข์ร้อน คู่ครองคนรักก็ไม่ต้องเสียใจ



3.ก็เหมือนกัน สุขในโลกนี้ สุขในโลกหน้า สุขในปัจจุบัน สุขในอนาคต
เหมือนเราสร้างบ้าน เปรียบเทียบขอยืมเรื่องลูกหมู ๓ ตัว บ้านฝาง บ้านไม้
บ้านตึก ถ้ารู้แน่ๆ ว่าบ้านตึกจะไม่ถูกพังทลาย คนเราก็ต้องสร้างรากฐาน
สร้างความดี สร้างความสุขทั้งในโลกนี้โลกหน้า สุขในปัจจุบันและสุข-
ในอนาคต พอว่าเลือกแล้ว คุณโยมไม่ได้ปฏิบัติธรรม แต่ให้ทาน รักษาศีล
ตามสมควรแก่โอกาส ถามว่า จะเลือกเอาความสะดวกสะบาย ผิดศีลก็ได้
เลยเลือกบ้านฝาง บ้านไม้ เกรดต่ำๆ ก็พอหรือ?

โดยไม่สนใจ อดทนหมั่นสร้างหมั่นเพียรเก็บออม ใช้แรงกายแรงใจทั้งหมด
เพื่อสร้างความสุขในปัจจุบัน(ต้องระวังรักษากายวาจาให้มีศีลอยุ่ในศีล)

การไม่สำรวมระวังในเรื่องศีล ก็เหมือนกับ ซื้อความสบายทางกามคุณเฉพาะหน้า
เลือกที่จะ เสพสุข หวังน้ำบ่อหน้า โดยการสร้างบ้านฝางบ้านไม้ คุณโยมคิดว่า
คนฉลาดล้ำ แต่การกระทำไม่ค่อยสูง แบบนี้ จะไ้ด้บ้านตึกที่แข็งแรงมั่นคง ให้สุขใน
ปัจจุบันและอนาคตแก่ตนเองได้ สร้างสุขในโลกนี้ โลกหน้าได้ ด้วยความรู้
ความฉลาดสามารถชนิดให้โทษแบบนี้จริงๆ หรือ? โดยยังไม่ต้องพูดเรื่อง
สมาธิและปัญญา แค่ศีล แค่สามัญสำนึก สำหรับคนมีเทพตามที่โยมว่า!!!



4.เขาคิดต่างเห็นต่าง และเชื่อว่า การได้โกหกครอบครัวโกหกเรา เสพสุข
และให้เราครอบครัวเป็นฝ่ายทุกข์เป็นเรื่องสมควรได้ขนาดนี้ ความคิดเรื่อง
การบวช ตัดปัญหา คงถูกต้องชอบธรรมสำหรับฝ่ายเรา สำหรับเขา คงเป็น
การตัดโอกาสหมดทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่รีบร้อนไม่จำเป็นอะไร ด้วยเหตุผล
และข้ออ้างที่นำไปสู่ หนทางที่ ประกอบไปด้วยกรรมดำ วิบากดำเสียมากกว่า



5.เช่นเดียวกะข้อ ๔ เมื่อเห็นผิด เห็นต่าง การกระทำของลูกของเราก็ล้วน
ไร้เหตุผลไร้สาระหมด ความทุกข์ใจของเรา ความทุกข์ใจของลูก จบลงที่
ใจเราเอง เราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงมุมมองความรู้สึก
นึกคิดของตัวเราเองได้ ยิ่งยึดยิ่งยาก ยิ่งอยากยิ่งทุกข์ ปล่อยวาง อดทน
ปลอบใจตัวเองว่า วิบากกรรมเราเอง ที่เคยไปทำร้ายคนอื่น ทั้งเจตนาและ
ไม่ได้เจตนา มาถึงวันนี้ได้ให้ผลกับเราแล้ว ขอยุติแบบคนไม่รู้ ขออโหสิ
แบบคนเชื่อว่ากรรมและวิบากกรรมมีจริง ส่งผลให้เราจริง ถ้าเคยโกหกหลอก
ลวงก็ต้องได้รับการโกหกหลอกลวง

ถ้าเคยนอกใจ บวกกับว่าอ้างด้วยคำพูดที่ดูดีดูน่าเชื่อถือ ทั้งที่ควรสงสัยแต่
ไม่ต้องสงสัย นั่นคงเพราะเราทำกรรม ทำอกุศลอย่างที่ได้รับเอาไว้เยอะ

สังสารวัฏฏ์ยืดยาว วนเวียนไม่จบไม่สิ้น ภัยในวัฏฏ์ทุกข์ ความทุกข์ที่มีไม่รู้
มากมายต้องเท่าไหร่ นี่อาจเป็นเพียงเสี้ยวส่วนหนึ่งที่ ถึงเวลามอบกำนับผล
ให้เป็นที่ประจักษ์ชัดในเรื่อง กรรมวิบาก เรื่องศีลเรื่องธรรม จะเอามาเป็นปัญหา
หรือจะเอามาเป็นปัญญา จะนำพาตนเองให้พ้นให้ถึงฝั่ง ก็สุดแท้แต่เราเอง
ปลงเป็นธรรม ปรุงเป็นโลก ซ้ำๆ ซากๆ ทรมาน หยุดใจทำใจให้หยุด คำตอบ
ก็จะปรารกฏต่อปัญญาของเราเอง



6.สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...



7.ข้อนี้เขาบอกถูก ให้เย็นให้หยุดร้อนใจ โอกาสนี้วาระนี้เขาผิด เพราะยังตัด
กิเลสตัณหาตัดใจจากอีกคนไม่ได้ บางเรื่องจริง บางเรื่องโกหก ก็อย่าได้ปลงใจ
สรุปไปเสียทั้งหมด หรือยอมรับและปฏิเสธทั้งหมดด้วย หลักง่ายๆ เขาทำผิด
ความผิด นั่นแหละติดตามให้ผลตัวเขาเอง เราทำถูก ความถูกก็ติดตามให้ผล
ตัวเราเหมือนกัน เป็นเรื่องยากสำหรับเรา ระหว่างตัดใจยอมให้บวช ดูนุ่มนวล
ทำใจได้ง่ายกว่า ตัดใจให้เขาไปมีใคร ลูกๆ ก็โตหมดแล้ว

ตรงไหนพ่อทำดี ก็ขอบคุณที่ปฏิบัติดีต่อเรา รักและขอบคุณเท่าๆ ที่เขามีให้
เรื่องผิดพลาด พวกเราทุกคนต้องให้กำลังใจ มองด้วยความเข้าใจ บอกลูก
บอกตัวเราเอง ว่าขอบคุณที่เขามอบสิ่งดีๆ ต่างๆ มากมายในชีวิต ส่วนเสี้ยว
ที่มันผิดพลาด ให้มันอย่าได้ผิดพลาด หรือทำร้ายเขา(พ่อ)ไปมากกว่านี้

ซึ่งไม่มีอะไรเป็นไปตามใจหวังปรารถนาได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม เป็น
ไปตามเหตุตามปัจจัย พาลูกๆ พร้อมใจกันเข้าวัดเข้าวาปฏิบัติธรรม อุทิศ
ส่วนบุญส่วนกุศล ให้ผี! ให้เจ้ากรรมนายเวร ที่แฝงเป็นเทพ มาปล้นบารมี
ของเขา ของพ่อ ช่วยพ่อ ช่วยสามีด้วยการ ปฏิบัติธรรม อย่างที่คิดนั่น
เป็นสิ่งถูกต้องแล้ว ขออนุโมทนา ไม่ซ้ำเติม รอจนกว่า อกุศลกรรมจะ
ตักเตือน ให้เขาได้รับโทษ ให้โทษมันสอนจนรู้สึก..

ระหว่างนี้ มีสติ ตัดใจ ไม่ต้องคอยดูเวลา ไม่ต้องคอยดูโทรศัพท์
หากิจกรรมเพิ่มเิติม สุขใจง่ายๆ อยู่ที่หยุด ที่ยอม ที่เย็น ที่ใจเราเอง
หายใจเข้า...ปล่อย หายใจออก...วาง

มีสติอยู่กับลมหายใจ ให้ลมหายใจนำความคิด นำความรู้สึก เมื่อไหร่
ที่อารมณ์ความรู้สึกปรากฏชัดมากกว่าลมหายใจ ให้ดึงความสนใจทั้งหมด
ปล่อยวางสิ่งต่างๆ อยุ่เบื่องหลัง ความดีของเรา ศีลของเรา จะรักษา
ครอบครัว คนรักเอาไว้ได้ เราต่างหากถึงเป้าหมายก่อน มีอาคารมีตึก
มีวิหารธรรม มีพรหมวิหารธรรม ต่อสามี เพราะศีลเราดี เราต่างหาก
ที่จะเป็นคนนำทางของสามี ปฏิบัติธรรม เจริญสติ สำคัญมาก ให้เรา
และลูกๆ อดทนเข้มแข็ง แผ่ส่วนบุญส่วนกุศล ให้พ่อและสามี

ให้เทวดาชั้นต่ำ ที่แฝงที่สิงใจเขา แพ้ต่อศีล ต่อความดีของเราและ
ลูกๆ ไม่เสียเวลาสิ้นเปลืองในการ คุยเหตุผลเล่าอ้าง ทีเล่นทีจริง ลิ้นลวง
ทำใจให้ใสๆ เป็นบุญเป็นกุศล ให้ลมหายใจปรากฏชัด กว่าอารมณ์ความคิด
อยู่กับความสุขของเราเอง มีเหลือแล้วเพื่อแผ่ให้เขา เป็นผู้นำทางชี้
ทางออกให้แก่สามี เจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 00:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับคุณกรัชกายว่า...เป็นพิธีกรรมอยากมีเมียน้อย... :b32:

mom เขียน:
1. การที่สามีบอกว่าต้องชดใช้วิบากกรรมกับผู้หญิงคนนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดศีลธรรมอยู่ ซึ่งได้แก่การเป็นชู้ การพูดปด (โกหกบุพการี ภรรยา และลูก) และ การลักขโมยของที่มีเจ้าของโดยที่เจ้าของไม่อยู่และไม่อนุญาต (เนื่องจากสามีของหญิงต้องติดคุก)
อยากถามว่า สิ่งที่สามีบอกเป็นการแก้วิบากกรรมของเขาจริงหรือไม่ และสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างกรรมใหม่ให้ครอบครัวตัวเอง และครอบครัวของหญิงนั้นหรือไม่ (ผู้หญิงมีบุตรชายซึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ) และการที่สามีตั้งใจที่จะไปปฏิบัติ หรือ อาจบวช หลังจากที่เรื่องราวจบสิ้น (เลิกยุ่งกับหญิงนี้) จะได้พบนิพพานจริงหรือ และการใช้กรรมเช่นนี้ เป็นการใช้กรรมจริงตามที่สามีบอก หรือเป็นข้ออ้างในการทำผิด

การทำผิดศีลผิดธรรม...ไม่ใช่การแก้กรรมแน่นอนครับ...แค่สามีคุณเขาแพ้กิเลสกามราคะ..หลงทำบาปกรรมใหม่ให้กับตนเองเท่านั้น...กรรมใหม่นี้ไม่ได้เกี่ยวมาถึงคุณหรือลูกคุณ..หรือใครคนอื่นหรอก...ใครทำก็กรรมคนนั้นครับ...

หากเขาตั้งใจจะปฏิบัติให้พบพระนิพพาน....เขาก็ต้องทำกรรมดีใหม่....ไม่ใช่การทำกรรมชั่วแน่นอน..แบบนี้ไม่ใช่การใช้กรรมแน่นอนครับ...100 %

หากยังกระทำกรรมชั่วอยู่...เพื่ออ้างว่า...กรรมเก่าจะได้หมด....เป็นความชั่วอย่างมาก...

ชั่วอย่างที่ 1...โกหกตนเอง
ชั่วอย่างที่ 2...โกหกผู้มีคุณกับตน(ก็ภรรยานั้นแหละ)
ชั่วอย่างที่ 3...อ้างความดีเพื่อทำชั่ว

อ้างคำพูด:
2. เมื่อเราภรรยาทราบ และต้องการให้หยุดการกระทำ เพราะผิดศีลธรรมและเกรงว่าสามีของฝ่ายหญิงเมื่อออกจากคุกแล้วจะโกรธแค้นและก่อเวรกรรมไม่รู้จักจบสิ้น ทางฝ่ายสามีอ้างว่ายังไม่สามารถหยุดได้เพราะต้องการใช้กรรมให้หมด แต่ไม่ได้ประพฤติผิดศีลข้อกาเมคือไม่มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว (แต่ยังโกหกครอบครัวอยู่ เวลาแอบไปพบฝ่ายหญิงบอกลูกว่าตัวเองทำงาน หรือกำลังเดินทางกลับบ้าน) เพียงแต่ต้องการดูแลหญิงนั้นจนกว่าสามีจะออกจากคุก และให้คำแนะนำหญิงนั้นว่า ถ้าสามีไม่ดี ก็ควรจะเลิกยุ่งและกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดเพื่อเลี้ยงลูกให้ดี ส่วนตัวสามีเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเมื่อสามีหญิงนั้นออกจากคุกแล้ว
(1)อยากถามว่า การที่สามีบอกกับหญิงนั้นว่าสามีของหญิงนั้นไม่ดีเนื่องจากติดคุกหญิงนั้นควรเลิก กับการที่ตัวสามีเรามีการศึกษาถึงระดับปริญญาโท มีหน้าที่การงานดี และเป็นผู้ปฏิบัติ เป็นชู้กับเมียเขา ใครแย่กว่ากัน ซึ่งเราถามสามีแต่เขาไม่ตอบ ซึ่งเราจับได้ว่ายังไปมาหาสู่ สามีบอกว่าดูแลกันเหมือนพ่อเหมือนพี่ชาย (2)การที่สามีแนะนำให้เขาเลิกกันเช่นนี้จะเป็นบาปกรรมต่อไปหรือไม่ถ้าสามีภรรยาคู่นั้นแยกกัน และจะเป็นกรรมติดไปกับลูก ๆ ของเราในอนาคตหรือไม่ ที่ต้องรับกรรมที่บิดาทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก (ในปัจจุบันครอบครัวเราก็ได้รับกรรมจากการกระทำของสามีอยู่แล้ว เพราะภรรยาและลูกทั้ง 2 เป็นทุกข์มาก โดยเฉพาะเราภรรยาและลูกสาว ที่เสียใจกับการกระทำของบิดาที่ไปยุ่งกับเมียคนอื่น จนกระทั่งเราภรรยาต้องการแยกทางแต่ติดที่ลูก ๆ ยังไม่สามารถรับเรื่องครอบครัวแตกแยกได้)

(1)....สามีคุณแย่ที่ไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขา....แต่ไม่ต้องไปเปรียบกับคนอื่นเขาหรอกนะ...ตนแย่ก็แก้ที่ตน...ไม่ใช่ตนจะดีเพราะคนอื่นแย่กว่า..ซะเมื่อไร
(2)....เป็นบาปแน่นอนครับ...แม้จะหวังดี....แต่กรรมไม่มีส่วนมาติดพันถึงคนที่ไม่ได้ทำหรอกครับ...แต่ที่คนในครอบครัวต้องทุกข์ไปด้วย...นี้มันก็เรื่องธรรมดา...ไฟไหม้บ้าน...ทั้งคนจุดไฟทั้งคนในบ้านก็ต้องร้อนไปตาม ๆ กันนั้นเอง....อย่าไปนึกถึงแต่ว่ามันเป็นกรรมเก่าเลยครับ....ดูกรรมปัจจุบันนี้แหละ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 01:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


mom เขียน:

3. ในส่วนภรรยาซึ่งไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ทำทาน อยู่เสมอ และคอยส่งเสริมเรื่องการปฏิบัติของสามี เนื่องจากทราบก่อนแต่งงานแล้วว่าสามีมาทางด้านนี้ จึงตั้งใจว่าถ้าหมดภาระเรื่องลูกๆ ยินดีที่จะให้สามีไปปฏิบัติถาวร หรือบวช และคอยตักเตือนสามีตลอดเวลาที่ทำเรื่องที่ผิดศีลธรรม เช่นการฆ่าสัตว์ การกักขังสัตว์ จนกระทั่งเรื่องปัจจุบันการผิดศีลข้อกาเม และมุสา และการลักขโมยหญิงอื่นจากเจ้าของ ซึ่งเท่ากับว่า ศีล 5 ขาดไปถึง 4 ข้อ จึงไม่ทราบว่าสามีจะไปถึงนิพพานได้หรือไม่ เพราะตอนนี้สามีเริ่มเข้าปฏิบัติใหม่ แต่ยังทำร้ายครอบครัวตัวเองอยู่ โดยการติดต่อกับฝ่ายหญิงอยู่ และบอกว่าไม่มีอะไร แค่ต้องการดูแล และไปกินข้าวเป็นเพื่อน โดยทิ้งให้เรากับลูก ๆ กินข้าวกัน 3 คน ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ครอบครัวเป็นทุกข์มาก การทำเช่นนี้จะสามารถบรรลุผลได้จริงหรือ

สวดมนต์ไหว้พระทำบุญทำทานอยู่เสมอ...นี้คือการปฏิบัติแล้วครับ...ซึ่งจะเป้นรากฐานของการปฏิบัติที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก...ส่วนสามีคุณศีล 5 ยังไม่ครบเลย...อย่าไปพูดถึงนิพพานเลยครับ...มันดูจะไม่ใช่ฐานะที่จะพูดเลยด้วยซ้ำไป...
อ้างคำพูด:
4. ตอนนี้ทางเรา และลูกทั้ง 2 ต้องการช่วยเหลือสามีให้พ้นกรรมโดยยินยอมให้บวชเลย เพราะคิดว่าดีกว่าให้เขาทำบาป เพราะเราสามารถดูแลกันเองได้ ซึ่งคิดว่าเป็นการแก้กรรมให้สามีที่ดีที่สุด ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกหรือไม่

หากยังแก้พฤติกรรมไม่ได้...แล้วแอบบไปทำตอนบวชอยู่...มิซ้ำกรรมให้หนักเข้าไปอีกหรือครับ...ดูความประพฤติของสามีก่อนบวช....น่าจะดีกว่า...แน่ใจแล้วค่อยบวช...

อย่าลืมว่า...กิเลสมันไม่ได้บวชกับเรา..หรือหลุดไปกับผมเราตอนบวช...นะครับ

อ้างคำพูด:
5. การที่เราภรรยา มีเรื่องทุกข์ใจเรื่องสามี และนำไปปรึกษาบุคคลภายนอก เช่น ญาติ พระสงฆ์ที่เราและสามีนับถือ หรือ บุคคลที่คิดว่าสามารถที่จะช่วยเหลือและตักเตือนสามีให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นการผิดหรือไม่ เพราะไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายสามี ซึ่งสามีมองว่าเราผิด สำหรับเรื่องที่สามีกระทำขึ้นนี้ลูกทั้ง 2 เป็นคนทราบเรื่องก่อน (บุตรอายุ 17 และ ธิดา อายุ 13) แต่ไม่บอกให้มารดาทราบเกรงว่าจะเสียใจ จึงไปปรึกษากับญาติผู้ใหญ่ ต่อมาลูกทั้ง 2 ทุกข์ใจหนักจนรับไม่ไหว จึงมาบอกให้มารดาทราบ

ไม่ผิดครับ....สามีบอกว่าผิดเพราะไม่ถูกใจตนเท่านั้น...แห่ม..ชั่วได้ใจ..จริง ๆ

อ้างคำพูด:
6. สามีเคยบวชพระและไปปฏิบัติตามต่างจังหวัด และบอกเราว่าเขารู้ว่า สวรรค์ นรก มีจริง ทำไม่จะไม่รู้ว่าข้างล่างหนาวขนาดไหน ซึ่งเขาต้องทำถ้าไม่ใช้กรรมนี้เขาก็จะไม่หลุดพ้น และตัวเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เลย เราแต่งงานกับเขามาเกือบ 20 ปี เขาเป็นบิดาที่ดีของลูก และเป็นสามีที่ไม่เคยทำร้ายจิตใจภรรยา ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นคนขี้สงสาร และชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ครั้งนี้สามียอมเดินเข้าไปทำเรื่องเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ทราบว่าผิดมากและกำลังทำร้ายครอบครัวตัวเอง และครอบครัวคนอื่น รวมทั้งทำลายบารมีที่เคยสะสมมา รวมถึงชื่อเสียง ความนับถือ ของบุคคลที่ใกล้ชิดและรู้จัก รวมทั้งลูกทั้ง 2 คน ซึ่งครั้งแรกที่ลูกทราบก็ให้อภัยและ คิดว่าพ่อคงจะไม่ทำอีก แต่พอทราบว่าพ่อยังไม่เลิกยุ่งกับภรรยาคนอื่นก็เริ่มหมดความศรัทธาในตัวพ่อ แต่ยังมีความสงสารและรักพ่อมาก

กิเลสกามนี้มันรุนแรงมากนะครับ...มันไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมหรอก..(จริง ๆ พรหมท่านไม่รู้สึกหรอก)...ทำอย่างนี้..ไอ้ที่ว่ารู้ทางนรกสวรรค์มันก็แค่รู้ลมปากเท่านั้นเอง..

และ...กิเลสตัวนี้มันจะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ...ในสังคมจะมีปัญหากับกิเลสตัวนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ...มีลูกก็ให้สอนลูกมีหลานก็ให้สอนหลาน....สอนให้เขาเข้ากรรมฐาน...มีธรรมะประจำจิต...มีความคิดดี ๆ ประจำใจ...เป็นวัคซีนภายในตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 01:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อ 7 คงไม่มี...ใช่มั้ยครับ?.. :b13:

mom เขียน:

8. สามีบอกว่าอยากให้เราอดทนทำตัวให้เป็นปกติ เหตุเกิดที่ไหนเขาจะเป็นคนแก้เอง แต่เขาไม่รู้ว่าเรา จะทนรับวิบากกรรมครั้งนี้ได้แค่ไหน ถ้าเราไม่ไหวเราต้องการหย่าเขาก็จะกลับไปดูแลแม่ แต่ก็บอกให้เราทำใจว่าเมื่อพ้นวิบากกรรมกับผู้หญิงได้แล้ว ก็อาจจะไม่กลับมาอยู่กับเราและลูกเพราะต้องการปฏิบัติ และอาจบวช เราก็เลยบอกว่าเราเคยตั้งใจอยู่แล้ว ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะบวชเลยก็ได้
การปฏิบัติของสามีที่มีต่อครอบครัวในปัจจุบัน เขาก็ยังดูแลเราและลูกเหมือนเดิม กลับบ้านทุกวันแต่บางวันไม่ตรงเวลาเพราะไปดูแลคนอื่น ส่วนเรื่องหน้าที่การงานเรารู้สึกว่าเขาตกต่ำลงทำงานอะไรก็มีแต่อุปสรรค

เราไม่ทราบว่าสามีเราเดินหลงทางหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยปรึกษาใครเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำและคิดอยู่ผิดหรือไม่ เพราะคิดแต่ว่าสิ่งที่ทำนี้ถูกต้อง อยากให้เพื่อนธรรมทั้งหลายช่วยแนะนำ และหาทางออกให้ด้วยค่ะ เพราะบางครั้งเราภรรยาเองก็ไม่เข้าใจลึกซึ้งในเรื่องเวรกรรมหรือวิบากกรรมว่าต้องแก้ไขกันอย่างไร แต่ตอนนี้พยายามศึกษาเรื่องธรรมะและอ่านหนังสือธรรมะอยู่ เพราะทุกข์มากอยากใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหานี้ และพยายามที่จะเข้าใจสามีให้มากที่สุดเพื่อจะได้ช่วยเขาให้พ้นทุกข์ และบรรลุผลในสิ่งที่เขาปรารถนา เพราะทราบว่าเขาคงอยู่ได้ไม่เกินปีหน้า และทราบว่าเขาเป็นทุกข์มากกับการกระทำนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงไม่ยอมหยุด


หลงนะ...เขาหลงแน่นอน...

แต่จะให้แนะนำ....ดูท่าจะยากนะ..

เขาเป็นคนสวดมนต์ไหว้พระทำบุญตักบาตบ้างหรือเปล่าละ?

หากไม่ได้ทำหรือทำไม่ประจำ.....ก็ลองชวนเขามาทำให้ประจำดูซิครับ...

บุญเล็กบุญน้อยก็อย่าให้ไปประมาทนะครับ....ทำเรื่อย ๆ ..ทำบ่อย ๆ ...มันจะทำให้เราเพิ่มความละอายที่จะไปทำชั่วได้เหมือนกัน...

เมื่อเริ่มมีความละอายแล้ว....การทำชั่วจะค่อย ๆ ลดลงไปเองเป็นอัตโนมัต..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 12:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 15:39
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันสามีสวดมนต์ รวมทั้งกำหนดจิตและสมาธิ และฟังธรรมะที่ Load มาจาก Website ต่าง ๆ ทุกคืน ตอนขับรถก็เปิดฟังเพราะ Load ไว้ในมือถือ ส่วนเรื่องการทำบุญ เราใส่บาตรกันเกือบทุกวันหยุด วันพระที่ตรงกับวันหยุดเราก็จะไปทำบุญที่วัดกันทั้งครอบครัว ทำสม่ำเสมอตั้งแต่เราแต่งงานกัน จนกระทั่งลูกโต รวมทั้งทำสังฆทานทุกวันเกิดและวันที่พี่น้องเราทำบุญเลี้ยงพระ ส่วนตัวเราเองสวดมนต์ แผ่เมตตา และแผ่ส่วนกุศลตามบทสวดมนต์ให้เจ้ากรรมนายเวรของคนในครอบครัวทุกคืน รวมทั้งเขาทั้ง 2 คน

สำหรับการใส่บาตรเราจะใส่บาตรได้บ่อยกว่าสามี เพราะตอนเช้าขับรถไปทำงานถ้าเจอพระเดินบิณฑบาตร และแถวนั้นมีร้านอาหารใกล้ ๆ มีที่จอดรถเราก็จะแวะซื้อและใส่บาตรก่อนไปทำงาน

ตอนนี้ถ้าเราเจอบทความอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นใน Website ธรรมะต่าง ๆ ก็จะส่งให้สามีอ่าน โดยหวังว่าเขาจะมีสติกลับมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2012, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mom เขียน:
ปัจจุบันสามีสวดมนต์ รวมทั้งกำหนดจิตและสมาธิ และฟังธรรมะที่ Load มาจาก Website ต่าง ๆ ทุกคืน ตอนขับรถก็เปิดฟังเพราะ Load ไว้ในมือถือ ส่วนเรื่องการทำบุญ เราใส่บาตรกันเกือบทุกวันหยุด วันพระที่ตรงกับวันหยุดเราก็จะไปทำบุญที่วัดกันทั้งครอบครัว ทำสม่ำเสมอตั้งแต่เราแต่งงานกัน จนกระทั่งลูกโต รวมทั้งทำสังฆทานทุกวันเกิดและวันที่พี่น้องเราทำบุญเลี้ยงพระ ส่วนตัวเราเองสวดมนต์ แผ่เมตตา และแผ่ส่วนกุศลตามบทสวดมนต์ให้เจ้ากรรมนายเวรของคนในครอบครัวทุกคืน รวมทั้งเขาทั้ง 2 คน

สำหรับการใส่บาตรเราจะใส่บาตรได้บ่อยกว่าสามี เพราะตอนเช้าขับรถไปทำงานถ้าเจอพระเดินบิณฑบาตร และแถวนั้นมีร้านอาหารใกล้ ๆ มีที่จอดรถเราก็จะแวะซื้อและใส่บาตรก่อนไปทำงาน

ตอนนี้ถ้าเราเจอบทความอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นใน Website ธรรมะต่าง ๆ ก็จะส่งให้สามีอ่าน โดยหวังว่าเขาจะมีสติกลับมา


อย่าติดอยู่ในสิ่งที่เรารัก หรือไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์
เพราะฉะนั้น ไม่ควรรักสิ่งใด

เพราะการพลัดพรากจากของรัก เป็นทุกข์
ผู้ที่หมดความรักและความไม่รักแล้ว
เครื่องผูกพันก็พลอยหมดไปด้วย

พุทธภาษิต :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2012, 12:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 10:41
โพสต์: 52


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบเรียนท่านพุทธฎีกา

นกอยากรบกวนขอคำชี้แนะอีกสักครั้งนึงแต่จากเรื่องราวข้างต้นมีบางส่วนที่นกพอเข้าใจได้ และได้รับคำตอบที่ตัวเองตั้งคำถามในกรณีของตนเอง คำชี้แนะของท่านบางครังด้วยสติปัญญา ของนกเองที่อาจจะยังไม่ถึงจึงทำให้ไม่อาจตีความหมายชัดเจนได้ค่ะ กรณีของนก นั้น นกทำใจไม่โกรธ เกลียด หึง หวง เหนี่ยวรั้ง สามี (พ่อของลูก) แล้ว นกทำใจนิ่งให่สงบที่จิตใจนกเอง ทำหน้าที่ของตัวเองหน้าที่การงาน ให้ดีทีสุด แล้ววันนี้นกได้เห็นเขาทุกทรมาน จากห้วงแห่งความรักหลงเสียใจ ทนทุกข์ ผิดหวัง ล้มเหลวกับชีวิต มืดมน ทำตนให้เครียด งานการล้มเหลว จากคนปกมีความสามรถ กลายเป็นเหมือนคนจิตไม่ปกติ ร่างกายทรุดโทรม เงินทองก็ไม่มีใช้ ไปอยู่เป็นคนงานในสวนต้นไม้ ติดยาเสพย์ติด แล้วเขาเลือกแวะมาพักใจที่นกเพียงแว๊บหนึ่งพรำเพ้อถึงความผิดของตนเอง แต่นกสัมผัสได้จากความรู้สึกว่าเขาสำนึกผิด แต่ด้วยพื้นฐานทางจิตใจของเขาเอง เขาเป็นคนที่อ่อนแอ พ่อแม่แยกทาง ไร้ญาติ เก็บกด นกอยากช่วยเหลือเขา แต่ยังเหมือนเขาไม่พร้อมรับ และยังคิดหาทางแก้ไขไม่ได้ด้วยตนเอง เขาบอกว่ารู้สึกทรมานจากการคิดถึงผู้หญิงคนใหม่ ที่เพิ่งทิ้งเขาไป แต่นกทราบถึงความเจ็บปวดนั้นดี เพราะนกผ่านมันมาแล้วจากการกระทำของเขา แต่นกไม่เคยตอกย้ำซ้ำและไม่รู้สึกโกรธเกลียดเขาเลยกลับยิ่งสงสารและอยากช่วยเหลือ เติมพยามใช้ความอ่อนโอนปลอบใจเขา แต่เมื่อนกยิ่งพูดดีเพื่อปลอบโยนเขาเขายิ่งเสียใจในความผิด และร้องไห้ฟูมฟาย บอกอยู่กลับนกไม่ได้ เพราะรู้สึกละอายใจ (แต่นกก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงเท่าไร แต่ไม่อยากคิดหาคำตอบหรอกค่ะ) นกก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ ก่อนไปนกพยามพูดให้เขาตั้งสติ พยามแนะนำเขาในสิ่งที่นกเคยทำมาเพื่อหาทางออก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แล้วเขาก็ออกจากบ้านไป ด้วยความเข้าใจและตกลงจากทั้งนกและเขาว่า เรายังมีกันและกัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เมื่อวันที่เขาเป็นปกติหรือพร้อมแล้วค่อยมาเจอกัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เอาปัจจุปันเป็นที่ตั้ง แต่ตอนนี้ นกขอร้องเขาว่าอย่าเพิ่งติดต่อนก และอย่าตามหานก เลิกติอต่อกัน (นกคิดว่าจะเปลี่ยนเบอร์,ย้ายที่อยู่) เพื่อหายเงียบไป จุดประสงค์ในใจนกเพื่ออยากให้เขาอยู่ได้ คิดได้ด้วยตนเองจริงก่อน **แต่นกยังห่วงเขากลัวว่าเขาจะไม่มีวุฒิภาวะพอสำหรับการคิดด้วยตนเอง กลัวเขาจะแย่ไปกว่าเดิม สิ่งที่นกต้องการคำชี้แนะจริงๆๆ คือ

1.ถ้านกตัดสินใจหายไปอย่างที่บอก ซึ่งเป็นผลดีกับนกแน่ คือไม่ทุกข์ตามเขาเมื่อเห็นสภาพเขา แต่นกรู้สึกผิดในใจลึกๆๆ ว่านกทิ้งเขาให้เผชิญความทุกข์ นกทำผิดหรือเห็นแก่ตัวหรือใจร้ายเกินไปไหมที่เห็นเขาเป็นทุกข์แล้วไม่ช่วยเหลือ?
2.นกควรเริ่มต้นช่วยเหลือเขาอย่างไรก่อน (พยายามพูดชักชวนให้เริ่มทำสิ่งที่ดี หมายถึงชวนให้มาอยู่ด้วยกัน หางานทำใหม่ *แต่เขาไม่พร้อมรับ)
3.นกสบสนในความหมายของคำว่าปล่อยวาง เพราะกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปล่อยให้เขาเผชิญกรรมของเขาเอง แต่นกจะปล่อยวางเรื่องของเขา (แต่จะหมั่นสวดมนต์ภวนาขอให้เขามีความสุขในชีวิต) มันเหมือนนกเห็นคนทุกข์แล้วไม่ช่วย นกบาปไหมค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลที่นกเล่ามาทั้งหมด นกควรเริ่มต้นปฏิบัติย่างไรก่อนหลังดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2012, 12:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 15:39
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


เราขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้ เพราะทำให้เราได้ตรึกตรองและพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร

หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติมาสักระยะหนึ่ง ทำให้มองเห็นปัญหาชัดเจนขึ้น ซึ่งสาเหตุอาจมาจากกรรมเก่าของเราและครอบครัวที่เคยทำเอาไว้ จึงตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะก้มหน้ารับกรรมต่อไปเพื่อให้กรรมหมดสิ้นไป หรือควรตัดสินใจเดินออกมาจากชีวิตสามี เพราะปัจจุบันนี้ความทุกข์นี้ยังเกิดกับเราและลูก ๆ ซึ่งพอหันกลับไปที่สามี เขามีความต้องการที่จะใช้กรรมนี้ให้หมดสิ้น โดยไม่แก้ไขหรือทำสิ่งที่ถูกที่ควรเพื่อครอบครัวของตนเอง ไม่มีความรู้สึกทุกข์ร้อนหรือละอายต่อบาปและต่อครอบครัว ต้องการที่จะแก้กรรมของตนเองโดยทำร้ายครอบครัว ซึ่งตอนนี้ลูกสาวของเราทุกข์มาก เด็กผู้หญิงที่เข้าสู่วัยรุ่นควรจะสดใสร่าเริงมากกว่าที่จะเข้าอยู่ในบ่วงทุกข์ เนื่องจากต้องคอยโทรติดตามพ่ออยู่ตลอดเวลาว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งความกลัวของเขาคือการที่ต้องเสียพ่อไป แต่คนเป็นพ่อไม่เคยสำนึกหรือละอายใจที่ทำให้ลูกต้องตกอยู่ในสภาพนี้ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นความทุกข์ในตาของลูกอยู่ทุกวัน บอกแต่ว่าต้องอดทนอีก 4 เดือน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อสามีฝ่ายหญิงออกจากคุก ความอดทนของเราและลูกกำลังจะหมด เราเองไม่เคยแน่ใจว่าเขาจะหลุดพ้นจากผู้หญิงได้เพราะยิ่งนานความผูกพันยิ่งมากขึ้น ฝ่ายหญิงก็บอกว่าไม่ต้องการสามีเราแต่โทรมาตามตลอดให้ไปหา ส่วนของเราบอกว่าต้องดูแลเขาจนกว่าสามีเขาจะออกเพราะได้เขามาเป็นภรรยาแล้ว เราจึงบอกเขาว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นภรรยาของสามีแต่เป็นภรรยาคนอื่นและเจ้าของเขาต้องมาทวงคืนเพราะเขามีลูกด้วยกัน และสามีก็ไม่ใช่สามีของผู้หญิงแต่เป็นชู้ที่ลักลอบไปขโมยกินของของคนอื่นเขา ทั้งที่รู้ว่าเมื่อสามีเขาออกจากคุกแล้วอะไรจะเกิดขึ้น ไม่เคยห่วงครอบครัวตนเองว่าจะได้รับผลอะไรหลังจากที่สามีเขาออกมา แต่ห่วงภรรยาคนอื่นว่าจะลำบากช่วงสามีเขาติดคุก

เราไม่เข้าใจว่าคนที่นั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทุกวัน มีฌานสูงถึงขนาดมองเห็นอดีต และอนาคตข้างหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทำไมถึงเป็นไปได้อย่างนี้ ดูเหมือนเขาไม่มีความเมตตาต่อครอบครัวตัวเอง เพราะไม่ได้ไยดีกับความทุกข์ที่ครอบครัวได้รับ คิดแต่ว่าสิ่งที่ตนเองทำถูกเสมอด้วยหลงในบารมีของตนเองว่าสูงกว่าอีกหลาย ๆ คน

เราต้องการเดินออกมาจากชีวิตเขา เรารับไม่ได้กับการที่เขายังเฉยเมยต่อความทุกข์แสนสาหัสของลูกเราทั้งสอง โดยเฉพาะลูกสาว เพราะเราคิดว่าเขาหมดความชอบธรรมที่จะเป็นพ่อของลูกเรา ทำให้เราทุกข์เราสามารถที่จะอยู่ได้เพื่อลูก แต่ถ้าทำให้ลูกเราเป็นทุกข์และยังไม่ละอายต่อลูกยังทำให้ลูกต้องทุกข์ใจซ้ำซาก เราทนไม่ได้

อยากถามท่านที่ทราบเรื่องกฏแห่งกรรมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราเป็นกรรมที่เราต้องมาใช้ให้หมดโดยต้องอดทนต่อไปหรือ และถ้าเราและลูกเดินออกมาจากเขาเวรกรรมเหล่านี้จะต้องติดตามให้เราต้องไปใช้ในวันข้างหน้าอีกหรือไม่ เพราะเราคิดว่าทางที่ดีที่สุดของเราคือแยกทางกับสามีแล้วดูแลลูกให้ดีที่สุด เพราะเราไม่จำเป็นต้องพึ่งเขา เขาต่างหากที่ต้องพึ่งเรา ไม่รู้ว่าการคิดอย่างนี้เป็นการคิดแบบคนที่มีทิฎฐิหรือเปล่า และเป็นบาปหรือเปล่าที่ต้องพาลูกออกมาพบทุกข์อีกอย่างที่ต้องขาดพ่อไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2012, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


mom เขียน:
อยากถามท่านที่ทราบเรื่องกฏแห่งกรรมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราเป็นกรรมที่เราต้องมาใช้ให้หมดโดยต้องอดทนต่อไปหรือ และถ้าเราและลูกเดินออกมาจากเขาเวรกรรมเหล่านี้จะต้องติดตามให้เราต้องไปใช้ในวันข้างหน้าอีกหรือไม่ เพราะเราคิดว่าทางที่ดีที่สุดของเราคือแยกทางกับสามีแล้วดูแลลูกให้ดีที่สุด เพราะเราไม่จำเป็นต้องพึ่งเขา เขาต่างหากที่ต้องพึ่งเรา ไม่รู้ว่าการคิดอย่างนี้เป็นการคิดแบบคนที่มีทิฎฐิหรือเปล่า และเป็นบาปหรือเปล่าที่ต้องพาลูกออกมาพบทุกข์อีกอย่างที่ต้องขาดพ่อไป

เจริญพร

อนุโมทนาครับ มันเป็นวิบากที่มาถึงที่สุดทางแล้ว อย่าได้สอนให้ลูกเกลียดพ่อ
อย่าได้กล่อมให้เธอ มีทัศนคติในด้านลบ กับผู้มีส่วนในการให้กำเนิด จะเป็น
บาปเป็นกรรมกับเธอเมื่อโตขึ้น ให้เธอเิติบโตในแบบที่ รู้ว่ามีผู้ให้กำเนิด

แต่เพราะทุกๆ ชีวิต ทุกๆ คนมีเงื่อนไขมีวิบากกรรม ตามผลของกรรมที่แตกต่าง
เพราะความไม่รู้ของแต่ละบุคคล ถึงจะห่างๆ เลิกลากับเรา แต่เขาก็ยังได้ชื่อว่า
เป็นผู้ให้กำเนิดของลูก เด็กเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ อยู่ใกล้ที่สะอาดผ้าก็สะอาด
อยู่ใกล้ที่สกปรกผ้าก็พลอยสกปรกไปด้วย

ใจเรา ก็เหมือนลูกของเรา นอกจากเราจะ้ต้องป้องกันดูแลลูกแท้ๆ ของเรา
เรายังต้องดูแลใจเราเองด้วยอีกต่างหาก ก็ถ้าทุกข์มาก เพราะเขาเป็นคนไม่ดี
ทำไมต้องยืดเยื้อ ควรตัดใจแบบเข้าใจ ไม่ใช่ตัดใจแบบขัดใจ

ทุกข์เดียวที่เหลืออยู่ คือความพยาบาทอาฆาต รักกลายเป็นแค้น ยังอโหสิ
ยังให้อภัยไม่ได้ เรื่องราวต่างๆ จริงก็มีไม่จริงก็มี อย่าได้เอามาเป็นประเด็น
เป็นข้อสงสัย เป็นความอยากรู้ ก็เพราะมันจริงก็มีไม่จริงก็มี ที่ถูกต้องคือ
จริงแท้ คือการ ดูจิตดูใจการรักษาใจของเราของเรา ให้พ้นจาก กามราคะ
มีความห่วงหา ห่วงหวง ยึดถือว่าเรา ว่าของๆ เรา จนแน่นอกจนทุกข์ตรม
ให้พ้นจากความโกรธ หึงหวง แสบร้อนอยู่ในทรวง ร้อนรุ้มไปทั้งกายทั้งใจ
ให้พ้นจากความไม่รู้ กระวนกระวายใจ ไม่สงบจิตสงบใจ ความสงสัยจริง
เท็จต่างๆ นาๆ ทั้งจากเราเองและจากผู้อื่น ไปให้พ้นจากจุดนี้

ด้วยการรักษาใจ ทำใจ เข้าใจเสียให้ได้ ปรับใจรักษาใจด้วย กายวาจาที่
สำรวมไม่ส่อส่าย กระทำ พูด ไปในทางทุกข์ร้อน ดิ้นรน ขึงเครียด สงบ
แบบคนมีศีล มีความปกติ มีความสำรวม เหมือนไฟไหม้ต้นไม้ในที่ ๕ ที่
นกน้อยนกใหญ่ต้องหมกไหม้ บางตัวถูกไฟเผาครึ่งหนึ่ง บางตัว สำลักควัน
บางตัว แขนหักขาหัก บางตัวตาบอด หูไม่ได้ยินเสียง เรียกของพี่น้องครอบครัว
ตัวที่หนีออกมาได้ พ้นออกมาได้ มาพักที่ต้นไม้ใหญ่ ปราศจากความร้อน

ต้นไม้ใหญ่ทั้ง ๕ ต้นก็เหมือน ภาพที่เราเห็นเขา มีเขาอยู่ในอดีต ในที่ๆ เรา
และเขาเคยมีความสุขด้วยกัน ภาพที่เคยเห็นในอดีต ในปัจจุบัน หรือในอนาคต
ก็ดีเหล่านี้ คือ ต้นไม้ใหญ่ที่เราไม่ควรบินกลับไปเกาะ

เสียง กลิ่น รส สัมผัส รวมทั้งหมด ๕ นี้ ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็เป็น
ต้นไม้ใหญ่ที่มีเพลิงลุกไหม้ เมื่อเราเปรียบเหมือนนกที่บินไปเกาะในต้นไม้
ใหญ่ที่ร้อนที่กำลังโดนไฟเผาอยู่ อารมณ์ความรู้สึกคิดนึกของเรา ก็ย่อม
ไม่พ้นไปจาก ความรักความโลภ ความโกรธความหลงที่มีต่อเขาได้เลย

ความกำหนัด ความยึดถือในใจของเราที่มีต่อเขา เพราะราคะตัณหาที่
ผูกพันกันมาหาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่เจอ ใจเราถ้าไม่รักษา ไม่มี
ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ปราศจากทุกข์ ปราจากควันและไฟ
มีความปกติสำรวมกายวาจาโดยเรียบร้อย มีสมาธิมีจิตที่ตั้งมั่น มีปัญญา
รู้แจ้งเข้าใจ ตัวทุกข์ กายใจที่เป็นทุกข์นี้ ตามความเป็นจริง แล้วพิจารณา
เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความเป็นอนัตตาไม่ใช่เราของเราจริงๆ
เบื่อหน่าย ต่อเรื่องราว ต่อกรรมและวิบากต่างๆ ใคร่และปรารถนาที่จะ
พาตนเองให้พ้นไปจากทุกข์ หนทางนั้นเปิดอยู่ ให้อภัยเท่านั้น!
กรรมนั้นยุติธรรมแล้ว สำหรับเขา สำหรับเรา นี่ไม่ใช่เรื่องราวใหม่
เป็นเรื่องของกิเลสตัณหา แก่นแกนของเรื่องคงเดิม เพียงปรับเปลี่ยน
พลัดกันรับบทโดยรับผลรับวิบากตาม กรรมที่เรานั่นเองกระทำ

จงเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ ที่เข้าใจโดยถ่องแท้ เชื่อกรรมและผลของกรรม
ศรัทธาในปัญญา ในการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าดับทุกข์
ดับกิเลสได้จริง ระลึกถึงพระรัตนตรัยครองใจเอาไว้ รู้จักให้อภัย
รู้จักคำว่า ช่างมัน มีสตินะครับ เจริญพร^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2012, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


Rita.A เขียน:

1.ถ้านกตัดสินใจหายไปอย่างที่บอก ซึ่งเป็นผลดีกับนกแน่ คือไม่ทุกข์ตามเขาเมื่อเห็นสภาพเขา แต่นกรู้สึกผิดในใจลึกๆๆ ว่านกทิ้งเขาให้เผชิญความทุกข์ นกทำผิดหรือเห็นแก่ตัวหรือใจร้ายเกินไปไหมที่เห็นเขาเป็นทุกข์แล้วไม่ช่วยเหลือ?
2.นกควรเริ่มต้นช่วยเหลือเขาอย่างไรก่อน (พยายามพูดชักชวนให้เริ่มทำสิ่งที่ดี หมายถึงชวนให้มาอยู่ด้วยกัน หางานทำใหม่ *แต่เขาไม่พร้อมรับ)
3.นกสบสนในความหมายของคำว่าปล่อยวาง เพราะกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปล่อยให้เขาเผชิญกรรมของเขาเอง แต่นกจะปล่อยวางเรื่องของเขา (แต่จะหมั่นสวดมนต์ภวนาขอให้เขามีความสุขในชีวิต) มันเหมือนนกเห็นคนทุกข์แล้วไม่ช่วย นกบาปไหมค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลที่นกเล่ามาทั้งหมด นกควรเริ่มต้นปฏิบัติย่างไรก่อนหลังดี

ต้องขอโทษด้วย เข้าพรรษาอบรมพระเณร สอนหนังสือ
เด็กมัธยมปลายในโรงเรียน กิจเยอะนิดหน่อย ครับไม่ทันได้เห็น

ที่เขากลับไม่ได้เพราะละอายมีส่วนครึ่งหนึ่ง ที่เขาหลงจนกลับไม่ได้
นั่นก็อีกครึ่งหนึ่ง เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ ตกต่ำเพราะ ทำกับคนที่
รักและหวังดีกับเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เพียงเขาคิดได้ มีพุทธิภาวะพอ
เริ่มต้นใหม่ ชีวิตก็จะกลับมามีความสุขได้ คือต้องมองเป็นกลางๆ
แบบยุติธรรม ว่ากรรมที่เขาเองกระทำ มากับอีกฝ่าย มันตามมาให้ผล
กระหน่ำซ้ำเติมมากเลยทีเดียว ที่เขายังปล่อยไม่ได้ ก็เพราะเคยไปหลอก
ลวงนำความทุกข์ความโศกเศร้าทรมานให้อีกฝ่าย

เขาเองจึงต้องได้รับผลของการกระทำนั้น จาก(กิเลส)กรรมนั้น ถ้าหากว่า
เขาไม่มีกิเลสตัณหา ไม่มักมาก รู้จักสันโดษ หักห้ามจิตใจ เป็นคนมีศีลมีธรรม
ข่มใจเอาไว้ได้ เลือกครอบครัว เลือกคนที่รักและรอ ความสุขระยะยาวก็เป็น
ของๆ เขา แต่เพราะเขามี ราคะ ที่เป็นทุนร้อน สะสมเอาไว้

พอประจวบเหมาะเจาะเจอกับคนที่เขาต้องการกันและกันด้วยกาม แต่เอา
ความรัก มาบังหน้า นั้นย่อมไม่ใช่กับ เรา คนที่ออก, กำลังจะออก พร้อมแล้ว
ที่จะออก จากโลกของความทุกข์ร้อน เพราะกาม เพราะความรัก!

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม เขายังไปไหนไม่ได้ และเราเองก็อยากให้เวลา
ด้วยหัวใจลึกๆ แม้มีอยู่ประมาณน้อย เหมือนน้ำน้อยๆ ที่ไว้ดับกระหายใน
เวลาที่เขากลับมา แต่ความจริง เขายังติดอยู่ในโลก ของความฝัน โลกของ
เด็ก ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ วางหมากชีวิต ด้วยผู้หญิง ด้วยอารมณ์ใคร่อยาก
นั่นทำให้เขา ผิดไม่ใช่แต่เรา กับพ่อกับแม่ ญาติพี่น้องเขาเองก็ผิดพลาด
ล่วงเกินไปเสียทุกๆ คน ยังไม่ใช่เพราะกิเลสราคะตัวเดียว ความรับผิดชอบ
ความพร้อมต่อครอบครัว บ่ายหน้ากลับมา เห็นภาระปัญหา หน้าที่การงาน

คุณโยมนก เห็นใจ, เห็นความรัก คุณโยมนกไ่ม่เห็น วิบากในอีกเงื่อนไข อีกอย่าง
ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่เขาเจอ เบื้องต้นไม่กลับ เพราะ ๑ อายตัวเอง ๒ หลง
ในเงื่อนไขที่รักที่หลง เป็นเงื่อนไขของความรักความเข้าใจ การปล่อยวางประเด็นนี้
จึงไม่มีปัญหา วิบากและเงื่อนไขของประเด็น ความลับผิดชอบ ที่เขาไม่มา
ในเงื่อนไขนี้ เพราะผลจากกรรมที่เราได้เคยกระทำกับเขาเอาไว้^^ (ถ้าเชื่อกรรม)

เอื้อเฟื้อในรัก ต้องอาศัยกาม(รักใคร่) อาศัยเมตตา เอื้อเฟื้อในครอบครัว ต้องอาศัย
เมตตากรุณา ถ้าเราเคยเห็นแก่ตัว! ละอาย! เอาใจเรานั่งแทนในใจเขา แบบที่เป็นเขา
เราไม่ใ่ช่เรา เรากลายเป็นเขา ระลึกย้อนมองไปในมุมกลับกัน นั้นจะเป็นคำตอบ
ว่าทำไม เราถึงยังมีกันและกัน และทำไม[เรา]ถึงไม่ยอมกลับ พิจารณาด้วยใจของเขา
ทุกๆ คำตอบอยู่กับตัวเราเองแล้ว ค้นลงไปใน กิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ
ความหลง ท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่าง เิกิดขึ้นได้ ล้วนอาศัยเหตุปัจจัย เหตุ ได้แก่กิเลศ
ตัณหา พาให้เกิด เกิดสุข เกิดทุกข์ที่ยึดเป็นเรา เกิดความยึดถือปรุงแต่ง เป็นเราของเรา
เกิดรัก เกิดอาลัย การได้รับผล จึงเกิดขึ้นมาแต่เหตุ ดังนั้น สังสารวัฏฏ์ที่ หาเบื้องต้น
และที่สุดเบื้องปลายไม่เจอ เราเองยังช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์พ้นภัยไม่ได้ อาจยังมี
เงื่อนไข มีวิบากต่างๆ ที่เรายังไม่ทันรู้ ไม่ทันครบร้อยปีดี ดังนั้นต้องอาศัย

ศีลสมาธิและปัญญา พระธรรมคำสอนที่ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เพื่อ
กำจัดทุกข์ เพื่อบำรุงสุข เพื่ออบรมจิตให้ตั้งมั่น และรู้แจ้งตามความเป็นจริง
เอาใจช่วย ขอให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยนะครับ มันมากยิ่งกว่าคำตอบ
เพราะมันคือการทำความเข้าใจในทุกข์และความดับทุกข์ได้ด้วยตัวเราเอง เจริญพร^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2012, 13:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 15:39
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


นมัสการท่านพุทธฎีกา

ขอขอบคุณท่านพุทธฏีกาที่ให้คำแนะนำ เราจะใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตต่อไป และจะพยายามให้ความเมตตาสามีให้มากที่สุด เพราะตอนนี้ใจเราค่อนข้างสงบเพราะเลือกทางเดินแล้ว คงเหลือแต่ความเป็นเพื่อนและมองเขาด้วยความเมตตาสงสาร เพราะรู้ว่าวันข้างหน้าที่เขาไม่มีเราและลูก เขาจะเป็นอย่างไร เพราะเรา 4 คนไม่เคยแยกจากกันเลย ยกเว้นต้องไปปฏิบัติภาระกิจหน้าที่ของแต่ละคน สิ่งที่ทำตอนนี้คือสวดมนต์ ถือศีล และขออโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรรวมทั้งเขาทั้ง 2 และอโหสิกรรมให้เขา
ทั้งสองคน ซึ่งเราได้บอกให้สามีทราบถึงการตัดสินใจของเราแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าเขาเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวแต่ขอเวลาให้เขาตามเวลาที่เขาบอกซึ่งอีกไม่กี่เดือนเท่านั้น เขารักลูกและเรามากเขาขาดพวกเราไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเรื่องของวิบากกรรมจริง ๆ ขอให้เราอดทน เพราะตลอดเวลาเขาเป็นสามีและเป็นพ่อที่ดีตลอด ความผิดครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่เขาทำให้เราและลูกทุกข์เราควรให้อภัยเขาและอดทน เพื่อครอบครัวจะได้กลับมาอยู่เป็นสุขเหมือนเดิม แต่เราไม่เชื่อใจเขาแล้ว ความรู้สึกของเราหลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมมาคิดว่าใกล้จะหลุดพ้นจากเขาแล้ว ลูก ๆ บอกว่าแล้วแต่เราจะตัดสินใจลูกตามใจเรา แต่เราดูแล้วรู้ลูกยังต้องการเขาอยู่ ทำให้เราไม่แน่ใจว่าเราเห็นแก่ตัวหรือไม่ที่ตัดสินใจแยกทางโดยไม่คิดถึงความต้องการของลูก ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2012, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจริญพร คุณโยม mom

บุพกรรมแต่ละเงื่อนไข สลับซับซ้อนแต่ก็พออธิบายได้
กัมมุนา วัตตะติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

มองที่คนนะครับ พ่อบ้านดี เมียสบายด้วย ลูกสบายด้วย
พ่อบ้านที่ไม่ดี เมียเดือดร้อน ลูกเดือดร้อนด้วย

มองที่เงื่อนไข (กรรม)ที่ต้องทำให้ได้รับวิบากในการ
พลัดพรากจาก ครอบครัวจากคนที่รัก แสดงว่า
ต้องเป็นผลมาจาก ศีลข้อ ๓ ผิดลูกผิดเมียเขา
มีส่วนที่นึกเอาไม่ได้เลย อาจเคยไปทำให้ลูกเด็ก
เล็กแดงที่ยังไม่รู้อะไรเลย ขาดพ่อขาดแม่(ในชาติก่อนๆ)
วิบากนั้น ก็ติดตามมาให้ผลในแต่ละคน แต่ละราย...

ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ เกิดแล้วมีชีวิตขึ้นมาแล้วในโลกนี้
ล้วนหนีกรรมที่ตนเคยกระทำเอาไว้ไม่พ้น

เงื่อนไขของกรรมในอดีต เงื่อนไขของ(พฤติ)กรรม
ในปัจจุบัน เช่น สามีดีหรือสามีไม่ดี มีศีลธรรมหรือ
ไม่มีศีลธรรม โดยเฉพาะข้อที่รักษา คุ้มครองครอบครัว
คนรักของตนเอง และครอบครัวคนรักของคนอื่นๆ
(โดยไ่ม่ล่วงเกินทำร้ายทำลายครอบครัวผู้อื่น)

ศีลในความเป็นปกติ ผาสุขในครอบครัว จึงเป็นข้อที่
ประพฤติได้ยาก ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่ค่อยเห็นแต่ละ
ครอบครัวแต่ละบ้าน ล้วนแล้วแต่มีปัญหา ไม่่ว่าเด็ก
หรือผู้ใหญ่ ก็ล้วนแต่ได้รับวิบากของ ความไม่สำรวม
ความไม่กรุณาเมตตาเอ็นดู ต่อครอบครัวตนเองนั่นเอง

กรรมและผลของกรรม ในอดีตที่ ยากเกินจะรู้จะเห็น
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลของกรรมในปัจจุบัน ที่มี
สามีดีหรือไม่ดี มีศีลไม่มีศีลนั่นเอง เป็นตัวแปรเป็น
สิ่งชี้วัด ว่าผลของกรรม ของการที่แต่ละคน พยายาม
ให้ความรักความคุ้มครองต่อครอบครัวตนเอง และ
ครอบครัวบุคคลอื่น นั่นจะทำให้แต่ละคนมีความผาสุข
มีความสุขความรักความอบอุ่นในครอบครัว...กลับมา

ความรักนะครับ เรารักและขอบคุณในยามที่เขารัก
จดจำและรู้สึกดีกับมันได้ตลอดไป เพียงแต่ จิตใจเรา
จะเข้มแข็งพอ ไม่อนุญาตให้ ความยึดถือ ความแค้น
ความพยาบาทอาฆาต มาบดบัง ความรัก ได้หรือไม่?

ลองเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นสัก ๑๐ - ๒๐ ปีถ้าเรายังอยู่
หรือเหมือนหนังที่ คนๆ หนึ่งไม่ว่าหญิงหรือชาย ที่ต้อง
ต่อสู้อดทนอยู่เพียงลำพังเพื่อลูกๆ สมมติว่าคนที่เรารัก
เขาหรือเธอเป็นคนดีมาก แต่สุดท้ายเราก็ต้องพลัดพราก
จากกันด้วยอายุขัย ด้วยเวลา แต่เราก็ยังคงคิดถึงเขา
ขอบคุณความรักที่เขามีให้เรา หรือกระทั้ง ขอบคุณ
"ความทุกข์" ที่ทำให้เรารู้จักธรรม เห็นธรรม...

ลูกๆ จะเติบโตเพราะมีคุณแม่ี ที่เข้มแข็งสามารถให้กำลัง
ใจตัวเองและคนรอบข้างได้ สอนเขาว่า เพราะตัณหาที่พ่อ
เอาไว้ใช้ เป็นเครื่องมือเครื่องอาศัย นั้นทำให้วิบากมันเกิด
ขึ้นกับพวกเราทุกๆ คน และพวกเราต้องยอมรับด้วยความเข้าใจ
ว่าเพราะบางที พวกเราอาจจะเคยได้อาศัย ตัณหาแบบพ่อ
ทำกับพ่อเขาเอาไว้อย่างนี้ ก็เป็นได้ ถ้าขอบคุณ แม้กระทั้ง
"ความทุกข์" ได้ ในโลกนี้คงไม่มีอะไรขวางความสุขของ
คุณโยม mom ได้อีก ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้เราเข้มแข็ง
และรู้จัก ความรักและการให้อภัย...เจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 09:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2012, 13:00
โพสต์: 69


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบนมัสการท่านพุทธฎีกา:

ขอขอบพระคุณในคำตอบคะ ทุกคำถามที่อยู่ในใจดิฉัน หาพบแล้วในกระทู้นี้คะ ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดเยอะมาก ขอขอบคุณด้วยใจจริงคะ และเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน นะคะ

:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร